คืนนี้ (27 ก.ย. 2568) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ พิมล ศรีวิกรม์ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์, นายกองเอก ชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ รองประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ และ พลเอก มังกร โกสินทรเสนีย์ ประธานคณะกรรมการกลางเปตอง ออกเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไปยังประเทศฝรั่งเศส เพื่อเจรจากับ โคลด อาเซมา (Claude Azéma) ประธานสหพันธ์เปตองเเละโบว์ลโลก (WPBF) ซึ่งกำกับดูแลสหพันธ์เปตองนานาชาติ (FIPJP) เป้าหมาย คือ การขอให้กีฬาเปตองกลับมาบรรจุแข่งขันในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ เดือนธันวาคมนี้
แต่คำสั่งห้ามจัด “เปตอง” ในซีเกมส์ เกิดขึ้นได้อย่างไร?
ถ้าย้อนไกลถึงรากเหง้าของปัญหานั้น จุดเริ่มต้นจากผลการเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาเปตองแห่งประเทศไทยฯ คนล่าสุด ถูกชี้ว่ากระทำการทุจริต จนเกิดการร้องเรียนไปยังสหพันธ์เปตองนานาชาติ (FIPJP) และ สหพันธ์เปตองและโบว์ลโลก (WPBF) รวมถึงการกล่าวโทษการทำหน้าที่การกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ กกท. ที่รับรองการเป็นนายกสมาคมฯ
ปรากฏว่า สหพันธ์เปตองและโบว์ลโลก เห็นชอบตามคำร้องเรียน ด้วยการไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง และขอสั่งแบนผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นนายกสมาคมฯ ในครั้งนี้ แต่ผู้ถูกร้องเรียน ยืนยัน ว่าถูกใส่ความจากขั้วอำนาจเก่า ดังนั้น เพื่อพิสูจน์ในความบริสุทธิ์ของตัวเอง จึงยืนกรานที่จะดำรงตำแหน่งนายกสมาคมฯ ต่อไป แต่กลายเป็นว่า เมื่อเรื่องราวใหญ่โตไปไกลระดับโลก ท้ายที่สุด สหพันธ์เปตองโลก จึงสั่งคว่ำบาตรสมาคมกีฬาเปตองแห่งประเทศไทยฯ ไม่ให้ข้องเกี่ยวกับการแข่งขันนานาชาติ รวมถึงการไม่ให้จัดอิเวนต์เปตองในประเทศอีกด้วย
แต่ถ้าติดตามข่าวสารผลงานทัพนักกีฬาเปตองของไทยมาอย่างต่อเนื่อง เช่น มหกรรมกีฬาเวิลด์เกมส์ ที่นครเฉิงตู สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชนิดกีฬาที่ไม่ได้บรรจุในโอลิมปิกเกมส์ (4 ปี มี 1 ครั้ง) ปรากฏว่า ทัพเปตองไทย คว้ามาได้ถึง 1 เหรียญเงิน และ 2 เหรียญทองแดง
อ่านถึงจุดนี้ ทำไม “ไทย” ไม่โดนแบนในเวิลด์เกมส์ ??
เพราะ คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ซึ่งประกอบด้วย ผู้แทน คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ร่วมกับ กกท. และสมาคมโบว์ลแห่งประเทศไทย (ซึ่งเป็นสมาคมที่สหพันธ์ฯ ให้การรับรอง) แต่งตั้ง “คณะกรรมการกลาง” เข้ามาดำเนินการแทนสมาคมกีฬาเปตองแห่งประเทศไทยฯ ซึ่ง สหพันธ์เปตองและโบว์ลโลก ยอมรับ คณะทำงานชุดนี้ ทำให้ “ไทย” จัดส่งนักกีฬาแข่งขันได้อย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง
จากนั้น เกิดอะไรขึ้น ?? เมื่อ ยอมรับ “คณะกรรมการกลาง” เหตุใด “ไทย” ยังโดนคำสั่งห้ามจัดแข่ง “เปตอง” ในซีเกมส์
คำตอบอยู่ในเนื้อหาจดหมายฉบับหนึ่งจากสหพันธ์เปตองและโบว์ลโลก ที่ส่งตรงถึงมือประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ระบุใจความได้ว่า การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ยังคงสนับสนุนสมาคมกีฬาเปตองแห่งประเทศไทยฯ ชุดที่ถูกสหพันธ์ลงโทษแบน และแม้จะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการกลางขึ้นมาแล้ว ทาง กกท. ก็ยังไม่ยอมรับ ดังนั้น สหพันธ์ฯ จึงสั่งห้ามประเทศไทยจัดการแข่งขันกีฬาเปตองในมหกรรมกีฬาซีเกมส์ 2025 ปลายปีนี้ พร้อมทั้งยืนยันว่า ถ้าชาติใดส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันก็จะถูกลงโทษแบน เป็นระยะเวลา 2 ปี หรือ จนถึงซีเกมส์ครั้งหน้า ที่มาเลเซียเป็นเจ้าภาพ ในปี ค.ศ. 2027 ซึ่งเวลาต่อมา การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ยืนยัน กกท. ยอมรับในอำนาจของคณะกรรมการกลาง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเตรียมการจัดการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 33 รวมไปถึงการพิจารณาคัดเลือกนักกีฬา เพื่อส่งเข้าร่วมการแข่งขันนั้น กกท. ไม่ได้ติดขัดอะไร เพียงแต่ที่ผ่านมาได้รับการร้องเรียนจากนักกีฬาถึงเรื่องการพิจารณาคัดเลือก ทำให้มีปัญหาต่อเนื่องมา หลังจากนี้ กกท. จะส่งข้อมูลทั้งหมดให้คณะกรรมการกลางเป็นผู้พิจารณาทั้งหมดเอง ว่าจะส่งรายชื่อแบบใดเข้าร่วมการแข่งขัน
