Feature

มาร์ตี ซิฟวนเตส : กุนซือผู้กล้ารับงานโหดหินกับ เลสเตอร์ ซิตี้ | Main Stand

เลสเตอร์ ซิตี้ ใช้เวลาเกือบ 2 เดือนในการหากุนซือใหม่หลังจากวันที่พวกเขาตกชั้นจากพรีเมียร์ลีกอย่างเป็นทางการ สุดท้ายมาลงเอยด้วยกุนซือชื่อไม่คุ้นหูอย่าง มาร์ตี ซิฟวนเตส 

 

โค้ชคนนี้เป็นใครมาจากไหน และกับภารกิจในวันที่ เลสเตอร์ ประสบปัญหาหลายด้าน เขามีดีอะไรเพื่อภารกิจกอบกู้ครั้งนี้ ?  ติดตามกับ Main Stand 

 

DNA บอลสเปนโดยชาติกำเนิด

มาร์ตี ซิฟวนเตส มาจากเมืองเล็กที่ชื่อ Sant Cugat del Vallès ที่อยู่ทางตอนเหนือของบาร์เซโลน่า เขาเกิดและโตที่นี่ ซึ่งเมื่อพูดแค่นี้ก็แทบไม่ต้องคาดเดาต่อไปให้ยากว่า ฟุตบอลในอุดมคติของเขาเป็นแบบไหน

บาร์เซโลน่า เป็นดินแดนที่สร้างสไตล์ฟุตบอลแบบ Tiki-Taka ขึ้นมา ผ่านการขึ้นโครงสร้างโดยบรมครูโลกลูกหนังอย่าง โยฮัน ครัฟฟ์ ซึ่งภายหลังสไตล์ฟุตบอลแบบบาร์เซโลน่า ที่เน้นเรื่องการครองบอล ต่อบอล และบดขยี้คู่แข่งด้วยการเคลื่อนที่ตลอดเวลาทั้งยามที่มีบอลและไม่มีบอล ก็กลายเป็นวิธีการเล่นในแบบที่แม้แต่สโมสรอื่น ๆ ก็ใช้เป็นพื้นฐาน ก่อนจะค่อย ๆ ปรับสไตล์ให้เหมาะสมกับตัวเอง ปรับจังหวะเกมเร็ว-ช้า ตามยุคสมัยของฟุตบอล

ซิฟวนเตส เติบโตมากับฟุตบอลแบบนั้น เขาไม่เคยเป็นนักฟุตบอลอาชีพมาก่อน แม้จะไม่มีประสบการณ์ด้านการเป็นนักเตะ แต่เขาเติบโตมากับสายโค้ชแบบเต็มระบบ เพราะเลือกเดินสายงานโค้ชตั้งแต่อายุ 20 ปี โดยเริ่มต้นเส้นทางอาชีพในลีกระดับล่างของฟุตบอลสเปน

หลังจากนั้นเขาก็ไปทำงานที่นอร์เวย์ กับสโมสร ซานเดฟยอร์ด, เดนมาร์ก กับ อัลบอร์ก และสวีเดน กับ ฮัมมาร์บี้ โดยแต่ละครั้งเขาก็สร้างเรื่องราวของตัวเองและกลายเป็นขวัญใจของแฟนบอลแต่ละทีมได้ภายในเวลาไม่นาน โดยเฉพาะการคุมทีม ฮัมมาร์บี้ ที่เขาสามารถพาทีมจากท้ายตารางขึ้นมาเป็นทีมระดับหัวแถว และทำสถิติชนะถึง 52% จากการคุมทีมทั้งหมด 74 เกม ด้วยฟุตบอลในแบบที่เขาเชื่อมั่นมาโดยตลอด

