กวาดสายตาไปยังรายชื่อนักฟุตบอลทีมชาติไทยทั้ง 20 คน ชุดสู้ศึกฟุตบอลซีเกมส์ 2023 ณ ประเทศกัมพูชา ที่กำลังแข่งขันกันอยู่ตอนนี้ นักเตะในทีมหลายคนเป็นที่รู้จักกันดีเนื่องจากพวกเขาเติบโตและค้าแข้งอยู่ในประเทศไทยมาโดยตลอด ทำให้แฟนฟุตบอลชาวไทยมีโอกาสได้รับชมฝีเท้าของพวกเขาผ่านหน้าจอโทรทัศน์มาบ้างแล้ว
ทว่าไม่ใช่กับ ชยพิพัฒน์ สุพรรณเภสัช มีคนจำนวนไม่น้อยที่สงสัยในตัวกองกลางหมายเลข 19 ของทีมชาติไทยว่าเขาคนนี้เป็นของจริงหรือมีดีแค่เพียงค้าแข้งอยู่ที่ยุโรป เพราะด้วยชื่อชั้นของสโมสรปัจจุบันที่เขาสังกัดอยู่ในลีกระดับ 4 ของประเทศโปรตุเกส เท่านั้น
แต่รู้หรือไม่ว่าในอดีตที่ผ่านมา ชยพิพัฒน์เคยไปอยู่กับทั้งสโมสรบราก้า และ เอสโตริล พร้อมได้มีโอกาสร่วมทีมกับ เปโดร เนโต้ และ ชิกินโญ่ สองดาวรุ่งชาวโปรตุเกสที่ปัจจุบันค้าแข้งอยู่กับ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส แห่งศึกพรีเมียร์ อังกฤษ มาแล้ว
น่าสนใจมากว่ากว่าที่ตัวของ ชยพิพัฒน์ สุพรรณเภสัช จะพาตัวเองก้าวมาถึงจุดนี้ได้ เขาต้องฝ่าฟันอุปสรรคหนักหนาสาหัสเพียงใด สามารถติดตามชีวิตของนักฟุตบอลที่หอบความฝันไปยังประเทศโปรตุเกสด้วยตัวคนเดียวตั้งแต่อายุ 14 ปี ไปพร้อมกับ Main Stand
เด็กตาดำ ๆ แถบชานเมือง
แรกเริ่มเดิมที ชยพิพัฒน์ หรือ “เจ็ท” เกิดมาเป็นลูกชายคนสุดท้องในครอบครัวสุพรรณเภสัช ต่อจากพี่ชายที่มีอายุแก่กว่าราว ๆ 4 ปี โดยที่คุณพ่อมีอาชีพรับราชการตำรวจ ส่วนคุณแม่รับหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยของบ้าน และคอยประคบประหงมลูกชายหัวแก้วหัวแหวนทั้งสองคนอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
อันที่จริงเรียกว่าบ้านคงจะไม่ถูกต้องสักเท่าไร เพราะรูปแบบที่อยู่อาศัยของครอบครัวนี้เป็นห้องชุดหรือที่เราเรียกว่า แฟลตสวัสดิการสำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตั้งอยู่ ณ ย่านดอนเมือง ซึ่งกิจวัตรประจำวันหลังเลิกเรียนตั้งแต่สมัยอนุบาลจนถึงประถมต้น ชยพิพัฒน์มักจะติดตามคุณพ่อไปที่สนามฟุตบอลละแวกใกล้เคียงแถวนั้นเป็นประจำ เขาจึงได้สัมผัสกับกลิ่นอายใบหญ้าและลูกฟุตบอลมาตั้งแต่ยังไม่รู้จักโลกมากนัก
หลังจากที่เวลาผ่านไป เมื่อชยพิพัฒน์มีอายุได้ 8 ขวบ คุณพ่อและคนรอบข้างมองว่าเด็กคนนี้มีแววน่าจะสามารถต่อยอดเป็นนักกีฬาฟุตบอลอาชีพได้ จึงทำการส่งชยพิพัฒน์ไปลับฝีเท้ากับอคาเดมีที่ขึ้นชื่อเรื่องทักษะพื้นฐาน ประจำย่านรามอินทรา ก.ม.8 อย่าง สโมสรฟุตบอลเรือจ้าง ภายใต้การดูแลของ อาจารย์มานิตย์ สุขสุภาพ
