ศึกฟุตบอลถ้วยเอฟเอคัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย ในคืนวันที่ 17 มีนาคม เวลา 22.30 น. จะมีการ แข่งขันแมตช์สำคัญของศึกศักดิ์ศรี “คู่รักคู่แค้น” ระหว่าง “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มีคิวเปิดสนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด ต้อนรับการมาเยือน “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล
โดย “ศึกแดงเดือด” ในครั้งนี้จะเป็นการเจอกันครั้งที่ 213 ของทั้งสองทีม ซึ่งในวันนี้ Main Stand ได้นำ 5 เหตุการณ์สำคัญที่อยู่ในความทรงจำของกองเชียร์ทั้งสองทีม มาให้คุณผู้อ่าน ได้รับชม สามารถติดตามไปพร้อมกันได้ที่นี่
สตีเว่น เจอร์ราร์ด ประทับ “รอยจูบ” คาโรงละครแห่งความฝัน
ย้อนกลับไปในวันที่ 14 มีนาคม 2009 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีคิวเปิด “โรงละครแห่งความฝัน” ต้อนรับการมาเยือน ลิเวอร์พูล ซึ่งการแข่งขันในนัดดังกล่าวคาดว่าน่าจะเป็น “ศึกแดงเดือด” ที่อยู่ในความทรงจำของพลพรรคทัพ “หงส์แดง” อีกหนึ่งนัด เนื่องจากพวกเขาบุกไปยำใหญ่ ไล่ถล่มใส่ทัพ “ปีศาจแดง” ได้ถึงสนามโอลด์แทรฟฟอร์ด 4-1
โดยหนึ่งเหตุการณ์สำคัญที่เป็นให้พูดถึงอย่างมากในการแข่งขันนัดนี้ นั่นคือในจังหวะที่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด กองกลางกัปตันทีมของ ลิเวอร์พูล ยิงประตูลูกที่จุดโทษเข้าไป ซึ่งหลังจากที่ “สตีวี่จี” ทำประตูดังกล่าวได้สำเร็จ เขาเลือกที่จะวิ่งไปแสดงความดีใจด้วยการประทับ “รอยจูบ” ที่กล้องถ่ายทอดสดตัวหนึ่งภายในสนาม โดยในจังหวะดังกล่าวกลายเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ “คลาสสิค” ตลอดกาลที่อยู่ในความทรงจำของเหล่าสาวก “เดอะค็อป” ยาวนานมาจนถึงปัจจุบัน
ปาทริซ เอวร่า เอาคืน ซัวเรซ สุดแสบ
ย้อนกลับในเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2011 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีคิวที่จะต้องยกพลไปเยือน ลิเวอร์พูล ในศึกเอฟเอคัพ แม้ว่าการแข่งขันในวันนั้นจะจบลงด้วยผลสกอร์สมานฉันท์ เสมอกันไป 1-1 แต่ว่าการแข่งขันในนัดดังกล่าวกับมีประเด็นเดือดระหว่างเกม โดยเป็นทางด้าน หลุยส์ ซัวเรส กองหน้าของทางฝั่ง “หงส์แดง” ที่ไปมีปากเสียงกันอย่างรุนแรงกับ ปาทริซ เอวร่า แบ็คซ้ายผิวสีของทางฝั่ง “ปีศาจแดง” ซึ่งในภายหลังถูกสอบสวนว่า หลุยส์ ซัวเรส ได้ทำการ สบถคำพูด “เหยียดผิว” ใส่ ปาทริซ เอวร่า เป็นที่มาให้เจ้าตัวถูกเอฟเอลงโทษสถานหนัก ด้วยการห้ามลงสนามเป็นเวลา 8 นัด และปรับเงินเพิ่มอีกเป็นจำนวน 40,000 ปอนด์
