ย้อนกลับไปในช่วงปี 2006 ฟุตบอลโตโกพัฒนาถึงขีดสุด ด้วยขุมพลังนักเตะที่ค้าแข้งในยุโรปมากมาย จนถึงขั้นที่ส่ามารถเข้าไปสู่ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นครั้งแรกของประเทศ อีกทั้งยังขึ้นไปอยู่ในอันดับ 43 ของ ฟีฟ่า แรงกิ้ง
อย่างไรก็ตามในวงการฟุตบอลแอฟริกันทุกอย่างสามารถพลิกผันได้ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว เผลอแว็บเดียว โตโก กลายเป็นชาติล้าหลังด้านฟุตบอล สิ้นปี 2019 พวกเขาตกมาอยู่อันดับ 126 ของโลก เป็นรองทั้ง เวียดนาม, อินเดีย และ ไทย
มีเรื่องราวเน่าเฟะเกิดขึ้นมาในช่วงเวลาดังกล่าว นับตั้งแต่เริ่มจนมาถึงจุดล่มสลาย ซึ่งจุดพีคที่สุดคือการส่ง ทีมชาติโตโก (ปลอม) ออกไปให้โลกลูกหนังต้องประนาม และเรื่องมันมีอยู่ว่า ...
ประวัติศาสตร์ที่ไร้ราคา
ย้อนกลับไปปี 2006 โตโก ได้ไปฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายครั้งแรก ผู้คนในประเทศคาดหวังไว้ในระดับหนึ่ง แม้ว่าจะไม่คิดไปไกลถึงเข้ารอบ แต่อย่างน้อยทีมชาติ โตโก ควรจะได้รับชัยชนะนัดแรกในประวัติศาสตร์ แต่มันกลับไม่ใช่อย่างนั้น นักเตะของโตโกชุดนั้นนอกจากจะลงเล่นด้วยคุณภาพที่ต่ำเกินเกณฑ์ ทั้งๆ ที่รอบคัดเลือกโชว์ฟอร์มสุดยอดแพ้เพียงเกมเดียวเท่านั้นจากการลงเล่น 10 นัด เหนือกว่าทั้ง เซเนกัล, คองโก, มาลี และ แซมเบีย ซึ่งหลายคนมองเห็นว่าหายนะดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะนักเตะในยุโรปหลายคนไม่มีความทุ่มเท ...
โตโก ที่นำโดย เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ดาวยิงชื่อก้องของประเทศ ลงเล่นด้วยความเหยาะแหยะ จนแพ้แบบสู้ไม่ได้ 3 เกมรวดในรอบแบ่งกลุ่ม เรื่องนี้ทำให้ ออตโต ฟิสเตอร์ เฮดโค้ช ชาวเยอรมันของทีมชุดดังกล่าวแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรง
“ผมคิดว่ามันสมควรแล้วที่จะบอกว่า นักเตะของเราไม่ได้ทุ่มเทให้กับหน้าที่ของพวกเขาเต็มร้อย” ฟิซเตอร์ กล่าวแบบไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหม
ณ เวลานั้นมันมีเหตุผลของความเหยาะแหยะ นักเตะโตโกรวมใจกันเป็นหนึ่งในช่วงรอบคัดเลือก นอกจากหวังสร้างประวัติศาสตร์ให้ประเทศชาติแล้ว พวกเขาเองก็แอบหวังผลพลอยได้จากประวัติศาสตร์ครั้งนี้โดยเฉพาะเรื่องโบนัสของความสำเร็จ ตัวของ อเดบายอร์ ซึ่งขณะนั้นอยู่กับ โมนาโก ยังไม่เท่าไหร่ แต่เหล่าน้องๆ ในทีมที่เป็นนักเตะที่ค้าแข้งในแอฟริกาบ้าง หรือลีกเล็กๆ ในยุโรป พวกเขาอยากจะได้ผลตอบแทนที่เห็นได้ชัดแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยหน่อย
