ไบรท์ตัน สโมสรจากดินแดนริมชายฝั่งตอนใต้ของเกาะบริเตนใหญ่ เคยร่วงหล่นไปรั้งท้ายของฟุตบอลลีกดิวิชั่น 3 (ลีกทูในปัจจุบัน รายการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพที่ต่ำที่สุดของอังกฤษ) 25 ปีก่อนหน้านี้
จากช่วงเวลาอันมืดมน ต้องไล่ตีเสมอ เฮียร์ฟอร์ด ยูไนเต็ด เพื่อความอยู่รอดในฟุตบอลลีกอาชีพของฤดูกาล 1996-97 สู่การมีลุ้นไปแข่งขันฟุตบอลยุโรปเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร ภายใต้การคุมทีมของ โรแบร์โต้ เด แซร์บี
และนี่ไม่ใช่ซีซั่นฟลุ๊คของ "เจ้านกนางนวล" เพราะทั้งหมดทั้งมวลมาจากรากฐานที่ โทนี่ บลูม เจ้าของทีมคนปัจจุบันได้สร้างเอาไว้ นับตั้งแต่เข้ามาเป็นผู้อำนวยการสโมสร ในปี 2009
มาเจาะลึกดูเบื้องหลังการพัฒนาทีมของไบรท์ตัน ที่แม้แต่สโมสรแนวหน้าในพรีเมียร์ลีกยังนำไปเป็นแบบอย่าง ได้ในบทความนี้
จากพนันสู่การซื้อขาย
โทนี่ บลูม สร้างชื่อให้ตัวเองจากการเป็นนักพนัน โดยเฉพาะการเล่นโป๊กเกอร์ ที่เขาเริ่มเข้าสู่วงการในปี 1994 ภายใต้ฉายา "The Lizard" อันหมายถึงสไตล์การเล่นที่สุขุมเยือกเย็น แม้จะตกอยู่ท่ามกลางความกดดันจากเดิมพันมูลค่าสูง และยังคงลงทำการแข่งขันมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับคว้าแชมป์ 2022 Poker Masters ที่เมืองโอมาฮา รัฐเนแบรสกา สหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนกันยายน 2022 ที่ผ่านมา
ในฐานะนักพนันผู้ประสบความสำเร็จคนหนึ่ง บลูมปรับเอาเทคนิคในการพนันของเขามาใช้กับไบรท์ตัน เพื่อให้สโมสรแห่งนี้ก้าวนำคู่แข่งได้อยู่เสมอ
"ข้อดีของสโมสรแห่งนี้คือเราค่อย ๆ สร้างทุกอย่างขึ้นมาอย่างมั่นคง ทั้งบุคลากร สิ่งปลูกสร้าง นโยบาย ขั้นตอน ด้านคุณภาพของนักเตะและทีมงาน ตั้งแต่ระดับเยาวชนสู่การซื้อขายผู้เล่นเข้าทีม" นี่คือคำบอกกล่าวจาก พอล บาร์เบอร์ ซีอีโอของสโมสร ผู้ยอมรับว่าเจ้าของทีมคนปัจจุบันนั้น "ไม่ต้องการจะทำอะไรกับสโมสร นอกจากรักและเทิดทูนทีมสืบต่อไป"
บลูมได้ศึกษาระบบการพนันแบบแฮนดิแคป ในช่วงเวลาที่เขามาทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ กับยิบรอลตาร์ จนมองเห็นความเป็นไปได้ที่จะต่อยอดมาสู่วงการฟุตบอล และก่อตั้งบริษัท Starlizard ขึ้นมา
เขารายล้อมไปด้วยนักวิเคราะห์ข้อมูล ผู้เชี่ยวชาญด้านสถิติ และแหล่งข่าววงในใกล้ชิดสโมสรต่าง ๆ ที่สามารถระบุได้ถึงอาการบาดเจ็บ ความฟิต สภาพจิตใจนักฟุตบอล หรือรายชื่อ 11 ตัวจริงที่จะลงสนาม จนแทบทำให้บริษัทของ โทนี่ บลูม สามารถคาดการณ์ผลงานของสโมสรต่าง ๆ ได้อย่างมีความแม่นยำสูง นำหน้าคู่แข่งรายอื่น ๆ ในวงการเดียวกัน
เทคนิคดังกล่าวยังถูกต่อยอดมาใช้ที่ไบรท์ตัน เพราะไม่ว่าพวกเขาจะเสีย แกรห์ม พอตเตอร์ และทีมงานให้กับ เชลซี ไประหว่างฤดูกาล หรือการโดนทีมใหญ่ดึงตัวนักเตะอย่าง เลอันโดร ทรอสซาร์, มาร์ก กูกูเรญ่า และ อีฟส์ บิสซูมา ไปในตลาดเดียวกัน แต่พวกเขาก็ยังไม่เสียสมดุลในทีมไปแต่อย่างใด
