Feature

6 ชาติ "ม้ามืด" น่าจับตามองในศึกยูโร 2024 | Main Stand

ยูโร 2024 เป็นหนึ่งในทัวร์นาเมนต์ที่หลายคนตั้งตารอมากที่สุดในรอบหลายปี โดยฟุตบอลยูโรครั้งนี้อังกฤษ และ ฝรั่งเศส เป็นสองทีมเต็งที่จะคว้าชัยชนะอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ก็มีหลายครั้งที่ทีมชาตินอกสายตาได้สร้างความประหลาดใจในทัวร์นาเมนต์สำคัญ  ไม่ว่าจะเป็นในตอนที่กรีซสามารถคว้าชัยชนะได้ในยูโร 2004 หรือชัยชนะอย่างไม่คาดคิดของเดนมาร์กในปี 1992 สิ่งเหล่านี้ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความคาดเดาไม่ได้ของทัวร์นาเมนต์นี้

 


Main Stand จะนำเสนอทีมนอกสายตาที่น่าจับตามองในปีนี้ 

1. โครเอเชีย 

ในฟุตบอลทัวร์นาเมนต์ใหญ่ในช่วงหลังมานี้ โครเอเชียเป็นทีมที่สามารถท้าทายโชคชะตาครั้งแล้วครั้งเล่า และพิสูจน์ว่าไม่ว่าคู่แข่งจะเป็นต่อแค่ไหนก็ห้ามประมาททีมตราหมากรุกนี้ การคว้าอันดับ 3 ฟุตบอลโลก 2022 ถือเป็นข้อพิสูจน์ถึงความใจสู้ของโครเอเชีย 

ถึงแม้ว่า โกลเด้น เจเนอเรชั่น ของโครเอเชียกำลังจะจบลง แต่ทัวร์นาเมนต์นี้น่าจะเป็นโอกาสสุดท้ายของ ลูก้า โมดริช กัปตันทีมในวัย 38 ปีที่จะคว้าถ้วยรางวัลกับทีมชาติของเขา 

แม้โครเอเชียจะจับฉลากได้อยู่ใน กลุ่ม B กรุ๊ปออฟเดธ ร่วมกับอิตาลีและสเปน แต่ลูกทีมของ ซลัตโก ดาลิช ยังคงไม่สะทกสะท้าน พวกเขาไม่รู้สึกกลัวสเปนหรืออิตาลีแม้แต่น้อย  

"พวกเราจะต้องเจอกับคู่แข่งที่ยากมาก แต่เราจะผ่านมันไปให้ได้ อย่างที่เราเคยทำมาตลอด" ดาลิชกล่าว 

โครเอเชียเชี่ยวชาญเรื่องฟุตบอลน็อกเอาต์ เห็นได้จากตอนที่ชนะจุดโทษญี่ปุ่นและบราซิลในฟุตบอลโลก 2022 และถึงแม้ว่าโครเอเชียจะขาดกองหน้าที่สามารถเปลี่ยนเกมได้ แต่ประสบการณ์ในแดนกลาง ความยืดหยุ่นและการตัดสินใจในสถานการณ์ที่กดดันนั้นทำให้พวกเขามีโอกาสเป็นม้ามืดในทัวร์นาเมนต์นี้ 

 

2. เดนมาร์ก 

ใน ยูโร 2020 เดนมาร์กสามารถผ่านพ้นอุปสรรคหลายอย่างในช่วงออกสตาร์ทและผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้ ถึงแม้ท้ายที่สุดจะแพ้อังกฤษในช่วงต่อเวลาพิเศษก็ตาม 

ภายใต้การคุมทีมของ แคสเปอร์ ยูลมันด์ ทัพโคนมได้ให้โอกาสนักเตะดาวรุ่งตั้งแต่หลังฟุตบอลโลกที่กาตาร์ โดยหวังว่าความสดของนักเตะเดนมาร์กจะสามารถต่อกรกับตัวเต็งของทัวร์นาเมนต์นี้ได้ 

ในแดนหน้าประกอบผู้เล่นที่มีความสดอย่าง ราสมุส ฮอยลุนด์, โยนัส วินด์ หรืออดีตดาวรุ่งอย่าง แคสเปอร์ โดลเบิร์ก รวมทั้งมีกองกลางหลายคนที่มีประสบการณ์อย่างโชกโชนในพรีเมียร์ลีกไม่ว่าจะเป็น คริสเตียน อีริคเซ่น, คริสเตียน นอร์การ์ด, ปิแอร์-เอมิล ฮอยจ์เบิร์ก และ มาทิอัส เยนเซน อีกทั้งจะมีแดนหลังมากประสบการณ์อย่าง ซิมง เคียร์, อันเดรส คริสเตนเซน และ โยอาคิม เมห์เลอร์ รวมทั้งมือกาวอย่าง แคสเปอร์ ชไมเคิล ก็ยังคงอยู่ในทัพโคนมชุดนี้

