ท่ามกลางกระแสโลกที่เกิดประเด็นใหญ่ชวนให้ติดตามไม่เว้นแต่ละวัน หนึ่งในประเทศที่ถูกพูดถึงบ่อย ๆ ในช่วงหลังมานี้คือ "ซาอุดีอาระเบีย" ชาติที่อุดมไปด้วย "น้ำมัน" ทรัพยากรที่เป็นแหล่งเงินทุนที่คอยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและสร้างเสถียรภาพทางการเมือง ตลอดจนการเป็นดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิมทั่วโลก
แต่ด้วยสถานการณ์โลกที่ผันผวนตลอดเวลาก็ส่งผลกระทบต่อซาอุดีอาระเบียไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง และเพื่อให้ซาอุดีอาระเบียก้าวทันโลกสมัยใหม่จึงได้ริเริ่มแผนพัฒนาประเทศรูปแบบใหม่ที่ชื่อ "Saudi Vision 2030" โดยมีจุดประสงค์สำคัญคือการเปลี่ยนจากภาพลักษณ์เดิมสู่ยุคใหม่
แต่จุดที่น่าสนใจคือ แนวทางดังกล่าวนี้มีบุคคลสำคัญแห่งวงการลูกหนังโลกอย่าง "ลิโอเนล เมสซี่" เข้ามาเกี่ยวข้อง
เรื่องนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร บทบาทของกัปตันทีมชาติอาร์เจนตินาที่เพิ่งชูโทรฟี่แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ไปหมาด ๆ เข้าร่วมกับเมกะโปรเจ็กต์ของซาอุดีอาระเบียแบบไหน มีคำถามและเรื่องท้าทายใดบ้างที่โลกกำลังรอติดตาม Main Stand ขออาสาพาทุกคนมารับรู้เรื่องราวทั้งหมดนี้ไปพร้อม ๆ กัน
เปิดม่านสู่ยุคใหม่ประเทศ
ภาพลักษณ์สองประการสำคัญของซาอุดีอาระเบียในสายตาของคนทั่วไป เรื่องแรก คือการเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์อันเคร่งครัดเรื่องศาสนา ที่ทุก ๆ ช่วงเดือนที่ 12 ตามปฏิทินอิสลาม (ระหว่างกรกฎาคมถึงสิงหาคม) ชาวมุสลิมทั่วโลกพร้อมใจกันเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาแสวงบุญที่นครมักกะห์ (Makkah) เพื่อร่วมประกอบพิธีฮัจญ์
อีกเรื่องเป็นเรื่องของความร่ำรวยจาก "น้ำมัน" เนื่องจากเป็นประเทศที่อุดมไปด้วยแหล่งทรัพยากรน้ำมัน จากที่เคยค้นพบว่าซาอุดีอาระเบียมีแหล่งน้ำมันดิบมหาศาลในปี 1938 ทำให้ประเทศถูกยกระดับและพัฒนาขึ้นมาเป็นชาติที่ร่ำรวยมากที่สุดชาติหนึ่งของโลก
อย่างไรก็แล้วแต่ การพึ่งพาน้ำมันเพื่อขับเคลื่อนประเทศและการสร้างเสถียรภาพทางการเมืองของประเทศก็ถูกท้าทายอยู่เรื่อย ๆ จากความแปรปรวนของราคาน้ำมัน การส่งออกน้ำมันที่กำลังถดถอย หรือการที่กลุ่มประเทศที่ไม่ได้เป็นสมาชิก OPEC (องค์กรกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน) ได้เข้ามามีบทบาทในสถานการณ์น้ำมันโลกมากขึ้น อย่าง สหรัฐอเมริกา และ แคนาดา ที่เริ่มผลิตน้ำมันไว้ใช้เอง
ตลอดจนกระแสโลกยุคใหม่ที่ใส่ใจเรื่องของสิ่งแวดล้อม การเกิดขึ้นของพลังงานหมุนเวียน รถยนต์ไฟฟ้า และความเข้มงวดของข้อตกลงทางกฎหมายต่าง ๆ ทำให้ความต้องการน้ำมันดิบของซาอุดีอาระเบียต่อตลาดโลกลดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ด้วยเหตุนี้ซาอุดีอาระเบียจึงมีแนวทางพัฒนาประเทศที่จะสร้างภาพลักษณ์ใหม่ภายใต้การลงทุนขนาดใหญ่ ด้วยการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่คอยอำนวยความสะดวกต่อการปฏิรูปประเทศ และผลักดันแผนพัฒนาเศรษฐกิจที่มีชื่อว่า "Vision 2030" ภายใต้การริเริ่มของ มุฮัมมัด บิน ซัลมาน อัลซะอูด (Mohammed bin Salman Al Saud) มกุฎราชกุมารแห่งกษัตริย์ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ (Salman bin Abdulaziz)
