นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ได้แชมป์ฟุตบอลถ้วย คาราบาว คัพ ฤดูกาล 2024-25 นับเป็นถ้วยแชมป์แรกของพวกเขาในรอบ 70 ปีอย่างที่หลายคนรู้กัน
อย่างไรก็ตาม ย้อนกลับไปเมื่อปี 2006 พวกเขาเคยได้ถ้วยแชมป์แห่งความลับที่ชื่อ อินเตอร์โตโต้ คัพ มาแล้ว ... และมันลับชนิดที่ว่า แม้แต่ นิวคาสเซิล เองก็ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าพวกเขาไปได้มันตอนไหน ?
ติดตามเรื่องราวถ้วยแชมป์แบบงง ๆ แต่เป็นถ้วยยุโรปที่หายสาบสูญของทัพ สาลิกาดง กับ Main Stand
นักเอ็นเตอร์เทนตัวยง
นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด คือสโมสรที่มีแฟนบอลเหนียวแน่นและเยอะที่สุดในอังกฤษทีมหนึ่ง เพราะในเมือง นิวคาสเซิ่ล ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอังกฤษเมืองนี้ มีทีมฟุตบอลอาชีพในเมืองแค่ทีมเดียวเท่านั้น
นั่นหมายความว่าประชากรในพื้นที่กว่า 300,000 คน อย่างน้อยจะต้องเชียร์ทีมนี้มากกว่าครึ่ง และในจำนวนทั้งหมด พวกเขาก็ต้องมีความรู้สึกดี ๆ และสนับสนุนสโมสรนี้ในทั้งทางตรงและทางอ้อม
ดังนั้นคุณจึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไม เซนต์ เจมส์ พาร์ค จึงเป็นสังเวียนที่มีคนดูเข้ามาเต็มสนามแทบทุกสัปดาห์ มีแฟนบอลที่ถือตั๋วปีอย่างสม่ำเสมอ เรียกได้ว่าถ้าเรื่องของแพชชั่นและรายรับจากการขายตั๋ว พวกเขาไม่เป็นสองรองใครแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่พวกเขาถูกเรียกว่า "นักเอ็นเตอร์เทน" ตัวยง
ย้อนกลับมาช่วงต้นยุค 1990s สโมสรนิวคาสเซิล มีผู้ถือหุ้นร่วมเป็นเจ้าของจากหลายตระกูล และทีมกำลังสร้างผลงานอันไม่เป็นที่พอใจแฟนบอล จนตกไปอยู่ในระดับดิวิชั่น 2 (แชมเปี้ยนชิพ ปัจจุบัน) ถึง 3 ปี แฟนบอลจึงเรียกร้องให้เกิดความเปลี่ยนแปลง อยากให้เหล่าเจ้าของหลายสาย ขายสโมสรให้กับเศรษฐีที่มีสตุ้งสตางค์เข้ามาช่วยยกระดับทีม เพราะพวกเขาเชื่อกันว่าในเมืองที่มีความพร้อมทุกอย่าง หากมีเงินทำทีม ซื้อนักเตะดี ๆ ไม่แคล้วถ้วยแชมป์ก็จะต้องมาประดับตู้โชว์ในไม่ช้าก็เร็ว
การเรียกร้องและกดดันของแฟน ๆ ได้ผล ไมนานนัก ในปี 1992 พวกเขาก็ขายทีมให้กับ The Magpie Group ที่นำโดย เซอร์ จอห์น ฮอลล์ เศรษฐีท้องถิ่น จากนั้นหลายสิ่งก็ดีขึ้น ทั้งเรื่องการเงินในสโมสร และแนวโน้มในอนาคต เพราะในปีเดียวกัน ฟุตบอลดิวิชั่น 1 รีแบรนด์ใหม่เป็น พรีเมียร์ลีก พอดี และการรีแบรนด์ครั้งนี้จะทำให้แต่ละทีมที่เล่นในลีกสูงสุดจะได้เงินมากขึ้น เพราะพรีเมียร์ลีกตั้งใจที่จะทำให้ฟุตบอลอังกฤษแมสไปทั่วโลกอย่างเต็มตัว
