เจลีก ฤดูกาล 2025 คือฤดูกาลแห่งความยากลำบากของ โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส อย่างแท้จริง ทั้งผลงานในสนามที่ย่ำแย่ ต้องดิ้นรนอยู่แถวโซนหนีตกชั้น มาตั้งแต่ช่วงต้นซีซั่น
รวมถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนอกสนาม เมื่อ "Nissan" บิ๊กเนมผู้ผลิตยานยนต์สัญชาติญี่ปุ่น ผู้ถือหุ้นใหญ่ของสโมสรแห่งนี้ กำลังเผชิญกับวิกฤติทางการเงินอย่างหนัก จนต้องมีการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ เพื่อลดรายจ่ายต่าง ๆ ขององค์กร
และ โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส ก็เป็นหนึ่งในผู้ถูกเลือกสำหรับแผนลดรายจ่ายในครั้งนี้ ด้วยการที่ Nissan จะถอนหุ้นทั้งหมดออกจากสโมสร ให้บริษัทอื่นมารับช่วงต่อ ถือหุ้นใหญ่แทน
ปัญหาที่เกิดขึ้นกับบริษัทแม่ อย่าง Nissan ตอนนี้ได้ลามมาถึง โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส ธุรกิจกีฬาของพวกเขา แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ และทั้งสองกำลังใกล้เข้าถึงจุดที่ต้องแยกจากกัน หลังเดินทางร่วมกันมาเป็นเวลายาวนาน
ทีมโรงงานสู่ยอดสโมสร
จุดเริ่มต้นของ โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส ไม่ต่างอะไรกับทีมฟุตบอลทีมอื่น ๆ ในลีกญี่ปุ่น โดยพวกเขาเป็นทีมฟุตบอลของบริษัท Nissan ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1972 ภายใต้ชื่อทีม สโมสรฟุตบอล "นิสสัน มอเตอร์"
ใช้เวลาเพียง 7 ปี ไต่เต้าขึ้นสู่ Japan Soccer League (JSL) ลีกฟุตบอลสูงสุดของญี่ปุ่นในเวลานั้น (ซึ่งยังไม่ได้เป็นลีกฟุตบอลอาชีพ แบบ เจลีก ในปัจจุบัน) และกลายเป็นหนึ่งในทีมชั้นนำของญี่ปุ่น ประสบความสำเร็จมากมายในช่วงปี 1980-1990 ทั้งแชมป์ JSL 2 สมัย, แชมป์ JSL League (หรือ เจลีก คัพ ในปัจจุบัน) 3 สมัย และ แชมป์ เอ็มเพอเรอร์ส คัพ 4 สมัย
เมื่อเข้าสู่ยุค เจลีก ลีกฟุตบอลอาชีพแห่งแรกของญี่ปุ่น ในปี 1992 เพื่อให้ทุกสโมสร สลัดภาพลักษณ์ของการเป็นทีมฟุตบอลในนามองค์กรออกไป ก่อนที่จะเป็นหนึ่งในสมาชิกแรกเริ่มของ เจลีก ซึ่งมี 10 ทีม หรือที่เรียกกันว่า "ออริจินอล 10" นิสสัน มอเตอร์ จึงเปลี่ยนชื่อทีมของพวกเขาเป็น "โยโกฮาม่า มารินอส" และคว้าแชมป์ลีกสูงสุดสมัยแรกในยุคของ เจลีก ได้เมื่อฤดูกาล 1995
จากนั้น ปี 1999 การล้มละลายของ โยโกฮาม่า ฟลูเกลส์ ทีมคู่แข่งร่วมเมือง จากผลกระทบของวิกฤติทางการเงินที่ญี่ปุ่น ในชื่อ "ทศวรรษที่หายไป" (Lost Decade) ที่เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 1993 ทำให้สโมสรแห่งนี้ถูกควบรวมเข้ากับ โยโกฮาม่า มารินอส แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น "โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส" มาจนถึงปัจจุบัน โดยตัว F ตรงกลางของชื่อทีม ก็มีที่มาจาก โยโกฮาม่า "ฟลูเกลส์"
แม้จะมีบางฤดูกาลที่ผลงานไม่ค่อยดี หลุดกลุ่มผู้นำของตาราง จนหมดโอกาสลุ้นแชมป์ แต่ มารินอส พวกเขาก็โลดแล่นอยู่ในลีกสูงสุดของ เจลีก มาโดยตลอด นับตั้งแต่ญี่ปุ่นเริ่มจัดการแข่งขันลีกฟุตบอลอาชีพอย่างเต็มตัว ในปี 1993 ยังไม่เคยตกชั้นลงไปเล่นลีกรองเลยสักครั้ง ร่วมกับอีกทีมอย่าง คาชิม่า อันท์เลอร์ส ถือเป็นประวัติศาสตร์ที่น่าภาคภูมิใจของสโมสร รวมถึง Nissan ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งสโมสรด้วยเช่นกัน