Vision 2030 มีเป้าหมายสำคัญคือการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม โดยไม่พึ่งพาน้ำมันเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป ครอบคลุมไปถึงเรื่องคุณภาพชีวิตของประชาชน เพื่อพาซาอุดีอาระเบียก้าวสู่ยุคใหม่ในสายตาประชาคมโลก
"กีฬา" และ "การท่องเที่ยว" ก็เป็นสองสิ่งที่ตรงตามความเชื่อความศรัทธาของราชอาณาจักร และไม่ลืมที่จะปรับสู่ความเป็นสากล เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์โลกไปด้วยกัน ซึ่งเป็นแนวทางที่อภิมหาโครงการนี้เลือกใช้เป็นเครื่องมือผลักดันสู่ระดับโลกในอีกทางหนึ่ง
หนึ่งในนั้นคือการลงนามบันทึกข้อตกลงกับนักฟุตบอลระดับซูเปอร์สตาร์โลกอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ ให้มาช่วยประชาสัมพันธ์ประเทศ ในเดือนพฤษภาคม 2022 และแม้จะไม่มีการระบุรายละเอียดโดยตรงว่าแนวรุกชื่อดังได้รับรายได้จากดีลนี้เท่าไร แต่ก็มีการคาดการณ์กันว่าสัญญาที่เมสซี่และทางการซาอุดีอาระเบียได้ตกลงร่วมกันมีมูลค่าสูงถึง 25 ล้านปอนด์ต่อปี
ขับเคลื่อนด้วยกีฬา การท่องเที่ยว และเมสซี่
การใช้อิทธิพลจากวงการกีฬาเพื่อสร้างสถานะใหม่ในโลกนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ หากจะนำมาร้อยเรียงให้สมบูรณ์ได้ทุกภาคส่วนในประเทศจะต้องร่วมมือกัน การออกนโยบายที่ชัดเจน การพัฒนาและส่งเสริมคุณภาพชีวิตคนในประเทศ ฯลฯ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้กีฬาเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องมือที่ช่วยประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ของชาตินั้น ๆ อย่างสมบูรณ์
ก่อนที่ซาอุดีอาระเบียจะดีลกับ ลิโอเนล เมสซี่ ให้มาเป็นส่วนหนึ่งของการโปรโมต Vision 2030 ประเทศนี้เคยจัดอีเวนต์กีฬาสู่สายตาทั่วโลกอยู่บ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นการจัดการแข่งขันมวยปล้ำจากค่ายชื่อดังของสหรัฐอเมริกาอย่าง WWE, การแข่งขันฟอร์มูล่า 1, การแข่งขันมวยสากลชิงแชมป์โลก, ทัวร์นาเมนต์กอล์ฟในรายการ LIV Golf
ตลอดจนการปลูกฝังเรื่องกีฬาและส่งเสริมการเล่นกีฬาของนักกีฬาในประเทศ ผ่านมหกรรม "ซาอุดีเกมส์" (Saudi Games) หรือ การแข่งขันกีฬาแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีนักกีฬาร่วม 6,000 คนมาชิงชัยใน 45 ชนิดกีฬา โดยในช่วงพิธีเปิดฝ่ายจัดการแข่งขันได้เชิญชวนคนใหญ่คนโตในแวดวงกีฬาจากหลายประเทศ (รวมทั้งไทย) เข้าร่วมพิธี เพื่อแสดงให้เห็นถึงขีดความสามารถของประเทศกับการจัดการอีเวนต์กีฬาขนาดใหญ่
เช่นเดียวกับความฮือฮาของกลุ่มทุนซาอุดีอาระเบียอย่าง กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติซาอุดีอาระเบีย (Public Investment Fund) หรือ PIF ที่เข้าซื้อสโมสร นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ทีมดังในพรีเมียร์ลีก ด้วยมูลค่าที่ตีเป็นเงินไทยสูงราว 14,000 ล้านบาท และทำให้ทีมฉายา "สาลิกาดง" กลายเป็นสโมสรที่รวยที่สุดในโลกในเวลานี้
ยังไม่นับโปรเจ็กต์เสนอชื่อเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2030 ร่วมกับกรีซและอียิปต์ แต่จะสำเร็จหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า ที่จะพิจารณาในปี 2024
