ตลอดระยะ 6 ปีครึ่งในการคุมทีมทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ชายที่ชื่อ มาโน่ โพลกิ้ง ไม่สามารถพาทีมคว้าแชมป์ได้เลย แม้จะได้รับการสนับสนุนจากบอร์ดบริหารและเงินทุ่นมหาศาลในการสร้างทีม
เช่นเดียวกับสมัยเป็นนักเตะ มาโน่ โพลกิ้ง ไม่เคยสัมผัสแชมป์ใด ๆ เลย ทำให้แฟนบอลไทยไม่เชื่อว่ากุนซือวัย 45 ปีจะเป็นคนที่ใช่ในการพาทีมชาติไทยประสบความสำเร็จ
แต่ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา เขากลับสามารถพาทัพ “ช้างศึก” คว้าแชมป์อาเซียนติดต่อกัน 2 สมัย เท่ากับที่ ปีเตอร์ วิธ และ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เคยทำไว้
อะไรทำให้ มาโน่ โพลกิ้ง ทำผลงานสุดปัง พาทีมชาติไทยสวนทางกับผลงานคว้าน้ำเหลวในระดับสโมสร ไปติดตามกับ Ball Thai Stand
มีความเข้าใจฟุตบอลไทยเป็นอย่างดี
มาโน่ โพลกิ้ง เข้ามาทำงานอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2012 ในฐานะมือขวาของ “วินฟรีด เชเฟอร์” กุนซือทีมชาติไทย ต่อด้วยการเป็นเฮดโค้ชทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 22 ปี จากนั้นจึงไปคุมทีมระดับสโมสรกับ อาร์มี่ ยูไนเต็ด และ สุพรรณบุรี เอฟซี ตามด้วยการคุมทีมทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด และ โฮจิมินห์ ซิตี้ ในวีลีก เวียดนาม
หลังแยกทางกับ โฮจิมินห์ ซิตี้ ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม ปี 2021 เขาถูก “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีมชาติไทย ยื่นข้อเสนอให้เข้ามาคุมทีมชาติไทย แทนที่ อากิระ นิชิโนะ ที่เพิ่งแยกทางกับสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ หลังล้มเหลวในฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก ท่ามกลางกระแสต่อต้านจากแฟนบอลไทย ที่ไม่เชื่อมือว่ามาโน่จะเป็นคนที่ใช่สำหรับทัพช้างศึก
“การแข่งขันเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 เป็นรายการสำคัญที่กำลังใกล้เข้ามา ซึ่งเหลือเวลาการทำงานอีกเพียง 2 เดือน”
“ในสถานการณ์รุมเร้ามากมาย ทั้งอันดับโลกที่ตกลง และสถานการณ์โควิดภายในประเทศที่ทำให้การแข่งขันไทยลีกต้องเดินตามโปรแกรม”
“การเตรียมทีมของทีมชาติไทยมีน้อยมาก เราจึงมีความจำเป็นต้องเลือกโค้ชที่มีความเข้าใจและรู้จักทรัพยากรนักฟุตบอลไทยดีที่สุด” นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีมชาติไทย เผยถึงการเลือก มาโน่ โพลกิ้ง มาคุมทีมชาติไทย เพื่อภารกิจระยะสั้นในการทวงแชมป์อาเซียนกลับมาอยู่ที่ประเทศไทย
