ศึกรถจักรยานยนต์ทางเรียบ โมโตจีพี ฤดูกาล 2015 ถูกบันทึกว่าเป็นหนึ่งในศึกชิงแชมป์โลกที่เข้มข้นและดราม่าที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ ตลอด 18 เรซของการแข่งขัน มีไฮไลต์เกิดขึ้นมากมาย และหนึ่งในนั้นคือการปะทะกันระหว่าง วาเลนติโน่ รอสซี่ กับ มาร์ก มาร์เกซ สองนักบิดแชมป์โลกต่างรุ่น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรซรองสุดท้ายของซีซั่น ที่เซปัง ประเทศมาเลเซีย ที่จบลงด้วยดราม่าสุดเดือด เมื่อมีจังหวะที่ รอสซี่ กับ มาร์เกซ ไล่เบียดกัน ก่อนในที่สุดการปะทะครั้งสุดท้ายระหว่าง "เดอะ ด็อกเตอร์" กับ "เด็กระเบิด" จะจบลงที่ฝ่ายหลังล้มเข้าบ่อกรวด กลายเป็นสงครามระหว่างทั้งคู่และเหล่าแฟนคลับที่หยิบยกมาวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเผ็ดร้อน
และนับตั้งแต่นั้น ความสัมพันธ์ระหว่าง รอสซี่ กับ มาร์เกซ ในฐานะรุ่นพี่-รุ่นน้องร่วมวงการก็ขาดสะบั้นลง
Main Stand ขอพาแฟนความเร็ว โมโตจีพี พร้อมกองเชียร์ VR46 กับ MM93 ย้อนกลับไปสำรวจเหตุการณ์ในวันนั้น ที่ทำให้มิตรภาพของทั้งสองฝั่งพังทลายอีกครั้ง
การพบพานของ VR46 กับ MM93
ในประวัติศาสตร์การแข่งขันโมโตจีพี วาเลนติโน่ รอสซี่ ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดนักบิดตลอดกาลของโลก จากผลงานความสำเร็จบนแทร็กที่ยากจะหาใครเทียบเทียม คว้าแชมป์โลกทั้งในรุ่น 125cc, 250cc, 500cc และ โมโตจีพี รวมกันได้ถึง 9 สมัย ลีลาการบิดที่เฉียบคมและเร็วกว่าใคร บวกกับคาแร็กเตอร์ที่เฮฮาสนุกสนาน มีเอกลักษณ์ และสร้างรอยยิ้มให้คนที่อยู่รอบข้างเสมอ
ผลงานและเสน่ห์ที่หาตัวจับยากของ "เดอะ ด็อกเตอร์" ทำให้เขากลายเป็นไอดอลและแรงบันดาลใจของบรรดานักบิดรุ่นใหม่ และเด็กทั่วโลกที่มีความฝันอยากก้าวเข้าสู่วงการความเร็ว และมีความฝันที่อยากจะประสบความสำเร็จแบบเดียวกับเขา หนึ่งในนั้นก็คือเด็กชายจากเกิดในเมืองเซร์เบร่า ประเทศสเปน ที่ชื่อ "มาร์ก มาร์เกซ"
รอสซี่ และ มาร์เกซ พบกันครั้งแรกเมื่อปี 2008 มันเป็นปีที่ "วาเล่" คว้าแชมป์โลกสมัยที่ 8 ภายใต้สังกัดยามาฮ่า ขณะที่มาร์เกซคือไอ้หนูดาวรุ่งที่เดบิวต์ลงแข่งรุ่น 125cc ฤดูกาลแรก พวกเขามีโอกาสพบกันที่แพ็ดด็อกของยามาฮ่า แม้นักบิดหนุ่มน้อยจะอยู่ในสังกัดเคทีเอ็ม (หากพูดแบบจำเพาะเจาะจงคืออยู่ใต้การดูแลของ เรปโซล บริษัทปิโตรเลียมยักษ์ใหญ่ของสเปน) แต่รอสซี่ก็ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี พวกเขาได้กระทบไหล่คุยแบบเป็นกันเองพร้อมแชะภาพคู่เป็นที่ระลึก
