Feature

ใช้ใจมากกว่าสายตา : ฮันนาห์ แฮมป์ตัน ประตูผู้บกพร่องทางสายตา สู่มือกาวหญิงเบอร์ 1 ของโลก | Main Stand

คนลูกหนังมากมายที่คว้ารางวัลในงานประกาศรางวัล บัลลง ดอร์ ทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง ต่างล้วนได้รับการยอมรับในโลกของฟุตบอล

 

หนึ่งในนั้นคือ ฮันนาห์ แฮมป์ตัน มือกาวสาวอังกฤษวัยแค่ 24 ปี ที่คว้ารางวัล ยาชิน โทรฟี่ ผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมแห่งปี และเป็นคนแรกของฝ่ายหญิงอีกด้วย เพราะในปี 2025 เป็นปีแรกที่ ยาชิน โทรฟี่ มีการมอบให้กับนักฟุตบอลหญิง

แต่กว่าจะมายืนจุดนี้ได้เธอต้องผ่านด่านอุปสรรคในชีวิต คือ เรื่องปัญหาสายตา ที่ไม่เพียงส่งผลต่อการเล่นฟุตบอลเท่านั้น ยังรวมถึงการใช้ชีวิตประจำวันอีกด้วย

Main Stand จะพาไปทำความรู้จักรวมถึงเจาะลึกกับชีวิตของเธอ ก่อนที่ทุกคนจะเห็นว่าความบกพร่องด้านการมองเห็นไม่สามารถทำอะไรเธอคนนี้ได้ 

 

บกพร่องตั้งแต่เกิด

ฮันนาห์ อลิซ แฮมป์ตัน (Hannah Alice Hampton) เกิดเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2000 ที่เมืองเบอร์มิ่งแฮม ในประเทศอังกฤษ แต่เธอเริ่มเติบโตที่เมืองสตัดลีย์ ในแคว้นวอร์วิคเชียร์ เขตเวสต์มิดแลนด์  

ก่อนที่ครอบครัวจะย้ายไปอยู่กันที่ประเทศสเปนเมื่อเธออายุได้ประมาณ 5 ขวบ ซึ่งตอนนั้น ฮันนาห์ แฮมป์ตัน มีอาการบกพร่องทางสายตาแล้ว อย่างอาการตาเหล่ รวมไปถึงสายตาสั้นด้วย 

ช่วงระหว่างปี 2005-2010 ฮันนาห์ ใช้เวลา 5 ปีที่สเปนในการเริ่มเล่นกีฬาฟุตบอลและฝึกพูดภาษาสเปน จนผลงานด้านฟุตบอลไปเข้าตาแมวมองของสโมสร บียาร์เรอัล แล้วเธอก็ได้ย้ายมาอยู่ในอะคาเดมีของ "เรือดำน้ำสีเหลือง"

ตอนแรก ๆ ที่ ฮันนาห์ อยู่ในอะคาเดมีของ บียาร์เรอัล เธอถูกจับให้ไปเล่นเป็นกองหน้า ซึ่งเด็กสาวผมบลอนด์ที่ใจรักฟุตบอลก็มั่นฝึกฝนพัฒนาอย่างต่อเนื่องที่สโมสรแห่งนี้

แถมระหว่างที่เธอฝึกซ้อมเตะบอล ฮันนาห์ ก็ได้เข้าเรียนที่ บริติชสคูล ออฟ บิลา-เรอัล (British School of Vila-real) เพราะว่า คริส กับ ลอร่า พ่อและแม่ของเธอเป็นคุณครูที่โรงเรียนแห่งนี้ ทำให้ครอบครัวสามารถดูแลกันได้อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา

จนในปี 2010 ฮันนาห์ ก็ได้ย้ายกลับมาที่อังกฤษอีกครั้ง คราวนี้เธอได้สู่ระบบเยาวชนของฟุตบอลอังกฤษอย่างจริงจังกับ สโต๊ค ซิตี้ และกับที่แห่งนี้ หนูน้อยฮันนาห์ก็ได้เปลี่ยนตำแหน่งการเล่นจากกองหน้ามายืนเป็นผู้รักษาประตู ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เธอยึดยาวจนถึงปัจจุบัน