ซึ่งทาง Nissan เองก็มีส่วนร่วมไม่น้อยในการทำให้ โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส อยู่ยงคงกระพันในลีกสูงสุดของญี่ปุ่น มาตั้งแต่แรกเริ่ม ทั้งการเป็นหัวเชื้อหลัก คอยอัดฉีดงบทางด้านกีฬาแบบไม่ขาดสาย อย่างเช่นใน เจลีก ช่วง 3 ฤดูกาลหลังสุด (2023-2025) มารินอส ถือเป็นทีมที่มีรายจ่ายค่าเหนื่อยนักเตะภายในทีม เฉลี่ยแล้ว สูงสุดเป็น 5 อันดับแรก นับจากทุกทีมที่อยู่ร่วมลีกเดียวกัน
และแม้ว่าในยุค 2000s บริษัทจะมีช่วงหนึ่งที่ต้องเผชิญกับปัญหาทางด้านการเงิน แต่ครั้งนั้น คาร์ลอส กอส์น ซีอีโอของ Nissan ในช่วงปี 2001-2017 ก็เคยกันไม่ให้งบสำหรับสโมสรฟุตบอลของบริษัท ถูกตัดออกไป
อีกทั้ง Nissan ยังเป็นคนลงทุน ซื้อสิทธิ์การตั้งชื่อ สนามกีฬานานาชาติโยโกฮาม่า สังเวียนแข่งขันนักชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2002 ซึ่งเป็นรังเหย้าของ โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส ให้มาเป็นของพวกเขา โดยตั้งชื่อว่า "นิสสัน สเตเดี้ยม" เพื่อที่เทศบาลเมืองโยโกฮาม่า จะได้นำเงินที่พวกเขาจ่ายไป ไปทำประโยชน์ต่าง ๆ ให้กับสนาม หรือปรับปรุงเมืองให้ดีขึ้น ถือเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ ผูกมิตรกับผู้คนภายในเมือง ของบริษัทและสโมสรไปในตัว
แต่ทว่าเมื่อเข้าสู่ ปี 2025 Nissan ก็ต้องเจอกับวิกฤติทางด้านการเงินอีกครั้ง และครั้งนี้ถือว่าหนักหนามาก
มากจนพวกเขาต้องจำใจ มองไปในทุกช่องทาง เพื่อความอยู่รอดขององค์กร
ขาดทุนย่อยยับ
จากการรายงานของสื่อหลายสำนัก ระบุว่า Nissan กำลังประสบกับปัญหาทางการเงินอย่างหนัก และมีรายรับรายจ่ายติดแดงอย่างต่อเนื่องหลายปี โดยในปีงบประมาณล่าสุด ที่เพิ่งหมดไปเมื่อเดือน มีนาคม 2025 พวกเขาขาดทุนสูงถึง 670,900 ล้านเยน หรือราว 148,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลประกอบการขาดทุนสูงสุด นับตั้งแต่ปี 1999 ปีเดียวกับที่ โยโกฮาม่า ฟลูเกลส์ ควบรวมทีมเข้ากับ โยโกฮาม่า มารินอส แล้วกลายเป็น โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส ในปัจจุบัน
ขณะที่ต้นทุนการผลิดสูงขึ้น ภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่ไม่น่าดึงดูดเหมือนเคย ทำให้ยอดขายและการผลิตทั่วโลกของบริษัท ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยยอดขายในเดือน พฤษภาคม 2025 ลดลง 19% เมื่อเทียบกับปี 2024 และทางผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้บริหารระดับสูงของ Nissan ก็เคยกล่าวไว้ด้วยว่า หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้น ในช่วง 12-14 เดือนต่อจากนี้ บริษัทอาจจะต้องยุติกิจการลง
