การทัวร์พรีซีซั่น คือสิ่งที่สโมสร แมนฯ ยูไนเต็ด โปรดปราน เพราะพวกเขาจะได้รับเงินก้อนโตจากผู้จัดที่พร้อมมอบให้เป็นรายได้ขวัญถุงก่อนซีซั่นเริ่ม พวกเขาจึงมีนโยบายออกทัวร์ต่างทวีปทุกปี บางปีก็ทวีปเอเชีย บางปีก็ไปสหรัฐอเมริกา
อย่างไรก็ตาม แม้สโมสรจะชอบ แต่นักเตะกลับดูเหมือนจะไม่ชอบเท่าไหร่ เพราะการทัวร์คือการสละวันหยุดของพวกเขา เพื่อมาเตะช่วยสโมสรหาเงิน แถมน้อยครั้งที่พวกเขาจะได้ออกไปเที่ยวนอกแคมป์เก็บตัว หรือโรงแรมที่พักตามกฎที่สโมสรตั้งไว้
ทว่าปี 1999 หลายสิ่งแตกต่างกันออกไป เมื่อ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ไม่ได้เดินทางมากับทีมชุด 3 แชมป์ที่มาเตะปรีซีซั่นเอเชี่ยนทัวร์ ... อะไรจะเกิดขึ้นบ้างตอนป๋าไม่อยู่ ? ติดตามกับ Main Stand
เรื่องใหม่ ณ ออสเตรเลีย
หลังจากจบฤดูกาล 1998-99 ด้วยการคว้าทริปเบิลแชมป์ ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นสโมสรที่เนื้อหอมที่สุดในโลก พวกเขาการันตีความแมส (เป็นที่รู้จักในวงกว้าง) ด้วยงานจัดจ้างมากมาย และสิ่งที่ยืนยันได้ก็คือการออกทัวร์เอเชียที่ในปี 1999 พวกเขามีคิวเยือน 3 ชาติ ได้แก่ ออสเตรเลีย, จีน และฮ่องกง
โดยในทัวร์นี้ความพิเศษสำหรับกลุ่มนักเตะปีศาจแดงก็คือ สโมสรให้มอบหมายให้ สตีฟ แม็คคลาเรน ผู้ช่วยผู้จัดการทีมเข้ามามีสิทธิ์เป็นคนออกคำสั่งแทนที่ของ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ไม่ได้เดินทางมาคุมทีมด้วยตัวเอง เนื่องจาก ณ เวลานั้น เฟอร์กี้ กำลังเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าเฝ้าสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เพื่อรับพระราชทานยศ "เซอร์" ที่อยู่หน้าชื่อของเขามาจนถึงทุกวันนี้
นอกจาก เฟอร์กี้ ที่ไม่มาแล้ว ยังรวมถึง เดวิด เบ็คแฮม สตาร์เบอร์ 1 ของทีมที่ขออยู่ที่อังกฤษเพื่อจัดงานแต่งงานกับ วิคตอเรีย อดัมส์ ภรรยาของเขา ณ ปัจจุบัน ขณะที่ รอย คีน กัปตันทีมจอมห้าวก็ไม่ได้ไปด้วยอีก 1 คนเนื่องจากติดภารกิจส่วนตัว ส่วนอีกคนที่เหมือนพี่ใหญ่อย่าง ปีเตอร์ ชไมเคิล ก็ย้ายออกจากทีมไปแล้ว
คุณลองนึกภาพเอาแล้วกันว่า นักเตะที่ประสบความสำเร็จถึงขีดสุดมาเมื่อไม่ถึง 2 เดือนที่แล้ว ได้ออกมาเที่ยวไกลบ้าน แถมเจ้านายและลูกพี่ใหญ่ที่คอยทำหน้าที่เป็นคนทำให้พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ในกรอบและปฎิบัติตามกฎที่ทีมตั้งไว้ก็ไม่อยู่ ... หนุ่ม ๆ เหล่านี้จะแฮปปี้ขนาดไหน ?
"การไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ที่ออสเตรเลียในปี 1999 เป็นทริปที่สนุกที่สุดทริปหนึ่งที่ผมเคยเข้าร่วม" ดไวท์ ยอร์ค เล่าให้ฟังพร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าอย่างชัดเจน "และมันโคตรจะพิเศษแบบคูณสอง เพราะทริปนี้แหละที่ทำให้ผมเจอผู้หญิงที่สวยที่สุดเท่าที่ผมเคยพบมาในชีวิต"
แค่ยอร์คเล่าเปิดหัวแค่นี้ คุณก็น่าจะพอเดาออกว่า เมื่อไร้เจ้านาย พวกเขาเหล่านี้ได้ใส่กันหมดปลอก แบบที่ไม่มีการทัวร์ครั้งไหนในชีวิตนักเตะของพวกเขาเทียบได้
ยูไนเต็ด มีคิวต้องลงเตะกับทีมชาติออสเตรเลียทั้ง 2 นัด โดยนัดแรกเตะกันที่สนาม MCG หรือ เมลเบิร์น คริกเก็ต กราวด์ ในวันที่ 15 กรกฎาคม จากนั้นพวกเขาจะได้พัก 3 วัน ย้ายเมืองไปที่ซิดนี่ย์ เพื่อลงแข่งขันที่สนาม ซิดนี่ย์ โอลิมปิก สเตเดี้ยม โดยทั้ง 2 เกมนี้พวกเขาจะได้เงินค่าจ้างรวมราว ๆ 3.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากผู้จัดที่ชื่อว่า เรเน ริฟกิน ผู้พยายามหาทางโฆษณาทุกช่องทางเพื่อให้งานนี้ทำกำไรคืนกลับาให้กับเขา
"ยินดีต้อนรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สู่เมลเบิร์น" การมาถึงของทัพปีศาจแดงกลายเป็นข่าวใหญ่โต และมีรูปของพวกเขาลงหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นทุกฉบับ ... ริฟกิน ทำได้ดีในแง่ของการโฆษณา แต่ในการจัดงานแถลงข่าวหรืองานโชว์ตัวนั้นเขาทำผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ มากมายในแง่ของรายละเอียดต่าง ๆ และไอ้ที่ว่าเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็รวมกันจนกลายเป็นทริปที่ทำให้แข้งผีแดงหลายคนจำไม่ลืม
หนึ่งในนั้นคือช่วงงานโชว์ตัวที่นักเตะต้องออกมาพบปะแฟน ๆ ที่มารอพวกเขาเป็นพันคน ณ โรงแรมคราวน์ ทว่าทีมที่ถูกริฟกินจ้างมาจัดงานนั้น กลับเป็นทีมที่ไม่ได้เป็นคนที่ดูฟุตบอล และไม่ได้รู้จักนักเตะของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่มาทำหน้าที่ถามตอบเลย ความโกลาหลมันเริ่มจากตรงนั้น เพราะแค่ก่อนขึ้นเวทีก็ฮากันแล้ว เนื่องจากโฆษกประจำงานนี้ได้เอ่ยปากถามนักเตะผู้ซัดประตูชัยช่วงทดเวลาบาดเจ็บในนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก อย่าง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ว่า "โทษนะ..คุณคือใครกันครับเนี่ย ?" ... จากนั้นกิจกรรมต่าง ๆ ก็เริ่มขึ้น
เมื่อ สตีฟ แม็คคลาเรน ขึ้นมามีอำนาจ
ความคลั่งไคล้ต่อแฟน ๆ ชาวออสซี่ หรือชาติอื่น ๆ ในเอเชียที่มีต่อ ยูไนเต็ด ในเวลานั้นถูกบรรยายจากปากของ นิคกี้ บัตต์ ว่า