หลังจาก 7 ปีที่อยู่กับ สโต๊ค ซิตี้ เธอก็ได้ย้ายมาที่ เบอร์มิ่งแฮม ซิตี้ ทีมในบ้านเกิดของเธอเองในปี 2016 และใช้เวลาแค่ไม่นาน แฮนนาห์ ก็เริ่มได้รับโอกาสจาก มาร์ค สกินเนอร์ ผู้อำนวยการของสถาบันฝึกสอนของ เบอร์มิ่งแฮม ซิตี้ ก่อนที่ในเวลาต่อมา มาร์ค สกินเนอร์ คนนี้จะกลายเป็นผู้จัดการทีมชุดใหญ่ให้กับทีมหญิงของ เบอร์มิ่งแฮม ซิตี้

กลางปี 2017 ชื่อของ ฮันนาห์ แฮมป์ตัน ได้ถูกเลือกให้ลงเล่นเกมแรกเป็นเกมลีก คัพ เจอกับ ดอนคาสเตอร์ เบลล์ส หลังจากนั้น ฮันนาห์ ในฐานะประตูดาวรุ่งก็เริ่มมีโอกาสลงเฝ้าเสาอย่างต่อเนื่องให้กับทีมบ้านเกิด

วันเวลาผ่านไปในปี 2021 แอสตัน วิลล่า ทีมหญิง ได้ดึงตัว ฮันนาห์ แฮมป์ตัน ไปร่วมทีมแบบฟรีเอเยนต์ และเธอก็มีโอกาสลงเฝ้าเสาช่วยทีมอยู่หลายเกม 

แม้จะย้ายไปอยู่กับทีมใหม่แต่ก็ถือว่าไม่ได้ไกลบ้านมากนัก เพราะยังอยู่ในเขตมิดแลนด์เหมือนกัน ห่างจากสโมสรเก่าอย่าง เบอร์มิ่งแฮม ซิตี้ แค่ประมาณ 4.8 กิโลเมตรเท่านั้น ยังสามารถเดินทางไปมาได้สะดวก 

กระทั่งปี 2023 หลังหมดสัญญากับ แอสตัน วิลล่า เธอก็ได้รับข้อเสนอจากทีมท็อปในลีกฟุตบอลหญิงของอังกฤษ นั่นคือ "สิงห์บลูส์" เชลซี ซึ่งการเข้ามายังสโมสรแห่งนี้ ทำให้เส้นทางค้าแข้งของเธอเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและเปลี่ยนไปตลอดกาล

 

ปัญหาสายตากระทบชีวิต 

อาการที่เป็นอุปสรรคของ ฮันนาห์ แฮมป์ตัน มาโดยตลอดตั้งแต่เธอเกิด คือ อาการตาเหล่ หรือในภาษาทางการแพทย์จะเรียกว่า สตราบิสมัส (Strabismus)

โดยอาการตาเหล่ คือ ภาวะที่ดวงตามีการจัดวางผิดตำแหน่งและชี้ไปในทิศทางที่ต่างกัน ซึ่งพบเด็กที่มีอาการนี้เพียงแค่ประมาณ 2-3% เท่านั้น

เมื่อตาทั้งสองข้างทำงานไม่ประสานงานกัน จะทำให้ผู้ป่วยมีปัญหาในการมองเห็น บ้างก็เห็นภาพเป็นภาพซ้อนทำให้ต้องหรี่ตา เอียงคอ หรือหันข้างขณะมองสิ่งต่าง ๆ บ้างก็ใช้สายตาได้แค่ทีละข้าง ผู้ป่วยจึงไม่สามารถมองเห็นภาพเป็นสามมิติได้ และจะเห็นความลึกของวัตถุจากการตีความผ่านแสงเงาเท่านั้น

ซึ่งอาการตาเหล่สามารถมีได้ทั้งตาเหล่สองข้างและตาเหล่ข้างเดียว โดยอาการตาเหล่สองข้าง จะเป็นอาการที่ผู้ป่วยสามารถใช้งานตาได้ทั้งสองข้าง แต่หากใช้ทั้งสองข้างมองพร้อมกันจะเกิดภาพซ้อนจากอาการตาเหล่ ทำให้ผู้ป่วยต้องใช้ตาสลับกันมองทีละข้าง ดังนั้นเวลาโฟกัสวัตถุหนึ่งจะมีข้างที่เหล่และไม่เหล่สลับกันไป