อเดบายอร์ ในฐานะดาวดังของทีมและยิงไป 11 ประตูเป็นดาวซัลโวของทวีปในเวลานั้น เข้าพบบอร์ดบริหารของสหพันธ์ฟุตบอลโตโก ก่อนจะเดินหน้าจ๋อยออกมาหลังการประชุมเพียงไม่กี่นาที เพราะโบนัสสำหรับการฝ่าด่านหินไปถึงบอลโลกของพวกเขามีค่าแค่ราวๆ 1 ล้านบาทไทยเท่านั้น
"40,000 เหรียญ คือโบนัสของพวกคุณ เอาไปแบ่งกันให้เต็มที่" คำพูดนี้อาจจะคลาดเคลื่อนไปบ้าง แต่ 4 หมื่นดอลลาร์สหรัฐฯ คือเรื่องจริงแน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์
อเดบายอร์ ปรึกษากับเพื่อนร่วมทีมได้ความว่า "แบบนี้ต้องสไตรค์!" นักเตะของ โตโก หลายคนนำโดยตัวเขาเองประกาศจะเลิกเล่นให้ทีมชาติทันที พวกเขาเลือกที่จะใช้วิธีเกลือจิ้มเกลือ หากสมาคมเค็มใส่ พวกเขาก็จำเป็นจะต้องใจร้ายกลับแบบช่วยไม่ได้
อย่างไรก็ตาม นักเตะโตโกก็คิดผิด พวกเขาคิดว่าวิธีนี้จะได้ผล แต่เปล่าเลย สหพันธ์ฟุตบอลฯ ยืนยันคำเดิม พวกเขาให้โบนัสได้เท่านี้ พร้อมๆ กับตบไหล่นักเตะราวกับจะสื่อสารด้วยประโยคสุดคลาสสิกว่า "เอาน่ะน้องๆ ช่วยพี่หน่อย" ... แล้วแบบนี้นักเตะจะทำอะไรได้ ในเมื่อขอก็แล้วขู่ก็แล้ว สมาคมยังทำตัวเป็นพระอิฐพระปูนเช่นนี้
“จำนวนเงินที่ขอมาสูงเกินกว่าฐานะการเงินของประเทศ" ร็อค นาสซิงเบ ตัวแทนจากสหพันธ์ฟุตบอลโตโก ต้องบินมาถึง เยอรมัน เพื่อไกล่เกลี่ยให้ลงตัว
ทัพนักเตะโตโก ขอโบนัส 100,000 ดอลลาร์สำหรับการลงเล่นฟุตบอลโลก และเพิ่มอีก 40,000 ดอลลาร์หากเอาชนะได้ รวมถึง 20,000 ดอลลาร์สำหรับผลเสมอ
สุดท้ายนักเตะโตโกต้องให้คำตอบสุดท้ายว่า ยอมก็ได้ เพราะ ณ นาทีนี้ใครจะกล้าปฎิเสธทัวร์นาเม้นต์ฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างฟุตบอลโลกได้ และเมื่อนี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ จะเป็นเกียรติประวัติสำหรับของทุกคน เอาล่ะพวกผมไปแข่งก็ได้ โดยเฉพาะ อเดบายอร์ ในวัยหนุ่มนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่รักฟุตบอลมาก เขาคิดว่าการเตะฟุตบอลไม่ใช่งานแต่เป็นการเล่นเพื่อตอบสนองความสนุกของตัวเองเท่านั้น
ด้าน อ็อตโต้ ฟิสเตอร์ กุนซือที่พาทีมเข้าสู่รอบสุดท้าย ประกาศลาออกหลังจากถูกสหพันธ์ฟุตบอลฯ ผิดสัญญาในเหตุการณ์ครั้งนั้น ก่อนที่ อเดบายอร์ กับเพื่อนร่วมทีมที่พร้อมลุยต่อเพื่อเกียรติยศต่างอ้อนวอนขอให้เขากลับมาคุมทีมให้จบรอบสุดท้ายก่อน เห็นได้ชัดว่า สหพันธ์ฟุตบอลโตโก ไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนสำหรับเรื่องนี้เลย
ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงเวลาการเตรียมทีมก่อนไปฟุตบอลโลก เมื่อเข้าทัวร์นาเมนต์จริงๆ ก็อย่างที่ได้กล่าวไป พวกเขาแพ้ทุกเกม และมีนักเตะหลายคนไม่อยากจะลงเล่น โดยเฉพาะเกมที่สองกับ สวิตเซอร์แลนด์ ที่ก่อนเกมนักเตะโตโกสไตรค์อีกครั้งจากเรื่องเงินๆ ทองๆ จนมาถึงสนามช้ากว่ากำหนดถึง 2 ชั่วโมง และเรื่องนี้ร้อนไปถึงฟีฟ่า ที่ต้องเข้ามาไกล่เกลี่ยให้ฟุตบอลโลกปี 2006 ดำเนินไปได้โดยไร้รอยมลทิน พร้อมทั้งขู่ว่า โตโก อาจจะโดนแบนจาก ฟีฟ่า รวมถึงจะถูกลงโทษในเรื่องของการเงินด้วย
เมื่อไมค์ไปจ่อปาก ฟิสเตอร์ ว่าทำไมนักเตะภายใต้การดูแลของเขาถึงเล่นเหมือนไร้จิตวิญญาณ และมีปัญหาตั้งแต่เริ่มจนจบทัวร์นาเมนต์เช่นนี้ เขาเลี่ยงบาลีแต่ก็ทิ้งคำตอบไว้ในการให้สัมถาษณ์ครั้งนี้ว่า
"คุณต้องไปถามสหพันธ์ฟุตบอลโตโกเอาเอง ไม่ใช่ถามผม ผมทำหน้าที่ของผม นั่นก็คือการเป็นโค้ชฟุตบอลเท่านั้น"
"เราร่วมกันต่อสู้เพื่อให้ได้โบนัส 150,000 เหรียญตามสัญญา จริงๆ มันไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส์ในวงการฟุตบอลแอฟริกันหรอก ทุกคนรู้ดี" ฟิสเตอร์ กล่าวทิ้งท้าย
ทุกอย่างจบลงตรงนี้ สหพันธ์ฟุตบอลโตโก ฆ่าประวัติศาสตร์ของพวกเขาเองทั้งๆ ที่ได้ไปบอลโลกแล้วครั้งแรกแท้ๆ ... 3 เกมที่ลงสนามพวกเขาแพ้ให้กับ เกาหลีใต้, สวิตเซอร์แลนด์ และ ฝรั่งเศส ผลการแข่งขันว่าแย่เเล้วแต่การจัดการกลับกลายเป็นสิ่งที่บั่นทอนจนนักเตะในทีมแทบไม่รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มาลงแข่งขันเลย
เจ็บไม่จำ...
เข้าสู่ปี 2010 ได้ไม่ถึงเดือน ทีมชาติ โตโก มีคิวสำคัญระดับทวีปรออยู่ พวกเขาจะต้องลงแข่งขันในรายการ แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ ที่ประเทศ แองโกล่า ประเทศที่อยู่ห่างจากพวกเขาร่วม 2,000 กิโลเมตร เพียงแค่เห็นระยะทางก็ทำให้เหล่านักเตะของโตโกต้องเหนื่อยล้าตั้งแต่ยังไม่เริ่มแข่งขัน แต่นั่นยังไม่ใช่เรื่องนี่ร้ายที่สุด
สหพันธ์ฟุตบอลโตโกเคาะโต๊ะดังป๊าบ! พวกเขาฟันธงก่อนการแข่งขันเริ่ม 1 เดือน และยืนยันว่าทีมชาติโตโกชุดที่ไปแข่งขันชิงแชมป์ทวีปปี 2010 จะต้องเดินทางไปด้วยรถบัสที่ทางสมาคมเตรียมไว้ให้
นักเตะอย่าง เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ กองหน้าค่าเหนื่อยระดับหลักแสนปอนด์ของ แมนฯ ซิตี้, มุสตาฟา ซาลิฟู จาก แอสตัน วิลล่า, อัสซิมู ตูเร่ จาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น, แซร์จ กักเป และ โทมัส ดอสเซวี่ จาก น็องต์ส เหล่านี้คือนักเตะระดับลีกสูงสุดของลีกดังในยุโรป และพวกเขาเก็บงำความเอือมระอากับการบริหารของสมาคมมายาวนานหลายปี แต่ก็อีกนั่นแหละพวกเขาเป็นประเทศเล็กๆ ในแอฟริกา ทุกการแข่งขันล้วนมีคุณค่าทางจิตใจ ถึงแม้จะต้องนั่งรถทัวร์กว่า 2,000 กิโลเมตร พวกเขาก็ตอบรับและพร้อมจะเดินทางไป แองโกล่า ด้วยความยากลำบาก