และต่อให้ผู้จัดการทีมคนปัจจุบันอย่าง โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ ถึงคราวย้ายทีม หรือตัวหลักอย่าง มอยเซส ไกเซโด้ กับ อเล็กซิส แมคอัลลิสเตอร์ ถูกซื้อตัวไป พวกเขาก็มีลิสต์ของว่าที่นักเตะหน้าใหม่ที่จะถูกดึงเข้ามาร่วมทัพไว้รออยู่แล้ว
ลงทุนให้ถูกจุด
เจ้าของสโมสรบางรายอาจเข้ามารับตำแหน่งด้วยวัตถุประสงค์เรื่องการหาผลกำไร แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลหลักของ โทนี่ บลูม ผู้เป็นชาวเมืองไบรท์ตันโดยกำเนิด และหลงรักในสโมสรแห่งนี้มาตั้งแต่อายุ 8 ขวบ
โรเจอร์ ซอว์นเดอร์ส อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนในวัยประถมของบลูม เปิดเผยผ่าน The Athletic ว่า "เขาเป็นเด็กที่เก่งแทบทุกรายวิชา แต่คณิตศาสตร์คือสิ่งที่เขาช่ำชองมาก เขาสามารถแก้โจทย์ได้อย่างรวดเร็ว" ซึ่งนี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้บลูมหลงใหลในตัวเลข และนำไปสู่ความคลั่งไคล้ในการพนัน
บลูมยอมรับว่าเขาเคยปลอมบัตรประจำตัวเพื่อใช้เข้าร้านรับพนันตั้งแต่อายุเพียง 15 ปี ซึ่งกฎหมายของอังกฤษระบุว่าต้องมีอายุ 18 ปีเสียก่อน โดยเขาบอกไว้ว่า "พวกเราพยายามท้าทายขีดจำกัดมาตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ แล้ว"
อย่างที่ทราบในตอนต้นว่า โทนี่ บลูม สร้างฐานะมาจากการเป็นนักพนันอาชีพ และเขาก็ได้กลับมาช่วยลงทุนกับสโมสรในดวงใจของเขาอีกครั้ง โดยเฉพาะการทุ่มทุน 93 ล้านปอนด์ให้ ดิ๊ก ไนท์ เจ้าของสโมสร เพื่อใช้สร้างสนามเหย้าแห่งใหม่ แลกกับการเข้ามาเป็นเจ้าของหลักแทนที่ไนท์ผู้ถูกเลื่อนขั้นขึ้นไปเป็นประธานสโมสรแทน
ในตอนนี้ไบรท์ตันสามารถย้ายจากสนามวิทดีน ที่มีความจุน้อยกว่า 9,000 ที่นั่ง มาที่รังเหย้าใหม่อย่างฟัลเมอร์ หรือสนาม AMEX สเตเดียม ตามลิขสิทธิ์โฆษณา อันมีความจุ 31,800 ที่นั่งในปัจจุบัน ซึ่งด้วยประชากรในท้องถิ่นที่มีมากถึง 475,000 คน นี่คือโอกาสที่ทีมของบลูมจะกอบโกยรายได้เข้ามาได้จริงจังเสียที
นอกจากสนามแล้ว ไบรท์ตันยังมีการสร้างพื้นที่แฟนโซนเพื่อให้แฟนบอลมารวมตัวกัน เช่นเดียวกับการพัฒนาศักยภาพของนักเตะที่บลูมลงทุนไป 32 ล้านปอนด์ ในปี 2014 เพื่อสร้างสนามฝึกซ้อมและศูนย์พัฒนาเยาวชนที่ แลนซ์ซิ่ง ก่อนจะได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติมในปี 2022 ด้วยงบประมาณ 15 ล้านปอนด์ ให้เหมาะสมกับผลงานของทีมในปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นขาประจำของพรีเมียร์ลีกไปแล้ว
เช่นกันกับการซื้อขายนักเตะ พวกเขาไม่เคยขาดผู้เล่นชั้นดีในทีมเลย แม้ชื่ออย่าง คาโอรุ มิโตมะ, โรเบิร์ต ซานเชส, และ อเล็กซิส แมคอัลลิสเตอร์ อาจไม่ใช่ซูเปอร์สตาร์แนวหน้า แต่ผลงานในสนามของขุนพลเหล่านี้ก็สะท้อนให้เห็นแล้วว่าประสิทธิภาพของทีมวิเคราะห์ข้อมูลหลังบ้านของไบรท์ตันแม่นยำขนาดไหน
