ดูฟุตบอลโลกหรือฟุตบอลต่างประเทศเคยสังเกตกันบ้างหรือไม่ แต่ละสนามจะมีการจัดพื้นที่เพื่อสร้างความทัดเทียมกันทางสังคมสำหรับให้ผู้พิการ หรือคนในกลุ่มพิเศษได้มีโอกาสเข้ามาชมการแข่งขันแบบใกล้ชิดและเชียร์ฟุตบอลเช่นเดียวกับบุคคลทั่วไป โดยเฉพาะในพรีเมียร์ลีกอังกฤษมีการกำหนดกฎของสนามแข่งขันและบังคับใช้ แต่ละสนามนั้นต้องมีพื้นที่สำหรับคนพิการ และจะเห็นว่าทุกวันนี้มีแฟนบอลในกลุ่มนี้เข้าสนามเพื่อติดตามการแข่งขันมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่สำหรับสนามฟุตบอลในบ้านเรานั้นยังคงน้อยที่แต่ละสนามจะมีการจัดเตรียมพื้นที่ หรือจัดสถานที่อำนวยความสะดวกให้กับพวกเขาเหล่านี้ ได้เข้าไปชมการแข่งขัน ทั้งๆที่พวกเหล่านั้นอยากมีโอกาสได้สัมผัสกับบรรยากาศในสนามแข่งขันเช่นกัน ข้อจำกัดหลายๆอย่างที่ทำให้บางคนนั้นเพียงแค่ทำได้แค่คิด และได้เพียงแค่เฝ้ามองอยู่รอบนอก วันนี้คงต้องถามคำถามย้อนกลับไปถึงแต่ละฝ่ายที่เกี่ยวข้องว่า "ทุกวันนี้ฟุตบอลไทยใส่ใจแค่ไหนกับคนพิการ"
ต่างชาติยกสิทธิความเท่าเทียมเป็นสิ่งสำคัญ
ข้อมูลจากบทความแปลภาษา ของ เว็ปไซต์ theguardian.com ได้ทำการแปลเกี่ยวกับเรื่องราวของสนามในของพรีเมียร์ลีกอังกฤษ หลังจากปี2558 ถึง 2562 ได้มีการสร้างพื้นที่สำหรับรองรับวีลแชร์เพิ่มกว่า 1,000 จุด และสนามในแต่ละสโมสรได้มีการปรับปรุง ตามกฎใหม่ที่วางเอาไว้ ซึ่งก็นำไปเปรียบเทียบกับอีกหนึ่งบทความของ มติชนรายสัปดาห์ ที่ว่า สนามที่มีอัฒจันทร์ 20,000ที่นั่งจะต้องจัดพื้นที่รองรับวีลแชร์ ได้ไม่น้อยกว่า 150 คัน และทุกๆ 1,000 ที่นั่งที่เพิ่มมากกว่านั้นต้องมีพื้นที่สำหรับผู้พิการ อีกอย่างน้อยๆ 3 ที่ คือ ง่ายๆ สมมุติสนามที่มี 21,000 ที่นั่งจะต้องจัดพื้นที่สำหรับผู้พิการ 153 ที่เป็นอย่างน้อย
ในส่วนของ "คลับไลเซนซิง" ตามข้อกำหนดของ สมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย หรือ AFC ในเรื่องของสถานที่สำหรับจัดการแข่งขันจะต้องกำหนดพื้นที่สำหรับผู้พิการ ซึ่งสโมสรไทยลีกที่จะทำการแข่งขัน ในถ้วยระดับเอเชีย เจ้าหน้าที่ AFC จะมีการมาตรวจความพร้อมของสนามตามข้อกำหนด จะค่อนข้างให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ด้วยเป็นเรื่องของสิทธิมนุษยชน และความเท่าเทียมกัน