การเปลี่ยนแปลงทั้งเจ้าของสโมสรและระบบฟุตบอลลีก ทำให้ นิวคาสเซิ่ล มุ่งมั่นและทำสำเร็จ พวกเขากลับมาคว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 (หรือ ดิวิชั่น 2 เดิม ที่ทีมสาลิกาดงเล่นมาก่อนหน้านี้หลายปี) ในฤดูกาล 1992-93 ขึ้นสู่พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ จากนั้นทีมก็ลงทุนกับนักเตะเก่ง ๆ หลายคน
และในช่วงกลางถึงปลายยุค 1990s นิวคาสเซิ่ล กลายเป็นทีมที่มีเสน่ห์ เล่นสนุกถูกใจแฟนบอลมากขึ้น เพราะนอกจากมีนักเตะเก่ง ๆ เข้ามาหลายคนทั้ง แอนดี้ โคล, อลัน เชียเรอร์, ดาวิด ชิโนล่า, โรเบิร์ต ลี และอีกหลาย ๆ คนแล้ว พวกเขายังมีกุนซือที่ทำบอลบุกบู๊ล้างผลาญได้มันมาก ๆ อย่าง เควิน คีแกน ซึ่งเคยพาทีม (เกือบ) คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 1995-96 ด้วยปรัชญาฟุตบอลบุกที่โดนใจแฟนบอลท้องถิ่น และทำให้เกิดแฟนบอลใหม่ ๆ ทั่วโลกมากขึ้น
จากจุดนั้นเอง นิวคาสเซิล ถูกจดจำในภาพนั้นตลอด พวกเขาไม่เคยได้แชมป์ลีกก็จริง แต่เรื่องการเสริมทัพ พวกเขาทำได้ฮือฮาในทุกซัมเมอร์ พวกเขาจะได้นักเตะเก่ง ๆ จากลีกต่างประเทศเข้ามา และยังมีนักเตะท้องถิ่นแถวหน้าอีกหลาย ๆ คน ... มีประโยคหนึ่งจาก The Guardian อธิบายถึง นิวคาสเซิล ในยุคดังกล่าวไว้ได้อย่างเห็นภาพ พวกเขาบอกว่า
"นิวคาสเซิ่ล ในยุค 1990s ถึงกลางยุค 2000s อาจจะไม่ใชทีมที่พิเศษที่สุด แต่พวกเขามีอัตลักษณ์ที่ชัดเจน พวกเขาเป็นทีมที่พร้อมจะเล่นฟุตบอลแบบเสี่ยง ๆ (หมายถึงฟุตบอลบุกโดยสายเลือด) เพื่อหวังผลตอบแทนสูง ๆ นั่นทำให้พวกเขาเป็นทีมที่สร้างความบันเทิงได้ดีมากสำหรับรสนิยมคนดูฟุตบอลในยุคนั้น"
"ปัญหาคือพวกเขาไม่สามารถรักษาฟอร์มที่สม่ำเสมอได้ พวกเขาจึงเป็นได้แค่ตัวเต็งแย่งแชมป์ หรือทีมที่คุณยินดีจะเปิดโทรทัศน์ดูพวกเขาแข่งขันแม้พวกเขาจะไม่ใช่ทีมโปรดของคุณ ... ความจริงคือพวกเขาน่าชื่นชมในแง่ของการเป็นนักเอ็นเตอร์เทนตัวยง แต่ความจริงที่น่าเจ็บปวดคือ ฟุตบอลไม่เคยมีถ้วยแชมป์ให้ทีมที่เล่นสนุกเพียงอย่างเดียว"
แม้จะเห็นภาพ แต่ประโยคดังกล่าวอาจจะตกหล่นอะไรบางอย่างไป เพราะอันที่จริง นิวคาสเซิ่ล ในยุคนั้นเคยคว้าแชมป์มาแล้ว และยังเป็นฟุตบอลถ้วยระดับทวีปอีกด้วย โดยรายการดังกล่าวชื่อว่า "อินเตอร์โตโต้ คัพ" ... ซึ่งปัจจุบันนี้หายสาบสูญไปแล้ว
อินเตอร์โตโต้ คัพ คืออะไร ?