ปัญหาที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้ Nissan มีข่าวออกมาว่าพวกเขาต้องใช้มาตรการรัดเข็มขัดมากขึ้น เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของบริษัท ไล่ตั้งแต่ การเลิกจ้างพนักงาน 20,000 คน หรือประมาณ 15% ของพนักงานทั่วโลก, ปิดโรงงาน 7 แห่ง จากทั้งหมด 17 แห่งทั่วโลก ซึ่งโรงงานในเมืองโยโกสุกะ จังหวัดคานางาวะ ซึ่งอยู่กับ Nissan มาตั้งแต่ปี 1961 ก็อยู่ในข่ายที่จะต้องปิดตัวในเร็ว ๆ นี้ นอกจากนี้ อาคารสำนักงานใหญ่ของ Nissan ในเมืองโยโกฮาม่า ก็อาจจะถูกพิจารณาขายเช่นกัน ส่วนในด้านการผลิต ก็มีการเลื่อนแผนพัฒนารถยนต์ และการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่
Nissan ยังแสดงสัญญาณว่าพวกเขาเริ่มมีปัญหาทางการเงินจริง จากการที่บริษัทได้ติดต่อไปยังเทศบาลเมืองโยโกฮาม่า เพื่อขอต่ออายุสัญญาสิทธิ์การตั้งชื่อสนาม นิสสัน สเตเดี้ยม สนามเหย้าของ โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส ในปี 2025 ด้วยค่าธรรมเนียมรายปี 50 ล้านเยน ซึ่งน้อยกว่าปีที่ผ่าน ๆ มาถึงครึ่งหนึ่ง โดยตัวเลขเม็ดเงินที่ใช้ต่อสัญญาแต่ละรอบ Nissan เสนอแตะหลักเกิน 100 ล้านเยน มาโดยตลอด
แผนรัดเข็มขัดของบริษัท ยังไม่หมดแค่นี้ เพราะล่าสุด Nissan อาจจะต้องถอนหุ้นออกจากธุรกิจกีฬาของพวกเขาอย่าง โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส โดย Nissan ถือหุ้นรายใหญ่ของสโมสรที่ 75% ส่วนอีก 25% ถือโดย City Football Group (CFC) กลุ่มทุนลูกหนังของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่มีเครือข่ายทีมฟุตบอลอยู่เต็มมือทั่วโลก
ซึ่งการถอนหุ้นออกจาก โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส สำหรับ Nissan จะช่วยให้พวกเขาได้เงินจากการขายหุ้น ไปลงทุนกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ วางแผนการตลาดของพวกเขา รวมถึงแก้ปัญหาเรื่องหนี้สินที่ค้างคาอยู่
การตัดสินใจแบบนี้ของ Nissan ถือเป็นการตัดสินใจที่เจ็บปวด เพราะถ้าไม่เข้าตาจนจริง ก็เป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะปล่อยให้ทีมฟุตบอลที่ตัวเองเป็นคนก่อตั้ง และร่วมเดินทางสร้างประวัติศาสตร์กันมากมาย ไปอยู่ในมือของคนอื่น
ขณะเดียวกัน ตัวสโมสรเองก็มีปัญหาภายในที่คุกรุ่น จนส่งผลร้ายต่อผลงานในสนามอย่างชัดเจน
ตัวตนที่ขาดหาย
หลังจากคว้าแชมป์ เจลีก ได้ในฤดูกาล 2004 โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส ก็กลายสภาพเป็นยักษ์หลับ ห่างหายจากการชูโทรฟี่ลีกสูงสุดเป็นเวลาหลายปี จนกระทั่งพวกเขาได้ แอนจ์ ปอสเตโคกลู อดีตกุนซือทีมชาติออสเตรเลีย เข้ามาคุมทีมในฤดูกาล 2018 ทัพกะลาสีแห่ง เจลีก ใช้เวลา 1 ปี ซึมซับฟุตบอลเกมรุกตามแบบฉบับของ แอนจ์ ก่อนจะมาระเบิดฟอร์มในฤดูกาล 2019
โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส ปีที่ 2 ภายใต้ยุคของ แอนจ์ ปอสเตโคกลู พวกเขากลับมาคว้าแชมป์ เจลีก ได้อีกครั้งในรอบ 15 ปี และทำให้ฟุตบอลของ แอนจ์ หรือ "AngeBall" กลายเป็นปรัชญาฟุตบอลประจำตัวของ มารินอส ไปในเวลาต่อมา
อย่างไรก็ตาม ปรัชญาฟุตบอลที่ มารินอส ยึดมั่นมาตั้งแต่ปี 2019 ก็ได้หมดฤทธิ์ความอันตรายลงไปตั้งแต่ปี 2024 เป็นต้นมา เมื่อ แฮร์รี่ คีเวลล์ กุนซือที่เข้ามาสานงานคุมทัพกะลาสีแห่ง เจลีก ต่อจาก เควิน มัสแคต ที่ทำผลงานไว้อย่างยอดเยี่ยม คว้าแชมป์ เจลีก ครั้งล่าสุดให้กับทีมเมื่อฤดูกาล 2022 กลับพาทีมออกนอกทะเลไปไกล จนสุดท้ายโดนปลดออกจากตำแหน่งในช่วงกลางฤดูกาล 2024 ซึ่งเวลาต่อจากนั้น มารินอส ก็กลายเป็นทีมที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ฟุตบอลในแบบของพวกเขานั้นเป็นอย่างไร
