ศึกวอลเลย์บอลหญิงคัดโอลิมปิก 2024 เปิดฉากเป็นที่เรียบร้อย ทัพลูกยางสาวไทยได้สานต่อความร้อนแรงด้วยขุมกำลังจากชุดที่เพิ่งคว้าแชมป์เอเชียที่ผ่านมา พร้อมดึง “ซาร่า” นุศรา ต้อมคำ มือเซตตัวเก๋าที่อำลาทีมชาติไปแล้วกลับมาช่วยทีม
การคัมแบ็กของนุศราในวัย 38 ปีครั้งนี้ จึงเกิดเป็นคำถามขึ้นมาว่า ทำไมทัพลูกยางไทยยังต้องดึงเจ้าตัวกลับมาอีกครั้ง ทั้งที่ผลงานของทีมก็กำลังประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี แถมมือเซตคนปัจจุบันอย่าง “ชมพู่” พรพรรณ เกิดปราชญ์ ก็เพิ่งคว้ารางวัลเซตเตอร์ยอดเยี่ยมในศึกชิงแชมป์ทวีป
ปัจจัยใดบ้างที่ทำให้ต้องเรียกเธอกลับมาในครั้งนี้ แล้วการกลับมาของเธอจะส่งผลถึงทีมอย่างไร ติดตามได้ที่ Main Stand
เก่งจริงไม่ต้องสงสัย
ถึงวันนี้แฟนกีฬาทั่วโลกสามารถพูดได้เต็มปากว่า นุศรา ต้อมคำ คือมือเซตอัจฉริยะที่มีทักษะฝีมืออยู่ในระดับท็อปของโลก จากผลงานที่แสดงให้เห็นตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา
เธอกวาดแชมป์มาแล้วมากมายกับทีมชาติและสโมสร รวมถึงรางวัลส่วนตัวในฐานะ “เซตเตอร์ยอดเยี่ยม” ที่คว้ามาแล้วแทบทุกรายการที่เคยลงแข่งขัน ที่สำคัญยังถูกยกให้เป็น 1 ใน 100 นักวอลเลย์บอล ที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในรอบทศวรรษ จากการจัดอันดับของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ
ปัจจุบันในวัย 38 ปี แม้จะเลิกเล่นทีมชาติพร้อมกับกลุ่มเพื่อน 7 เซียน ตั้งแต่ปลายปี 2021 แต่ “ซาร่า” ยังคงมีเกมลงเล่นต่อเนื่องทั้งในศึกไทยลีก กับทีมไดมอนด์ฟู้ด รวมถึงได้ไปเล่นในลีกอาชีพหญิงของสหรัฐอเมริกา และเพิ่งได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 4 กัปตันทีมที่จะมีสิทธิ์ดราฟต์ตัวผู้เล่นในสัปดาห์แรกอีกด้วย
ดังนั้นเรื่องฝีมือ ประสบการณ์ และความฟิตของร่างกาย จึงถือว่าผ่านเกณฑ์อย่างไร้ข้อครหา
นอกจากนี้ตัวนุศราเองก็ได้เข้ามาร่วมเป็นทีมสตาฟฟ์โค้ชให้กับทีมชาติชุดปัจจุบัน เพื่อดูแลและติวเข้มเรื่องการเซตตั้งแต่เมื่อเดือนสิงหาคม จนมีส่วนช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ ซี วี.ลีก 2023 ถึง 2 สนาม ต่อด้วยแชมป์เอเชียครั้งที่ผ่านมา
ภาพที่ทุกคนได้เห็นคือเจ้าตัวที่อยู่ร่วมหัวจมท้ายกับน้อง ๆ ตลอดทั้งการซ้อมและยามแข่งขัน ความเข้าใจในแผนการเล่นและแทคติกต่าง ๆ จึงไม่น่าเป็นปัญหา
อีกทั้งน้อง ๆ ในทีมชุดนี้แทบทุกคนก็ยังทันและเคยผ่านการลงสนามร่วมกับเธอมาแล้วเป็นเวลาหลายปี ขอเพียงมีเวลาฝึกซ้อมก็เล่นร่วมกันไม่ยาก การเข้ามาของนุศราจึงแทบจะไม่ต้องปรับตัวอะไรมาก
แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีแฟนกีฬาบางกลุ่มที่มองว่า การคัดโอลิมปิกครั้งนี้ควรจะเปิดโอกาสให้ทีมชุดปัจจุบันที่เพิ่งคว้าแชมป์เอเชียมาหมาด ๆ รวมถึง “ชมพู่” พรพรรณ เกิดปราชญ์ เจ้าของรางวัลมือเซตยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนท์ ได้สานต่อฟอร์มอันร้อนแรงมากกว่า
หรืออีกนัยยะนึงที่อาจมองได้ว่า มือเซตที่มีอยู่ยังไม่ดีพอ จนไม่สามารถมูฟออนจากนุศราไปได้ จึงต้องดึงเธอกลับมาช่วย ?