แม้ว่าเดนมาร์กอาจไม่ถูกมองว่าเป็นตัวเต็งในทัวร์นาเมนต์นี้ แต่การคว้าแชมป์ยุโรในปี 1992 ก็เป็นเครื่องเตือนใจว่าพวกเขาไม่ควรถูกมองข้าม 

 

3. สวิตเซอร์แลนด์ 

สวิตเซอร์แลนด์ได้กลายเป็นขาประจำในฟุตบอลยูโร โดยฟุตบอลยูโรที่จะมาถึงนี้จะเป็นการเข้าร่วมครั้งที่ 6 ของสวิตเซอร์แลนด์ ก่อนหน้านี้สวิตเซอร์แลนด์ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในปี 2016 และรอบก่อนรองชนะเลิศในปี 2020 ที่พวกเขาสามารถเอาชนะแชมป์โลกอย่าง ฝรั่งเศส มาได้ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย 

แม้ว่าจะจับฉลากให้อยู่กลุ่มเดียวกับทีมสุดเขี้ยวอย่าง เยอรมนี แต่ลูกทีมของ มูรัต ยากิน นั้นประกอบไปด้วยผู้เล่นมากประสบการณ์มากมาย ในแดนหน้าประกอบด้วยผู้เล่นมากพลังงานอย่าง โนอาห์ โอคาฟอร์ และ รูเบน วาร์กัส หรือตัวรุกมากประสบการณ์อย่าง เชอร์ดาน ชาคิรี่ ในแดนหลังก็มีทั้ง มานูเอล อาคานจี และ ฟาเบียง ชาร์ อีกทั้งยังมีทั้ง ยาน ซอมเมอร์ และ เกรกอร์ โคเบิล คอยเฝ้าเสา นอกจากนี้ยังนำทัพโดยกองกลางมากฝีมืออย่าง กรานิต ชาก้า ที่เป็นกำลังสำคัญที่ช่วยให้เลเวอร์คูเซ่นคว้าแชมป์บุนเดสลีก้าอีกด้วย

 

4. ตุรกี 

ถึงแม้ว่าตุรกีในยูโร 2020 ครั้งล่าสุดจะจบด้วยความผิดหวัง โดยต้องพ่ายแพ้ต่อ อิตาลี เวลส์ และสวิตเซอร์แลนด์ แต่การเรียกตัวผู้เล่นหลายคนจากซูเปอร์ลีก และนักเตะหลายคนที่กำลังอยู่ในช่วงพีค อาจจะทำให้ตุรกีไม่ใช่ทีมที่จะเอาชนะได้ง่าย ๆ อีกต่อไป 

ในขณะที่เชื่อว่าโปรตุเกสจะเป็นแชมป์ของกลุ่ม F อย่างแน่นอน แต่ทีมจันทร์เสี้ยวก็น่าจะได้อันดับที่สองเป็นอย่างน้อย ถึงแม้ว่าเช็กและจอร์เจียจะไม่ใช้คู่ต่อสู้ที่ง่ายของตุรกี แต่ทัพไก่งวงก็เคยผ่านถึงรอบรองชนะเลิศใน ฟุตบอลโลก 2002 และ ยูโร 2008 มาแล้ว

ตุรกีสามารถผ่านเข้ารอบคัดเลือกได้จากแผงกองหลังอันแข็งแกร่ง และตัวเลือกในแดนหน้าที่หลากหลาย โดยพวกเขาเสียไปเพียงแค่ 7 ประตูในรอบคัดเลือก นอกจากนี้ในแดนกลางยังมีกัปตันคนเก่งอย่าง ฮาคาน ชาลาโนกลู ที่พึ่งจะคว้าแชมป์เซเรียอากับ อินเตอร์ มิลาน และวันเดอร์คิดอย่าง อาร์ดา กูแลร์ และ เคแนน ยิลดิซ 

แม้ว่าจะเป็นเส้นทางที่ยากลำบาก แต่ทีมของ วินเซนโซ่ มอนเทลล่า ก็กำลังพัฒนา และมีการสนับสนุนที่แข็งแกร่งจากแฟนบอลชาวตุรกีพลัดถิ่นในเยอรมนีอีกด้วย  