การแข่งขันจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วัน รถบุโรทั่งปุเลงๆ นักเตะค่าตัวรวมกันมากกว่าราคารถหลายเท่าอยู่ในนั้น เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นหลังจากที่รถบัสเดินทางจากสนามซ้อมใน คองโก เพื่อข้ามชายแดนเข้าสู่ แองโกล่า เจ้าภาพจัดการแข่งขันครั้งนี้ที่เมืองคาบินดา ก่อนถูกระดมยิงด้วยปืนกลอย่างไม่ยั้งมือ
"เราถูกโจมตีอย่างบ้าคลั่ง และต้องลงไปซ่อนตัวอยู่ใต้เก้าอี้ที่นั่งบนรถบัสนานถึง 20 นาทีเพื่อหลบกระสุน" โทมัส ดอสเซวี่ ดาวยิงจาก น็องต์ กล่าวถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น ซึ่งเป็นเหตุให้ผู้ช่วยโค้ชของทีม, นักข่าว รวมถึงคนขับรถบัสซึ่งเป็นชาวแองโกล่าเสียชีวิตรวม 3 ศพ ขณะที่ผู้บาดเจ็บมี 9 คน นำโดย อูแบร์ เวลุต กุนซือของทีม, กอดโจวี่ โอบิลาเย่ ผู้รักษาประตู, แซร์จ อกักโป กองหลัง และทีมแพทย์อีก 2 คน
จากที่เคยบาดหมางกับสหพันธ์ฟุตบอลฯ ทั้งโบนัสก้อนเก่า การดูแลนักเตะที่ไร้ความเป็นมืออาชีพ มาจนถึงวันที่เพื่อนร่วมทีมเสียชีวิต นักเตะโตโก อกสั่นขวัญแขวนกับเหตุการณ์ที่เข้าใกล้ความตายที่สุดในชีวิตของเขา
"ผมคิดว่าผู้เล่นส่วนใหญ่ไม่มีแก่ใจจะลงแข่ง เนชั่นส์ คัพ แล้ว หลังจากได้เห็นความตายต่อหน้าต่อตา ซึ่งคงไม่มีใครที่จะข่มตาหลับลงได้และทุกคนต่างก็คิดถึงครอบครัวกันทั้งนั้น อย่างไรก็ตาม เราจะตัดสินใจว่าจะอยู่หรือไปในช่วงเช้าวันเสาร์นี้" อเดบายอร์ กล่าวไว้หลังจากเหตุการณ์กระหน่ำยิงรถบัสเกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมง และทางสหพันธ์ฟุตบอลโตโก พยายามเรียกร้องให้ยกเลิกการแข่งครั้งนี้
จะว่าก็ว่าเถิด แม้จะมีผู้เสียชีวิต แต่การลงเล่นในรายการระดับทวีปที่เตรียมการมานานและลงทุนลงแรงไปเยอะของเจ้าภาพอย่าง แองโกล่า ใช่ว่าจะปุบปับยกเลิกกันได้ง่ายๆ เพราะจะส่งผลกระทบไปถึงอีกหลายสิ่งหลายอย่าง ที่สุดแล้วสหพันธ์ฟุตบอลแอฟริกา (ซีเอเอฟ) ออกมายืนยันว่าการแข่งขันจะยังคงดำเนินต่อไปแน่นอน
"เราขอแสดงความเสียใจกับผู้เล่นด้วยที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ แต่การแข่งขันจะยังคงมีต่อไป อย่างน้อยก็จนกว่าเราจะได้รับทราบข้อเท็จจริงทั้งหมดของเรื่องนี้ ซึ่งหากเรายังไม่ทราบแน่ชัดก็คงตัดสินใจอย่างเป็นเรื่องเป็นราวไม่ได้" ซูเลย์มาน อาบูบา ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ ซีเอเอฟ แถลง