หากคุณเข้าใจบริบทของฟุตบอล ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ในปัจจุบัน คุณจะนึกภาพของ อินเตอร์โตโต้ คัพ ได้เป็นอย่างดี เพราะหลักใหญ่ใจความของการแข่งขันรายการดังกล่าวไม่มีอะไรมากไปกว่าเรื่องของเงินล้วน ๆ ... เพียงแค่การตั้งชื่อใหม่ขึ้นมาให้ดูเท่ ๆ และมีมูลค่าในทางการตลาดมากขึ้นเท่านั้น
อินเตอร์โตโต้ คัพ สามารถอธิบายง่าย ๆ คือ การแข่งขันรอบคัดเลือกเพื่อหาทีมไปเล่นในฟุตบอล ยูฟ่า คัพ (ยูโรป้า ลีก ปัจจุบัน) รอบสุดท้าย โดยทาง ยูฟ่า เข้ามารีแบรนด์การแข่งขัน อินเตอร์เนชั่นแนล ฟุตบอล คัพ ฟุตบอลสโมสรยุโรปสำหรับเหล่าทีมที่ไม่ได้ไปเล่นในรายการต่าง ๆ ของ ยูฟ่า ในปี 1995 ให้เป็นรายการที่มีเดิมพันสู่รายการของ ยูฟ่า แต่ยังรักษารากเหง้าไว้ ด้วยการตั้งชื่อ อินเตอร์โตโต้ คัพ เพราะจุดประสงค์ดั้งเดิมของถ้วยนี้ คือการจัดแข่งขันให้แฟนบอลได้มีแมตช์ฟุตบอลเลือกลงเงินเดิมพันกับโต๊ะเพิ่มขึ้น
แรก ๆ มันก็เหมือนจะเวิร์ก เพราะความแปลกใหม่ แต่เมื่อเวลาผ่านไปทุกคนก็พบว่ามันน่าเบื่อ และเริ่มให้ความสนใจน้อยลง เนื่องจากการแข่งขัน อินเตอร์โตโต้ คัพ นั้นต้องแข่งขันกันหลายนัดมาก และมันยังเป็นช่วงก่อนที่ฟุตบอลลีกจะเปิดฤดูกาล ทำให้หลายสโมสรไม่อยากจะส่งทีมลงแข่งขัน (รายการนี้ไม่บังคับการเข้าร่วม แต่ละทีมสามารถยื่นใบสมัครได้ตามอิสระ แต่โควต้าการเข้าแข่งขันจะอิงกับอันดับในลีก) กลายเป็นโอกาสให้ทีมโนเนมได้ลงเล่นไป
ด้วยความที่ นิวคาสเซิล เป็นทีมระดับกลางค่อนบนของพรีเมียร์ลีกในยุคนั้น พวกเขามักจะจบอันดับที่ 4-5-6 หรือ 7 อยู่เป็นประจำ ซึ่งมันทำให้ในฤดูกาล 2006-07 พวกเขาได้เข้ามาเล่นในรายกร อินเตอร์โตโต้ คัพ โดยอัตโนมัติ จากการจบที่ 7 ในฤดูกาล 2005-06 ของพรีเมียร์ลีก
ความคลาสสิกของ นิวคาสเซิล ในยุคนั้น คุมทีมโดย เกล็น โรเดอร์ กุนซือที่ถูกสื่อไทยตั้งฉายาว่า "มาดภารโรง" คนแรก ๆ ในหน้าประวัติศาสตร์ข่าวฟุตบอลของประเทศไทย และมี อลัน เชียเรอร์ ในวัยใกล้เลิกเล่นเป็นหัวหอก คู่กับ ไมเคิล โอเว่น ที่เพิ่งดึงตัวกลับมาจากการไปค้าแข้งกับ เรอัล มาดริด
