Feature

ทางแยก "ซาลาห์" : สัญญาเจ้าปัญหาที่ทำให้แฟนหงส์ต้องปวดหัวเป็นประจำ | Main Stand

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ อยู่กับ ลิเวอร์พูล มาแล้ว 7 ปี และเขาทำทุกอย่างเหมือนที่เคยทำตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ นั่นคือ ยิงประตู สร้างโอกาส และเป็นคนสำคัญของทีมเสมอ

 

อย่างไรก็ตาม ทุก ๆ ช่วงเวลา 3-4 ปี มันจะมีหนึ่งปัญหาคลาสสิกเกิดขึ้น นั่นคือเรื่องของสัญญาฉบับใหม่ โดย ซาลาห์ กำลังจะหมดสัญญากับ ลิเวอร์พูล อีกครั้งในซัมเมอร์ปี 2025 และเจ้าตัวก็พูดเองว่า แม้จะเหลือเวลาอีกไม่กี่เดือน แต่ก็ยังไม่ได้ข้อเสนอใหม่ 

ทำไมเรื่องนี่ถึงเป็นปัญหาทุกครั้งไป และทางแยกที่รอ "บังโม" อยู่คืออะไร ?  ติดตามที่ Main Stand 

 

เพราะเขาคือหมายเลข 1 

อย่างที่กล่าวไว้ในข้างต้น นับตั้งแต่ โม ซาลาห์ ย้ายมา ลิเวอร์พูล เมื่อซัมเมอร์ปี 2017 เขาครองสถานะ "เบอร์ 1" ของสโมสรมาโดยตลอด เป็นนักเตะที่แฟน ๆ รัก ทำผลงานได้สม่ำเสมอต่อเนื่อง และมีทุกอย่างทุกเหตุผลที่จะทำให้เขาเป็นหนึ่งในตำนานเบอร์แรก ๆ ของสโมสรแห่งนี้ 

อย่างไรก็ตาม เราปฏิเสธไม่ได้ว่า ในช่วงหนึ่ง ลิเวอร์พูล เองก็ต้องเลือกว่า พวกเขาจะซื้อหวยกับนักเตะคนไหนดี โดยเฉพาะในวันที่ ซาลาห์ ยังอยู่ และมี ซาดิโอ มาเน่ เป็นอีกคนที่สำคัญไม่แพ้กัน 

มาเน่ เสียสละตัวเองเล่นเกมรับมากกว่า คอยไล่คอยแย่งบอลมากกว่า ซึ่งการเสียสละของเขานำมาซึ่งพื้นที่การเล่น และการนำพา ซาลาห์ ไปอยู่ยังจุดที่สร้างความอันตรายให้คู่แข่งได้มากกว่าเขา ซึ่งนั่นทำให้ ซาลาห์ ยิงประตูได้มากกว่า มาเน่ เสมอ 

ในโลกของฟุตบอล ไม่มีทีมไหนมีเบอร์ 1 ได้ 2 คน และเมื่อสัญญาของทั้งคู่ใกล้หมด นั่นคือจุดเริ่มต้นของปัญหานี้อย่างจริงจังในซัมเมอร์ปี 2022 ซึ่งการต่อรองเจรจาสัญญาใหม่ เกือบทำให้ ซาลาห์ ไม่ได้อยู่กับทีมต่อไปอีกแล้ว แต่ผลกลับลงเอยด้วยการที่ ซาดิโอ มาเน่ ซึ่งถูกมองว่าอยู่ภายใต้ร่มเงาของ ซาลาห์ เลือกที่จะย้ายออกไปแทน และเป็นจุดเริ่มต้นการเป็นเบอร์ 1 ของ ซาลาห์ เต็มตัว 

อย่าลืมว่าก่อนที่ Fenway Sports Group หรือ FSG จะมาเทคโอเวอร์ลิเวอร์พูลเมื่อปี 2010 นั้น ลิเวอร์พูลประสบสถานการณ์ขาดทุน แทบจะตกชั้นไปอยู่ลีกวันเลยทีเดียว พวกเขาค่อย ๆ แก้ไขปัญหาเรื่องการเงินทีละน้อย ใช้เงินอย่างคุ้มค่า ลงทุนกับทีมสรรหาเพื่อให้ได้ของดีราคาถูกมาตลอด แถมยังเป็นทีมที่มีอัตราค่าเหนื่อยนักเตะต่ำเป็นอันดับต้น ๆ ของทีม Big 6 ทั้ง ๆ ที่ในแง่ของความสำเร็จแบบจับต้องได้ พวกเขาเป็นรองแค่ แมนฯ ซิตี้ ทีมเดียวเท่านั้น 