รู้จักนักเตะและดึงศักยภาพออกมาอย่างเต็มที่
ด้วยประสบการณ์ทำงานในประเทศไทยมาเกือบ 10 ปี ทำให้มาโน่ไม่ต้องปรับตัวและความสัมพันธ์อันดีกับนักเตะซีเนียร์ของทีม ทั้ง ชนาธิป สรงกระสินธ์, สารัช อยู่เย็น และ ธีราทร บุญมาทัน ทำให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น
“ช่วงเวลา 8 ปีของผมในเมืองไทยช่วยให้ผมรู้จักนักเตะหลายคน ซึ่งบางคนเคยเป็นลูกทีมของผมที่ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด หรือ อาร์มี่ ยูไนเต็ด และ สุพรรณบุรี เอฟซี” มาโน่ ยืนยันถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของเขากับนักเตะทีมชาติไทย
เมื่อซื้อใจนักเตะระดับซีเนียร์ได้การทำงานก็ราบรื่น ไม่ว่ามาโน่จะให้นักเตะเล่นด้วยระบบ 4-4-2, 4-2-3-1 หรือ 3-5-2 ทุกคนต่างพร้อมลงสนามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด
หรือจะเป็นการใช้ ธีราทร บุญมาทัน เล่นเป็นกองกลางตลอดทัวร์นาเมนต์ จนกลายเป็นฟันเฟืองพาทีมคว้าแชมป์อาเซียนสมัยที่ 7 และธีราทรยังได้รางวัล MVP มาครองอีกด้วย
รวมถึงการมอบโอกาสให้ ปรเมศย์ อาจวิไล ลงสนามเป็นตัวจริง ก่อนยิงประตูได้ในเกมเสมอ เวียดนาม 2-2 ในรอบชิงชนะเลิศ นัดแรก เป็นการยืนยันว่าเขารู้จักนักเตะแต่ละคนเป็นอย่างดี และรู้ว่าต้องใช้นักเตะแต่ละคนอย่างไร เพื่อดึงศักยภาพออกมาช่วยทีมให้ได้มากที่สุด
“ผมติดตามฟอร์มนักเตะทุกคนอย่างต่อเนื่อง” มาโน่ ยืนยันว่าทีมชาติไทยไม่มีเด็กเส้นแน่นอน
“การให้ ธีราทร บุญมาทัน เล่นในตำแหน่งกองกลางเกิดจากการพูดคุยกันก่อนเข้าแคมป์ ผมถามเขาว่าอยากเล่นตำแหน่งไหน ซึ่งเขาบอกอยากเล่นกองกลางเพราะเคยเล่นที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเอาเขาเล่นตำแหน่งนี้ทุกเกม บางเกมอาจจะต้องเล่นแบ็กซ้าย”
“แต่ในเวลานี้เขาทำผลงานได้ดีในตำแหน่งกองกลาง นี่จึงเป็นทางเลือกที่ดีของเรา”
สื่อสารเข้าใจ ทุกอย่างก็ลงตัว
ทีมชาติไทย พุ่งชนความล้มเหลวในระดับอาเซียนและระดับเอเชีย แม้จะใช้กุนซือระดับอ๋องที่เคยผ่านการคุมทีมในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาคุมทัพ ทั้ง มิโลวาน ราเยวัช และ อากิระ นิชิโนะ
แต่เมื่อเจาะไปถึงรายละเอียดก็ต้องยอมรับว่าทั้ง 2 คนมีปัญหาเรื่องการสื่อสารกับนักเตะไทยพอสมควร เพราะต้องแปลผ่านล่ามถึง 2 ต่อ
โดย ราเยวัช ต้องแปลจากภาษาเซิร์บไปเป็นภาษาอังกฤษและเป็นภาษาไทย ส่วน นิชิโนะ ต้องแปลภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาไทย
แต่สำหรับมาโน่ ทุกอย่างไม่ซับซ้อนขนาดนั้น แม้เขาจะพูดภาษาไทยได้นิดหน่อย แต่นักเตะไทยในปัจจุบันก็สามารถสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษได้ดีขึ้น
คนที่ทำให้การสื่อสารระหว่างโค้ชกับนักเตะไร้รอยต่อคงหนีไม่พ้น “โค้ชเอ็กซ์” วสพล แก้วผลึก ผู้ช่วยผู้ฝึกสอน ซึ่งเปรียบเป็นดั่งเงาของมาโน่
ไม่ว่ามาโน่จะไปคุมทีมไหนก็มักจะชวนโค้ชเอ็กซ์ไปเป็นเพื่อนคู่คิดเสมอ นอกจากโค้ชเอ็กซ์จะทำหน้าที่เป็นล่ามแล้ว เขายังมีความผูกพันและสนิทสนมกับนักเตะไทยหลายคน
ที่สำคัญโค้ชเอ็กซ์มีดีกรีเป็นโค้ชระดับ เอ ไลเซนส์ และวางแผนเรียนต่อในระดับโปรไลเซนส์ เรื่องแทคติก วิธีการเล่นที่มาโน่ถ่ายทอดให้นักเตะหรือต้องการให้นักเตะทำอะไร โค้ชเอ็กซ์ก็สามารถสื่อสารต่อได้อย่างไม่มีตกหล่นแน่นอน
นอกจากนี้แพสชั่น เสียงพูดอันทรงพลังของโค้ชเอ็กซ์ยังสามารถสร้างแรงกระตุ้นและทำให้นักเตะมีพลังฮึกเหิมมากขึ้นอีกด้วย เมื่อการสื่อสารเข้าใจกันทุกอย่างก็ราบรื่น ซึ่งเรื่องเล็ก ๆ อย่างนี้คือเคล็ดลับสู่ความสำเร็จของไทยและมาโน่
มีขุนพลระดับอ๋อง
การแข่งขันฟุตบอลทัวร์นาเมนต์กับการแข่งขันลีกอาชีพระดับสโมสรมีความแตกต่างกัน ความยากของการคุมทีมระดับสโมสรคือระยะเวลาแข่งขันที่ยาวนานและฟอร์มการเล่นของทีมต้องดีตลอดทั้งปีจึงจะมีโอกาสคว้าแชมป์
ตอนคุมทีมทรู แบงค็อก พลพรรค “แข้งเทพ” มักทำผลงานได้ดีในช่วงออกสตาร์ทฤดูกาล และมักแผ่วปลายในช่วงท้ายฤดูกาลจนพลาดแชมป์ จนกลายเป็นภาพชินตาของแฟนบอลไทย
แต่ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียนแตกต่างออกไป เพราะใช้เวลาแข่งขันเพียง 1 เดือน ทีมที่ต้องแข่งขันด้วยก็มีน้อยเพียง 10 ทีม เมื่อดูมาตรฐานของแต่ละทีม มีเพียงไม่กี่ทีมเท่านั้นที่มีโอกาสคว้าแชมป์
การทำงานในยุค มาโน่ โพลกิ้ง เจอปัญหาเรื่องผู้เล่นน้อยมาก ตอนคว้าแชมป์อาเซียน 2020 ในทีมมีนักเตะตัวหลักอย่าง ธีราทร บุญมาทัน, ชนาธิป สรงกระสินธ์, ธนวัฒน์ ซึ่งจิตถาวร, สารัช อยู่เย็น, สุภโชค สารชาติ, ศุภชัย ใจเด็ด และ ธีรศิลป์ แดงดา ซึ่งเป็นนักเตะระดับแนวหน้าของอาเซียนทั้งสิ้น
ล่าสุด แม้ไทยจะไร้ผู้เล่นตัวหลักหลายคน แต่ขุนพลเอกอย่าง กฤษดา กาแมน, ธีราทร บุญมาทัน, สารัช อยู่เย็น และ ธีรศิลป์ แดงดา ก็สามารถประคองทีมจนป้องกันแชมป์ได้สำเร็จ
เมื่อไทยมีนักเตะที่เก่ง ระยะเวลาการแข่งขันมีน้อย คู่ต่อสู้ตัวกลั่นก็มีแค่ไม่กี่ทีม ที่สำคัญสปิริตอันแข็งแกร่งและการทำงานเป็นทีม ทำให้ทีมชาติไทยบรรลุเป้าหมายที่วางไว้