"ตอนเด็ก ๆ ผมมีโมเดลรถมอเตอร์ไซค์ของ วาเลนติโน่ รอสซี่ หลายรุ่นเลย" มาร์เกซพูดถึงชายที่นับถือในวันที่เขาขึ้นมาบิดรุ่นใหญ่โมโตจีพีแบบเต็มตัว "ผมคือแฟนตัวยงของเขา ผมชอบวิธีการขับขี่รถและการวางตัวนอกสนามด้วย วาเลนติโน่คือตัวอย่างของผม ฮีโร่ของผม และผมดีใจที่ได้ต่อสู้กับเขาบนสังเวียน"
นับจากวันที่เจอกันครั้งแรกในปี 2008 หนุ่มน้อยจากเซร์เบร่าค่อย ๆ สร้างชื่อเสียงขึ้นมาจากรุ่น 125cc จนคว้าแชมป์โลกได้ในปี 2010 ก่อนขยับมาลุย Moto2 แล้วคว้าแชมป์ได้ในปี 2012 ด้วยลีลาการบิดสไตล์ไฟต์เตอร์ประกอบกับอายุน้อยควรค่าแก่การปั้น ในที่สุด เรปโซล ต้นสังกัดของเขาก็ผลักดันมาร์เกซขึ้นมาบิดรุ่นใหญ่ MotoGP ในที่สุด เมื่อปี 2013 และแน่นอนว่าต้องเป็นกับสังกัด เรปโซล ฮอนด้า
และที่ยอดเยี่ยมกว่านั้นคือ มาร์เกซ หมายเลข 93 ได้ร่วมสังเวียนเดียวกับ รอสซี่ ชายที่ตัวเองนับถือด้วย แล้วมันก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ระหว่างพี่-น้อง ที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นมาบนแทร็ก พร้อมการยอมรับนับถือซึ่งกันและกัน
คลื่นลูกใหม่เบียดคลื่นลูกเก่า
มาร์ก มาร์เกซ ประสบความสำเร็จคว้าแชมป์โลกโมโตจีพีอย่างรวดเร็วในปี 2013 ซึ่งเป็นปีแรกที่เขาขยับก้าวขึ้นมาสู่วงการสองล้ออันดับ 1 ของโลก ด้วยตัวแข่ง RC213V ประทับหมายเลข 93 ของทีมโรงงานฮอนด้า ก่อนมาซิวดับเบิลแชมป์โลกในปีต่อมา ท่ามกลางเสียงชื่นชมจากคนทั่วโลกที่ยกให้เป็นนักบิดเลือดใหม่ที่จะก้าวขึ้นมาเขียนประวัติศาสตร์ของวงการโมโตจีพี
ภาพตัดไปที่รอสซี่ ในช่วง 2 ปีเดียวกัน ภายใต้ตัวแข่ง YZR-M1 ของทีมโรงงานยามาฮ่า ที่คัมแบ็กสู่บ้านหลังเก่าอีกรอบ กลับมาสู่ฟอร์มอันน่าประทับใจติดท็อป 5 ของตารางชิงแชมป์โลก โดยเฉพาะปี 2014 ที่เขากลับมายืนโพเดียมแบบรัว ๆ กอบโกยคะแนนจนคว้ารองแชมป์โลกได้ ทำให้ VR46 กลับมามีความมั่นใจในการล่าแชมป์โลกอีกครั้ง หลังไปเผชิญฝันร้ายกับค่ายดูคาติในปี 2011-2012 ที่ขึ้นโพเดียมเพียงแค่ 3 สนามแบบทุลักทุเล
เป็นธรรมดาที่ "คลื่นลูกใหม่" ย่อมมาแรงกว่า "คลื่นลูกเก่า" เพราะในขณะที่มาร์เกซมีรถที่ดีและจัดการสร้างสถิติใหม่มากมาย ทั้งแชมป์สนามที่อายุน้อยที่สุด 20 ปี 63 วัน ที่ออสติน ปี 2013, แชมป์โลก โมโตจีพี อายุน้อยที่สุด 20 ปี 266 วัน เมื่อปี 2013 พร้อมขึ้นโพเดียมแบบไม่ยั้ง 30 เรซในช่วง 2 ปี โดยเฉพาะการเปิดฤดูกาล 2014 ที่คว้าแชมป์ 10 เรซติดต่อกัน ทำให้โอกาสที่รอสซี่จะบวกสถิติแชมป์โลกอีกสักครั้งให้ตัวเองในวัยเลข 3 เริ่มเป็นงานยากไปทุกที