เมื่อเหล็กชั้นดีถูกตีด้วยช่างฝีมือชั้นยอด ชยพิพัฒน์จึงเริ่มแสดงศักยภาพภายในตัวออกมาและเริ่มเป็นที่รู้จักในแวดวงลูกหนังเยาวชนในขณะนั้นพร้อม ๆ กับเพื่อนรักอีกคนที่ปัจจุบันมีรายชื่อติดทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ลุยศึกซีเกมส์ 2023 ณ ประเทศกัมพูชา ร่วมกันอย่าง “ไม้” อชิตพล คีรีรมย์
จึงไม่พลาดที่ “ชงโคม่วงทอง” กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย สถาบันลูกหนังอันดับต้น ๆ ของประเทศ ย่านสาทร จะให้ความสนใจทาบทามทั้ง ชยพิพัฒน์ และ อชิตพล เข้าไปศึกษาต่อในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยที่ได้ คุณครูบุญเสริม สุภาสืบ อดีตนักฟุตบอลตำแหน่งกองหลังของสโมสรทหารบก บ่มเพาะให้คำแนะนำทั้งเรื่องในสนามและนอกสนาม
ชีวิตภายในรั้วโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนของชยพิพัฒน์ช่วงแรก ๆ ดำเนินไปได้ด้วยดี เขามีรายชื่อติดทีมเยาวชนไทยรุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี ชุดไปลุกศึกฟุตบอล ไซตามะ คัพ ที่ประเทศญี่ปุ่น และสามารถคว้าแชมป์กลับมาได้ แต่ภายหลังจากนั้นความรู้สึกเหนื่อยกับทั้งการเรียนและการฝึกซ้อมเข้ามากัดกินชยพิพัฒน์อย่างช้า ๆ จนส่งผลให้ฟอร์มการเล่นของเขาเริ่มดรอปลงจนบางครั้งต้องกลายเป็นตัวสำรองของทีม
แต่ถึงอย่างไรในการแข่งขันฟุตบอลกรมพลศึกษา รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี เมื่อปี พ.ศ. 2556 ชยพิพัฒน์พาโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศและสามารถคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ โดยการเอาชนะโรงเรียนท่าข้ามพิทยาคม ที่ในขณะนั้นมีทั้ง ทรงชัย ทองฉ่ำ, ฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์ และ จักรพงษ์ แสนมะฮุง ด้วยสกอร์ 2-0 นี่ยังไม่รวมถึงรายการอื่น ๆ เช่น ฟุตบอลทหารอากาศ, ไพรมิสเตอร์ คัพ หรือ ฟุตบอลทัวร์นาเมนต์ระดับนานาชาติเขาก็เคยพาทีมไปสู่ความสำเร็จมาแล้ว
ภายหลังจากพาชงโคม่วงทองกวาดถ้วยรางวัลมากมาย ชยพิพัฒน์รู้สึกอยากหาความท้าทายใหม่ ๆ ซึ่งเป้าหมายต่อไปของเขาไม่ได้อยู่แค่ในประเทศไทยอีกแล้ว ชยพิพัฒน์เริ่มเสาะหาหนทางและได้มีโอกาสเดินทางไปร่วมฝึกซ้อมกับอคาเดมีของ เรอัล มาดริด ที่ในตอนนั้นมาเปิดหลักสูตรสอนเยาวชนไทย
ชยพิพัฒน์เล่าย้อนให้ฟังว่า “ตอนนั้นที่ได้ไปฝึกซ้อมกับอคาเดมีของ เรอัล มาดริด ผมไม่ได้คิดอะไรในหัว แค่รู้สึกอยากเล่นฟุตบอลในแบบที่ตัวเองชื่นชอบ แต่ทางทีมงานผู้ฝึกสอนบอกว่าผมมีทรงกว่าเด็กในรุ่นเดียวกันและมีแววที่สามารถพัฒนาไปไกลจนถึงขั้นสามารถค้าแข้งในยุโรปได้เลยทีเดียว”
จากดอนเมืองส่งตรงถึงโปรตุเกส
