ปฏิเสธไม่ได้ว่า มาร์คัส แรชฟอร์ด ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มแข้งเจ้าปัญหาที่อยู่ในสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เหมือนกับอดีตนักเตะรายอื่น ๆ ที่ถูกปล่อยตัวออกจากทีมไปในช่วงก่อนหน้านี้ ทั้ง เจสซี่ ลินการ์ด, ปอล ป็อกบา, อองโตนี่ มาร์กซิยาล หรือแม้แต่ เจดอน ซานโช่
พวกเขามักถูกมองว่าเป็นตัวสร้างปัญหาภายในห้องแต่งตัว และเป็นตัวการสำคัญในฟอร์มการเล่นแบบเหยาะแหยะ ไม่คงเส้นคงวา อย่างไรเสีย แม้นักเตะกลุ่มดังกล่าวจะถูกปล่อยตัวออกจากทีมทั้งหมดแล้ว ทว่าผลงานของพลพรรคทัพ "ปีศาจแดง" ก็ยังไม่ดีขึ้นแม้แต่เล็กน้อย และดูเหมือนว่าจะแย่ลงไปมากกว่าเดิมเสียด้วย
สรุปแล้วเรื่องนี้เกิดจากอะไรกันแน่ ไปร่วมวิเคราะห์ไปพร้อม ๆ กันกับ Main Stand
รุ่นใหญ่ในห้องแต่งตัว
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นหนึ่งในสโมสรที่มีข่าวเชิงลบมาโดยตลอดเกี่ยวกับเรื่องภายในห้องแต่งตัว ยอดเฮดโค้ชชื่อดังหลายคนทั้ง โชเซ่ มูรินโญ่, โอเล่ กุนนาร์ โซล์ชา, ราล์ฟ รังนิค และ เอริค เทน ฮาก ต่างไม่สามารถรับมือในเรื่องนี้ได้ จนต้องกระเด็นออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมออกไปแบบไม่มีน้อยหน้ากัน
โดยกลุ่มนักเตะที่ถูกยกชื่อว่าเป็นจอมสร้างปัญหาภายในทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ก่อนหน้านี้ได้แก่ เจสซี่ ลินการ์ด, ปอล ป็อกบา, อองโตนี่ มาร์กซิยาล, เจดอน ซานโช่ และคนล่าสุดอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด
นักเตะส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้เป็นนักเตะที่อยู่กับสโมสรยาวนานตั้งแต่กลางยุค 2010s ตั้งแต่ช่วงเป็นดาวรุ่ง ยกเว้น เจดอน ซานโช่ ที่เพิ่งย้ายเข้ามาร่วมทีมเมื่อปี 2021 อย่างไรก็ตาม ซานโช่ นั้นก็มีความสัมพันธ์และสนิทสนมกับ เจสซี่ ลินการ์ด และ มาร์คัส แรชฟอร์ด มาเนิ่นนานแล้ว หลังจากที่พวกเขาเคยลงเล่นร่วมกันในนามทีมชาติอังกฤษ มาตั้งแต่สมัยชุดเยาวชน ยาวมาจนถึงทีมชาติชุดใหญ่
ด้วยความที่ทั้ง เจสซี่ ลินการ์ด, ปอล ป็อกบา, อองโตนี่ มาร์กซิยาล และ มาร์คัส แรชฟอร์ด ต่างอยู่กับสโมสรมาอย่างยาวนาน ด้วยเหตุนี้เองเมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาจึงเริ่มเป็นหนึ่งในกลุ่ม "ซีเนียร์" ภายในห้องแต่งตัวของสโมสร ที่มีปากมีเสียงจนนักเตะในทีมหลายคนต้องเชื่อฟังพวกเขานั่นเอง
นอกเหนือจากเรื่องในสนามแล้ว นักเตะแก๊งนี้มักสร้างคอนเทนต์นอกสนามให้โดนโจมตีไม่เว้นแต่ละวัน ทั้งเรื่องแฟชั่น ไลฟ์สไตล์ หรือแม้แต่การสนใจเรื่องราวนอกสนามที่มากกว่าการลงเล่นในสนาม รวมไปถึงเรื่องฉาวอย่างเช่นการออกไปเที่ยวสถานที่กลางคืน โดยเฉพาะ มาร์คัส แรชฟอร์ด และ เจดอน ซานโช่ ที่มีภาพหลุดออกมาให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง
จึงเห็นได้ว่าเหล่า เร้ด เดวิลส์ ส่วนใหญ่ต่างเอือมระอากับดาวเตะกลุ่มนี้ และมักจะเป็นรายชื่อแรก ๆ ที่ถูกโจมตีวิจารณ์อยู่บ่อยครั้งเกี่ยวกับการลงไปเล่นในสนามที่ไม่ค่อยจะเต็มที่มากนัก และนอกจากนั้นแล้ว พวกเขาเหล่านี้มักมีปัญหากับกุนซือของทีมมาโดยตลอด
อาทิเช่น ปอล ป็อกบา ที่มีปัญหากับ โชเซ่ มูรินโญ่, เจสซี่ ลินการ์ด ที่มีปัญหากับ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา, อองโตนี่ มาร์กซิยาล ที่มีปัญหากับ ราล์ฟ รังนิค, เจดอน ซานโช่ ที่มีปัญหากับ เอริค เทน ฮาก และในรายล่าสุดอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่มีปัญหากับ รูเบน อโมริม
สถานการณ์เหล่านี้เดือดถึงขั้นที่ครั้งหนึ่งตำนานกองกลางกัปตันทีม แมนฯ ยูไนเต็ด อย่าง รอย คีน เคยออกมาด่ากราดนักเตะทั้งหมดนี้ ประมาณว่าหากเขามีหน้าที่เป็น ผู้จัดการทีมทัพปีศาจแดง เขาจะไล่ตะเพิดแข้งกลุ่มนี้ออกจากทีมในทันที
"ตอนผมเล่นอยู่ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทุกครั้งที่ผมได้ลงสนาม ผมรู้สึกมันยิ่งใหญ่อย่างมาก ผมรู้สึกว่ากำลังแบกประวัติศาสตร์ของทีมและผมต้องทำวิถีทางนำความชัยชนะ รวมไปถึง ความสำเร็จนำมาให้กับสโมสรที่แห่งนี้
"แต่คุณดูอย่างนักเตะบางรายในทีมตอนนี้สิ พวกแม่งไม่เคยคิดเรื่องนี้เลย ทีมจะไม่มีวันดีขึ้นตราบใดที่พวกมันยังอยู่ในทีม นักเตะพวกนี้คือปัญหาของทีม ถ้าผมเป็นผู้จัดการทีม อย่างแรกที่ผมจะทำคือเนรเทศพวกมันออกไปจากสโมสร"
แม้ว่า รอย คีน จะไม่ได้เอ่ยชื่อออกมาตรง ๆ แต่อย่างที่ทุกคนต่างรู้กันดี กลุ่มนักเตะที่ตำนานชาวไอริชได้พูดถึง นั่นคือกลุ่มนักเตะที่ได้กล่าวมาก่อนหน้านี้
ออกไปแล้ว ทำไมผลงานแย่กว่าเดิม
นอกเหนือจากนั้น ยังได้มีแฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด รายหนึ่งเข้ามาแสดงความคิดเห็นบนคลิปวิดีโอการเล่นของดาวเตะกลุ่มนี้ สมัยที่พวกเขายังลงเล่นให้กับทัพปีศาจแดง โดยเป็นการวิจารณ์ว่ากลุ่มนี้ได้ทำลายวัฒนธรรมของปีศาจแดง
"เจสซี่ ลินการ์ด, ปอล ป็อกบา และ มาร์คัส แรชฟอร์ด คือกลุ่มที่ทำให้สโมสรย่ำแย่ยาวมาจนถึงปัจจุบัน พวกเขาต่างทำลายวัฒนธรรม และส่งเรื่องแย่ ๆ พวกนี้ไปให้กับนักเตะคนอื่นภายในทีม พวกเขาคือนกแร้งที่เกิดขึ้นกับสโมสร หลังจากหมดยุค เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน"
อย่างไรก็ตาม เจสซี่ ลินการ์ด ได้เห็นคอมเมนท์ดังกล่าว และเขาได้มีการโต้ตอบกับแฟนบอลรายนั้นไว้ประมาณว่า "โปรดอธิบายให้ผมเข้าใจหน่อยว่า ตัวผม, ปอล ป็อกบา และ มาร์คัส แรชฟอร์ด ทำลายวัฒนธรรมของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างไร ? แล้วตอนนี้ทีมเป็นอย่างไรบ้าง? หลังจากไม่มีพวกผม"