อีแวน เฟอร์กูสัน ศูนย์หน้าวัย 18 ปีได้แจ้งเกิดในเวทีพรีเมียร์ลีกไปแล้ว เช่นเดียวกับ ฟาชุนโด้ บูวนาโนต ดาวรุ่งจากสโมสรโรซาริโอ เซ็นทรัล ที่ถูกหมายมั่นปั้นมือว่าเขาจะกลายเป็นแมคอัลลิสเตอร์คนต่อไปของทีม ต่างก็กำลังอยู่ระหว่างการฟูมฟักจากระบบอคาเดมีให้มีความพร้อมขึ้นมาอยู่กับทีมชุดใหญ่ได้เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม
เรียนรู้จากต้นแบบ
พรีเมียร์ลีกเคยเป็นพื้นที่ของทีมยักษ์ใหญ่มาแย่งแชมป์กันอยู่ไม่กี่สโมสร จนกระทั่งการมาของ เลสเตอร์ ซิตี้ ผู้ท้าทายอัตราต่อรอง 5000-1 ไปคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้ในปี 2016
แม้โอกาสได้แชมป์พรีเมียร์ลีกแบบทีมจิ้งจอกสยามจะยากที่จะเกิดขึ้นซ้ำได้อีกหน แต่พวกเขาก็ยังคว้าแชมป์เอฟเอคัพมาครองและได้ไปเตะบอลยุโรปอยู่หลายฤดูกาลด้วยกัน
ซึ่งนี่คือสิ่งที่ไบรท์ตันกำลังวาดฝันไว้ว่าจะดำเนินรอยตามให้ได้ โดยบลูมเปิดเผยเองว่า "ถ้าการจบสิบอันดับแรกของตารางเป็นไปได้แล้ว การไปเตะฟุตบอลยุโรปก็ต้องเป็นไปได้ด้วยเช่นกัน"
และการประกาศกร้าวดังกล่าวก็ไม่ใช่วลีขายฝันเพียงอย่างเดียว เพราะแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับบลูมระบุว่าเขามีคลังข้อมูลของสโมสรอยู่แทบทุกอณู ไล่ตั้งแต่การวิเคราะห์มูลค่าของนักเตะทุกคนแบบละเอียดยิบ ไปจนถึงการวิเคราะห์เสียงเชียร์ในสนามว่ามีความดังกี่เดซิเบลในระหว่างที่ทีมกำลังเดินเกมบุกอยู่
บลูม เปิดเผยกับ The Athletic ว่า "ผมเพิ่งรู้ว่าการประยุกต์หลักคณิตศาสตร์และอัลกอริทึมมาใช้กับกีฬา ทำให้ผมสามารถวิเคราะห์ความน่าจะเป็นของเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ดีกว่าข้อมูลที่มีอยู่ในท้องตลาด ซึ่งมันเคยเป็นข้อได้เปรียบในสมัยที่ผมเล่นพนัน แต่ตอนนี้ผมนำมันมาใช้เพื่อวิเคราะห์หานักเตะหน้าใหม่หรือรีดศักยภาพขุมกำลังในทีมเราออกมา"
ในยุคที่ข้อมูลมีอยู่มากมาย ไบรท์ตันได้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพอันทรงพลังจากการนำข้อมูลมาใช้งานได้อย่างถูกจุด และมีโอกาสสูงที่การลงทุนในครั้งนี้ของพวกเขาจะนำพาเกมฟุตบอลยุโรปเข้ามาสู่เมืองริมทะเลแห่งนี้ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 121 ปีของสโมสรเลยทีเดียว
ทีนี้ก็เหลือแค่เวลาเท่านั้นที่จะพิสูจน์ว่าทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่…
แหล่งอ้างอิง:
https://theathletic.com/4095092/2023/01/18/brighton-setting-standard/
https://theathletic.com/4090299/2023/01/15/trossard-de-zerbi-brighton-liverpool/
https://theathletic.com/1678274/2020/03/20/tony-bloom-brighton-starlizard-football-gambling/
https://brightonjournal.co.uk/how-tony-bloom-changed-the-destiny-of-brighton-hove-albion/
https://bleacherreport.com/articles/2580549-brightons-remarkable-rise-from-near-oblivion-to-premier-league-hopefuls