"ผมเป็นคนช่างสงสัยและพยายามหาแบบทดสอบให้ตัวเองเสมอ ในช่วงเริ่มแรกผมลองทำงานในระดับดิวิชั่น 3 ของสเปนอยู่หลายปี แต่ผมคิดว่าการออกไปหาประสบการณ์ใหม่ ๆ จะทำให้ผมเก่งขึ้นยิ่งกว่าเดิม ในช่วงเวลานั้นเป็นช่วงซัมเมอร์ และไม่มีลีกไหนในยุโรปให้เลือกนัก มีแต่ลีกในแถบสแกนดิเนเวียที่ฤดูกาลยังเปิดอยู่" ซิฟวนเตส เล่าจุดเริ่มต้นการเติบโตของเขา 

"ตอนแรกผมกะใช้ชีวิตที่นั่นสักปีหรือสองปีก็พอแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่ารู้ตัวอีกทีผมก็ทำงานแถบนี้มานานถึง 7 ปีแล้ว ... ผมพาฟุตบอลในสไตล์ของ โยฮัน ครัฟฟ์ และแคว้นกาตาลุนย่ามาที่นี่และพยายามจะพัฒนามันขึ้น เพราะผมเชื่อว่าเรื่องของ DNA มันเปลี่ยนกันยากในฐานะโค้ช คุณต้องซื่อสัตย์กับแนวทางของตัวเอง เพื่อให้นักเตะในทีมไว้ใจคุณ"

"มีคำพูดที่บอกว่า เราไม่สามารถเล่นครองบอลได้ หากนักเตะไม่เฉลียดฉลาดพอ ซึ่งผมไม่เห็นด้วย มันขึ้นอยู่กับคุณที่จะอธิบายและพยายามทำให้พวกเขาเข้าใจแก่นแท้ของแท็คติกได้หรือไม่ต่างหาก" เขากล่าวถึงปรัชญาฟุตบอลเดียวที่เขายึดมั่นและพาเขาข้ามน้ำข้ามทะเลจากแถบสแกนดิเนเวียมายังเกาะอังกฤษ ดินแดนต้นกำเนิดของฟุตบอล กับทีมอย่าง ควีนส์พาร์ค เรนเจอร์ส สโมสรลีกรองในกรุงลอนดอน ที่ขึ้นชื่อเรื่องการเล่นฟุตบอลโบราณ ใช้บอลเดินทางบนอากาศมากกว่าการต่อบอลเท้าสู่เท้า แม้กระทั่งในยุคของ แกเร็ธ เอนส์เวิร์ธ โค้ชที่คุม คิวพีอาร์ ก่อนหน้าเขา 

 

บอลเป็นรองของถนัด 

คิวพีอาร์ เลือกเขาเพราะต้องการเปลี่ยนแนวทางฟุตบอลให้เหมาะกับยุคสมัย นอกจากนี้ ซิฟวนเตส ยังขึ้นชื่อเรื่องการเป็นโค้ชที่เข้ามาวางพื้นฐานให้กับทีม และสร้างทีมในช่วงแรกได้ดีมาก ๆ โดยตอนที่เขาทำงานกับ ฮัมมาร์บี้ เขาพยายามเปลี่ยนทีมให้พยายามเล่นฟุตบอลแบบที่สามารถวิ่งเพรสซิ่งได้ทั้งเกม ด้วยการลดอายุเฉลี่ยของทีมลง จากเดิมที่เฉลี่ยอยู่ที่ 28.6 ปี เขาปรับอายุเฉลี่ยเหลือ 24.3 ปี แถมยังได้ทีมที่แข็งแกร่งกว่าเดิมอีกด้วย เวลาราว 4 เดือน กระโดดจากโซนท้ายตารางขึ้นมาอยู่กลางตาราง และค่อย ๆ ใส่ฟุตบอลในแบบของเขาเข้าไป 