คำพูดของทีมผู้ฝึกสอนสะกดอยู่ภายในจิตใจของชยพิพัฒน์อยู่สักระยะ ไม่นานเกินรอ อคาเดมีของ เรอัล มาดริด ที่เขาฝึกซ้อมอยู่ได้จัดทริปไปทัศนศึกษาพร้อมกับมีแมตซ์แข่งขันกับทีมเยาวชนในโปรตุเกส ซึ่งทันทีที่ชยพิพัฒน์ทราบเรื่อง เขาก็เกิดความรู้สึกอยากลองไปเหยียบเมืองฝอยทองดูสักครั้ง แต่อุปสรรคสำคัญที่ขวางทางความฝันของชยพิพัฒน์รวมถึงเด็ก ๆ หลายคน แน่นอนว่าเป็นเรื่อง “เงิน”
ชยพิพัฒน์ได้ทำการปิดบ้านประชุมกับครอบครัวกันเป็นการยกใหญ่ และได้ข้อสรุปว่าครอบครัวของเขาไม่มีเงินมากพอที่จะส่งชยพิพัฒน์ไปทัศนศึกษาที่ประเทศโปรตุเกสได้ เด็กชายผู้เปี่ยมไปด้วยความฝันจึงเดินไปแจ้งกับทางทีมผู้ฝึกสอนของอคาเดมี เรอัล มาดริด แบบซื่อ ๆ ทว่าคำตอบที่ได้รับกลับมาทำเอาชยพิพัฒน์รู้สึกตื้นตันใจอย่างมาก เพราะทางอคาเดมียินดีที่จะออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางของชยพิพัฒน์ให้ทั้งหมด
การเดินทางไปประเทศโปรตุเกสหนนั้น ตามโปรแกรมแล้วจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ โดยเป็นการเดินทางไปท่องเที่ยวเยี่ยมชมสถานที่สำคัญ และมีการฝึกซ้อมบวกกับแมตซ์การแข่งขันกระชับมิตรกับทีมเยาวชนของสโมสรสปอร์ติง ลิสบอน ในวันก่อนเดินทางกลับ ซึ่งทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดี และเป็นเกมสุดท้ายที่ชยพิพัฒน์สามารถโชว์ทักษะและศักยภาพออกมาจนโดดเด่นที่สุดในสนาม
ซึ่งภายหลังจากจบเกมมีทีมแมวมองจากสโมสรบราก้า ที่รับชมการแข่งขันนัดนี้อยู่ด้วยเข้ามาพูดคุยและแสดงความสนใจในตัวกองกลางจากประเทศไทย แต่ตอนนั้นชยพิพัฒน์ยังไม่สามารถพูดคุยเป็นภาษาอังกฤษรู้เรื่อง เขาจึงต้องอาศัยล่ามช่วยในการแปลคำพูดของทีมแมวมองให้ สุดท้ายก็ได้ความว่าสโมสรบราก้าอยากรับเขาให้มาเป็นเด็กฝึกของสโมสร และบอกให้กลับไปเตรียมตัวทั้งในเรื่องของเอกสารพร้อมกับฝึกภาษาให้เรียบร้อยเสียก่อน
หลังจากจบทริปโปรตุเกส ชยพิพัฒน์ตัดสินใจลาออกจากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ถึงแม้จะเพิ่งเข้าเรียนได้เพียง 1 ปี เท่านั้น และสมัครเข้าเรียนที่โรงเรียนนานาชาติเทรลตามคำแนะนำของเอเยนต์ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนไปใช้ชีวิตนักฟุตบอลที่ประเทศโปรตุเกส จนเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ชยพิพัฒน์ได้รับเลือกให้ไปทดสอบฝีเท้ากับสโมสรบราก้า ทีมในลีกสูงสุดในประเทศโปรตุเกส ด้วยวัยเพียง 14 ปี ในตอนแรกกำหนดการคืออยู่ทดสอบฝีเท้าเป็นเวลา 1 สัปดาห์ แล้วจะมีทีมงานมาแจ้งว่าผ่านหรือไม่
ตลอดช่วงเวลาทดสอบผีเท้ากับสโมสรบราก้า ในระยะเวลา 1 สัปดาห์ ชยพิพัฒน์ที่จากบ้านมาตัวคนเดียวไกลแสนไกลยอมรับว่ารู้สึกคิดถึงพ่อ แม่ และพี่ชาย อย่างสุดหัวใจ แต่มันจะทำยังไงได้เมื่อตั้งเป้าหมายไว้แล้วก็ต้องก้มหน้าก้มตาโชว์ของให้ทีมสตาฟเห็น ส่งผลให้ชยพิพัฒน์ได้รับสัญญาระยะยาว 4 ปี จนถึงอายุ 18 ปี กับสโมสรบราก้า โดยพวกเขาให้เหตุผลว่าเด็กไทยคนนี้คุ้มค่ากับการลงทุนแน่นอน