โดยหลังจากนั้นในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2012 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล มีคิวที่ทั้งคู่ต้องกลับมาเจอกันอีกครั้ง ซึ่งทั้งคู่ต่างมีความทรงจำที่ “บาดหมาง” กันมากพอสมควรจากนัด ที่ผ่านมาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว โดยเป็นทางด้านของ หลุยส์ ซัวเรซ ที่เริ่มเปิดศึกก่อน ด้วยการ ปฏิเสธที่จะจับมือกับ ปาทริซ เอวร่า ในช่วงก่อนลงสนาม
อย่างไรก็ตาม ปาทริซ เอวร่า ก็ไม่ยอมน้อยหน้าแม้แต่น้อย โดย เอวร่า ได้ทำการเอาคืน อย่างเจ็บแสบ ด้วยการวิ่งไปฉลองชัยชนะหลังจบเกมการแข่งขันกับกลุ่มกองเชียร์ทีมตนเอง และต่อหน้า หลุยส์ ซัวเรซ ซึ่งการดีใจในครั้งนี้ของ เอวร่า เรียกเสียงเฮจากแฟนบอล “เรดเดวิลส์” ในสนามได้เป็นอย่างมาก และยังถือว่าเป็นการเอาคืนได้อย่าง “เจ็บแสบ” และอยู่ในความทรงจำกองเชียร์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยาวนานมาจนถึงทุกวันนี้
วาทะเดือด สตีเว่น เจอร์ราร์ด - ฟาน เพอร์ซีย์
ย้อนกลับไปในปี 2013 ลิเวอร์พูล มีคิวเปิดสนามแอนฟิลด์ ต้อนรับการมาเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งในช่วงเวลาปีดังกล่าวพลพรรคทัพ ”ปีศาจแดง” เพิ่งจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลก่อนหน้านั้นมาครองได้สำเร็จ
ซึ่งเหตุการณ์สำคัญใน “ศึกแดงเดือด” ครั้งนี้ เกิดขึ้นในจังหวะที่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด เกิดมีปากเสียงอย่างรุนแรงระหว่างเกมกับ โรบิน ฟาน เพอร์ซีย์ ศูนย์หน้าชาวเนเธอร์แลนด์ของ “ปีศาจแดง” โดยเกิดขึ้นในจังหวะที่ กัปตันทีมของลิเวอร์พูล ได้ทำการเดินเข้าไปเพื่อที่จะยั่วโมโหใส่ ฟาน เพอร์ซีย์ จึงเป็นที่มาให้เกิดการปะทะฝีปากกันอย่างดุเดือดของทั้งสอง
โดยเริ่มจาก “อาร์วีพี” ที่เริ่มสบถคำด่าใส่ก่อนว่า “ไหนล่ะ? เหรียญแชมป์พรีเมียร์ลีก ของมึง” เรียกได้ว่าเป็นประโยคคำพูดที่สุดแสนจะแทงใจดำใส่ทางด้าน สตีเว่น เจอร์ราร์ด เป็นอย่างมาก เนื่องจากทางด้านของ เจอร์ราร์ด ไม่เคยคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้แม้แต่สักครั้งเดียวตลอดอาชีพ การค้าแข้ง
หลังจากที่ “สตีวี่จี” ถูกทางด้าน “อาร์วีพี” สบถคำด่าใส่อย่างรุนแรงเจ็บไปถึงทรวงอกสตีเว่น เจอร์ราร์ด เลือกสบถคำด่าตอบโต้กลับไปในทันทีอย่างไม่รอช้าด้วยคำว่า “กูไม่มีหรอกเหรียญแชมป์พรีเมียร์ลีกที่มึงพูดถึง แต่กูคงไม่มีวันย้ายไปอยู่ทีมคู่แข่งร่วมลีกเพื่อเป็นแชมป์ลีกหรอกเว้ย แล้วไหนเหรียญแชมป์บอลยุโรปแชมป์เปี้ยนส์ลีกของมึงล่ะ?” นับว่าเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ปะทะฝีปากคารมที่ “ดุเดือด” มากอีกครั้งหนึ่งใน “ศึกแดงเดือด” แมนยู และ ลิเวอร์พูล
38 วินาที ถูกไล่ออกของ เจอร์ราร์ด
สตีเว่น เจอร์ราด หนึ่งในสุดยอดตำนานของทัพ “หงส์แดง” ตัดสินใจประกาศอำลาต้นสังกัด ที่เขาอยู่มาอย่างยาวนานมากกว่า 17 ปี ในช่วงจบฤดูกาล 2014/15 แต่ถือว่าการปิดฉาก อำลาสโมสรในครั้งนี้ของเขา ค่อนข้างที่จะไม่ค่อยสวยงามมากเท่าไหร่นัก