ส่วนอาการตาเหล่ข้างเดียวเป็นอาการที่ผู้ป่วยจะใช้ตาข้างเดียวในการมองเสมอ ทำให้ตาอีกข้างเหล่และไม่สามารถใช้การได้ ในบางกรณีดวงตาข้างที่ไม่ได้ใช้งาน การมองเห็นจะแย่ลงเรื่อย ๆ จนสูญเสียการมองเห็นไป 

ดร.ไนเจล เบสท์ นักทัศนมาตรของ Specsavers บริษัทที่ทำแว่นสายตาได้ให้ข้อมูลเรื่องอาการตาเหล่ว่า "หากไม่ได้รับการรักษา อาการตาเหล่อาจทำให้เกิดภาวะตาขี้เกียจ หรือภาษาทางการแพทย์จะเรียกว่า แอมบลีโอเพีย (amblyopia)" 

"รวมไปถึงอาการนี้จะนำไปสู่การรับรู้ระยะชัดลึกที่ไม่ดี (stereo depth perception) และบางครั้งอาจเกิดภาพซ้อน ซึ่งอาจส่งผลต่อความมั่นใจ การประสานงาน และกิจวัตรประจำวันที่ต้องอาศัยการตัดสินระยะชัดลึกที่แม่นยำ"

เมื่อเกิดอาการตาเหล่ขึ้นแล้ว ก็ควรจะมีการรักษาอย่างเร่งด่วนก่อนที่จะลุกลามจนเข้าสู่ภาวะตาขี้เกียจ ซึ่งวิธีการรักษาก็มีอยู่หลายทางเลือกทั้งการตัดแว่นตาเพื่อปรับสายตาให้ตรงแนว หรือการพยายามปิดตาข้างที่แข็งแรงเพื่อฝึกให้กล้ามเนื้อตาอีกข้างแข็งแรงขึ้น

แต่ถ้าอาการค่อนข้างรุนแรง ทางเลือกสุดท้ายก็คงเป็นการผ่าตัด โดยจะต้องทำในตอนที่เด็กอายุเพิ่งไม่กี่ปี ซึ่งตัวของ ฮันนาห์ เมื่อครั้งที่ยังเป็นเด็กเธอก็ได้เข้ารับการผ่าตัดตามคำสั่งของแพทย์

ตอนที่ ฮันนาห์ แฮมป์ตัน เติบโตขึ้นมาพร้อมกับอาการตาเหล่หรือตาเข เธอบอกว่า "ถ้าฉันรินน้ำใส่แก้ว ฉันต้องถือแก้วไว้ ไม่งั้นน้ำจะหกเลอะเทอะไปหมด และฉันทำแบบนั้นตลอดเวลา สาเหตุที่เป็นแบบนั้นก็เพราะฉันมีปัญหาเรื่องการรับรู้ระยะชัดลึก"

 

รักมั่นในการเล่นกีฬา

ครั้งหนึ่ง ฮันนาห์ แฮมป์ตัน เคยให้สัมภาษณ์กับรายการ Good Morning Britain ถึงข้อบกพร่องของเธอว่า "ฉันเกิดมาพร้อมกับอาการตาเหล่ และต้องเข้ารับการผ่าตัดหลายต่อหลายครั้งตอนที่ฉันอายุ 3 ขวบ และหลังจากนั้นก็ต้องมีการพยายามแก้ไขให้สายตากลับมาเป็นปกติ และดูว่าจะทำอะไรได้บ้าง"

"ตอนนี้สายตาของฉันก็ยังไม่ได้ตรงขนาดนั้น ฉันเลยกลับไปเข้ารับการผ่าตัดเพิ่มเติม แต่มันก็มีความเสี่ยงอยู่เสมอ มันไม่ได้การันตีว่าการผ่าตัดจะทำให้สายตาดีขึ้น มันอาจจะแย่ลงก็ได้ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ต้องคิดให้ถี่ถ้วนก่อนจะทำ" เธอกล่าวต่อ

เธอผ่านการผ่าตัดเพื่อรักษาดวงตามาแล้วหลายครั้ง ซึ่งหลังเข้ารับการผ่าตัดผลที่ออกมา คือ สายตาของเธอก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างสมบูรณ์ 100% ทำให้ยังมีผลกระทบต่อการเล่นกีฬาอยู่สมควร ซึ่ง ฮันนาห์ แฮมป์ตัน ยังพูดถึงเพิ่มเติมว่า