โดยนักเตะอื่น ๆ ก็ถือเป็นตัวคลาสสิกของบอลยุคนั้น อาทิ คีรอน ดายเออร์ ปีกดีกรีทีมชาติอังกฤษที่ดึงตัวมาจาก อิปสวิช ทาวน์, อัลเบิร์ต ลูเก้ ตัวรุกสเปนที่ซื้อมาจาก เดปอร์ติโบ ลา คอรุนญ่า มีทีเด็ดที่เท้าซ้ายแบบหนัก ๆ, เอ็มเร่ เบโลโซกลู กองกลางเชิงสูงจากตุรกี, โนลเเบร์โต้ โซลาโน่ เทพฟรีคิกชาวเปรู, เจมส์ มิลเนอร์ ดาวรุ่งที่ทุ่มซื้อมาจาก ลีดส์, ไตตัส บรัมเบิล กองหลังจอมโฉ่งฉ่างเจ้าของฉายา "ไอ้แมวน้ำ" และอื่น ๆ อีกมากมาย
ทีมชุดนี้ยังคงรักษามาตรฐานในการเป็นนักเอ็นเตอร์เทนตัวยงอยู่เหมือนเดิม เพียงแต่ความเอ็นเตอร์เทน และเป็นเจ้าพ่อคอนเทนท์ของพวกเขามันออกจะล้น ๆ ไปหน่อยในซีซั่นนี้ ... เพราะพวกเล่นรายการนี้ได้สนุกเร้าใจ จนได้แชมป์แบบที่ตัวเองไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ
แชมป์ได้ไง (วะ) ?
อินเตอร์ โตโต้ คัพ ปี 2006 มีทีมลงแข่งขันถึง 49 ทีม แน่นอนว่าส่วนใหญ่เป็นทีมที่แฟนบอลแทบไม่เคยได้ยินชื่อ และมาจากประเทศที่ไม่ได้มีลีกแข็งแกร่งนัก อาทิ ไซปรัส, มาซิโดเนีย, มอลต้า, บอสเนีย, เบลารุส, ลักเซมเบิร์ก และ คาซัคสถาน เป็นต้น
ดังนั้นด้วยศักดิ์ศรีของการเป็นทีมที่มาจากอังกฤษ มีค่าสัมประสิทธิ์ในฟุตบอลยุโรปสูงกว่าหลาย ๆ ลีก ทำให้ นิวคาสเซิล ได้สิทธิพิเศษ ไม่ต้องเล่นในรอบที่ 1 และรอบที่ 2 ที่ต้องเล่นกันแบบเหย้า-เยือน แต่ข้ามไปเล่นในรอบที่ 3 หรือรอบ 24 ทีมสุดท้ายเลย โดยในรอบที่ 3 นิวคาสเซิล เอาชนะ ลีลล์สตรอม จากนอร์เวย์ ด้วยสกอร์รวม 4-1 (เสมอในบ้าน 1-1 ก่อนไปถล่มที่ นอร์เวย์ 3-0)
พวกเขาผ่านเข้ารอบ และขึ้นชื่อว่าฟุตบอลถ้วย การชนะได้แชมป์ จำเป็นต้องฝ่าด่านไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศ เพียงแต่ว่าถ้วยนี้มีความมึนเป็นพิเศษ เพราะ นิวคาสเซิ่ล ไม่ต้องเจอกับใครเลยในรอบต่อไป !? และพวกเขาถูกยกให้เป็นแชมป์เลยหลังเล่นเพียงแค่รอบเดียว !?