จริงดั่งคำพูดที่ว่า “เส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป”
ชยพิพัฒน์ใช้ชีวิตอยู่กับสโมสรบราก้าเป็นระยะเวลา 4 ปี การเปลี่ยนแปลงก็เดินทางมาหาเขาอีกครั้ง เนื่องจากเอเยนต์มองว่าตัวของชยพิพัฒน์ในวัยย่างเข้า 18 ปี เต็ม น่าจะเติบโตได้ดีกว่าหากได้ย้ายไปสู่ทีมที่เหมาะสมกับเขา ประกอบกับปัญหาหลายอย่างที่ทางสโมสรบราก้าไม่สามารถจัดการให้ลุล่วงได้ โดยสาเหตุหลักคือเอกสารสำหรับส่งชยพิพัฒน์ลงเล่นกับทีมชุดใหญ่ที่ไม่เรียบร้อย
สโมสรเอสโตริล จึงถูกล็อกให้เป็นเป้าหมายต่อไปของชยพิพัฒน์ โดยเอสโตริลเป็นเหมือนของใหม่ที่แตกต่างจากสโมสรบราก้าโดยสิ้นเชิง เพราะฟุตบอลภายในประเทศโปรตุเกสจะถูกแบ่งออกเป็นหลายสไตล์ตามภาคนั้น ๆ ชยพิพัฒน์อธิบายว่า “สโมสรทางตอนเหนืออย่าง บราก้า หรือ ปอร์โต้ จะมีความดุดันมากกว่า แต่ภาคที่ถัดลงมาอย่าง สปอร์ติง ลิสบอน หรือ เบนฟิก้า จะมีชั้นเชิงและระบบที่ดีกว่า นับเป็นเรื่องดีที่ได้เรียนรู้จากนักฟุตบอลหลากหลายสไตล์”
ด้วยความหวังที่จะลงเดบิวต์ในทีมชุดใหญ่กับสโมสรเอสโตริล ชยพิพัฒน์มุ่งมั่นฝึกซ้อมและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง และเมื่อเวลาผ่านไปเขาได้นึกย้อนถึงคำพูดหนึ่งซึ่งบังเอิญตรงกับสถานการณ์ที่เขากำลังเผชิญอยู่ นั่นคือคำพูดที่ว่า “เส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป” เพราะด้วยปัญหามากมายที่เข้ามาเล่นงานชยพิพัฒน์ ทั้งในเรื่องของการเมืองภายในทีม นักเตะคนโปรดของโค้ช หรือแม้กระทั่งเรื่องเงินของผู้สนันสนุนที่อยากดันนักเตะคนอื่นมากกว่า ชยพิพัฒน์ สุพรรณเภสัช
ทำให้ในปี 2022 ชยพิพัฒน์ในวัย 21 ปี ต้องทำการโยกย้ายอีกครั้งมาที่สโมสร เอสซี ไปรเอ็นเซ (SC Praiense) ในลีกระดับ 4 ของโปรตุเกส หรือ Campeonato de Portugal ซึ่งที่แห่งนี้เป็นที่ ๆ ทำให้ชยพิพัฒน์ได้โอกาสลงสนามอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย โดยโมเมนต์สุดประทับใจของชยพิพัฒน์คือการยิงประตูชัยในช่วงต่อเวลาพิเศษในการแข่งขันฟุตบอลโปรตุเกส คัพ รอบแรก ช่วยให้ เอสซี ไปรเอ็นเซ เอาชนะคู่แข่ง 3-2 ผ่านเข้าสู่รอบต่อไปได้สำเร็จ
สามารถชมคลิป ชยพิพัฒน์ ซัดประตูชัยช่วงทดเวลาบาดเจ็บพา เอสซี ไปรเอ็นเซ ชนะ 3-2 ได้ที่ : https://www.facebook.com/100068983942457/videos/1532080847303369
ทุ่มวิชาฟุตบอลทั้งหมด ช่วยไทยคว้าทองซีเกมส์