“เราคือเบอร์หนึ่งของอาเซียนในทัวร์นาเมนต์นี้ ผมมีหน้าที่คว้าแชมป์ ดังนั้นผมจึงมีความสุขมาก”
“เราเสียผู้เล่นหลักไปหลายคนแต่ยังเล่นได้ดี ผมจึงภูมิใจมาก ผมอยากขอบคุณผู้เล่นทุกคน” มาโน่ ยกเครดิตความสำเร็จให้กับลูกทีมทุกคนที่ช่วยกันป้องกันแชมป์อาเซียนเอาไว้ได้
พัฒนาตัวเองเสมอ
ทุกย่างก้าวก่อนประสบความสำเร็จ มาโน่ผ่านความล้มเหลวมาก่อน เมื่อล้มเหลวสิ่งที่ตามมาคือความเชื่อมั่นจากแฟนบอลที่มีต่อตัวเขาย่อมลดลง
ก่อนที่เขาจะเข้ามารับตำแหน่งกุนซือทีมชาติไทย เขาโดนต่อต้านและไม่มีใครเชื่อมือเขาเลย แต่สิ่งที่เขายึดมั่นมาตลอดคือ การเชื่อมั่นในตัวเองและพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ นั่นทำให้เขาคว้าแชมป์มาได้
“ผมไม่เคยคว้าแชมป์เลย ผมเข้าใจเรื่องนั้น ผมผลักดันตัวเองเพื่อชัยชนะ ในที่สุดแล้วผมจะถูกตัดสินด้วยการคว้าแชมป์”
“แต่สิ่งที่ผมบอกคุณได้คือผมรักงานนี้ ผมเป็นคนทำงานหนักและใช้เวลาส่วนใหญ่เพื่อทำให้ตัวเองดีขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อคว้าแชมป์” มาโน่ กล่าว
แน่นอนว่าเป้าหมายของมาโน่ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ เพราะเขาต้องการพาไทยก้าวไปสู้กับทีมระดับเอเชียอย่าง ญี่ปุ่น หรือ เกาหลีใต้
“ทัวร์นาเมนต์ต่อไปคือเอเชียนคัพ 2023 เราต้องการผลงานที่ดีขึ้นในเอเชียไม่ใช่แค่ในอาเซียน เราต้องการสู้กับญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ให้ได้”
นี่คือกุนซือที่เคยโดนสบประมาทแต่ใช้ผลงานในสนามตอบโต้เสียงวิจารณ์ ซึ่งในระดับอาเซียน มาโน่ โพลกิ้ง กับทีมชาติไทยถือว่าผลงานผ่านฉลุย
ภารกิจต่อไปของเขาคือการพาทีมก้าวข้ามอาเซียนไปเขย่าเวทีระดับเอเชียให้สะเทือน ซึ่งงานใหญ่แบบนี้เป็นการวัดฝีมือของเขาว่าจะดีพอที่จะเข็น “ช้างศึก” ไปถึงจุดนั้นหรือไม่ นี่เป็นโจทย์ใหญ่ที่รอการพิสูจน์ตัวเองสำหรับ มาโน่ โพลกิ้ง
โดย ศุภฤกษ์ สีทองเขียว - Ball Thai Stand
แหล่งอ้างอิง
https://www.goal.com/th/ข่าว/exclusive--มาโน-เปิดใจ-จากโค้ช0แชมป์สู่ช้างศึก-สไตล์การเล่น-สิ่งที่แฟนบอลจะได้เห็น/blta051937514f02d65
https://www.facebook.com/226277047931998/posts/pfbid03fHkngiMFzLX7v4NoSDWwQK8ZfMAzRAHzbbRdS2zbiT6gkPx1bvSDU5X8kx4ECtjl/?mibextid=cr9u03
https://www.facebook.com/changsuek/photos/a.1214314241966613/4714805895250746/?paipv=0&eav=AfYA-q9QcmeDpXh7SrzHEee5sS-Ly-YhdPhnwL6UT66GbhReT1gBh8bgaUOV0DM9cJc&_rdr
https://today.line.me/th/v2/article/3NjGJYy