แล้วมันก็ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างรอสซี่และมาร์เกซเปลี่ยนไป โดยในสารคดี Marc Marquez: All In ที่ฉายทาง Amazon Prime Video มาร์เกซเล่าว่าความสัมพันธ์ของเขากับ "เดอะ ด็อกเตอร์" เริ่มเปลี่ยนไปเมื่อวันหนึ่งเขาได้ไปเยี่ยม VR46 Motor Ranch ฟาร์มและแคมป์ฝึกซ้อมส่วนตัวของรอสซี่ และได้แข่งมอเตอร์ไซค์มินิแทร็กกัน ซึ่งปรากฏว่ามาร์เกซสามารถทำลายสถิติของเจ้าบ้านได้ จนทำให้รอสซี่เกิดความไม่พอใจ
"ปี 2014 หลังจบเรซที่มิซาโน่ ผมไปที่ฟาร์มของเขา ผมค้างอยู่ที่นั่น 1 คืน เราแข่งกันบนแทร็กหลังบ้านเพื่อดูว่าใครจะเอาชนะสถิติของเขาได้ แล้ววันนั้นมันกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมรู้สึกว่ามีบางสิ่งเปลี่ยนไป มันเป็นความสัมพันธ์ที่มีความเย็นชามากขึ้น ผมไม่รู้ว่าทำไม บางทีอาจเป็นเพราะผมทำลายสถิติเขาก็ได้ ไม่รู้สิ" มาร์เกซ เปิดใจเล่าผ่านสารคดี
ฤดูกาลแห่งจุดแตกหัก
ศึกโมโตจีพี ฤดูกาล 2015 เดินทางมาถึง ความตึงเครียดก่อตัวเพิ่มขึ้น เมื่อรอสซี่ที่กลับสู่ฟอร์มอันยอดเยี่ยมกวาดแชมป์สนามและโพเดียมเป็นกอบเป็นกำ เก็บคะแนนสะสมขึ้นไปอยู่ในแถวหน้าของการลุ้นแชมป์โลก ณ จุดนี้ สาวก VR46 รู้กันทั่วว่านี่คือโอกาสทองที่สุดแล้วที่รอสซี่จะได้สลักชื่อตัวเองเป็นแชมป์โลกสมัยที่ 10 ที่รอคอยมานาน โดยมีคู่ปรับคือ ฆอร์เก ลอเรนโซ่ ทีมเมตชาวสแปนิชที่บิดคันเร่งพาตัวเองขึ้นโพเดียมรัว ๆ ขอแย่งชิงตำแหน่งแชมป์โลกบ้าง
แต่อีกสิ่งที่รอสซี่ตั้งข้อสังเกตก็คือการชิงแชมป์โลกปีนั้นมีนักบิดอีกคนสอดแทรกมาเป็นตัวแปรสำคัญที่สามารถตัดสินได้ว่าจะช่วยให้ใครเป็นแชมป์โลกในฤดูกาลนั้น นั่นคือ "มาร์ก มาร์เกซ"
ปีนั้น มาร์ก มาร์เกซ ผลงานไม่ดีเท่าที่ควร เขาล้มไป 5 สนาม พร้อมถูกรอสซี่กับลอเรนโซ่ทำแต้มทิ้งห่างจนตัวเองหมดสิทธิ์ป้องกันแชมป์โลก นั่นก็เลยทำให้สื่อจับจ้องว่ามาร์เกซจะทำหน้าที่ช่วยเหลือ ลอเรนโซ่ รุ่นพี่คนบ้านเดียวกัน ให้ก้าวขึ้นไปหยิบแชมป์โลก ด้วยการคอยกีดกัน รอสซี่ ไอดอลที่เขาเคยนับถือในอดีต ไปให้พ้นทาง
จากกระแสข่าวที่เมาท์กันในโลกโซเชียลก็เริ่มเป็นความจริงในฤดูกาลนั้น มาร์เกซ และ รอสซี่ แปรเปลี่ยนจาก "รุ่นพี่-รุ่นน้อง" กลายเป็น "ศัตรูบนแทร็ก" โดยสมบูรณ์
เรซที่ 3 ในประเทศอาร์เจนตินา ระหว่างที่ทั้งคู่ขับเคี่ยวชิงอันดับ 1-2 รอสซี่ที่นำหน้าอยู่ตัดสินใจกำเบรกจนรถของมาร์เกซเข้ามาปะทะแล้วล้มลงไปจนต้องออกจากการแข่งขัน ขณะที่รอสซี่คว้าชัย พร้อมฉลองบนโพเดียมด้วยการสวมเสื้อฟุตบอลทีมชาติอาร์เจนตินาที่ติดเบอร์ชื่อของ ดิเอโก้ มาราโดน่า