อย่างไรก็ตามทัพนักเตะโตโก ประกาศไม่ลงเเข่งขันและถอนทีมกลับจาก แองโกล่า ทันที ทว่าเรื่องไม่จบง่ายเมื่อ ซีเอเอฟ ไม่เห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าว พวกเขามองว่าการถอนทีมครั้งนี้เป็นการเอาเรื่องการเมืองมาเกี่ยวข้อง จนต้องลงโทษแบนโตโกจากการแข่งขันระดับทวีปอีกในอีก 2 ครั้งข้างหน้า และยังโดนปรับเงินเพิ่มอีก 50,000 ปอนด์ด้วย
การเถียงกันไปเถียงกันมาไม่จบสิ้น ฝั่งโตโกมองว่า ซีเอเอฟ เองก็ไร้มนุษยธรรมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สุดท้ายการเจรจาจบกันตรงที่โทษแบนห้ามแข่งขันโดนยกเลิกไป
ที่สุดเเล้วเรื่องทั้งหมดจะไม่เกิดขึ้นเลยหากนักเตะทีมชาติโตโกชุดนี้ได้ขึ้นเครื่องบินไป ซึ่งนอกจากจะย่นระยะเวลาได้แล้ว พวกเขายังไม่ต้องมาเสี่ยงภัยนั่งรถผ่านพื้นที่ที่มีความรุนแรงเช่นนี้ ทุกอย่างส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ วงการฟุตบอลของพวกเขาซบเซาถึงขีดสุดๆ นาทีนี้แม้แต่การเจอชาติที่ด้อยเรื่องฟุตบอลอย่าง บอตสวาน่า นั้น โตโก ก็ยังไม่อาจรอดพ้นจากความพ่ายแพ้ได้
เน่าต่อเนื่อง
ทีมชาติ โตโก ตกต่ำตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา นักเตะที่ถือว่าเป็นตัวท็อปเพียงพอแล้วต่อการรับใช้ประเทศชาติภายใต้คำว่าเอาเปรียบ แข้งดีกรีลีกยุโรป นำโดย อเดบายอร์ ประกาศเลิกเล่น และขอเตะบอลกินเงินเดือนกับสโมสรสบายๆ ดีกว่าจะต้องมาเจอกับเรื่องปวดหัวไม่เว้นแต่ละวันของทุกช่วงการบินกลับมาเล่นให้ทีมบ้านเกิด
ผลงานแย่ อันดับตก เป็นเหตุผลให้หลายทีมชักไม่อยากจะอุ่นเครื่องกับพวกเขาในช่วง ฟีฟ่า เดย์ หรือแมตช์กระชับมิตรต่างๆ จากที่เคยมีทีมยุโรปติดต่อมาบ้าง ตอนนี้กล่องอีเมลว่างเปล่า คำขออุ่นเครื่องกับ โตโก เท่ากับ 0 จนกระทั่งชาติในเอเชียอย่าง บาห์เรน ติดต่อเข้ามา ซึ่งนั่นเหมือนสิ่งสวรรค์ของเหล่าสตาฟฟ์โค้ชในทีม เพราะพวกเขาไม่ได้มีงานอื่นทำมากมายนัก การมีแมตช์ทีมชาติหมายความถึงรายได้ของพวกเขานั่นเอง
นักเตะโตโก บินลัดฟ้ามาบาห์เรนเป็นจำนวนถึง 20 คน ณ ตอนนั้นทุกคนถือว่าเป็นแข้งหน้าใหม่ทั้งหมด ซึ่งทางบาห์เรน เองก็เข้าใจได้กับเหตุการณ์ในข้างต้น เพราะการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากหลังจากเหตุการณ์ใน แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ ที่กล่าวไปในข้างต้น
ณ นิฟฟ่า สเตเดี้ยม อันเป็นสนามกีฬาแห่งชาติของประเทศบาห์เรน เกมเริ่มขึ้นในวันที่ 7 กันยายน แต่แฟนบอลที่เข้ามาชมเกมในสนามกำลังเบื่อถึงขีดสุด ... น่าแปลกใจมากที่เป็นเช่นนั้น แฟนๆ ของเจ้าบ้านกำลังบ่นอุบกับสถานการณ์ไม่ชอบมาพากล ทั้งๆ ที่ทีมชาติของพวกเขาไล่กระหน่ำผู้มาเยือนแบบโงหัวไม่ขึ้น ... มันคือสถานการณ์ที่ควรจะดีใจ ทว่าอะไรทำให้บรรยากาศในสนามมันมาคุขนาดนั้นกันแน่?