ในรายของ ลิโอเนล เมสซี่ แม้ทุกคนจะรู้ดีว่านี่คือซูเปอร์สตาร์นักฟุตบอลชื่อดังที่ขนาดคนที่ไม่ได้ดูฟุตบอลก็ยังรู้จัก ทว่าเมสซี่ก็ไม่ได้เข้ามามีบทบาทในภาคส่วนของกีฬาโดยตรง ซึ่งข้อตกลงระหว่างกัปตันทีมชาติอาร์เจนตินาและซาอุดีอาระเบียมีขึ้นเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศเป็นหลัก
เมสซี่ทำหน้าที่เสมือนเป็น "ทูตการท่องเที่ยว" ของประเทศ บทบาทแรกที่เขาปรากฏตัวในโปรเจ็กต์ใหญ่ครั้งนี้คือการโปรโมตเมืองเจดดาห์ (Jeddah) ที่เป็นเมืองตากอากาศริมทะเลแดง ในเดือนพฤษภาคม 2022
"Discovering the Red Sea (ค้นพบทะเลแดง) #VisitSaudi" ภาพพร้อมแคปชั่นบนอินสตาแกรมขณะที่เมสซี่กำลังอยู่บนเรือยอร์ช พร้อมติดข้อความว่าได้รับสปอนเซอร์มาจาก Visit Saudi
"ยินดีต้อนรับ ลิโอเนล เมสซี่ สู่ซาอุดีอาระเบีย พวกเราตื่นเต้นที่คุณจะได้ร่วมสำรวจขุมทรัพย์แห่งทะเลแดง ฤดูกาลแห่งเจดดาห์ และประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ของเรา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามาที่ราชอาณาจักร และจะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย! @VisitSaudiNow" อาเหม็ด อัล-คาร์ทีป รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวของซาอุดีอาระเบีย เผยข้อความผ่านทวิตเตอร์
ปัจจุบัน เว็บไซต์ Visit Saudi มีหน้า Landing Page หรือหน้าเว็บไซต์ที่ถูกสร้างขึ้นโดยมีจุดประสงค์ที่เฉพาะเจาะจงที่จะสื่อสารกับคนเข้ามาดูเว็บไซต์โดยมี ลิโอเนล เมสซี่ เป็นผู้โปรโมตหลัก www.visitsaudi.com/en/Messi โดยมุ่งเป้าหมายเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวมาร่วมสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบีย มีทั้งแพ็คเกจท่องเที่ยว ข้อความพร้อมภาพถ่ายแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของประเทศอย่างครบครัน
"การเปิดพื้นที่ด้านความบันเทิงและกีฬาทั้งหมดเป็นส่วนสำคัญของ Vision 2030" เดนนิส โฮรัค อดีตเอกอัครราชทูตแคนาดาประจำซาอุดีอาระเบีย เผยกับ The Athletic "พวกเขาพยายามยกระดับไปสู่อีกขั้น ทำให้ซาอุดีอาระเบียเป็นสากลมากขึ้น ชื่อเสียงของซาอุดีอาระเบียจำเป็นจะต้องถูกยกระดับ และมันเกี่ยวข้องกับการสร้างแบรนด์ดิ้งให้กับประเทศใหม่"
Sportswashing และผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับเมสซี่
ใช่ว่าการทำอภิมหาโปรเจ็กต์ Vision 2030 ของซาอุดีอาระเบียจะถูกชาวโลกมองที่ความยิ่งใหญ่หรือฮือฮากับการเปลี่ยนภาพลักษณ์เดิมของประเทศเพียงอย่างเดียว
เพราะภายใต้ม่านใหม่ที่กำลังเปิด ดูเหมือนว่ายังมีเรื่องราวและเงื่อนงำหลายอย่างที่เหมือนเป็นเรื่องคู่ขนาน และทั้งโลกก็ให้ความสนใจไม่แพ้กัน
นักวิเคราะห์และสื่อมวลชนหลายสำนักมองว่าซาอุดีอาระเบียกำลังทำการ "Sportswashing" หรือแปลเป็นไทยว่าการใช้กีฬาเป็นเครื่องมือในการฟอกขาวให้กับภาพลักษณ์ของประเทศ
ซาอุดีอาระเบียเป็นหนึ่งในประเทศที่ใช้ระบอบการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์แบบรัฐอิสลาม มีพระมหากษัตริย์เป็นทั้งประมุขและนายกรัฐมนตรี แน่นอนว่าการวิจารณ์การทำหน้าที่ของบรรดาผู้ปกครองประเทศหลาย ๆ ครั้งจะถูกจำกัดตามแนวทางอำนาจนิยมที่เคร่งครัด