FSG พยายามรัดเข็มขัด และทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เข้าใจตรงกันทั้งนักเตะและโค้ช พวกเขาจะไม่ทุ่มเงินมหาศาลเพื่อใครคนเดียว ตราบใดที่ประเมินรอบด้านและคิดว่ามันไม่คุ้ม เช่นเดียวกันกับเรื่องของค่าจ้างค่าเหนื่อย พวกเขามีกำแพงที่รัดเข็ดขัดไว้โดยตลอด ซึ่งไม่ต้องการให้ใครมาทำลายเพดานค่าเหนื่อยนี้ จนกระทั่งการขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของ ซาลาห์ เต็มตัว ที่ทุกอย่างต้องเปลี่ยนแปลง เพื่อนักเตะที่พิเศษกว่าใครของพวกเขาคนนี้ 

 

ต่อสัญญา ซาลาห์ ยากแค่ไหน ? 

350,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ กับสัญญาระยะเวลา 3 ปี คือสิ่งที่ ลิเวอร์พูล มอบให้ ซาลาห์ เมื่อปี 2022 และเงินค่าเหนื่อยที่เขาได้ ทิ้งห่างอันดับ 2 อย่าง เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ถึง 130,000 ปอนด์เลยทีเดียว (ฟาน ไดค์ ได้ 220,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์) 

โดยเบื้องหลังการต่อสัญญา ซาลาห์ ครั้งนี้ถูกเขียนลงในหนังสือ "Chasing Salah: The Biography" ที่เขียนโดย ไซม่อน ฮิวจ์ส และบอกเหตุผลว่า ทำไม ลิเวอร์พูล ถึงต้องมอบสิ่งที่ไม่เคยให้ผู้เล่นคนไหนมาก่อนกับ ซาลาห์ ด้วยดีลระดับมหึมาขนาดนี้ 

เนื้อหาระบุว่า ลิเวอร์พูล มอบสัญญาฉบับใหม่ให้กับ ซาลาห์ ไม่ใช่เพราะพวกเขาพิจารณาจากฟอร์มเก่า ๆ แต่เป็นเพราะพวกเขาเชื่อว่าทีมยังคงคาดหวังจากซาลาห์ได้มากกว่านี้ ตราบใดที่ ซาลาห์ ยังเล่นได้ดี พวกเขาก็พร้อมที่จะเจรจาด้วย 

ขณะที่ รามี อับบาส เอเยนต์ของ ซาลาห์ ได้เข้าเจรจาด้วยมุมมองที่แตกต่างว่า ลิเวอร์พูล ควรให้สัญญากับ ซาลาห์ จากสิ่งที่เขาพยายามทำเพื่อทีมมาตลอดในอดีตที่ผ่านมา มากกว่าการคาดหวังจากผลงานในอนาคตในช่วงเวลาที่อายุของเขามากขึ้น 

โดยสรุปก็คือ ทางฝั่ง ลิเวอร์พูล มองว่า จากเงินจำนวน 350,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ พวกเขาจะแบ่งเป็นเงินต้นค่าเหนื่อยราว 200,000 ปอนด์ และจะจ่ายเพิ่มเป็นโบนัสจากการยิงประตูกับแอสซิสต์ให้มากขึ้นเป็นพิเศษ ซึ่งถ้าซาลาห์ ทำประตูหรือแอสซิสต์ได้ตามเป้าเขาจะได้เงินเดือน 350,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์เป็นอย่างน้อย 

ขณะที่ ซาลาห์ และ อับบาส เอเย่นต์ของเขามองว่า จริง ๆ มันควรจะเป็นการจ่ายแบบการันตี 350,000 ก้อนเดียวเน้น ๆ ส่วนเรื่องยิงได้เยอะ แอสซิสต์ได้เยอะ ก็เป็นโบนัสบวกพิเศษนอกเหนือจากค่าเหนื่อยเบื้องต้น 