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ชยพิพัฒน์ถูกจับตามองจากสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยมาโดยตลอด แต่ต้องคลาดกันไปหลายรอบเพราะด้วยช่วงเวลาการแข่งขันฟุตบอลระดับชาติโซนเอเชียกับโปรแกรมฟาดแข้งของลีกโปรตุเกสมักจะคาบเกี่ยวกันอยู่เสมอ ทำให้รายชื่อของ ชยพิพัฒน์ สุพรรณเภสัช ไม่ได้ถูกบรรจุลงไปในนามทีมชาติหลายต่อหลายรายการอย่างน่าเสียดาย ซึ่งนอกเหนือจากที่เคยติดเยาวชุนชุดลุยศึกไซตามะ คัพ แล้ว เขาก็กระโดดข้ามรุ่นมาติดธงธงไตรรงค์อีกครั้งในการแข่งขันฟุตบอลซีเกมส์ครั้งที่แล้ว ณ ประเทศเวียดนาม
ย้อนกลับไปซีเกมส์เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ชยพิพัฒน์ขณะนั้นมีอายุ 20 ปี เอสโตริลปล่อยเขาให้มารับใช้ทีมชาติไทยชุดลุยซีเกมส์เป็นครั้งแรกเคียงข้างกับนักเตะรุ่นพี่มากมายไม่ว่าจะเป็น กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์, วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ และที่ขาดไม่ได้เลยคือรุ่นพี่ที่ให้คำแนะนำในสนามอย่าง วีระเทพ ป้อมพันธุ์ แม้ว่าในทัวร์นาเมนต์นั้นทีมชาติไทยจะไปไม่ถึงฝั่งฝันด้วยการพ่ายให้เจ้าภาพ 0-1 ในรอบชิงชนะเลิศ แต่ชยพิพัฒน์ได้รับประสบการณ์ล้ำค่ากลับมาพร้อมกับบอกตัวเองว่า ซีเกมส์ครั้งหน้าจะพาทีมชาติไทยคว้าเหรียญทองให้จงได้
ต่อเนื่องมาในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชียรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบคัดเลือก เมื่อกลางปี 2022 ที่ผ่านมา ชยพิพัฒน์เป็นหนึ่งในกำลังหลักของทีมชาติไทยอีกครั้ง และก็เหมือนเดิมที่ทัพช้างศึกไม่สามารถผ่านเข้าสู่รอบต่อไปได้
แต่สำหรับการแข่งขันซีเกมส์ 2023 ครั้งนี้ ชยพิพัฒน์หมายมั่นปั้นมือที่จะมาเอาเหรียญทองกลับประเทศไทยให้ได้ โดยเขาให้สัมภาษณ์ถึงความแตกต่างระหว่างการแข่งขันซีเกมส์ทั้งสองครั้งไว้ว่า “ซีเกมส์ครั้งที่แล้วผมยังไม่มีประสบการณ์ในนามทีมชาติมากนัก และยังรู้สึกประหม่าทุกครั้งที่ได้ลงเล่น เพราะรุ่นพี่ในทีมแต่ละคนก็มีดีกรีและฝีเท้าที่ไม่ธรรมดา”
“แต่การแข่งขันซีเกมส์ครั้งนี้ผมรู้สึกพร้อมกว่าครั้งที่แล้วมาก ทีมของเรามีความพร้อมอย่างเต็มที่เนื่องจากผู้เล่นส่วนใหญ่รู้จักกันมาตั้งแต่อายุ 12-13 ปี ทำให้ความสัมพันธ์ในทีมหรือแม้กระทั่งจังหวะการเล่นในสนามเข้ากันได้อย่างน่าเหลือเชื่อ”
“ผมไม่สนใจหรอกว่าจะได้ลงสนามในฐานะ 11 ตัวจริงหรือได้ลงเพียงแค่ 1 นาที แต่เมื่อไรที่ผมได้รับโอกาสลงสนาม ผมพร้อมใส่เต็มร้อยเพื่อเอาเหรียญทองกลับประเทศไทย” ชยพิพัฒน์ กล่าว
สำหรับโปรแกรมนัดถัดไปของทีมไทย คือการพบกับ ทีมชาติมาเลเซีย ในวันเสาร์ที่ 6 พฤษภาคม เวลา 16:00 น. แฟนฟุตบอลชาวไทยสามารถติดตามและให้กำลังใจ ชยพิพัฒน์ สุพรรณเภสัช และขุนพลช้างศึก ได้ทางช่องทีวีดิจิทัล ได้แก่ T Sports 7, 9 MCOT HD, one31 และ GMM25 นอกจากนี้ยังสามารถรับชมผ่านทาง TrueID ได้เช่นกัน ผ่านทางช่อง TrueID SEA Games1 และ TrueID SEA Games2