ปฏิเสธไม่ได้ว่ามกุฎราชกุมารมุฮัมมัด บิน ซัลมาน หรือที่รู้จักในนาม MBS ได้ผลักดันโปรเจ็กต์ Vision 2030 เพื่อให้สอดรับกับโลกยุคใหม่ในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ซึ่งก่อนหน้านั้นพระองค์ได้ปลดล็อกเรื่องคุณภาพชีวิตของคนในประเทศให้เป็นไปตามหลักสากลมากขึ้น
โดยเฉพาะเรื่องสิทธิสตรี อย่างในปี 2017 ทางการซาอุดีอาระเบียได้ออกกฎหมายอนุญาตให้เพศหญิงขับรถได้ และปี 2019 ก็ได้สั่งให้ยกเลิกการแบ่งแยกพื้นที่ระหว่างเพศหญิงและเพศชายในร้านอาหาร จึงไม่แปลกที่คนรุ่นใหม่บางส่วนจะสนับสนุนองค์มกุฎราชกุมาร
เนื่องจากในทุกวันนี้ประชาคมโลกสามารถรับรู้เรื่องราวระหว่างกันอย่างแพร่หลาย ก่อให้เกิดเป็นแนวคิดหมู่บ้านโลก หรือ Global village ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลที่พัฒนาต่อเนื่อง ทำให้ไม่ว่าจะอยู่โซนไหนของโลกก็มีโอกาสรับรู้เรื่องราวของอีกไทม์โซนได้แบบไม่จำกัดเวลาและสถานที่
โดยเฉพาะเรื่องที่ซาอุดีอาระเบียมีประเด็นความขัดแย้งระหว่างประเทศกับชาติร่วมภูมิภาคปรากฏเป็นข่าวสำคัญอยู่บ่อยครั้ง อย่างการสนับสนุนกองกำลังของรัฐบาลในเยเมนตั้งแต่ปี 2015 เพื่อปราบกลุ่มกบฏฮูตี ที่เหมือนว่าประเทศอิหร่านให้การสนับสนุนอยู่ รวมถึงการสนับสนุนเม็ดเงินและอาวุธให้กลุ่มต่อต้านรัฐบาลซีเรีย ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงความพยายามควบคุมการเมืองในภูมิภาค
อีกเรื่องราวสำคัญคือการกระทำต่อกลุ่มผู้เห็นต่าง ข่าวใหญ่สุดคงหนีไม่พ้นการเสียชีวิตขณะอยู่ในสถานทูตซาอุดีอาระเบียที่ประเทศตุรกีของ จามาล คาชูจกิ (Jamal Khashoggi) นักข่าวที่ออกมาวิจารณ์รัฐบาลซาอุดีอาระเบียโดยการนำของราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย ที่สื่อหลายสำนักรายงานว่า MBS เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง
ยังไม่นับเรื่องการเสียชีวิตจากปัญหาความไม่สงบในเยเมน โดยในปี 2021 องค์กรเพื่อความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม, พัฒนาการ, สุขภาพ รวมถึงความเป็นอยู่ของเด็กด้านมนุษยธรรมอย่าง ยูนิเซฟ (UNICEF) รายงานว่าเด็กมากกว่า 10,000 คนเสียชีวิตจากปัญหาดังกล่าว ซึ่งทางการซาอุดีอาระเบียเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง
และเพราะเรื่องราวดังที่ว่ามาทั้งหมดนี้เองทำให้การเข้ามามีบทบาทของเมสซี่ที่เป็นส่วนหนึ่งของเมกะโปรเจ็กต์ Vision 2030 ถูกตั้งคำถามไปด้วย เช่นปัญหาเรื่องความไม่สงบในเยเมนก็สามารถเชื่อมโยงไปที่ตัวเมสซี่ได้เช่นกัน เพราะเมสซี่มีสถานะเป็น "ทูตสันถวไมตรี" ขององค์กรดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2010
"MBS กำลังพยายามทำให้ประเทศเป็นปกติ และบทบาททูตของเมสซี่ก็มีส่วนช่วยในเรื่องนี้" ชาวซาอุดีอาระเบียรายหนึ่ง ให้สัมภาษณ์ผ่าน The Athletic
อีกประเด็นที่สอดคล้องกับแผน Vision 2030 ของซาอุดีอาระเบียและเป็นสถานการณ์ที่เกี่ยวข้อง ลิโอเนล เมสซี่ เช่นกัน คือเรื่องการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดฟุตบอลโลก 2030
อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้า ซาอุดีอาระเบียมีแผนในการเป็นเจ้าภาพร่วมกับกรีซและอียิปต์ โดยหนึ่งในคู่แข่งสำคัญคือการเสนอตัวจับมือกันเป็นเจ้าภาพร่วมของชาติจากอเมริกาใต้อย่าง อุรุกวัย ชิลี ปารากวัย และ อาร์เจนตินา โดยมีคอนเซปต์ฉลองครบรอบ 100 ปีที่อุรุกวัยได้เป็นเจ้าภาพและคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งแรก ในปี 1930