เขาอธิบายเพิ่มว่า ช่วงที่ทำ คิวพีอาร์ เขาไม่ได้ใส่เกมบุกเข้าไปแบบเต็มที่ เพราะมีเวลาน้อยและต้องประเมินทรัพยากรที่มีอย่างละเอียด แต่เขาก็ไม่ได้ทิ้งสไตล์ฟุตบอลแบบครัฟฟ์ ที่เน้นการต่อบอล เสียบอลให้ยากที่สุด และเคลื่อนที่ยามไม่มีบอลให้มากที่สุด แตกต่างตรงที่เขาเปลี่ยนวิธีเพรสซิ่งของทีม จากที่เคยทำฟุตบอลที่ไล่เพรสซิ่งตั้งแต่หน้าประตูคู่แข่ง กลายเป็นการเล่นแบบ "มิดบล็อก" หรือการเริ่มไล่ฟุตบอลตั้งแต่กลางสนาม และปิดพื้นที่ในแดนตัวเองด้วยการเล่นเกมรับด้วยกันทั้งทีม ซึ่งสื่ออย่าง Sky Sports สรุปเพื่อให้เห็นภาพฟุตบอลของ ซิฟวนเตส ง่าย ๆ ว่า "คล้ายกับที่ อูไน เอเมอรี่ คุมทีม แอสตัน วิลล่า ในเวลานี้" 

ปีแรกในฤดูกาล 2022-23 เขาพาทีมจบอันดับ 18 รอดตายก่อนจบฤดูกาล 2 เกม โดยหนึ่งในเกมที่เขาได้รับคำชมมาก ๆ ในซีซั่นนั้นก็คือการพา คิวพีอาร์ บุกชนะทีมแชมป์อย่าง เลสเตอร์ ซิตี้ ถึง คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ด้วยสกอร์ 2-1 ซึ่งในเกมนั้น เอ็นโซ่ มาเรสก้า กุนซือของ เลสเตอร์ ในเวลานั้นถึงกับบอกว่า ฟุตบอลของ ซิฟวนเตส ยืดหยุ่นจนเขาเตรียมการไม่ถูก

"ฟุตบอลและวิธีการเล่นของคิวพีอาร์เปลี่ยนไปมากหลังจากที่พวกเขาเปลี่ยนโค้ช 7 เกมหลังสุดก่อนเจอกับเรา พวกเขาชนะ 4 เสมอ 2 และแพ้แค่ 1 นัด ค่าเฉลี่ยคือ 2 แต้มต่อ 1 เกม ... นี่มันคือค่าเฉลี่ยระดับทีมที่ลุ้นเลื่อนชั้นแล้วนะ" มาเรสก้า กล่าว 

"ผมเซอร์ไพรส์กับวิธีการเล่นของพวกเขาจริง ๆ นี่คือ คิวพีอาร์ แบบใหม่อย่างสิ้นเชิง พวกเขากลายเป็นทีมที่เล่นเกมรุก พยายามครองบอลและรักษามันให้เสียยากที่สุด ความอันตรายที่ผมได้พบก็คือวิธีการเพรสซิ่งของพวกเขา ที่เราต้องมีสมาธิและใส่ใจกับการไล่บอลของพวกเขามาก ๆ"

ทว่าเมื่อเริ่มเกมจริง ๆ ซิฟวนเตส ได้ปรับกลยุทธ์มาเป็นฟุตบอลเกมรับในแดน และสวนกลับแม่น ๆ จน เลสเตอร์ ที่เตรียมการมาผิด พลาดท่าแพ้คาถิ่นไป 1-2 ในเกมนั้น คิวพีอาร์ ยิงเข้ากรอบแค่ 3 ครั้ง แต่พวกเขาได้ 2 ประตู สวนแม่น เสียบอลยาก และขยันไล่บอล 3 สิ่งนี้คือความยืดหยุ่นของฟุตบอล ซิฟวนเตส ที่ มาเรสก้า ให้คำชมและยอมรับในฐานะผู้แพ้ 

ขณะที่ซีซั่นที่ผ่านมา เขาก็พา คีวพีอาร์ จบอันดับ 15 ตามหลังโซนเพลย์ออฟ 11 แต้ม และทิ้งห่างโซนตกชั้น 16 แต้ม ... มองผิวเผินอาจจะเป็นผลงานธรรมดา ๆ แต่กับทีมอย่าง คิวพีอาร์ ที่หนีตกชั้นแทบทุกซีซั่น มันคือฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมและแฟนบอลรวมถึงกูรูพันดิทหลายคนก็ชื่นชมว่า ทีมกำลังเดินทางมาบนเส้นทางที่ถูกต้อง มีเอกลักษณ์เป็นตัวเอง และพยายามจะสร้างฟุตบอลที่มีรูปทรงทันสมัย ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เห็นมานานจากทีมที่งบประมาณน้อยแบบ คิวพีอาร์ 