สนามฟุตบอลในบ้านเราส่วนใหญ่ยังไม่พร้อม
ตามข้อกำหนดของสนามเหย้าในไทยลีกหรือรวมไปถึงลีกการแข่งขันในระดับอื่นๆก็อิงตามกฎระเบียบของ คลับไลเซนซิง ตามระเบียบข้อบังคับด้วยการจัดการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพรายการไทยลีก 1 ตามภาคผนวกที่มาตรฐานของสถานที่จัดการแข่งขัน ส่วนที่ 6 หัวข้อพื้นที่สำหรับผู้ชม ข้อที่ 36 สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการ และผู้ช่วยเหลือ มีสิ่งอำนวยความสะดวกด้านสุขอนามัย
แต่ทว่าสนามในบ้านเราส่วนใหญ่นั้นพื้นที่ไม่ได้อำนวยมากนัก ยิ่งสนามที่มีการก่อสร้างหรือโครงสร้างที่วางไว้ก่อน ประกอบกับสนามส่วนมากก็เป็นในส่วนของภาครัฐ การจะปรับเปลี่ยนหรือเปี่ยนแปลงก็ยังไม่ใช่เรื่องง่าย
ทองสุข สัมปะหังสิต ผู้ควบคุมการแข่งขันของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในชุดเจ้าหน้าที่ตรวจสอบความพร้อม ของสนามต่างๆ ก่อนที่จะมีการอนุญาต ในการใช้สนามรองรับการแข่งขัน กล่าวเพิ่มเติมว่า
" ตามข้อกำหนดของสนาม และตามกฎหมายก็มีกำหนดพื้นที่สำหรับสำหรับผู้พิการ แต่ส่วนใหญ่สนาม ในระดับไทยลีกนั้นยังมีน้อยที่ได้ตามมาตรฐานที่สมบูรณ์ เต็มร้อย ในระเบียบของโครงสร้างแต่ละสนาม นั้นสมควรที่จะมีพื้นที่ สำหรับคนที่นั่งรถเข็น หรือผู้พิการ ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว เวลาที่ไปตรวจแต่ละสนามจะมีการจัดไว้ แต่ก็เป็นในรูปแบบชั่วคราว เท่านั้น ด้วยข้อจำกัดหลายๆอย่าง และทางผู้ตรวจสอบก็ต้องแจ้งให้แต่ละสนาม ทำแบบแผนและการปรับปรุงและในบ้านเรานั้น ก็ยังตีกรอบชัดเจนลำบาก ยังต้องอะลุ้มอล่วยเอื้อกันไป หากว่าสามารถที่จะทำได้จริงแบบต่างประเทศ ผมว่าจะเป็นสิ่งที่ดีมากสำหรับผู้พิการ"
หากว่ากันตามกฎมายกฎกระทรวง กำหนดสิ่งอำนวยความสะดวกในอาคาร สำหรับผู้พิการหรือทุพพลภาพ พ.ศ. 2548 ที่ให้บริการสาธารณ ได้แก่ โรงมหรสพ หอประชุม โรงแรม สถานศึกษา หอสมุด อาคารประกอบของสนามกีฬากลางแแจ้งหรือสนามกีฬาในร่ม ตลาด ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า สถานบริการ ฌาปนสถาน ศาสนสถาน พิพิธภัณฑสถาน และสถานีขนส่ง จะต้องมีพื้นที่อำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น สถานที่จอดรถ ห้องน้ำ หรือจุดพักสำหรับผู้พิการ