การจับมือกันครั้งนี้ถูกพูดถึงมาพักใหญ่แล้ว เคยปรากฏภาพ ลิโอเนล เมสซี่ และ หลุยส์ ซัวเรซ สองนักเตะชื่อดังจากอเมริกาใต้ ใส่เสื้อแสดงสัญลักษณ์เสนอตัวจัดบอลโลกบนแผ่นดินละตินมาตั้งแต่สมัยลงเล่นเกมคัดเลือกฟุตบอลโลก 2018
แม้การทำข้อตกลงกับซาอุดีอาระเบียของเมสซี่ในช่วงนี้จะยังปรากฏให้เห็นผ่านเรื่องการท่องเที่ยวเป็นหลัก แต่ด้วยรายละเอียดของข้อตกลงที่ไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการย่อมทำให้หลายฝ่ายวิเคราะห์ไปต่าง ๆ นานาว่า ในอนาคตซาอุดีอาระเบียอาจจะใช้เมสซี่เพื่อการโปรโมตเรื่องการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก
ขณะที่ฝั่งผู้สนับสนุนให้จัดฟุตบอลโลก 2030 บนแผ่นดินละตินอเมริกามองว่า แม้ภาพของ ลิโอเนล เมสซี่ จะไปปรากฏในซาอุดีอาระเบีย แต่ภาพลักษณ์ที่เป็นตัวตนของเมสซี่ก็มีมูลค่าในตัวของมันเองอยู่แล้ว และเมสซี่จะมีส่วนสำคัญในการช่วยเสนอตัวจัดฟุตบอลโลกบนแผ่นดินบ้านเกิดของตัวเองด้วยเช่นกัน
"ใช่ พูดตามตรงเมสซี่กำลังช่วยสร้างภาพลักษณ์ของซาอุดีอาระเบีย แต่ก็เอาเถอะ … เพราะการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกไม่ใช่เรื่องง่าย เราจะมาดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อมีการคัดเลือกเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ในฐานะชาวอาร์เจนตินาเราอยากสัมผัสประสบการณ์นี้อีกครั้งในประเทศของเรา" มักซี่ โรดริเกวซ อดีตเพื่อนร่วมทีมชาติของเมสซี่ กล่าว
"เมสซี่มีพลังที่ไม่เหมือนใครทั้งในและนอกสนาม เมสซี่เป็นแบรนด์ในตัวของเขาเอง และมันทรงพลังมาก เขาเป็นตัวแทนของคนทุกคนในวงการฟุตบอลไม่ใช่แค่กับรัฐใด เขาจะมีส่วนสำคัญในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพของชาติจากอเมริกาใต้ในปี 2030" เฟร์นานโด มาริน ในฐานะผู้ประสานงานชาติเจ้าภาพร่วมของประเทศจากฝั่งอเมริกาใต้ เผย
ไม่ว่าบทบาทของ ลิโอเนล เมสซี่ ต่อประเทศซาอุดีอาระเบียจะเป็นไปในรูปแบบไหน ดินแดนแห่งนี้จะยังมีประเด็นใดที่รอให้โลกตั้งคำถามอยู่ รวมถึงการแสดงตัวตนของสตาร์จากปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในอนาคตเรื่องการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพร่วมฟุตบอลโลก 2030 โดยประเทศบ้านเกิดอย่างอาร์เจนตินาจะดำเนินไปอย่างไร
จนถึงตอนนี้ เราเห็นได้ชัดแล้วว่าทุก ๆ ความเคลื่อนไหวของ ลิโอเนล เมสซี่ จะถูกจับตา นั่นก็เพราะการปรากฏตัวของเขาสามารถสร้างอิมแพ็คต์ต่อโลกได้มาก และมันไม่ใช่แค่กับโลกฟุตบอลเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป
แหล่งอ้างอิง
https://www.theguardian.com/world/2022/dec/16/messi-business-how-sportswashing-could-land-saudi-arabia-the-2030-world-cup
https://plus.thairath.co.th/topic/speak/101013
https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8/185263
https://youtu.be/FDLqyRcm2yM
https://theathletic.com/3918644/2022/11/22/messi-saudi-arabia-2030/
https://www.blockdit.com/posts/61f257b780ce59cd899989b8
https://www.siamsport.co.th/other-sports/sports-world/5254/
https://thaipublica.org/2022/01/pridi286/