ต่อมา เรซ 8 ของซีซั่นที่แอสเซน ประเทศเนเธอร์แลนด์ มาร์เกซที่บี้กับรอสซี่จนถึงโค้ชสุดท้ายก็ไปสะกิดรอสซี่จนหลุดเข้าบ่อกรวด แต่ด้วยความเก๋าเกม "เดอะ ด็อกเตอร์" ก็ประคองรถแล้วบิดส่งราวกับกำลังขี่โมโตครอสเข้าเส้นชัยเอาตัวรอดไปได้ เป็นแชมป์ที่มาพร้อมดราม่าเล็ก ๆ จนสื่อในสเปนยังพาดหัวว่า "รอสซี่ใช้เล่ห์เหลี่ยมเพื่อเป็นแชมป์"
และแล้วในเรซที่ 17 สนามรองสุดท้ายของปีนั้น ที่เซปัง ประเทศมาเลเซีย จุดแตกหักที่แท้จริงบังเกิดในงานแถลงข่าวเมื่อรอสซี่พูดเชิงติดตลก (แต่จริงจัง) ว่า มาร์เกซกำลังทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยรุ่นพี่อย่างลอเรนโซ่ และขัดขวางไม่ให้เขาเป็นแชมป์โลกสมัยที่ 10 โดยพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ฆอร์เกเขามีผู้สนับสนุนคนใหม่แล้ว นั่นก็คือ มาร์ก" พร้อมอ้างอิงเหตุการณ์ในสนามก่อนหน้า ที่มาร์เกซซึ่งหมดลุ้นแชมป์โลกบิดหมดปลอกคว้าแชมป์สนาม ลอเรนโซ่จบรองแชมป์ ส่วนรอสซี่ทำได้เพียงอันดับ 4
คำพูดของรอสซี่ก่อนเกมกลายเป็นประโยคที่เปลี่ยนบรรยากาศจากที่เฮฮาอยู่กลายเป็นตึงเครียดในบัดดล แม้กระทั่งลอเรนโซ่กับมาร์เกซที่นั่งประกบอยู่ซ้าย-ขวา ถึงกับยิ้มเจื่อน ๆ แถมยังไปพูดซ้ำกับสื่อหลังจบงานแถลงเพื่อยืนยันคำพูดว่าทั้งคู่กำลังขัดขวางเขาไม่ให้เป็นแชมป์โลกสมัยที่ 10 "จริงหรือเปล่านะที่เขา (มาร์เกซ) บอกว่าผมเป็นไอดอล จริงไหมนะที่บ้านเขามีโปสเตอร์รูปผม อยากไปดูด้วยตัวเองจัง"
คำพูดของรอสซี่สร้างความหงุดหงิดให้กับลอเรนโซ่และมาร์เกซโดยแท้จริง ก่อนนำมาสู่เหตุการณ์ในการแข่งขันจริงที่จะถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ตลอดกาล
ลูกถีบ (?) สะบั้นมิตรภาพ
วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม 2015 รอบชิงชนะเลิศ ที่เซปัง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย ถูกย้อมไปด้วยเสื้อและแฟลร์สีเหลืองที่มาเชียร์รอสซี่ให้คว้าแชมป์ที่สนามแห่งนี้กันเป็นจำนวนมาก ขณะที่สื่อมวลชนและแฟนโมโตจีพีทั่วโลกที่เห็นบทสัมภาษณ์โจมตีลอเรนโซ่กับมาร์เกซในวันก่อนแข่งให้ความสนใจเรซนี้เป็นพิเศษ ด้วยลางสังหรณ์ว่าอาจมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น
ลำดับการออกสตาร์ทรอบชิง ตำแหน่ง 1-2-3-4 ไล่เรียงโดย ดานี่ เปโดรซ่า แห่ง เรปโซล ฮอนด้า จองตำแหน่งโพลโพซิชั่น ขณะที่กริดสองคือ มาร์ก มาร์เกซ รุ่นน้องทีมเดียวกัน ต่อด้วยกริดสามเป็น วาเลนติโน่ รอสซี่ ขวัญใจแฟน ๆ จากค่ายยามาฮ่า ส่วนอันดับ 4 คือ ฆอร์เก ลอเรนโซ่ ทีมเมตของเขา แล้วเมื่อสิ้นสัญญาณไฟ พวกเขาก็เร่งเครื่องออกตัวตามตำแหน่งเพื่อทำหน้าที่ของตัวเอง