บาห์เรน กระหน่ำยิง โตโก แบบง่ายดายเกินคาดถึง 3-0 หลังจบเกมนี้ แม้แต่โค้ชชาวออสเตรียของ บาห์เรน อย่าง โจเซฟ ฮิคเค่นแบร์เกอร์ ยังไม่เชื่อสายตาตัวเอง ระบุว่า ตนถึงกับเป็นงง เมื่อเห็นฟอร์มการเล่นของทีมชาติโตโก ที่เล่นได้อย่างไร้คุณภาพเหลือเชื่อ ซึ่งผิดไปจากมาตรฐานของทีมจากแอฟริกา ทำให้เขาต้องไปคุยกับ บอร์ดบริหารของสมาคมฟุตบอลว่า มันต้องมีอะไรแน่ๆ
ชีค อาลี บิน คาลิฟา รองประธานสมาคมฟุตบอลบาห์เรน ยืนยันว่า ติดต่อกับสหพันธ์ฟุตบอลโตโก ด้วยช่องทางที่ถูกต้องอย่างแน่นอน มั่นใจว่าเอกสารที่ทางบาห์เรนได้รับมีลายเซ็นและตรารับรองอย่างเป็นทางการ จากสหพันธ์ฟุตบอลโตโก อย่างแน่นอน เนื่องจากมีเอกสารที่ระบุรายชื่อนักเตะทีมชาติโตโก 20 คน พร้อมหมายเลขพาสปอร์ตและวันเดือนปีเกิดครบถ้วน พวกเขาจึงติดต่อไปยังสหพันธ์ฟุตบอลโตโก อีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าที่ส่งมาแข่งเนี่ย ใครกันแน่?
หลังจากนั้นไม่นาน สหพันธ์ฟุตบอลโตโกก็เผยให้เห็นว่าพวกเขาแทบไม่รู้เรื่องเลยว่าทีมชาติของพวกเขาไปลงเล่นกับทีมไหนหรือเรียกผู้เล่นคนใดติดทีมชาติเลย ดังนั้นต้องมีการตามตัวคนผิดมาลงโทษให้ได้
พวกเขาเริ่มตรวจสอบจากบัญชีที่ บาห์เรน โอนเงินมาเพื่อเชิญไปแข่ง และหลังจากนั้นหวยก็มาออกที่ บาน่า ชานีล อดีตโค้ชของทีม ที่กลายเป็นตัวแสบ แอบเห็นการติดต่อจาก บาห์เรน ก่อนใคร รับเงินทั้งหมดเข้ากระเป๋าตัวเองราว 60,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ และส่งทีมไปแข่งโดยทีมสมาคมไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อย เมื่อขยายผลไปอีกก็พบว่ามีเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ของสหพันธ์ฟุตบอลฯ เข้ามาติดร่างแหอีกเพียบ
เมื่อโดนจับคาหนังคาเขา เสือร้ายก็สิ้นลาย บาน่า ยอมรับผิดและรับโทษแบน 3 ปี แต่ก็ยังปิดท้ายว่าที่ทำไปเพราะความรักชาติล้วนๆ เพื่อให้ทุกอย่างดูซอฟต์ขึ้นมาบ้าง
"ผมขอโทษต่อท่านประธานาธิบดีและประชาชนชาวโตโก รวมถึงบาห์เรนด้วย ผมยอมรับว่าผมทำผิดและสมควรแล้วที่แบนผม 3 ปี ผมจำเป็นต้องรับความผิดนี้ด้วยน้ำใจนักกีฬา ..."