สุดท้ายปลายทางการเจรจาจบลงด้วย ลิเวอร์พูล เสียเงินรวม ๆ ที่ 55 ล้านปอนด์ สำหรับการต่อสัญญา ซาลาห์ 3 ปี ... เขาได้ค่าเหนื่อยแบบการันตี 350,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ และหากเขาทำผลงานได้ (ยิง+แอสซิสต์) ตามข้อตกลง ค่าเหนื่อยของเขาจะถูกบวกเพิ่มเป็น 400,000 ปอนดห์ต่อสัปดาห์ นั่นทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นที่ได้รับค่าจ้างสูงสุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรอย่างง่ายดาย

แม้จะดูเหมือนเป็นตอนจบที่สวย แต่ อับบาส มองว่าเบื้องหลังของการต่อสัญญาฉบับนี้ไม่ได้ราบรื่นแบบที่หลายคนคิด 

พวกเขาคิดว่า ลิเวอร์พูล ยื่นสัญญามาเพียงเพื่อหวังให้ ซาลาห์ และเอเย่นต์ปฏิเสธ เนื่องจากในช่วงเวลาเดียวกัน ซาลาห์ จะได้เงินก้อนใหญ่กว่านี้เกิน 2 เท่าหากย้ายไปเล่นในลีกซาอุดีอาระเบีย ตามที่เป็นข่าว ทว่าท้ายที่สุด อย่างที่รู้กัน แม้จะได้ข้อเสนอที่ไม่ตรงตามเป้าไปทั้งหมด แต่ ซาลาห์ ก็เลือก ลิเวอร์พูล และก้าวขึ้นมาเป็นสตาร์เบอร์ 1 ของทีม รวมถึงของพรีเมียร์ลีกอย่างเต็มตัว 

เรื่องข้อเสนอสัญญาฉบับดังกล่าว ได้รับการยืนยันจากการให้สัมภาษณ์ของ เยอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ ลิเวอร์พูล ในขณะนั้น ที่เป็นไปในลักษณะที่ว่า ซาลาห์ เลือกถูกแล้ว เพราะเขายังสามารถพีกและทำผลงานได้ดีมากกว่า 5 ปีแรกในถิ่นแอนฟิลด์ อย่างแน่นอน 

"ผมไม่สงสัยเลยว่าปีที่ดีที่สุดของโมยังมาไม่ถึง แม้ 5 ปีแรกของเขาจะคู่ควรกับคำว่าตำนาน แต่ ซาลาห์ คือคนที่เก่งขึ้นได้อีก เขาพัฒนาเรื่องฟิตเนสขึ้นมามาก เขาเหมือนเครื่องจักรที่อยู่ในภาพที่ดีเยี่ยมเหลือเชื่อ เขาทำงานหนักเพื่อมัน และเขาสมควรได้รับผลตอบแทน ในด้านทักษะ เขาจะพัฒนามันให้สูงขึ้นในแต่ละฤดูกาล เราจะประสบความสำเร็จร่วมกันได้มากกว่านี้" 

คล็อปป์ กล่าวอย่างโล่งใจ และแน่นอนที่สุดว่า การมีอยู่ของ คล็อปป์ ในเวลานั้นทำให้ ซาลาห์ เลือกทิ้งเงินจำนวนหลัก 1 ล้านปอนด์ต่อสัปดาห์ เพื่อเลือกที่จะอยู่กับ ลิเวอร์พูล ... ว่ากันว่าการต่อสัญญา ซาลาห์ ครั้งนี้ ถ้าไม่ได้ คล็อปป์ บอร์ดบริหาร ลิเวอร์พูล ก็อาจจะตัดใจจาก ซาลาห์ แล้วก็เป็นได้ เพราะพวกเขาพิจารณาจากเรื่องของอายุและมูลค่าของสัญญาฉบับใหม่ที่สูงมาก ๆ 

เพียงแต่ว่าตัดภาพมาตอนนี้ คำถามทุกอย่างหมดไป ผลงานของ ซาลาห์ ก็อย่างที่ทุกคนเห็น เขายังคงเป็นนักเตะที่ทีมขาดไม่ได้เหมือนเดิม และในวันที่เขาอายุมากขึ้น สิ่งที่เพิ่มเติมขึ้นมาคือประสบการณ์ ความเก๋า ที่ช่วยทีมได้มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ

ทว่า ณ ตอนนี้เหลือเวลาอีกเพียง 6 เดือนเท่านั้น ซาลาห์ จะหมดสัญญากับทีมอีกครั้ง ... และเช่นเคย เรื่องดังกล่าวยังเป็นปัญหารบกวนใจแฟนบอล เดอะ ค็อป ที่มองว่า กับนักเตะอย่าง ซาลาห์ ถ้าเขาขอเท่าไหร่ก็ควรจะให้ เพียงแต่ว่าเรื่องจริงมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น 

 

เอาไงดี กับสัญญาฉบับต่อไป ?

ลิเวอร์พูล ต้องกลับมาคิดหนัก การต่อสัญญา 3 ปี ครั้งที่แล้วประสบผลความสำเร็จเป็นอย่างดี คุ้มค่าทุกประการ แต่หลังจากสัญญาฉบับนี้หมดลง หลายอย่างก็จะเปลี่ยนไป 

ซาลาห์ กำลังจะย่างเข้าวัย 33 ปี นี่คือช่วงอายุที่เริ่มต้องคิดหนักแล้วว่า จะยอมจ่ายเงินก้อนโตที่สุด เพื่อให้เขารักษาบทบาทเบอร์ 1 ของทีมต่อไปหรือไม่ ในขณะที่ทีมมีโปรเจ็กต์ระยะยาวเพื่ออนาคต ... 2 สิ่งนี้มันดูสวนทางกัน และ ลิเวอร์พูล ต้องตัดสินใจครั้งสำคัญอีกครั้ง 

ในส่วนของ ซาลาห์ ตัวของเขาอยากจะอยู่ที่นี่ต่อไป เขาพูดด้วยตัวเองมาตลอด และยืนยันว่า ลิเวอร์พูล ไม่เหมือนสโมสรไหนในโลก แต่ว่าทุกอย่างไม่ได้อยู่ในมือเขา เขาไม่ใช่คนที่สามารถตัดสินใจเรื่องนี้ได้เพียงคนเดียว

ด้าน รามี อับบาส ตัวแทนของ ซาลาห์ ก็ออกมาให้สัมภาษณ์กับ The Athletic ว่า ณ ตอนนี้ แม้จะล่วงเลยมาใกล้เดือนธันวาคม 2024 และในวันที่ 1 มกราคม 2025 ซาลาห์ จะสามารถเจรจากับทีมอื่นได้ทันที แต่ข้อเสนอระหว่าง ซาลาห์ และ ลิเวอร์พูล ไม่ได้อยู่ในทิศทางที่ดีนัก ซึ่ง ณ ตอนนี้ ทั้งสองฝ่ายจะพยายามเจรจากันต่อไป 

เรื่องนี้มันชวนให้คิดว่า ลิเวอร์พูล ก็รู้ว่า ซาลาห์ สำคัญขนาดไหน แต่การจะจ่ายเงินสัปดาห์ละ 400,000 ปอนด์ เป็นอย่างต่ำให้กับนักเตะอายุ 33 ปี ภายในระยะเวลาสัญญา 2 ปีจากนี้ ดูจะเป็นเรื่องที่พวกเขาเองก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นความคิดที่ดีนัก

พวกเขาอาจจะอยากให้สัญญาฉบับใหม่ด้วยมูลค่าที่ลดลง ว่าง่าย ๆ ก็คือให้นักเตะลดค่าเหนื่อย แต่ดูเหมือนว่าฝั่งตัวแทนจะไม่คิดแบบนั้น สิ่งที่เขาต้องการคือ "เท่ากับหรือมากกว่า" สัญญาฉบับเดิม ... ซึ่งนั่นทำให้เรื่องนี้ค้างเติ่ง จน ซาลาห์ ต้องออกมาพูดเอง 