 

5. ออสเตรีย 

ทีมของ ราล์ฟ รังนิก เป็นทีมที่น่าจับตามองในยูโร 2024 เนื่องจากทีมชาติออสเตรียแพ้เพียงแค่นัดเดียวเท่านั้นนับตั้งแต่ เนชั่นส์ ลีก จบลงเมื่อปี 2022  

ตั้งแต่นั้นมาพวกเขาได้สร้างทีมที่แข็งแกร่งมาก จากการเอาชนะแชมป์ยุโรปอย่างอิตาลีในเกมกระชับมิตร และเอาชนะสวีเดนถึงสองครั้งในรอบคัดเลือก ในขณะที่เกมที่แพ้เพียงนัดเดียวในรอบ 14 ทีมสุดท้ายนั้น คือการแพ้หวุดหวิดต่อเบลเยียมในบ้าน 2-3 เท่านั้น นอกจากนี้ยังสามารถถล่มตุรกีได้ถึง 6-1 ในเกมกระชับมิตร 

ถึงแม้ว่าออสเตรียจะไม่มีกองหน้าตัวเป้าที่มีชื่อชั้นเหมือนทีมอื่น ๆ แต่ความสามารถในการทำประตูจากแดนกลางไม่ว่าจะเป็น มาร์เซล ซาบิตเซอร์ และ คริสตอฟ เบาม์การ์ทเนอร์ อาจจะสามารถช่วยตัดปัญหาในเรื่องการทำประตูออกไปได้ และแม้ว่านักเตะสารพัดประโยชน์อย่าง ดาวิด อลาบา จะต้องถอนตัวเนื่องจากอาการบาดเจ็บ แต่ทัพวิหคเพลิงก็มีตัวเลือกในแดนกลางและแดนหลังมากมาย

แม้ออสเตรียอาจจะไม่มีวันเดอร์คิดหรือสตาร์ดังมากมาย แต่ ราล์ฟ รังนิก ก็เป็นโค้ชที่น่าจับตามอง ถึงแม้ว่าจะล้มเหลวกับแมนฯ ยูไนเต็ด แต่รังนิกก็โดดเด่นเรื่องแทคติกและผ่านประสบการณ์ในการบริหารระดับสูงมาเนิ่นนาน และทุ่มเทกับงานนี้สุดตัว ถึงกับปฏิเสธการคุมทีม บาเยิร์น มิวนิค เพื่อมาคุมทีมชาติออสเตรีย แสดงให้เห็นว่าออสเตรียนั้นมีศักยภาพที่ซ่อนอยู่แค่ไหน 

 

6. ฮังการี 

ฮังการีเป็นทีมที่ดูเผิน ๆ แล้วเป็นทีมที่พึ่งใบบุญของบิ๊กเนมไม่กี่คนอย่างชัดเจน เพราะว่าในทีมมีนักเตะชื่อดัง ๆ เพียงไม่กี่คนเท่านั้น เช่น โดมินิก โซโบสไล, ปีเตอร์ กูลาชี หรือตัวรุกนอกสายตาอย่าง โรลันด์ ซัลไล  

ในครั้งนี้ฮังการีจับฉลากอยู่กลุ่มเดียวกับเยอรมนีและทีมรองบ่อนอย่างสวิตเซอร์แลนด์และสกอตแลนด์ ทำให้ยังพอมีลุ้นในการผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย 

อย่างไรก็ตาม ในด้านสถิติ ฮังการียังไม่เคยแพ้ใครในรอบคัดเลือก และแพ้เพียงแค่นัดเดียวเท่านั้นหากนับตั้งแต่จบการแข่งขันเนชั่นลีกในปี 2022  

ทีมชุดนี้อาจจะไม่เก่งเท่าฮังการีชุดโกลเด้นทีม ที่สามารถคว้าเหรียญรางวัลระดับนานาชาติในช่วงทศวรรษที่ 50  แต่นี่คือทีมที่มีประสบการณ์อันยอดเยี่ยมที่สามารถเล่นตามแทคติกที่วางไว้ และมีความพร้อมที่จะเขียนเรื่องราวอีกบทหนึ่งในประวัติศาสตร์ฟุตบอลให้ประเทศของตนเอง

 

Author

รณกฤต ตุลยะปรีชา

วัยรุ่นคู้บอน

Graphic

อภิสิทธิ์ โชติพิบูลย์ทรัพย์

Art Director ผู้รับเหมางานภาพกราฟิกหน้าปกบทความทุกชิ้น