"แต่ที่ผมทำแบบนี้ก็เพราะผมไม่อาจอยู่เฉยได้ นักเตะดาวรุ่งของเราจะต้องปวดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะพวกเขาไม่มีเกมทีมชาติให้เล่นเลย ผมเลยต้องการช่วยเหลือเด็กๆ ให้ได้เล่นฟุตบอล แต่ทำไงได้ล่ะ ก็เราไม่มีเกมระดับนานาชาติเลย" เขากล่าวกับ BBC หลังจากถูกต้อนจนจนมุม
แต่เมื่อเค้นจนหยดสุดท้ายก็ยังมีเรื่องให้ต้องให้อภัยไม่ลง เพราะเขาคนนี้ไม่ได้เอาเด็กเยาวชนทีมชาติไปแข่ง แต่เป็นใครก็ไม่รู้! ที่มีกลุ่มมาเฟียระดับประเทศหนุนหลังอยู่ ทำให้พวกเขาสามารถเปลี่ยนแปลงพาสปอร์ตและสามารถเข้าออกประเทศได้อย่างอิสระโดยที่รัฐบาลไม่อาจไหวตัวทัน และก่อนแข่งพวกเขาจัดการเปลี่ยนชื่อนักเตะที่ลงสนามซึ่งไม่ตรงกับที่แจ้งในพาสปอร์ตมาเลยแม้แต่คนเดียว
ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมเขาจึงกล้าทำเช่นนั้น เพราะ อินดิเพนเดนท์ สื่อจากอังกฤษจัดการเจาะเข้าไปให้ลึกถึงความไม่ชอบมาพากลนี้ พวกเขาพบว่า ทีมชาติโตโกปลอมนั้นได้รับอิทธิพลมาจาก แดน ตัน มาเฟียด้านวงการพนันฟุตบอลจากสิงคโปร์ ที่อยู่เบื้องหลังการล้มบอลในการแข่งขันหลากหลายระดับ แน่นอนว่าเงินที่ บาน่า ได้มาจากเกมนั้น ไม่ได้มาจากค่าจ้างของ บาห์เรน อย่างเดียวแน่นอน มูลค่าของเกมดังกล่าวอาจจะมากกว่านั้นหลายเท่าเมื่อมีการพนันเข้ามาเกี่ยวข้อง
ในโลกยุคอินเตอร์เน็ตเฟื่องฟูยังมีเรื่องอะไรแบบนี้ให้เห็นเสมอ บาห์เรน ได้เรียนรู้ว่าจงอย่าได้เชื่อใจใครง่ายๆ ลายเซ็นที่เห็นในเอกสารและการตอบรับคำขออุ่นเครื่องปลอมๆ ทำให้พวกเขาเสียเงินฟรีๆ เพื่อที่จะเตะกับตาสีตาสาที่ไหนไม่รู้ พวกเขาไม่ได้อะไรเลยจากเกมๆ นี้ นอกจากได้กระชากหน้ากากคนโกงเท่านั้นเอง
ว่ากันตามจริงหากพวกเขาตรวจสอบดูสักหน่อยพวกเขาก็น่าจะไหวตัวได้บ้าง เพราะทีมชาติโตโก ของจริงเพิ่งลงแข่งขันไปเมื่อวันที่ 5 กันยายน หรือ 3 วันก่อนที่ โตโก ปลอมจะบินข้ามทวีปเพื่อมาดวลกับพวกเขา ซึ่งการนั่งเครื่องบินข้ามโลกเพื่อลงเล่น 2 นัดในเวลา 3 วันคือเรื่องที่ดูจะเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
เอาน่า อย่างน้อยโลกก็ได้รู้ล่ะว่าทุกครั้งที่ได้รับชัยชนะจงอย่าลำพองใจนัก บางที่อาจจะไม่ใช่เราที่เก่งขึ้น แต่อาจเป็นเพราะว่าคู่แข่งตั้งใจมาแพ้ก็เป็นได้
ขณะที่ โตโก นั้นแตกต่าง พวกเขาได้รับบทเรียนลูกหนังครั้งใหญ่ การที่พวกเขาดูถูกตัวเองและใส่ใจทีมฟุตบอลอันเป็นความภูมิใจของคนทั้งชาติน้อยเกินไป อีกทั้งยังบริหารงานกันแบบขอไปที เรื่องทั้งหมดทำให้พวกเขาเปลี่ยนจากทีมน้องใหม่ไฟแรงของแอฟริกา กลับกลายมาเป็นทีมที่ตกต่ำไปไกลเกือบ 100 อันดับภายในระยะเวลา 10 กว่าปีเท่านั้น
การแจ้งเกิดนั้นง่ายดาย แต่การรักษาคุณภาพคือสิ่งที่พวกเขาสอบตก และยังต้องรับกรรมมาจนถึงทุกวันนี้
แหล่งอ้างอิง
http://news.bbc.co.uk/sport2/hi/football/africa/9023028.stm
https://www.theguardian.com/football/2007/oct/28/newsstory.arsenal1
http://www.stuff.co.nz/sport/football/4130024/Fake-Togo-team-plays-friendly-against-Bahrain
https://www.the42.ie/fake-togo-team-played-in-bahrain-friendly-23996-Sep2010/
https://www.aljazeera.com/sport/football/2012/12/20121220155715325165.html
https://www.goal.com/en/news/89/africa/2010/11/17/2218491/togo-ex-coach-tchanil%C3%A9-bana-arrested-for-role-in-fake-team
https://www.thestar.com/sports/soccer/2010/09/16/fake_togo_soccer_team_belonged_to_mafia_group.html