เนื่องจากจุดด่างพร้อยขนาดใหญ่ที่ยังคงติดอยู่ในใจ “สตีวี่จี” ไปตลอดกาล นั่นคือการลงสนาม ให้กับ ลิเวอร์พูล ลงดวลกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ครั้งสุดท้ายของเขานั่นเอง เพราะว่า อย่างที่ทุกคนทราบกันเป็นอย่างดีว่าในเกมการแข่งขันนัดดังกล่าว สตีเว่น เจอร์ราด มีเวลาอยู่ในสนามเพียงแค่ “38 วินาที” เพียงเท่านั้น
โดยการแข่งขันในวันนั้น สตีเว่น เจอร์ราร์ด ถูกส่งลงสนามไปในฐานะตัวสำรองในช่วงก่อน เริ่มเกมครึ่งหลังแทนที่ของ อดัม ลัลลาน่า ด้วยความมุ่งมั่นและแพชชั่นที่มากเกินไปของเขาที่หวังช่วงทีมกลับมาอยู่ในสถานการณ์ที่ดีขึ้นได้ในตอนนั้น เป็นที่มาให้เขาพลาดท่าเข้าไป เปิดปุ่มเหยียบเข้าไปที่ข้อเท้าซ้ายของ อันเดร์ เออร์เรร่า ส่งผลให้เขาถูกใบแดงจากผู้ตัดสิน ไล่ออกจากสนาม กลายเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยน่าจดจำมากเท่าไหร่นักของ “สตีวี่จี” และยิ่งในส่วนของแฟนบอล “ปีศาจแดง” เหตุการณ์ดังกล่าวกลายเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ อันดับแรกๆที่แฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มักจะนำมาล้อเลียนใส่แฟนบอล ลิเวอร์พูล ให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง
ลิเวอร์พูล 7-0 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เอริค เทน ฮาก ผู้จัดการทีมชาวเนเธอร์แลนด์ ตัดสินใจโบกมืออำลา อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม สโมสรยักษ์ใหญ่ในประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อที่จะเข้ามารับงาน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งการคุมทีมนัดแรกของ เอริค เทน ฮาก นั่นคือการไล่ถล่ม ลิเวอร์พูล ไปอย่างง่ายดาย 4-0 ในเกมการแข่งขันอุ่นเครื่องที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ประเทศไทย
ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่เกมอุ่นเครื่องเท่านั้นที่ เอริค เทน ฮาก ทำได้ดีเมื่อต้องลงแข่ง “ศึกแดงเดือด” กับ ลิเวอร์พูล เพราะว่าในยกแรกของฤดูกาล 2022/23 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำผลงานได้ อย่างยอดเยี่ยมเอาชนะลูกทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ได้อีกครั้ง โดยในครั้งนี้เป็นการเอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 2-1
โดยในยกที่สองของการเจอกันใน “ศึกแดงเดือด” ลูกทีมของ เอริค เทน ฮาก หมายมั่นปั้นมือที่จะบุกไปเอาชนะ ลิเวอร์พูล ให้ได้อีกครั้ง แต่เกมในวันนั้นกับกลายเป็นสิ่งที่ “น่าเจ็บปวด” มากที่สุดสำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพราะว่าพวกเขาถูกทัพ “หงส์แดง” ไล่บดบี้อย่าง ยับเยิน 7-0 ซึ่งการเอาชนะด้วยสกอร์ดังกล่าว กลายเป็นสถิติการเอาชนะที่ขาดลอยมากที่สุด ตั้งแต่เริ่มมี “ศึกแดงเดือด” ขึ้นมา