ซึ่งในฐานะที่ “ไทย” คือ โลกมหาอำนาจแห่งกีฬาเปตอง ปฏิเสธไม่ได้ว่า จดหมายจากสหพันธ์ฯ ฉบับนี้ คือ “คำประกาศิต” ที่ทำให้ความหวังในการจัด “เปตอง” ในมหกรรมซีเกมส์ครั้งที่ 33 แทบจะดับมอดลงไปแล้ว
จนกระทั่ง ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี เร่งสั่งการ ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ พร้อมด้วย นายกองเอก ชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ รองประธานคณะกรรมการโอลิมปิคฯ เดินทางไปประเทศฝรั่งเศส เพื่อเจรจากับสหพันธ์เปตองนานาชาติ ขอให้กีฬาเปตองกลับมาบรรจุแข่งขันในกีฬาซีเกมส์
แสงแห่งความหวังกลับมาอีกครั้ง แต่ในขณะเดียวกัน ระหว่างเดินหน้าเจรจา ลุ้นปลดแบน ทุกๆ ฝ่ายต้องกลับมาทบทวน ทำความเข้าใจกันใหม่เหมือนกัน ว่าแท้ที่จริงแล้ว บทบาทของการกีฬาแห่งประเทศไทย และ คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูถัมภ์ เป็นอย่างไร ?? เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำรอยเดิม
บทบาทของการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) คือ ทำหน้าที่คัดเลือก และเตรียมนักกีฬาทีมชาติไทย เพื่อเข้าร่วมแข่งขันมหกรรมกีฬานานาชาติต่างๆ มอบหมายให้สมาคมกีฬา “แห่งประเทศไทย” ในการกำกับดูแลของ กกท. ดำเนินการคัดเลือกนักกีฬา
ส่วนหน้าที่ของ คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ทำหน้าที่เพียง “ส่ง” นักกีฬาทีมชาติไทย ที่ กกท. ส่งรายชื่อมาให้ เพื่อไปแข่งขันในฐานะที่ National Olympic Committee (NOC) ไทย เป็นสมาชิกของสหพันธ์กีฬาซีเกมส์, สภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (โอซีเอ) หรือ คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) เท่านั้น
แต่เมื่อสหพันธ์กีฬาเปตองฯ ลงโทษแบนสมาคมกีฬาเปตองแห่งประเทศไทยฯ จากการเป็นสมาชิก คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ กลับลงนามคำสั่ง แต่งตั้ง “คณะกรรมการกลาง” เพื่อมาคัดเลือกนักกีฬา เพื่อส่งเข้าร่วมแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33
การแต่งตั้งคณะกรรมการชุดนี้ แม้ กกท. ไม่ขัดขืน แต่หลักปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่อันแท้จริง การแก้ไขปัญหานั้น ต้องอยู่ในอำนาจบริหารจัดการของการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ตั้งแต่ต้น
ยกตัวอย่าง มวยสากล ไทยเคยถูกแบน (ยุคนั้น คือ AIBA) กกท. ก็เป็นผู้ทำหน้าที่แก้ปัญหา หรือปัญหาภายในสมาคมกีฬายิงปืนฯ ทาง กกท. ก็ทำหน้าที่ตั้งคณะกรรมการกลางเข้าไปดูแลคัดเลือกนักกีฬา ก่อนส่งให้คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ในการส่งนักกีฬาเข้าแข่งขัน นั่นคือ ตัวอย่างขั้นตอนการปฏิบัติงานที่ถูกต้องตามหลักการ
ณ ตอนนี้ ถ้ามองถึงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า “เปตอง” จะได้จัดในซีเกมส์ ปลายปีนี้ หรือไม่ ก็ต้องลุ้นผลการเจรจาที่จะมีขึ้นในวันจันทร์ ที่ 29 กันยายนนี้ ตามเวลาท้องถิ่นฝรั่งเศส
ถ้าการเจรจาเป็นผลสำเร็จ นั่นคือ การร่วมด้วยช่วยกัน ทั้ง คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ และ การกีฬาแห่งประเทศไทย เช่นเดียวกัน ถ้าผลลัพธ์เป็นไปในทิศทางตรงกันข้าม ก็ย่อมเป็นความรับผิดชอบร่วมกัน
ส่วนปัญหาวุ่นๆ ว่า ใครถูก ใครผิด ต้นเหตุที่แท้จริง ที่ทำให้ “เปตองไทย” ถูกแบน เกิดจากอะไรกันแน่ ต้องเข้าสู่กระบวนการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงกันต่อไป เพื่อให้เกิดความยุติธรรม กระจ่างแจ้งในสังคมโลก