อ้าว ! แล้วพวกเขาไปเป็นแชมป์รายการนี้ได้ยังไงล่ะ ? คำตอบที่เราจะเล่าต่อไปนี้ รับรองว่าคุณคาดไม่ถึง
การชนะ ลีลล์สตรอม ทำให้ นิวคาสเซิ่ล ผ่านไปเล่น ยูฟ่า คัพ ได้สำเร็จ ส่วนแชมป์ อินเตอร์โตโต้ คัพ ที่กล่าวมา มีวิธีการเลือกแชมป์ที่ไม่เหมือนใครนั่นคือ "ยูฟ่า จะเป็นผู้ตัดสินว่าใครเป็นแชมป์" … แล้วทำไมพวกเขาถึงเลือก นิวคาสเซิ่ล ?
คำตอบคือ วิธีการคัดเลือกแชมป์ของ ยูฟ่า ในปีนั้น คือเลือกจากทีมที่ได้เล่นใน อินเตอร์โตโต้ คัพ และทำผลงานได้ดีที่สุดในทัวร์นาเมนต์จริง
ซึ่งฤดูกาล 2006-07 หลังจากที่ นิวคาสเซิล เข้ามาเล่นใน ยูฟ่า คัพ ผ่านรายการ อินเตอร์โตโต้ คัพ แล้ว พวกเขาก็ต้องผ่านรอบคัดเลือกของ ยูฟ่า คัพ อีก โดยชนะ เวนท์สปิลส์ จากลัตเวียด้วยสกอร์รวม 1-0 (ชนะเกมเยือน 1-0 ก่อนยันเสมอในบ้าน 0-0) เข้าสู่รอบแรกของการแข่งขันอย่างเป็นทางการ ชนะ เลวาเดีย ทาลินน์ จากเอสโตเนีย สกอร์รวม 3-1 (ชนะเกมเยือน 1-0 ก่อนชนะในบ้านอีก 2-1)
หลังจากนั้นเป็นรอบแบ่งกลุ่ม นิวคาสเซิล อยู่ร่วมกลุ่ม H กับ เฟเนร์บาห์เช่ จากตุรกี, เซลต้า บีโก้ จากสเปน, ไอน์ทรัค แฟรงก์เฟิร์ต จากเยอรมนี และ ปาแลร์โม่ จากอิตาลี ซึ่ง นิวคาสเซิล เข้ารอบได้ด้วยการชนะ 4 เสมอ 1 จากนั้นในรอบ 32 ทีมสุดท้าย นิวคาสเซิล ผ่าน ซูลเต้ วาเรเกม จากเบลเยียม ด้วยสกอร์รวม 4-1 โดยชนะเกมเยือน 3-1 ก่อนกลับไปย้ำชัยในบ้านอีก 1-0
รอบ 16 ทีมสุดท้าย นิวคาสเซิล ไปเจอกับ อาแซด อัลค์มาร์ จาก เนเธอร์แลนด์ โดยสาลิกาดงชนะเกมเลกแรกที่ได้เล่นในบ้านไป 4-2 แต่น่าเสียดายที่เลก 2 ซึ่งไปเยือน พวกเขาดันไปแพ้ 0-2 ทำให้สกอร์รวมเสมอ 4-4 และ นิวคาสเซิล ต้องตกรอบไปด้วยกฎประตูทีมเยือน (อเวย์โกล)
นี่ควรจะเป็นช่วงเวลาที่น่าเศร้า แต่ก็มีข้อดีอย่างหนึ่ง เพราะไม่มีทีมอื่นใน อินเตอร์โตโต้ คัพ ที่ผ่านรอบแบ่งกลุ่ม ยูฟ่า คัพ มาได้ มีแค่ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ทีมเดียวที่เข้ามาถึงรอบ 32 ทีม กับ 16 ทีม พวกเขาทำได้ ! พวกเขาได้แชมป์ อินเตอร์โตโต้ คัพ
ยูฟ่า ก็เหลือร้ายจริง ๆ เพราะทันทีที่ นิวคาสเซิล เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย พวกเขาก็เอาแชมป์ อินเตอร์โตโต้ คัพ ไปมอบให้กับ นิวคาสเซิล ต่อหน้าแฟน ๆ ที่ เซนต์ เจมส์ พาร์ค ซึ่งแฟน ๆ หลายคนยังมองหน้ากันเลิ่กลักว่า "นี่กูไปได้แชมป์อะไรตอนไหนวะนี่"