“ดราก้อน โซล่า ปาร์ค” สนามไทยลีกที่จัดพื้นที่รองรับผู้พิการ
สนามของไทยลีกที่มีการจัดพื้นที่รองรับผู้ที่นั่งวีลแชร์ หรือผู้สูงอายุ ที่มีการจัดพื้นที่ด้านข้างสนาม ให้สามารถที่จะนำรถเข็นเข้าออกได้อย่างสะดวก ขอยกตัวอย่างสนาม “ดราก้อน โซล่า ปาร์ค” ของ ราชบุรี เอฟซี ซึ่ง ธนวัชร นิติกาญจนา ประธานสโมสร ราชบุรี เอฟซี เคยกล่าวถึงการสร้างสนามว่า
" ก่อนที่จะสร้างสนามแห่งนี้ ได้มีโอกาสเดินทางไป ดูฟุตบอลต่างประเทศ และนำกลับมาปรับใช้ในการวางโครงสร้างสนาม สิ่งหนึ่งที่เห็นและรู้สึกประทับใจคือ ที่สนามฟุตบอลในอังกฤษ มักจะได้เห็นแฟนบอลที่นั่งวีลแชร์ เข้ามาดูฟุตบอลกัน บางสนามก็เยอะขนาดเป็นร้อยๆคน ซึ่งแต่ละสนามก็มีการจัดเตรียม สถานที่เพื่อรองรับและอำนวยความสะดวกให้ "
"เมื่อกลับมาแล้ว จึงศึกษาเพิ่มเติม และเห็นว่าส่วนหนึ่งของ คลับไลเซนส์ซิ่ง เรื่องของสนามแข่งขันที่ได้มาตรฐานนั้นต้องพื้นที่สำหรับคนพิการ จึงได้มีแนวทางในการสร้างพื้นที่รองรับให้พวกเขาได้เข้ามาดูบอลรวมกับคนอื่นๆ"
สำหรับสนามเหย้าของ ราชบุรี เอฟซีนั้น มีพื้นที่ราบที่คนพิการสามารถที่จะใช้รถเข็นเข้ามาติดตามชมการแข่งขันได้ถึงขอบสนามอย่างใกล้ชิด และยังสามารถที่จะมองเห็นเกมการแข่งขันได้อย่างชัดเจนทำให้เห็นว่าแทบจะทุกนัดที่มีการแข่งขันที่สนามแห่งนี้จะมีคนพิการเข้ามาดูบอลเป็นประจำ พวกเขาบอกว่ามีเพื่อนชวนมา แต่ก็กลัวจะลำบาก แต่พอได้ลองมาดูแล้วเห็นได้ว่าที่สนามเขามีช่องทางสำหรับให้นำรถเข็นเข้าไปดูแบบติดขอบสนามได้ มันทำให้เกิดความรู้สึกดีๆ และถ้ามีโอกาสจะชวนเพื่อนๆที่อยากจะมาดูฟุตบอลเข้ามาดูเหมือนกัน ตอนนี้บางคนกลายเป็นแฟนบอลตัวยงของราชบุรีที่มาดูแทบทุกนัด
รวมไปถึง "วิโรจน์" หนึ่งในแฟนคลับตัวยงของ ราชบุรี เอฟซี ที่มาดูเกมการแข่งขันนัดเหย้าของราชันมังกรเกือบจะทุกนัดเหมือนกันได้กล่าวความรู้สึกว่า "รู้สึกขอบคุณมากจริงๆที่สนามราชบุรี มีพื้นที่สำหรับวีลแชร์ มันทำให้ผมรู้สึกสะดวกและง่ายสำหรับการมาดูฟุตบอลที่นี่ ผมที่เป็นคนราชบุรีรู้สึกทั้งภูมิใจและขอบคุณกับสโมสรที่ให้ความสำคัญในจุดนี้"
เสียงจากแฟนบอลผู้พิการ “ไปสนามอุปสรรคเยอะ ดูทีวีสะดวกกว่า”