กระทั่งเข้าสู่รอบที่ 7 ดราม่าบังเกิดเมื่อรอสซี่กับมาร์เกซซึ่งเปิดศึกขับเคี่ยวต่อสู้กันอีกครั้งแบบเบียดกันรถต่อรถล้อต่อล้อ เพื่อชิงอันดับ 3 ทำรอสซี่หัวเสีย เมื่อเขามองว่ามาร์เกซพยายามขัดขวางเขาในการไล่ล่าตำแหน่งกับ ลอเรนโซ่ คู่แข่งชิงแชมป์โลก กระทั่งถึงจุดเกิดเหตุ โค้งที่ 14 มาร์เกซพยายามเบียดและเสียบแซงจากวงนอก รอสซี่ตัดสินใจใช้ขา "ถีบ" หรือ "ยัน" รถหมายเลข 93 ของมาร์เกซไถลเข้าบ่อกรวดล้มลงไป แม้ผู้บรรยายจะใช้คำที่เป็นกลางว่า "คอนแท็กต์" หรือปะทะกัน แต่เมื่อภาพตัดไปที่สีหน้าของทีมงานยามาฮ่าในแพ็ดด็อก ดูเหมือนทุกคนจะรู้ดีว่ารอสซี่ทำอะไรลงไป
เกมการแข่งขันจบลงที่ ดานี่ เปโดรซ่า คว้าแชมป์สนาม ฆอร์เก ลอเรนโซ่ เข้าที่สอง วาเลนติโน่ รอสซี่ เข้าที่สาม แต่แทบไม่มีใครพูดถึงตำแหน่งบนโพเดียมเพราะเจอช็อตลูกถีบของรอสซี่ขโมยซีนไปจนหมดสิ้น เมื่อจบการแข่งขัน มาร์เกซก็ได้เผชิญหน้ากับรอสซี่อีกครั้งในห้องประชุมคณะกรรมการ พร้อมชื่นชมรุ่นพี่คู่กรณีด้วยรอยยิ้มว่า "ถีบได้สวยมาก"
แม้ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดการพูดคุยแบบเคร่งเครียดในห้องประชุมกรรมการ ที่สุดแล้วคณะกรรมการตัดสินว่า รอสซี่ "ตั้งใจวิ่งออกนอกไลน์เพื่อขัดขวางคู่แข่ง จนเป็นเหตุให้เกิดการปะทะและคู่กรณีล้ม" พร้อมสั่งตัดคะแนนความประพฤติ 3 คะแนน (คะแนนส่วนนี้ไม่เกี่ยวกับคะแนนสะสมชิงแชมป์โลก) ซึ่งเมื่อรวมกับเหตุการณ์จากสนามก่อน ๆ หน้า กลายเป็นว่า รอสซี่ถูกตัดคะแนนถึงเกณฑ์ที่จะต้องรับโทษ ออกสตาร์ทจากท้ายแถวในเรซสุดท้ายที่บาเลนเซีย ประเทศสเปน
แม้ยามาฮ่าต้นสังกัดจะพยายามยื่นอุทธรณ์ รวมถึงยื่นต่อศาลกีฬาโลก หรือ CAS แต่ก็ไม่เป็นผล ทำเอามาร์เกซผิดหวังไม่น้อย เพราะรู้สึกว่ารอสซี่สมควรถึงขั้นถูกแบนห้ามลงแข่ง แต่ที่โดนแค่นั้นและยังได้กลับมาแข่งต่อในเรซสุดท้ายก็เพราะว่าเขาคือนักบิดผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่ว่าใครต้องยำเกรงในอิทธิพล
"ผมคิดว่าเป็นเรื่องผิดพลาดของ ผอ.การแข่งขัน เมื่อคุณเห็นสิ่งนี้เกิดขึ้นคุณควรมีบทลงโทษที่หนักหน่วง ถ้านักบิดคนนั้นไม่ใช่ วาเลนติโน่ รอสซี่ พวกเขาคงโบกธงดำและจบเรื่องนี้ไปนานแล้ว" มาร์เกซ บ่นหลังเหตุการณ์นั้น