"คุณหมอบอกว่าฉันไม่ควรเล่นกีฬา เพราะฉันไม่มีการรับรู้ในระยะชัดลึก ซึ่งโดยพื้นฐานแล้ว ฉันไม่สามารถคำนวณระยะทางได้ และในฐานะผู้รักษาประตู ฉันไม่รู้เลยว่ามันต้องทำงานอย่างไร" 

"พ่อแม่ของฉันไม่เคยบอกฉันเลย จนกระทั่งอายุ 12-13 ปี ซึ่งตอนนั้นฉันเล่นกีฬาแล้ว และฉันก็กลับไปตรวจสุขภาพตาอีกครั้ง พวกเขาถามว่า ... ฉันทำอะไรอยู่ ? เมื่อพวกเขาทราบถึงเรื่องนี้ พวกเขาก็บอกว่ามันไม่ปกติ ฉันไม่ควรไปลงเล่นกีฬา แต่พ่อแม่บอกกับฉันเสมอว่าถ้าสิ่งใดที่ทำให้ลูกมีความสุข พ่อแม่ก็จะไม่ห้าม"

แม้สายตาของเธอจะยังไม่ได้สมบูรณ์จนเห็นได้อย่างชัดเจน แต่ ฮันนาห์ แฮมป์ตัน ยังคงมุ่งมั่นในการจะลงเล่นกีฬาโดยเฉพาะฟุตบอลต่อไป ซึ่งผลงานในการเฝ้าเสาของเธอก็ถือว่าโดดเด่นและกลายเป็นที่พูดถึงในลีกฟุตบอลหญิงของอังกฤษ

นายแพทย์มาโนจ ปารูเลการ์ จักษุแพทย์ที่ปรึกษาประจำโรงพยาบาลเด็กเบอร์มิ่งแฮมก็ได้พูดถึง ฮันนาห์ แฮมป์ตัน ว่า "อาการตาเหล่ของ ฮันนาห์ อาจส่งผลต่อการรับรู้ความชัดลึกและระยะทาง แต่เธอกำลังใช้สัญญาณของสมองเพื่อชดเชยสิ่งนั้น และเธอทำได้ดีอย่างน่าเหลือเชื่อ"

 

พิสูจน์ว่าผู้คนคิดผิด

ย้อนกลับไปในช่วงที่ ฮันนาห์ แฮมป์ตัน กำลังเป็นผู้รักษาประตูดาวรุ่งที่ เบอร์มิ่งแฮม ซิตี้ เฮลเลน ไวท์ อดีตเพื่อนร่วมทีมของ ฮันนาห์ เคยให้สัมภาษณ์เอ่ยถึงเพื่อนคนนี้ว่า "ฮันนาห์ ยังมีความคิด ทัศนคติที่ยังไม่ค่อยเป็นผู้ใหญ่ เธอมักจะถูกเข้าครอบงำอยู่บ่อย ๆ ซึ่งมันเป็นเรื่องของการจัดการกับอารมณ์ที่ขึ้น ๆ ลง ๆ"

"คุณไม่สามารถเซฟประตูได้ทุกครั้ง การจัดการอารมณ์ต้องใช้เวลา ประสบการณ์ และความเข้าใจ ฉันพยายามช่วยเหลือ ฮันนาห์ และให้คำแนะนำไปนิดหน่อย ตอนนั้นฉันรู้สึกว่าเธอน่าจะเป็นผู้รักษาประตูที่ดีมาก แต่เธอก็ยังต้องการความช่วยเหลืออยู่บ้าง"  

ปี 2022 นี่คือปีแรกที่ ฮันนาห์ แฮมป์ตัน ไต่เต้าขึ้นมาในทีมชาติอังกฤษ และได้ลงเล่นให้กับทีมชาติชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในการพบกับทีมชาติสเปน 

จากนั้นเธอก็ได้มีชื่อติดทีมชาติอังกฤษชุดหญิงไปลุยศึกยูโร ปี 2022 ด้วย แม้เป็นตัวสำรองของ แมรี่ เอิร์ปส์ มือหนึ่งของทีม ซึ่งทัพ "สิงโตสาว" ก็ทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศและเฉือนเอาชนะทีมชาติเยอรมัน ชุดหญิง ไปได้ 2-1 คว้าแชมป์ทวีปมาครองได้สำเร็จ 