นพดล วรรณบวร อดีตนักบาสเกตบอลทีมชาติไทยคนพิการที่ปัจจุบันเป็นโค้ชสอนบาสเกตบอลให้กับคนพิการที่จ. สุพรรณบุรี ถือเป็น 1 ในแฟนบอลตัวยงของฟุตบอลไทยแสดงความคิดเห็นในประเด็นของผู้พิการที่มีปัญหาเวลาไปชมเกมที่สนามอย่างน่าสนใจว่า
"ผมเองเคยเป็นนักฟุตบอล เก่าของเทพศิรินทร์ แต่พอประบอุบัติเหตุก็ทำให้หลายๆอย่างเปลี่ยนไป แต่อย่างหนึ่งที่ผมรักอยู่คือฟุตบอล ถ้ามีโอกาสก็มักจะเข้าไปดูบอลประจำ หากเป็นสมัยก่อนจะไปดู บีจี บ่อยๆ ตั้งแต่เป็นบางกอกกล๊าส สนามแห่งนี้มีพื้นที่ลาดสำหรับคนที่ใช้รถเข็น และด้วยความที่ไปบ่อย บางครั้งเจ้าหน้าที่สนามเห็นก็จะช่วยพาเข้าไปชมการแข่งขันในสนาม ส่วนตอนนี้ผมมาทำงานเป็นโค้ชบาสเกตบอลคนพิการที่ สุพรรณบุรี ก็ยังเข้าไปดูฟุตบอลบ่อยๆ สนามสุพรรณดีอย่างหนึ่งที่มีประตูเปิดปิด ด้านข้าง และเจ้าหน้าที่จะอำนวยความสะดวกให้ บางครั้งก็นั่งถัดไปจากซุ้มม้านั่งสำรอง บางครั้งก็จัดพื้นที่นั่งใกล้ๆ กับหน่วยแพทย์ข้างสนาม"
“ผมอยากไปทุกสนาม แต่มากกว่า 90% สนามบอลบ้านเรายังไม่สะดวก และลำบาก กลุ่มเพื่อนผมเองหลายๆคนอยากที่จะไป มีการพูดคุย และถามกันตลอด แต่พวกเขากลัวจะไม่สะดวก จึงได้ตัดสินใจที่จะดูหรือเชียร์อยู่หน้าจอทีวีมากกว่า แต่เอาจริงๆแล้วความรู้สึกมันต่างกันมาก บรรยากาศในสนาม และสิ่งรอบข้างที่ได้เข้าไปเห็น มันทำให้ผมรู้สึกว่าได้กลับมาใช้ชีวิตที่เท่าเทียมกับคนอื่น"
"เอาจริงๆแล้วพวกผม ไม่ได้อยากเรียกร้อง หรือให้คนอื่นมาดูแลอะไรมาก เพียงแค่แต่ละสนาม แต่ละที่นั้น หากมีการจัดพื้นที่สำหรับนั่งดู ที่ไม่เสี่ยงกับอันตราย มีสถานที่จอดรถ (ซึ่งปัจจุบันคนพิการหลายๆคนสามารถขับรถไปเองได้) หรือหากมีห้องน้ำ อะไรต่างๆพวกนี้ ผมเชื่อเลยว่า จะมีคนที่นั่งรถเข็นไปดูฟุตบอลอีกหลายต่อหลายคนเลย เพราะพวกผมก็อยากจะเปิดโลก อยากปดูไปเชียร์บอล ไปดูนักเตะเหมือนคนอื่นๆ"
การไปสนามสร้างแรงใจให้กับ "กลุ่มบุคคลพิเศษ"
นอกจากนี้การที่ผู้พิการหรือคนที่ใช้วีลแชร์ได้มีโอกาสไปชมการแข่งขันถึงข้างสนามนั้น ยังสร้าง แรงใจให้กับบุคคลพิเศษหรือเด็กพิเศษด้วย อย่างเช่นเรื่องราวของ “น้องสแตมป์" กุลนที สิริสนทรวงศ์ เด็กพิเศษ ในกลุ่ม Cerebral Palsy หรือสมองพิการซึ่งเป็นโรคความผิดปกติทางระบบประสาทที่เกิดขึ้นกับทารกหรือเด็กเล็ก ส่งผลต่อความเสียหาย หรือมีพัฒนาการที่ไม่สมบูรณ์ ส่งผลต่อการควบคุมกล้ามเนื้อ การทรงตัว และการเคลื่อนไหวร่างกายไปตลอดชีวิต และทำให้เด็กพิเศษเหล่านี้ ต้องใช้งานรถเข็นเป็นส่วนใหญ่