ฤดูกาล 2025 มารินอส ได้ สตีฟ ฮอลแลนด์ เข้ามาเป็นกุนซือคนใหม่ แต่ด้วยแท็คติกของกุนซือรายนี้ที่เน้นเล่นเกมรับมากเกินไป จนฝืนธรรมชาติของนักเตะหลายคนภายในทีม ทำให้มีรายงานออกมาว่า ภายในห้องแต่งตัวของ มารินอส นั้น เต็มไปด้วยบรรยากาศที่ตึงเครียด และความเป็นหนึ่งเดียวของนักเตะในทีม ได้จางหายไปแล้ว
จากผลงานในสนาม ข้อมูลสถิติ เจลีก ได้เปิดเผยว่า นักเตะของ โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส ในฤดูกาล 2025 มีจำนวนระยะทางการวิ่งโดยรวมที่น้อยกว่าหลาย ๆ ทีม เมื่อเผชิญหน้ากัน โดยจาก 22 เกมแรกในลีก พวกเขามีผลงานการวิ่งที่เหนือกว่าคู่แข่งเพียง 7 เกม
พัค อิล-กยู ผู้รักษาประตูวัย 35 ปี ของ โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส ในปัจจุบัน ได้พูดถึงทีมของเขา ที่ดูเหมือนตอนนี้นักเตะแต่ละคนไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรบ้างในสนาม โดยบอกว่า
"เราจ่ายบอลกันช้ามาก และไม่สามารถคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในสนามได้ แต่ทุกคนได้แค่ยืนดูบอล เราก็ไม่สามารถเดินเกมขึ้นข้างหน้าได้ เพราะไม่มีเพื่อนร่วมทีมคอยวิ่งทำทาง การจ่ายบอลจึงมีปัญหา"
สุดท้าย สตีฟ ฮอลแลนด์ ก็ถูกปลดออกจากตำแหน่ง เวลาผ่านเข้าสู่ช่วงกลางฤดูกาล 2025 สามนักเตะต่างชาติของ มารินอส ได้แก่ แอนเดอร์สัน โลเปส, ยาน มาเตอุส และ เอลแบร์ ได้แยกทางกับทีมไป
ซึ่งตอนแรกทุกอย่างก็ดูเหมือนเป็นการที่นักเตะย้ายออกจากทีมตามปกติ ถ้า แอนเดอร์สัน โลเปส ไม่ได้ออกมาพูดถึงเหตุผลที่เขาย้ายออกจาก มารินอส ในครั้งนี้ ว่าเพราะมีปัญหาบางอย่างกับทางสโมสร
"การตัดสินใจครั้งนี้ (ย้ายทีม) ส่วนใหญ่เกิดจากความขัดแย้งกับผู้บริหาร และการปฏิบัติที่ไม่ดีภายในสโมสร ซึ่งส่งผลต่อการมีส่วนร่วมกับทีมในระยะยาวของผม" แอนเดอร์สัน โลเปส กล่าวกับ Football Tribe
แน่นอนว่าการจัดการบริหารที่ล้มเหลวของ Nissan กลายเป็นชนวนที่ทำให้ โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส ต้องเจอกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นภายในสโมสรเอง ก็ได้กัดกินทีมจนไม่เหลือเค้าโครงของความรุ่งเรืองในช่วงไม่กี่ปีมานี้ด้วยเช่นกัน
เป็นเรื่องน่าเสียดาย ที่ทีมฟุตบอลระดับประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น ซึ่งเติบโตมาโดยมีหนึ่งในยักษ์ใหญ่แห่งวงการยานยนต์ เดินอยู่เคียงข้าง กำลังจะกลายเป็นอดีต จากความผิดพลาดของพวกเขาเอง
แหล่งอ้างอิง :
https://www.reuters.com/sustainability/sustainable-finance-reporting/crisis-hit-nissan-braced-scrutiny-turnaround-plan-shareholder-meeting-2025-06-24/
https://www.nippon.com/en/news/yjj2025092900864/
https://football-tribe.com/japan/2025/03/12/325913/3/
https://football-tribe.com/japan/2025/07/05/335525/
https://sportiva.shueisha.co.jp/clm/football/jleague_other/2025/08/06/post_99/
https://real-sports.jp/page/articles/202507040/
https://news.web.nhk/newsweb/na/na-k10014935371000