"ผมรู้อยู่เสมอว่า แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นที่นิยมขนาดไหน แต่บางสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อคุณได้เห็นด้วยตาของตัวเอง คุณก็จะรู้ว่ามันไม่ได้ดีเสมอไปหรอก"
"เมื่อตอนเป็นเด็ก ๆ ผมชอบการได้ออกไปเที่ยวออกไปทัวร์นะ เพราะมันทำให้ได้ออกไปท่องราตรีกับเพื่อนๆ และสนุกไปกับมัน แต่ต่อมา เมื่อผมอยู่กับยูไนเต็ด มันกลับกลายเป็นเรื่องแย่เลยล่ะเมื่อได้ยินคำว่า 'ทัวร์' นี่คือผมที่ชื่อ นิคกี้ บัตต์ นะ ลองคิดดูว่าถ้าผมดังระดับ เดวิด เบ็คแฮม จะขนาดไหน"
"เบ็คแฮมดูจะประสบกับปัญหามากที่สุด ในหลาย ๆ ครั้งที่เราไปออกทัวร์ในเอเชีย เราต้องอยู่ในโรงแรมตลอดเวลา 10 วัน และไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปไหนเลย เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเอง" ... บัตต์ พูดถึงความบ้าคลั่งของแฟน ๆ ชาวออสเตรเลียที่มีต่อเขา ทว่าอีกส่วนหนึ่งที่เขาไม่ได้บอกก็คือ คำว่า "ไม่ได้ออกไปไหนเลย" มันใช้กับที่นี่ไม่ได้ เพราะอย่างที่บอกไป ... คนที่พวกเขากลัวที่สุดอย่าง เฟอร์กี้ ไม่ได้มาด้วยนั่นเอง
ตำนานกุนซือของทัพปีศาจแดงได้รับยศอัศวิน (เซอร์) ในปีดังกล่าว นั่นทำให้ สตีฟ แม็คคลาเรน ซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมในตอนนั้น ต้องก้าวขึ้นมารับตำแหน่งผู้จัดการทีมชั่วคราว เขาเป็นคนออกกฎและเวลาเคอร์ฟิวที่บังคับให้นักเตะทุกคนต้องถึงโรงแรมด้วยตัวเอง ... ทว่าบารมีของเขาไม่มากพอ และนักเตะชุดนั้นแทบไม่กลัวเขาเลย
"สตีฟกลายเป็นผู้จัดการทีม เราให้ความเคารพเขานะ แต่เราก็ต้องการความเป็นอิสระเหมือนกัน เราไม่ค่อยกลัวเขา เหมือนกับที่เรากลัวผู้จัดการทีม เขากำหนดกรอบเวลาว่าให้เรากลับมาที่พักกี่โมง แต่เราก็ไม่ได้สนใจ เขาเพิ่งจะมาอยู่กับสโมสรได้แค่ 6 เดือน และยังไม่มีอำนาจเพียงพอที่จะควบคุมเราให้มีระเบียบได้" แอนดี้ โคล เล่าย้อนความเรื่องนี้
ช่วงกลางคืน กลุ่มนักเตะของ ยูไนเต็ด หลายคนออกไปเดินเล่นตามส่วนต่าง ๆ และแน่นอนว่าหลายคนก็มีวงปาร์ตี้ท่องราตรีของตัวเอง มีการเปิดเผยเพิ่มเติมจากกลุ่มนักเตะทีมชุดนั้นว่า จริง ๆ แล้วเรื่องที่เมลเบิร์นมันไม่ได้มีอะไรสุดเหวี่ยงมากเท่าไร แต่มันคือการ "เล่นกับระบบ" มากกว่า กล่าวคือพวกเขาก็กล้า ๆ กลัว ๆ ว่าการออกไปเที่ยวที่ต่าง ๆ ทั้งแบบเที่ยวเล่นจริง ๆ หรือเที่ยวแบบเมา จะทำให้พวกเขาโดนลงโทษหรือไม่
ค่ำคืนนั้นพวกเขาไมได้จัดเต็มมากนัก เพราะอีกวันต่อมาต้องลงแข่งขันแล้ว แต่สิ่งที่พวกเขาได้มาจากความกล้า ๆ กลัว ๆ ในคืนแรกก็คือ พวกเขาก็ได้คำตอบว่า ต่อให้กลับหลังเคอร์ฟิว "ก็ไม่เห็นเป็นอะไร"
นั่นทำให้นักเตะของปีศาจแดงใจจดใจจอรอคืนต่อไป ที่พวกเขาต้องย้ายเมืองจากเมลเบิร์นไปยังซิดนี่ย์ ... คืนนี้แหละคือของจริง !
ลุยกันเลยพวก !