คุณแม่นิตยา เทพวงค์ ตัดสินใจพาน้องไปดูฟุตบอลที่สนามแล้วส่งผลดีต่อพัฒนาการ และอารมณ์ของน้องที่เป็นเด็กพิเศษ
"มันไม่ใช่เรื่องที่ง่าย กับคนที่เป็นเด็กพิเศษแบบน้องจะได้ออกไปดูโลกภายนอก ไปเห็นเหมือนกับสิ่งที่คนอื่นๆได้เห็น แต่พอลองเปิดใจพาไปแล้ว เขามีความสุข สุขภาพร่างกาย สุขภาพจิตเขาดูแข็งแรงขึ้น เราในฐานะคนที่เป็นแม่ เห็นแบบนี้ก็พอมีโอกาสก็พาน้องไปดูบอลตามสนามต่างๆ"
"ลำบากมั้ย ตอบเลยว่าค่อนข้างมาก แต่ก็ยอมทำ เมื่อก่อนน้องตัวเล็กอุ้มขึ้นนั่งขี่หลังพาเดินเข้าสนามได้ บางสนามเดินขึ้นเดินลง หลังจบแมตซ์ตัวเราเองก็มานั่งปวดหลัง เป็นอาทิตย์ก็มี แต่มันคุ้มค่าที่เราได้เห็นรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ตบมือชอบใจ และเขามีไอดอลเป็นนักฟุตบอทีมชาติไทยเหมือนกับเด็กๆคนอื่นๆ"
"มันมีอยู่ครั้งหนึ่ง ที่น้องอาการทรุดหนัก แต่ก็นับเป็นความใส่ใจของพี่ๆนักกีฬาทีมชาติ อย่างพี่ เจ ชนาธิป และคนอื่นๆที่รู้ว่าน้องอาการหนัก และได้วีดีโอคอลมาให้กำลังใจ ปรากฎว่าหลังจากนั้น อาการของน้องก็เริ่มดีขึ้น จนหมอเองยังแปลกใจแต่ก็บอกว่าเพราะว่าน้องมีกำลังใจที่ดี"
เรื่องราวของ “น้องสแตมป์” เป็นเรื่องที่ดีมากๆ แต่ด้วยข้อจำกัดของสนามมันจึงไม่ค่อยสะดวกเท่าที่ควรสำหรับอีกหลายๆครอบครัว แต่หากว่าอนาคตแต่ละสนามมีพื้นที่หรือจัดแบ่งเป็นโซนรองรับจะเป็นสิ่งที่ดีมากๆสำหรับพวกเขา
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นสำหรับความพร้อมของสนามฟุตบอลในบ้านเราที่ยังมีข้อจำกัดหลายๆอย่างอยู่ แต่อย่างน้อย หากว่าแต่ละสนาม แต่ละสโมสรให้ความสนใจ และใส่ใจกับกลุ่มคนเหล่านี้มากขึ้นจะเป็นการช่วยจรรโลงสังคม และสร้างสิทธิความเท่าเทียมกันให้มากขึ้น เพราะผู้ที่พิการหรือคนในกลุ่มคนพิเศษสมควรที่จะได้รับความเท่าเทียมในการอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นในสังคม ได้รับการยอมรับ ได้รับการสนับสนุน
พวกเขาคือกลุ่มคนที่ต้องการใช้ชีวิต และได้มีโอกาสได้เชียร์ได้ลุ้น ได้ทำในสิ่งที่พวกเขารักและสนใจเหมือนกับคนทั่วๆไป