"ความมุ่งมั่น คือคำที่สามารถอธิบายการทำทีมของ ซิฟวนเตส ได้ตรงตัวที่สุด เขาชัดเจนกับแนวทางของตัวและมุ่งมั่นที่จะเห็นทีมประสบความสำเร็จ เขาพยายามปรับรูปแบบการเล่นในแบบที่พวกเราไม่เคยเห็นมาหลายปี แต่ละเดือนผ่านไป พวกเราค่อย ๆ เห็นพัฒนาการที่สูงขึ้น และทีมก็เริ่มมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ซึ่งนี่แหละเป็นสิ่งที่แฟนบอล คิวพีอาร์ เรียกร้อง เราไม่เคยมองแบบแฟนตาซี เรารู้ว่าแค่เขาพาเรามาถึงจุดที่เป็นนี้ได้ก็นับว่าเขาเป็นผู้จัดการทืมที่มีศักยภาพมากแค่ไหน" ลูอิส มัวร์ คอลัมนิสต์แฟนคลับของ คิวพีอาร์ เขียนบทความชมโค้ชคนโปรดของพวกเขา 

ในทีมที่มีทรัพยากรจำกัด ซิฟวนเตส สอบผ่านสบาย ๆ และความอยากจะท้าทายตัวเองของเขาก็นำพาเขาไปสู่อีกระดับ นั่นคือการโยกมาคุมทีม เลสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาล 2025-26 

 

ทำไมต้องเป็นเขา ? 

เลสเตอร์ ซิตี้ อยู่ในภาวะสุญญากาศมานานหลังจากตกชั้นอย่างเป็นทางการในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2025 พวกเขารอจนเข้าเดือนกรกฎาคม ก็ประกาศยุติสัญญากับ รุด ฟาน นิสเตลรอย และหลังจากนั้นอีกราว ๆ 3 สัปดาห์ ก็แต่งตั้ง ซิฟวนเตส เข้ามาเป็นเฮดโค้ช 

แน่นอนว่าหลายคนไม่รู้จักโค้ชสเปนรายนี้ แต่ดังที่เรากล่าวไปในข้างต้น เขาถือว่าเป็นคนมีฝีมือ และเหมาะกับสถานการณ์ในตอนนี้ของ เลสเตอร์ อย่างที่สุด

เลสเตอร์ มีข่าวกับโค้ชในระดับที่มีชื่อเสียงกว่า ซิฟวนเตส อยู่หลายคนในช่วงเวลาที่ผ่านมา แต่ด้วยปัญหาของตัวเลขในบัญชีและกฎการเงิน หรือเรื่องใด ๆ ก็ตาม สุดท้ายกุนซืออย่าง ฌอน ไดซ์, นีล วอร์น็อค, แดนนี่ โรห์ และอีกหลาย ๆ คนก็ออกมาให้ข่าวเชิงปฏิเสธจะรับงานนี้เพราะมองว่าเป็นงานที่ยาก และไม่สมควรแก่เวลา 

ประเด็นก็คือ เลสเตอร์ แทบไม่เหลืองบประมาณเสริมทัพมากนัก และในอยู่ในช่วงที่นักเตะชุดใหญ่ของพวกเขาผลัดใบ และหลายคนก็เริ่มกลายเป็นม้าแก่ที่อยู่ในช่วงปลายอาชีพ แม้กระทั่งศูนย์กลางของทีมอย่าง เจมี่ วาร์ดี้ ก็ไม่ได้อยู่แบกทีมอีกต่อไปแล้ว 