เติมเต็มให้กับทีม
การคัดโอลิมปิกครั้งนี้ถือเป็นโอกาสครั้งสำคัญของทีมชาติไทยอีกครั้ง หลังจากที่พลาดโอกาสมาอย่างเฉียดฉิวถึง 2 ครั้งติดในยุค 7 เซียน และทีมชุดปัจจุบันก็ถือว่าเป็นทีมชุดที่ดีพอที่มีโอกาสจะประสบความสำเร็จได้ด้วยเช่นกัน
นุศราและรุ่นพี่ 7 เซียนแทบทุกคนล้วนกล่าวชื่นชมทีมชุดนี้เป็นเสียงเดียวว่าจะเก่งและดีกว่ารุ่นของตัวเองด้วยซ้ำ เพราะทุกคนมีความสามารถและมีประสบการณ์มาตั้งแต่เด็ก
ผลงานที่ออกมาก็มีแนวโน้มให้เห็นเป็นเช่นนั้น ทั้งกราฟความสำเร็จที่ไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อง ๆ และตัวนักกีฬาแต่ละคนเองที่ระเบิดฟอร์มเฉิดฉายให้เห็นหลังพ้นเงารุ่นพี่ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลัก
จุดเด่นที่สุดของทีมชุดนี้ก็คือเกมรุก ที่มาจากลูกตบอันเฉียบขาดของ “บุ๋มบิ๋ม” ชัชชุอร โมกศรี เจ้าของรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมศึกชิงแชมป์เอเชียคนล่าสุด รวมถึงมือปืนช่วยทำคะแนนอย่าง “เพียว” อัจฉราพร คงยศ และแดนหลังอย่าง “บีม” พิมพิชยา ก๊กรัมย์
อย่างไรก็ตามสิ่งที่จะช่วยให้ศักยภาพทั้งหมดนี้ได้สำแดงออกมาเต็มที่ก็คือตำแหน่ง “เซตเตอร์” ที่เป็นผู้วางแผน เลือกเพลย์การเล่น และบรรจงป้อนลูกให้เพื่อนในทีมทำคะแนน
หลังจากที่นุศราเลิกเล่นทีมชาติไป “ชมพู่” พรพรรณ เกิดปราชญ์ ที่ก้าวขึ้นมาแทนก็สามารถทำหน้าที่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง มีทั้งทักษะที่ยอดเยี่ยมและแทคติกที่แทบจะถอดแบบนุศรามาได้เกือบหมด แถมยังมีไหวพริบและจุดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองมาช่วยสร้างความแตกต่าง
แต่ปัญหาก็คือ เธอมีปัญหาเรื่องสุขภาพ มีอาการป่วยไทรอยด์มากว่า 2 ปี การต้องลงเล่นติดต่อกันนาน ๆ ก็มีโอกาสจะเหนื่อยง่าย ยิ่งหากต้องเจอเกมยาว ๆ เล่นไปนาน ๆ ก็อาจต้องเปลี่ยนมือเซต
ทำให้ถึงจะมีหัวเสาที่ดุดันหรือมีบอลหลังคม ๆ แต่หากเซตเตอร์ไม่สามารถยืนเกมได้นานก็จะทำให้ประสิทธิภาพของทีมและการทำคะแนนลดลงได้
ยิ่งในการคัดโอลิมปิกด้วยแล้ว แต่ละทีมล้วนแข็งแกร่งระดับโลก มีอันดับเหนือกว่าไทยและมีความได้เปรียบในหลายเรื่อง ๆ ทั้งประสบการณ์ สรีระ และส่วนสูง จึงต้องพร้อมรับมือให้ได้ดีที่สุดในทุกสถานการณ์
การดึงนุศรากลับมาในครั้งนี้จึงไม่ใช่เป็นการมาแทนที่ แต่เป็นการมาช่วยเติมเต็มประสิทธิภาพของทีมให้ได้มากที่สุด
2 ทางเลือก 2 สไตล์
จากปัจจัยข้างต้น ทำให้ทีมชาติไทยชุดคัดโอลิมปิกครั้งนี้ไม่ได้มีเพียงมือเซตที่เป็นตัวหลักกับมือเซตดาวรุ่งที่คอยสแตนด์บายเท่านั้น แต่กลายเป็นทีมที่มีมือเซตระดับท็อปอยู่ในทีมร่วมกันถึง 2 คน
ในเกมแรกที่แม้จะแพ้เยอรมนี 0-3 เซต แต่รูปเกมถือว่าสู้ได้และมีลุ้น ซึ่งเกมนี้ “โค้ชด่วน” ดนัย ศรีวัชรเมธากุล กุนซือใหญ่ เลือกที่จะส่งนุศราออกสตาร์ทก่อน และพรพรรณถูกสลับมาภายหลัง แต่ทั้งคู่ก็แสดงให้เห็นถึงจุดเด่นที่ตนเองมี
นุศราช่วยเซตให้ทีมทำแต้มได้ถึง 15 คะแนนและไม่เสียเลย ส่วนพรพรรณช่วยทีม 4 คะแนน (เสีย 1 ครั้ง) แต่สามารถช่วยเกมรับโดยช่วยขุดลูกได้ถึง 4 ครั้ง
แน่นอนว่าด้วยประสบการณ์ รวมถึงจุดเด่นเรื่องการอ่านเกมและการเล่นบอลได้ทุกรูปแบบของ “ซาร่า” ยังคงมีความโดดเด่นมากกว่าอยู่ แต่ลูกขยัน การช่วยเกมรับ รวมถึงไหวพริบและการเลือกเพลย์เล่นที่พลิกแพลงของ “ชมพู่” ก็ไม่ได้เป็นรอง
การมีมือเซตทั้งคู่อยู่ในทีมจึงทำให้ทางเลือกของทีมมีเพิ่มมากขึ้น และท้ายที่สุดแล้วก็ขึ้นอยู่กับโค้ชว่าจะจัดสรรแผนการเล่นอย่างไรเพื่อให้เค้นศักยภาพของทั้งคู่ออกมาได้ถูกเวลามากที่สุด