เชื่อไม่เชื่อ คุณก็ดูสีหน้าของ สก็อตต์ พาร์คเกอร์ ที่เป็นตัวแทนรับถ้วยนี้ ซึ่งความจริงไม่ใช่ถ้วยด้วย เป็นประกาศนียบัตร ส่วนถ้วยใบจริงส่งมาภายหลัง ดูแล้วกัน ... สีหน้าเขาบอกทุกอย่างแล้ว และรูปการรับถ้วยแชมป์ของ พาร์คเกอร์ ยังโดนแซวมาจน พ.ศ. นี้ว่า "โทรฟี่แชมป์เดียวที่ นิวคาสเซิล เคยได้ฉลองต่อหน้าแฟน ๆ ของพวกเขา"
ซึ่งแน่นอน ต่อไปคงแซวแบบนี้ไม่ได้แล้ว เพราะ นิวคาสเซิ่ล เพิ่งชูถ้วยคาราบาว คัพ แบบได้ใจแฟนบอลทั่วโลกไปหมาด ๆ ในซีซั่น 2024-25 ทำให้ถ้วย อินเตอร์โตโต้ คัพ ที่เก็บไว้แซวพวกเขาไม่มีความหมายอีกต่อไป
ด้วยความมึนของแชมป์นี้ ที่ไม่มีแม้แต่คนสนใจ ในที่สุด ยูฟ่า ก็ยกเลิกรายการ อินเตอร์โตโต้ คัพ ไปในปี 2008 โดยเป็นส่วนหนึ่งของการรีแบรนด์ถ้วย ยูฟ่า คัพ เป็น ยูโรป้า ลีก ในฤดูกาล 2008-09 โดย อินเตอร์โตโต้ คัพ ถูกผนวกเป็นรอบคัดเลือก ยูโรป้า ลีก แบบปกติ เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน
ส่วนทีมที่ได้เเชมป์รายการ อินเตอร์โตโต้ คัพ เป็นทีมสุดท้ายคือ สปอร์ติ้ง บราก้า จากโปรตุเกส และทีมที่คว้าเเชมป์รายการนี้มากที่สุดคือ ฮัมบูร์ก, ชาลเก้ 04, สตุ๊ตการ์ท และ บียาร์เรอัล ที่คว้าแชมป์นี้ไปทีมละ 2 ครั้ง
ทุกวันนี้ อินเตอร์โตโต้ คัพ กลายเป็นรายการที่ถูกลืม เด็ก ๆ ยุคใหม่ที่ได้ยินชื่อก็พากันสงสัยว่า นี่มันคือรายการอะไรกันแน่ และจากวันที่ นิวคาสเซิ่ล ชูถ้วยแชมป์แบบงง ๆ ในวันนั้น เราก็เชื่อว่าวันนี้คุณคงจะได้คำตอบกันแล้ว ว่าถ้วยนี้มันมึนขนาดไหน
ไม่แปลกที่มันหายไปตามกาลเวลา ชนิดที่ว่าแฟนบอล นิวคาสเซิ่ล บางคนอาจจะลืมมันไปแล้วด้วยซ้ำ
แหล่งอ้างอิง
https://www.nufcblog.co.uk/2018/09/20/blast-from-the-past-remembering-newcastles-intertoto-cup-win/
https://www.reddit.com/r/football/comments/11me09n/newcastles_bizarre_2006_intertoto_cup_win/?rdt=56686
https://www.quora.com/How-good-was-Newcastle-United-in-the-1990s-and-2000s
https://www.transfermarkt.com/newcastle-united/platzierungen/verein/762
https://www.marca.com/en/football/international-football/2020/07/27/5f1f11cc46163fe3568b4585.html