หลังฉลองชัยชนะร่วมกับทีมในการคว้าแชมป์ยูโร หลายเดือนต่อมาปรากฏว่าอนาคตของ ฮันนาห์ กับทีมชาติกลับต้องหยุดชะงักลง เพราะ ซาริน่า เวกมัน เทรนเนอร์ของทีมชาติอังกฤษ ชุดหญิงได้ตัดชื่อของ ฮันนาห์ แฮมป์ตัน ออกไปเนื่องด้วยปัญหาด้านพฤติกรรม 

นับเป็นช่วงเวลาที่น่าเจ็บปวดสำหรับตัวของ ฮันนาห์ แฮมป์ตัน ถึงขั้นมีความคิดผุดขึ้นมาว่าอาจจะเลิกเล่นฟุตบอล ซึ่งภายหลัง ฮันนาห์ ก็ได้ออกมาเปิดเผยผ่านรายการพอดแคสต์ Fozcast ของ เบน ฟอสเตอร์ อดีตผู้รักษาประตูทีมชาติอังกฤษ ทีมชาย ว่า

"ฉันยังเด็กมากตอนที่เรื่องราวต่าง ๆ ออกมา และคุณไม่ได้เตรียมตัวสำหรับเรื่องนั้นจริง ๆ คุณไม่ได้คาดหวังแบบนั้น มีช่วงเวลาที่ทุกคนคงคิดว่าพวกเขาอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่ทุกคนต่างก็ช่วยเหลือกันและกัน"

"คุณไม่สามารถปล่อยให้สื่อจับจ้องทุกอย่างได้ ถ้าคุณทำแบบนั้น มันก็เหมือนเป็นการเติมเชื้อไฟให้ไฟลุกโชนขึ้นอีก และฉันไม่เห็นด้วยที่จะทำแบบนั้น" 

"ฉันอยากแสดงให้เห็นว่าฉันเป็นคนแบบไหน และแสดงให้เห็นว่ามันไม่ได้เป็นความจริงเสมอไป ฉันคิดว่า 'แค่ลงมือทำ' ฉันคิดว่าฉันได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าหลาย ๆ คนมองตัวฉันผิดไป"

ระหว่างที่ ฮันนาห์ ตกอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก อย่างน้อยเธอก็มีคนที่คอยซัพพอร์ตอยู่เคียงข้างตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็น คาร์ลา วอร์ด โค้ชของ แอสตัน วิลล่า ชุดหญิง รวมถึงเพื่อนร่วมทีมอย่าง เฮลเลน ไวท์ จนสามารถทำให้เธอผ่านพ้นช่วงเวลานั้นและเริ่มตกผลึกถึงความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น

กว่าที่ ฮันนาห์ แฮมป์ตัน จะกลับมามีชื่อติดทีมชาติอังกฤษ ชุดหญิงอีกครั้ง คือ เดือนมีนาคม 2023 หลังเคลียร์ปัญหากันเป็นที่เรียบร้อย และเมื่อสถานการณ์ดูเข้ารูปเข้ารอย เธอก็เริ่มกลับมามุ่งมั่นและมีความสุขกับฟุตบอลที่เธอรักอีกครั้ง 

 

ปีทองของ ฮันนาห์ 

การย้ายมา เชลซี ในปี 2023 ทำให้ ฮันนาห์ แฮมป์ตัน เริ่มอยู่ในแสงสปอตไลท์มากขึ้น แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่เคยหลงแสงสี หรือออกนอกลู่นอกทางใด ๆ เลย เธอได้รับการดูแลที่ยอดเยี่ยมจากกุนซือ ณ เวลานั้นอย่าง เอ็มม่า เฮย์ส และเธอก็โชว์ฟอร์มเหนียวแน่นหนึบช่วยให้สาวสิงห์บลูส์คว้าแชมป์วีเมนส์ ซูเปอร์ ลีก มาครองได้อีก 1 สมัย 

ทว่าช่วงเวลาที่ ฮันนาห์ แฮมป์ตัน ออร่าเริ่มเปล่งประกายเกิดขึ้นเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา 2024-25 เชลซี ทีมหญิงที่ผลัดเปลี่ยนกุนซือใหม่มาเป็น ซอนย่า บอมปาสตอร์ โค้ชคนเก่งที่พา โอลิมปิก ลียง ทีมหญิง ครองความยิ่งใหญ่ในลีกฝรั่งเศส 