ส่วนรอสซี่ก็อธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นที่เซปังว่า "ผมไม่มีเจตนาทำให้มาร์เกซล้ม ผมไม่ได้เตะเขานะ ถ้าคุณดูภาพอย่างที่ผมเห็นที่เรซคอนโทรล ดูแบบเฟรมต่อเฟรม หากดูจากมุมปกติทุกคนคงคิดว่าผมเตะเขา แต่ถ้าดูจากเฮลิคอปเตอร์แบบช้า ๆ ชัดเจนว่าผมบิดออกเป็นทางกว้างและพยายามทำให้เขาเสียเวลาเพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่ผมทำได้ แล้วเมื่อผมบิดช้าลง แตะเบรก เราก็ชนกัน ถ้าผมจะเตะเขาก็คงเตะไปก่อนสัก 20-30 เมตรแล้ว และถ้าคุณเตะนักแข่งโมโตจีพี มันไม่มีทางล้มหรอก เพราะรถมันหนักและยึดเกาะถนนมาก ๆ"
กระนั้นแม้รอสซี่จะออกมาพูดแก้ต่าง แต่สื่อความเร็วหลากสำนักและแฟนคลับของมาร์เกซก็ยังเชื่อไปในทางเดียวกันว่ารอสซี่ ถีบมาร์เกซที่มาเลเซียจริง ๆ และผลของบทลงโทษดังกล่าวส่งผลต่อโอกาสคว้าแชมป์โลกของรอสซี่อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
ก่อนแข่งเรซสุดท้ายของฤดูกาล รอสซี่นำลอเรนโซ่อยู่ 7 คะแนน แต่การถูกปรับไปสตาร์ทอันดับสุดท้าย ทำให้รอสซี่ที่ต้องจบอันดับ 2 เพื่อการันตีแชมป์โลกต้องบิดหมดปลอกเพื่อทำอันดับ แม้คู่แข่งหลายคนยอมให้รอสซี่แซงผ่านไปง่าย ๆ แต่สุดท้าย เขาทำได้ดีที่สุดเพียงอันดับ 4 ส่งให้ ฆอร์เก ลอเรนโซ่ ที่คว้าชัยชนะส่งท้ายฤดูกาลขึ้นไปยืนผงาดชูโทรฟี่แชมป์โลกสมัยที่ 3 ของเขาที่ เซอร์กิต ริคาร์โด ตอร์โม ต่อหน้ากองเชียร์ในบ้านตัวเอง
ลูกถีบที่เซปัง ปี 2015 เปลี่ยนมิตรภาพระหว่าง รอสซี่ กับ มาร์เกซ ไปตลอดกาล เพราะหลังจากนั้นทั้งสองแทบไม่พูดคุยกันอีกเลย เจอกันบนแทร็ก สู้กันบนแทร็ก จบงานแล้วก็แยกย้ายทางใครทางมัน แถมในปี 2016 ปีที่รอสซี่คว้ารองแชมป์โลกอีกหน ก็ยังถูกมาร์เกซที่กลับมาคืนฟอร์มเก่งหักอกแย่งแชมป์โลกไปจากมือเขาอีก
ไม่เพียงเท่านั้น เหตุการณ์ในเรซที่ประเทศอาร์เจนตินาเมื่อปี 2018 มาร์เกซกับรอสซี่มีเหตุปะทะกันอีกครั้ง แต่คราวนี้ลงเอยด้วยการที่รอสซี่ล้ม ยิ่งเป็นการราดน้ำมันเข้ากองเพลิงให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ปิดฉากลงอย่างเป็นทางการ
สุดท้ายเมื่อถึงปี 2021 รอสซี่ที่อายุมากขึ้นและอิ่มตัวกับการลงสนามแข่งแล้ว ตัดสินใจรีไทร์เลิกแข่งไปพร้อมเกียรติประวัติแชมป์โลก 9 สมัยที่จะติดตัวเขาไปตลอดกาล แต่หากสังเกตในเรซสุดท้ายของรอสซี่ที่มีพิธีอำลาให้อย่างสมเกียรติ วันนั้นมาร์เกซไม่อยู่ในพิธี ถึงมีเหตุผลอ้างอิงได้ว่มาร์เกซกำลังรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บก็ตาม
ไม่มีคำว่า "ให้อภัย"