เกมนัดแรกที่สนาม MCG จบลงด้วยชัยชนะของ ยูไนเต็ด 2-0 ได้ประตูจาก เยสเปอร์ บลอมควิสต์ และ นิคกี้ บัตต์ นอกจากนี้เกมนี้ยังเป็นการเปิดตัว มาร์ค บอสนิช ประตูชาวออสเตรเลียที่เพิ่งย้ายจาก แอสตัน วิลล่า มาอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด เพื่อรับหน้าที่ต่อจาก ปีเตอร์ ชไมเคิล อีกด้วย แต่อย่างที่บอกไป ชัยชนะในเกมก็งั้น ๆ สิ่งที่พวกเขารอก็คือคืนต่อไปที่ซิดนี่ย์ต่างหาก
แมนฯ ยูไนเต็ด บินขึ้นเหนือไปที่ซิดนีย์ด้วยเครื่องบินสุดหรูที่ผู้จัดการแข่งขันเช่ามาให้ และนักเตะก็เตรียมตัวที่จะสนุกสุดเหวี่ยงแล้ว "เรามีค่ำคืนที่ดี และเราจะทำลายกฎเคอร์ฟิวที่บังคับเราอยู่ทิ้งซะ" บัตต์กล่าว
"เราอยู่ที่คาสิโนที่ชื่อ Star City ในซิดนี่ย์จนถึงตี 4 ของเช้าวันรุ่งขึ้น ผมกับกิ๊กซี่เมา รู้ตัวอีกทีก็ไปดื่มกันต่อแถวทางหนีไฟ ซึ่งมันทำให้เรากลับไปที่ห้องสาย ... เราเองก็กลัวว่านี่มันเหมือนการตั้งใจทำผิดซึ่ง ๆ หน้าเราอาจจะโดนลงโทษได้ ... แต่เปล่าเลย เพราะมันมีคนที่ปล่อยสุดกว่าพวกเราอีก"
"ยอร์กี้ (ยอร์ค) และบอซซ่า (บอสนิช) นี่แหละของจริง 2 คนนี้กลับมาถึงห้องตอนตี 5 พวกเขาก็เลยโดนลงโทษแทนเราไป ซึ่ง ยอร์กี้ ก็เต็มใจโดนลงโทษด้วยรอยยิ้มราวกับเขาคิดว่านี่เป็นเรื่องสนุก"
แล้วมันก็เป็นแค่เรื่องสนุกอย่างที่ ยอร์ค เล่าจริง ๆ เพราะ ยอร์ค คิดแผนนี้ไว้ตั้งแต่อยู่บนเครื่องบินแล้ว เขาบอกว่า "ตั้งแต่ขึ้นเครื่องบินมา ไม่มีไฟลต์ไหนอีกแล้วที่จะมีสาวสวยอยู่บนเครื่องมากกว่าทริปลุยออสเตรเลียครั้งนี้" (ไม่รู้บังเอิญหรือไม่ เพราะ 6 ปีจากนั้นเขาย้ายมาเล่นกับ ซิดนี่ย์ เอฟซี ในปี 2005)
"คือเรื่องมันเป็นแบบนี้ ที่เมลเบิร์นแทบไม่มีคนนอกผ่านประตูโรงแรมเข้ามาถึงเราได้ ที่นั่นมี รปภ. มากมายแม้กระทั่งในลิฟต์ ... แต่ผมก็สามารถหลอกเขาได้ด้วยมุกเดิม ๆ นั่นก็คือการติดสินบนไง ผมทำเพื่อให้ตัวเองพาสาว ๆ เข้าไปในห้องได้"
การกลับถึงห้องตี 5 ของยอร์ค และต้องลงไปฝึกซ้อมโชว์ ณ สนาม โอลิมปิก สเตเดี้ยม ถูกเล่าต่อโดย บัตต์ ว่า "เรากำลังยืดกล้ามเนื้อกันในสนาม แล้วผมก็ได้ยินเสียง 'คร่อกกก !' ขึ้นมา ชัดเลยมันเสียงกรนของ ยอร์กี้ เขาหลับไปแล้ว พวกเราขำมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา แต่ก็ไม่มีใครปลุกเขาหรอก เขาหลับไปทั้ง ๆ ที่ยังซิทอัพกันอยู่ จากนั้นอีกประมาณ 4-5 นาที การยืดกล้ามเนื้อก็จบลง เราต้องไปวิ่งแทน และเราก็ปล่อยให้ยอร์คนอนอยู่กลางสนามคนเดียว"
แม้แต่คู่ขาในสนามของยอร์ค อย่าง โคล ก็เล่าต่อว่า "ผมตะโกนบอกเขาว่า 'ตื่นเว้ยยอร์กี้' หน้าตาของเขามันเบลอมาก แบบว่าทำเหมือนจะเข้าใจ แต่เขาคงไม่สนใจเราหรอก ผมว่าการกรนกลางสนาม โอลิมปิก สเตเดี้ยม ของยอร์กี้ เป็นช่วงเวลาที่ตลกที่สุดเท่าที่ผมเคยพบเจอมาในการเล่นฟุตบอลแล้ว"
แม้จะเมาขนาดนั้น แต่เมื่อลงแข่ง ยอร์ค ก็สามารถยิงประตูชัยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เอาชนะได้ที่ซิดนี่ย์ ด้วยสกอร์ 1-0 และแน่นอนว่าในค่ำคืนนี้จะเป็นอีกคืนที่พวกเขาต้องพักโรงแรมเดิม และนั่นถูกใจยอร์คมาก ๆ เพราะเขาได้เตรียมทางหนีทีไล่เอาไว้แล้ว