ปีนั้น ฮันนาห์ แฮมป์ตัน ลงเฝ้าเสาให้ เชลซี ทีมหญิง รวมทุกรายการ 34 นัด คว้า 3 แชมป์ภายในประเทศทั้ง วีเมนส์ ซูเปอร์ ลีก ที่เธอได้เป็นสมัยที่ 2 และเป็นสมัยที่ 6 ติดต่อกันของทัพสาวสิงห์บลูส์ รวมไปถึงเธอยังได้แชมป์ วีเมนส์ เอฟเอ คัพ และวีเมนส์ ลีก คัพ ด้วย เรียกได้ว่าในประเทศ เชลซี ทีมหญิงเหมาหมดทุกรายการ

ต่อเนื่องด้วยการที่ ฮันนาห์ แฮมป์ตัน มีชื่อติดทีมชาติอังกฤษลุยศึกยูโร 2025 ซึ่งก่อนหน้านั้นถ้าจำกันได้ในปี 2022 เธอก็ติดทีมไปลุยศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปมาแล้ว แต่ตอนนั้นเธอยังเป็นประตูมือ 2 แต่มาคราวนี้เธอได้ก้าวขึ้นมาเป็นมือ 1 อย่างเต็มตัว 

ในศึกยูโร 2025 ฮันนาห์ แฮมป์ตัน มีส่วนสำคัญอย่างมากกับการพาทีมเข้ารอบอย่างต่อเนื่อง เพราะเธอยืนเฝ้าเสารับจบทุกเกมจนถึงนัดชิงชนะเลิศเจอกับทีมชาติสเปน ทีมที่เธอเคยเจอตอนเดบิวต์เกมแรกให้ทีมชาติ

แมตช์นี้เสมอกันในเวลาปกติ 1-1 และแม้จะมีการต่อเวลาพิเศษทั้งสองฝ่ายก็ยังทำอะไรไม่ได้ 120 นาทียังคงเสมอกันที่ 1-1 ต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ และจุดนี้เองที่สถานการณ์จะสร้างวีรสตรีนามว่า ฮันนาห์ แฮมป์ตัน

เพราะเธอจัดการเซฟ 2 จุดโทษช่วยให้ อังกฤษ ไม่เสียเปรียบทางฝั่งของ สเปน โดย 1 ในจุดโทษที่ ฮันนาห์ เซฟได้เป็นของ ไอตาน่า บอนมาติ เจ้าของรางวัลบัลลง ดอร์หญิง 3 สมัยติดต่อกัน เมื่อมือกาวสาวชาวอังกฤษทำให้ทีมยังมีหวัง พวกเธอก็สามารถพลิกเอาชนะการดวลจุดโทษกับ ทีมชาติสเปน ไปได้ 3-1 เถลิงแชมป์ยูโรได้เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน 

นอกจากเกียรติประวัติกับทีมแล้ว ตัวของ ฮันนาห์ แฮมป์ตัน ก็ยังมีความสำเร็จส่วนตัวติดมือมาด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น รางวัลถุงมือทองคำของ วีเมนส์ ซูเปอร์ ลีก จากการเก็บไป 13 คลีนชีต ติดทีมยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ของศึกยูฟ่า วีเมนส์ ยูโร 2025 และล่าสุดกับรางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม หรือ ยาชิน โทรฟี่ ประจำปี 2025 ซึ่งเธอเป็นผู้รักษาประตูหญิงคนแรกที่คว้ารางวัลนี้ 

"ก่อนอื่นเลย ฉันขอขอบคุณ ฟร้องซ์ ฟุตบอล อย่างมากสำหรับรางวัลนี้" ฮันนาห์ แฮมป์ตันกล่าว พร้อมขอบคุณโค้ชทุกคนและครอบครัว "ฉันไม่คิดว่านี่เป็นความสำเร็จสำหรับฉัน แต่ยังเป็นความสำเร็จวงการผู้รักษาประตูหญิงด้วย เพราะในที่สุดรางวัลนี้ก็ได้ถูกนำมาใช้แล้ว"