ซิฟวนเตส แทงสวนทุกกระแส ในขณะที่กุนซือมือเก๋าหลายคนปฏิเสธ แต่กุนซือหนุ่มวัย 43 ปีอย่างเขากระโดดเข้าหา เขาอยากจะได้งานนี้ถึงขั้นที่ว่ากันว่าเขายอมจ่ายเงินกว่า 500,000 ปอนด์ เพื่อเป็นค่าชดเชยกับ คิวพีอาร์ ที่ตกลงกับเขาว่าห้ามรับงานคุมทีมในระดับเดอะ แชมเปี้ยนชิพ เป็นเวลา 1 ปี 

นอกจากนี้ ซิฟวนเตส ยังรับนโยบายการเสริมทัพที่ไม่มีใครอยากรับ ซึ่งว่ากันว่าทีมจะไม่มีงบซื้อนักเตะใหม่ จนกว่าที่พวกเขาจะขายนักเตะเก่าออกไปได้ ... นี่คืองานที่โหดหิน แต่สุดท้าย ซิฟวนเตส ที่เป็นโค้ชสายสร้างรากฐาน ไม่กลัว และมีแหล่งข่าวจากเว็บไซต์ Leicestershire บอกเพิ่มเติมว่า ในฤดูกาล 2025-26 นี้ ซิฟวนเตส พร้อมจะใช้นักเตะจากอคาเดมี่ที่เติบโตมากับศูนย์ฝึกซีเกรฟ ที่สโมสรลงทุนกว่า 400 ล้านปอนด์ ขึ้นมามีส่วนร่วมกับทีมชุดใหญ่ แม้จะไม่สามารถซื้อตัวใครได้ก็ตาม 

ดูเหมือนว่ากุนซือที่เน้นเรื่องระบบการเล่นตามแบบฟุตบอลยุคใหม่ที่รุกรับทั้งทีม อีกทั้งยังเป็นการมองนักเตะที่มีในทีม และค่อยประเมินว่าจะเล่นตามแท็คติกที่ตัวเองวาดภาพไว้ได้มากแค่ไหน ความยืดหยุ่นนี้เองทำให้เขาเหมาะกับ เลสเตอร์ ในยุคที่ขุมกำลังลดความแข็งแกร่งลงไปเยอะ อีกทั้งยังถูกจัดอันดับให้เป็นเต็ง 7 ในการแข่งขันซีซั่นนี้อีกด้วย ซึ่งเมื่อเทียบกับอันดับในลีก คือหลุดโซนเพลย์ออฟเลื่อนชั้นด้วยซ้ำ

"เราต้องมองไปที่อคาเดมีก่อนเสมอ แม้ผมจะมีหลักการของผม แต่ผมเข้าใจว่าแต่ละสโมสรก็มีมิติที่แตกต่างกันออกไป การทำสิ่งเดียวกันแบบเดิม ๆ กับทุก ๆ สโมสรที่ทำงานด้วยมันเป็นไปไม่ได้เลยในโลกฟุตบอลยุคปัจจุบันนี้"

"คุณต้องเข้าใจเรื่องบริบทโดยรวมของทีม วัฒนธรรม รวมถึงประวัติศาสตร์ของสโมสรและเมือง ๆ นี้ ทั้งหมดล้วนเกี่ยวข้องกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สำคัญคือเราต้องหาจุดแข็งของตัวเองให้เจอก่อนเสมอ" ซิฟวนเตส เล่าปรัชญาฟุตบอลของเขาที่ทำให้มาลงเอยในถิ่น คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ในเวลานี้ 

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.efl.com/news/2025/july/15/marti-cifuentes-leicester-city-new-boss/
https://www.skysports.com/football/news/11688/12996862/marti-cifuentes-exclusive-interview-new-qpr-coach-arrives-with-fresh-ideas-from-scandinavia-via-ajax-and-even-millwall
https://www.leicestermercury.co.uk/sport/football/football-news/what-marti-cifuentes-first-leicester-10349756
https://www.theguardian.com/football/2025/jul/15/leicester-appoint-marti-cifuentes-manager-former-qpr

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