หลังจากคว้าชัยชนะที่ซิดนี่ย์ ทีมก็ออกมาฉลองชัยชนะในเมือง นอกจากจะผลงานดีในสนามแล้ว ดูเหมือนว่านอกสนามยอร์คก็ทำได้ดีเช่นกัน ยอร์คกลับมาทำในสิ่งที่ตัวเองชื่นชอบในไนต์คลับ และเขาก็มีสาว ๆ รุมล้อมมากมาย แต่สายตาของเขามองหาอยู่คนเดียวนั่นคือดาวเซ็กซี่ที่ชื่อว่า แกบบี้ ริเชนส์
"เธอเป็นที่รู้จักในชื่อ 'เครื่องจักรแห่งความสุข' ซึ่งเป็นชื่อที่เธอได้มาจากการเข้าร่วมงานโฆษณากับสายการบิน ซึ่งเธอออกมาเต้นระบำเปลื้องผ้าผ่านหน้าจอที่มีไอน้ำขึ้นเต็มไปหมด เมื่อผมเห็นเธอ ผมถึงกับสตั๊นเลย" ยอร์ค เล่าถึงความหลงใหลที่เขามีต่อสาวคนนี้
ยอร์คกับริเชนส์ได้ทำความรู้จักกัน และแลกเบอร์โทรศัพท์กัน นั่นเป็นเหตุผลให้ดาวยิงตรินิแดดก็หลบเลี่ยงเคอร์ฟิวของทีมอีกครั้ง และพูดคุยกับเธอให้เธอมาส่งเขาที่ประตูหลังของโรงแรมที่ดาวเตะตรินิแดดพักอยู่ หลังจากเธอพายอร์คไปชมบรรยากาศของเมืองซิดนีย์ และยอร์คก็เซอร์ไพรส์มาก ๆ ที่เธอยอมกลับมาที่โรงแรมกับเขา และยอร์คก็จ้าง รปภ. ให้ทำหน้าที่ตรวจสอบไม่ให้มีคนเข้ามาแถวนี้
"ฟังข้านะพวก" ยอร์คบอกกับ รปภ. "ข้าจะพาแกบบี้มาที่นี่" ซึ่งรปภ. กล่าวว่า "โอเค แล้วแกบบี้นี่ใครล่ะ ?" ยอร์คจึงบอกไปว่า "นายรู้จักดี เครื่องจักรแห่งความสุขไง"
ยอร์คบอกด้วยว่า รปภ. แทบจะตาถลนออกมาเมื่อได้ยินชื่อนี้ "ผมให้เขาไป 100 ดอลลาร์สหรัฐ และผมอาจจะแบ่งเงินโบนัสที่ได้จากทีมส่วนหนึ่งเลยด้วยซ้ำหากมันจำเป็น เรามีค่ำคืนที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ ก่อนที่เธอจะกลับไปตอน 6 โมงเช้า" ยอร์คกล่าวเสริม
นั่นคือช่วงเวลาที่พวกเขามีความสุขที่สุดในการออกทัวร์พร้อมกับทีม ... เพราะหลังจากนั้น ในการแข่งขันที่ฮ่องกง เฟอร์กี้ จะบินตามมาสมทบ และทำหน้าที่เป็นผู้จัดการทีมตามเดิม และพวกเขารู้ดีว่าเมื่อ เฟอร์กี้ มา ไม่มีทางที่พวกเขาจะทำได้เหมือนกับ 3-4 คืนที่ออสเตรเลียอีก
แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้ก็พอแล้ว เพราะไม่รู้ว่าจะมีเหตุการณ์ไหนอีกที่พวกเขาได้เจอประสบการณ์ "แมวไม่อยู่หนูร่าเริง" ได้ขนาดนี้
"ซัมเมอร์ปี 1999 น่ะหรอ ? ไม่ลืมหรอก ผมไม่มีทางลืมแน่นอน" ยอร์คทิ้งท้ายพร้อมกับรอยยิ้มเมื่อให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นที่พวกเขาจำไม่ลืม
แหล่งอ้างอิง
https://www.dailymail.co.uk/sport/football/article-11026559/Manchester-United-players-party-Melbournes-hottest-nightclub-ahead-Crystal-Palace-clash.html
https://www.ftbl.com.au/feature/man-utds-crazy-australian-tour-249071
https://www.fourfourtwo.com/features/manchester-united-australia-tour-mad-1999-trip-all-nighters-and-dirty-dwight-down-under
https://talksport.com/football/1145737/boozy-all-nighters-hangovers-training-girls-roy-keane-fight-peter-schmeichel-man-utd-pre-season-tours/