"ฉันยืนอยู่เคียงข้างกับผู้รักษาประตูที่ยิ่งใหญ่ในอดีตมากมาย ฉันรู้สึกภูมิใจที่ได้นั่งเคียงข้างกับผู้เข้าชิงคนอื่น ๆ ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มที่น่าทึ่งเช่นนี้ และได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้รักษาประตูรุ่นต่อ ๆ ไปที่กำลังก้าวขึ้นมาและฝึกซ้อมอย่างหนัก"

"ฉันอยากจะขอบคุณครอบครัวของฉัน พี่ชายของฉันที่อยู่กับฉันในคืนนี้ สำหรับการเสียสละที่คุณทำเมื่อฉันยังเป็นเด็ก ที่ขับรถพาฉันไปไหนมาไหนเพื่อให้ฉันได้ทำตามความฝันและได้อยู่ที่นี่ในคืนนี้

"ถึงโค้ชทุกคน มีหลายสิ่งหลายอย่างเลย ขอบคุณซาริน่าที่เชื่อมั่นในตัวฉันตลอดช่วงซัมเมอร์นี้ ด้วยความสำเร็จที่เราได้รับ ขอบคุณแฟน ๆ การสนับสนุนของคุณนั้นมีค่ามากจริงๆ และมันมีความหมายมากจริง ๆ

"สุดท้ายนี้ ถึงคุณปู่ หนูรักและคิดถึงปู่ทุกวัน หนูหวังว่าหนูจะทำให้ปู่ภูมิใจ เราทำสำเร็จแล้ว"      


  
ด้วยความมุ่งมั่น ทุ่มเท พัฒนา การเติบโตทางความคิด และแนวทางการใช้ชีวิตในปัจจุบันทำให้ ฮันนาห์ แฮมป์ตัน กลายเป็นผู้รักษาประตูหญิงที่ได้รับการยอมรับเป็นที่เรียบร้อย 

อีกทั้งนอกสนาม ฮันนาห์ แฮมป์ตัน ยังรับบทบาทเป็นทูตของมูลนิธิ Birmingham Children's Hospital Charity ตั้งแต่เมื่อปี 2022 ซึ่งเป็นที่ที่เธอเคยเข้ารับการผ่าตัดรักษาดวงตาสมัยยังเป็นเด็ก  

และด้วยการที่เธอมีข้อบกพร่องด้านสายตา แต่ยังสามารถลงเล่นฟุตบอลได้ตามที่ใจปรารถนา ทำให้เธอกลายเป็นแรงบันดาลใจก้อนโตของเหล่าเด็ก ๆ ในโรงพยาบาลเด็กเบอร์มิ่งแฮมที่ก็มีข้อบกพร่องเหมือนกันกับเธอ

มาจนถึงตอนนี้การที่เธอประสบความสำเร็จบนเวทีลูกหนังในวัยแค่ 24 ปี หลาย ๆ คนก็ออกมาแสดงความยินดีกันอย่างเต็มที่ เพราะอนาคตที่เธอพยายามวาดฝันเอาไว้ในวัยเด็กมันได้กลายเป็นจริงแล้ว

จากเด็กที่เกิดมาพร้อมกับความบกพร่อง แต่ด้วยการสนับสนุนจากครอบครัว คนรอบข้าง ในเรื่องความฝัน รวมถึงบุคลากรที่คอยดูแลรักษาเธออย่างเต็มที่ ทำให้ ฮันนาห์ แฮมป์ตัน เติบโตอย่างมีคุณภาพก้าวขึ้นมาเป็นผู้รักษาประตูที่ยอดเยี่ยมและน่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลาย ๆ คนได้อย่างแน่นอน

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.bbc.com/news/articles/cgmzxpl27n4o
https://www.bbc.com/news/articles/c0rvle5l0vvo
https://lookafteryoureyes.org/news-and-views/hannah-hamptons-strabismus-journey-to-euro-2025/
https://www.bbc.com/sport/football/articles/c8073xpxld1o
https://www.bbc.com/sport/football/59416582
https://samitivejchinatown.com/th/article/eyes-lasik/strabismus
https://www.womenshealthmag.com/uk/health/conditions/a65447120/hannah-hampton-eye-condition/

Author

พงศทร​ อริ​ย​ภู​ชัย

เด็กสิงห์บลู​ส์เมืองคอน​ คลั่งฟุตบอล​ ชอบมวยปล้ำ

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