แม้เหตุการณ์ที่เซปังจะผ่านมานานหลายปีแล้ว แต่ทั้ง วาเลนติโน่ รอสซี่ กับ มาร์ก มาร์เกซ ก็ยังคงโกรธกันอยู่เหมือนเดิม มีนักข่าวคนหนึ่งถามรอสซี่ว่าเขาจะเลิกโกรธนักบิดรุ่นน้องได้หรือยัง เขาตอบว่า "เป็นไปไม่ได้เลย สิ่งที่เขาทำกับผมมันไม่ควรให้อภัย เมื่อนึกย้อนไปถึงตอนนั้นผมก็ยังรู้สึกเหมือนเดิม มันยากที่จะเปลี่ยนแปลง"
ส่วนคนที่โดนถีบอย่าง มาร์ก มาร์เกซ ที่ยังคงโลดแล่นอยู่บนสังเวียนโมโตจีพีก็พูดทำนองเดียวกันว่าเขาคงไม่มีวันกลับไปเป็นเด็กชายที่ติดโปสเตอร์หรือสะสมรถโมเดลของรอสซี่ในห้องนอนอีกต่อไปเมื่อพิจารณาจากสิ่งที่ตัวเองโดนมา "จากเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนและหลังจากนั้นระหว่างเรา บางทีคงต้องรอสัก 20-30 ปีก่อน เราถึงจะกลับมาคุยกันอีกครั้งนะ ไม่อยากบอกว่าไม่มีทาง แต่มันคงไม่เกิดขึ้นพรุ่งนี้หรอก"
เหตุปะทะกันระหว่าง รอสซี่ กับ มาร์เกซ ที่มาเลเซีย ปี 2015 ทุกวันนี้ยังคงเป็น Topic ที่แฟนคลับของ VR46 กับ MM93 หยิบมาโต้เถียงกันเป็นประจำเมื่อมีใครเปิดประเด็น
ฝั่งของแฟนรอสซี่หลายรายเข้าข้างว่าฮีโร่ของพวกว่ารอสซี่ไม่ได้ถีบอีกฝ่าย แต่ถึงจะถีบก็ถือว่าสมควรแล้วกับสิ่งที่มาร์เกซทำลงไป ส่วนกองเชียร์มาร์เกซก็ปกป้องว่าแม้นักบิด "เด็กระเบิด" จะชอบขับขี่สไตล์ไล่กดดันคู่แข่งระยะกระชั้นชิดเสมอ แต่รอสซี่ก็ไม่ควรผลักนักซิ่งรุ่นน้องล้มลงไปแบบนั้นอยู่ดี
สุดท้ายไม่ว่าความจริงเป็นอย่างไร ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเหตุการณ์นี้กลายเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของวงการสองล้อโมโตจีพีไปแล้ว ส่วนตัวของ รอสซี่ กับ มาร์เกซ จะมีวันกลับมาเชื่อมความสัมพันธ์ที่แตกร้าวไปแล้วให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมหรือไม่ มีแค่เวลาเท่านั้นที่จะบอกได้
แหล่งอ้างอิง :
สารคดี Marc Marquez : All In EP.3 Champion
https://www.theguardian.com/sport/2015/apr/27/marc-marquez-valentino-rossi-motogp
https://the-race.com/motogp/unforgivable-rossi-revisits-marquez-grudge-five-years-on/
https://www.motorcyclesports.net/articles/marc-marquez-recalls-problems-with-valentino-rossi-maybe-he-was-bothered-that-i-beat-his-record-at-the-ranch
https://gpxtra.com/2015/10/25/rossi-defends-his-actions-in-battle-with-marquez/
https://www.corriere.it/sport/21_febbraio_08/valentino-rossi-col-covid-ti-senti-appestato-42-anni-corro-come-prima-ma-ora-seguo-politica-5a13e35e-6972-11eb-9297-ace0084945d6.shtml