"ตอนนี้เราเกือบจะถึงเดือนธันวาคมแล้ว และผมยังไม่ได้รับข้อเสนอใด ๆ เพื่ออยู่กับสโมสรต่อไป ผมอาจจะต้องออกจากทีม (แบบหมดสัญญา) มากกว่าจะย้ายทีม (มีทีมอื่นมาซื้อตัวไป) ... ผมรักแฟน ๆ แฟน ๆ รักผม แต่สุดท้ายแล้วมันก็ไม่ได้อยู่ในมือผมหรือแฟน ๆ รอดูกันต่อไป"

สิ่งที่ยืนยันว่าการเจรจาไม่ลงตัวก็คือ ซาลาห์ บอกว่าเขาผิดหวังกับท่าทีของสโมสร จากการโยนคำถามของนักข่าว เขาตอบสั้น ๆ ว่า "ใช่ (รู้สึกผิดหวัง)" แต่เขามีความเป็นมืออาชีพมากพอที่จะเล่นให้ทีมอย่างเต็มที่จนจบซีซั่น โดยตั้งความหวังที่ถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกและฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกในฤดูกาล 2024-25  

ก่อนเขาจะทิ้งท้ายว่า ความต้องการของเขาคือ "การลงเล่นในเกมระดับสูงต่อไป" ซึ่งนั่นอาจไม่ได้หมายถึงการไปเล่นในซาอุดีอาระเบีย ตามที่เป็นข่าว แต่มันอาจจะเป็นการเชื้อเชิญทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรปให้เขามามีเอี่ยวในเดือนมกราคม 2025 นี้ 

ลิเวอร์พูล อยากจะมี ซาลาห์ ต่อไปในอนาคต แต่พวกเขาก็อาจจะไม่อยากจ่ายเงินก้อนใหญ่ขนาดนั้นให้กับนักเตะในวัย 33 ปี 

ขณะที่ ซาลาห์ ก็รู้ตัวว่าเขาเป็นตำนานและเป็นไอคอนของสโมสรแห่งนี้ หากเขาอยู่ต่อไป เขาจะอาจจะกลายเป็นหน้าประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสโมสรก็เป็นได้ และเขาก็รู้ดีว่าสถานะนี้คือสถานะที่ยากที่เขาจะได้จากทีมอื่น 

เช่นกัน หากที่สุดแล้วการเจรจาไม่ลงตัว ตกลงกันไม่ได้ มันก็เป็นหนึ่งในวัฏจักรของฟุตบอล ที่การโยกย้ายแยกทางเกิดขึ้นเสมอ ไม่มีอะไรคงอยู่ตลอดกาล ไม่จากเป็นก็จากตาย 

สำหรับแฟนลิเวอร์พูลที่กำลังปวดหัวกับเรื่องนี้อีกครั้ง ก็ควรปล่อยวางและเข้าใจได้ว่า การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องธรรมดาที่ ลิเวอร์พูล เจอ พวกเขาเสียคนที่คิดว่าเสียไปไม่ได้อย่าง เยอร์เก้น คล็อปป์ แต่ทุกวันนี้พวกเขาก็อยู่ได้ ... และอยู่ได้ดีในตำแหน่งจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกแบบนำห่างด้วย 

นักเตะไป โค้ชใหม่ ผู้บริหารไป แต่สิ่งสำคัญที่สุดยังคงอยู่กับแฟนบอลเสมอ... สิ่งนั้นคือสโมสร ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจากนี้ จงมองว่าเป็นเรื่องธรรมดาของโลกฟุตบอล เชียร์กันต่อไป และสนุกกับทุกช่วงเวลาไม่ว่าดีหรือร้ายก็พอ 

ไม่มีนักเตะคนไหนที่ทีมขาดไปไม่ได้ ไม่เว้นแม้กระทั่ง โม ซาลาห์ ผู้ยิ่งใหญ่ เพียงแต่มันอาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อยในการปรับตัวและหาตัวแทนในวันที่ไม่มีเขาเท่านั้นเอง ... หากว่าวันนั้นมาถึงจริง ๆ 

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.independent.co.uk/sport/football/mohamed-salah-liverpool-news-contract-transfer-b2605486.html
https://www.nytimes.com/athletic/5945979/2024/11/25/mohamed-salah-liverpool-contract-update/
https://www.thisisanfield.com/2024/11/how-liverpool-negotiated-mohamed-salahs-last-contract-renewal/
https://www.capology.com/club/liverpool/salaries/

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