ซึ่งคอมเมนท์ของ เจสซี่ ลินการ์ด กลายเป็นเรื่องที่พูดถึงแล้วน่าเก็บไปคิดเช่นกัน เนื่องจาก ดูเหมือนว่าในปัจจุบัน ผลงานของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ค่อนข้างที่จะ "สาละวันเตี้ยลง" ไปทุกฤดูกาลนับตั้งแต่แก๊งพวกเขาย้ายออกไปจากทีม
เพราะในปัจจุบัน (ก่อนเกมวีคที่ 26 ฤดูกาล 2024-25) แมนฯ ยูไนเต็ด ผลงานถือว่าย่ำแย่เป็นอย่างมาก ถึงขั้นที่ตกลงไปอยู่ถึงอันดับที่ 15 ของตาราง เก็บคะแนนไปได้เพียง 29 คะแนนเท่านั้น มีแต้มห่างจากพื้นที่โซนตกชั้น 12 คะแนน ถึงขั้นที่แฟนบอลในโลกโซเชี่ยลทีมอื่น ๆ ต่างหยอกล้อ แมนฯ ยูไนเต็ด ว่าเป็นทีมหนีตกชั้นไปเสียแล้ว
"ผมไม่เคยคิดเลยว่าทีมรักของผมต้องตกลงมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังเจอกับปัญหาที่ใหญ่มาก ๆ ในตอนนี้ ทีมของ รูเบน อโมริม อยู่ห่างจากพื้นที่โซนตกชั้นเพียงไม่กี่อันดับเท่านั้น" ริโอ เฟอร์ดินานด์ กล่าวถึงโอกาสในการตกชั้นของ แมนฯ ยูไนเต็ด
"มีคนบอกว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เก็บคะแนนได้เพิ่มอีก 11 คะแนน ก็จะไม่ตกชั้นแล้ว แต่ผมไม่มั่นใจเอาเสียเลยว่าพวกเขาจะทำได้จริงหรอ เพราะคุณลองไปดูโปรแกรมที่เหลือของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขาต้องเจอกับทั้ง เอฟเวอร์ตัน, อิปสวิช, อาร์เซน่อล, เลสเตอร์ ซิตี้, น็อตติงแฮม ฟอเรสต์, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด, วูล์ฟแฮมป์ตัน, บอร์นมัธ, เบรนท์ฟอร์ด, เวสต์แฮม, เชลซี และ แอสตัน วิลล่า"
"ซึ่งผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับการได้รับคะแนนจากทีมที่กล่าวมา ทีมเดียวที่ผมเห็นว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีโอกาสที่จะได้แต้มนั่นคือ เลสเตอร์ ซิตี้ เพราะเราเคยเอาชนะพวกเขาได้หลายนัดในฤดูกาลนี้" อดีตแนวรับทีมชาติอังกฤษว่าต่อ
"ดังนั้นเราอาจพอมีหวังที่จะได้ 3 คะแนนจากพวกเขา แต่หากมาดูโปรแกรมที่เหลือผมกลับมองไม่ออกเลยว่าจะเก็บสามแต้มจากนัดไหนได้บ้าง และนี่แหละคือปัญหาที่มาจากฟอร์มการเล่นที่เราเผชิญอยู่ ผมคิดว่าเรื่องหนีการตกชั้นไม่ใช่เรื่องที่น่าตลกแล้วสำหรับ ยูไนเต็ด ในตอนนี้"
หรือว่าเป็นเพราะบอร์ดกันแน่ ?
หลังจากที่กลุ่มของ เจสซี่ ลินการ์ด, ปอล ป็อกบา, อองโตนี่ มาร์กซิยาล, เจดอน ซานโช่ และ มาร์คัส แรชฟอร์ด ต่างโบกมืออำลาออกจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปแล้วทั้งหมด
ตัวละครใหม่ที่ถูกโยงขึ้นมากลายเป็น "แพะ" ที่ให้แฟนบอลด่ากัน กลายเป็นบอร์ดบริหารของสโมสร ทั้ง ตระกูลเกลเซอร์ เจ้าของทีม รวมถึง เอ็ด วู้ดเวิร์ด CEO คนเก่าของทีม ที่แฟนบอลทั่วโลกต่างมองว่าเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ย่ำแย่มาจนถึงทุกวันนี้
อย่างไรก็ตาม เอ็ด วู้ดเวิร์ด ทนกระแสการต่อต้านจากแฟนบอล "เร้ด เดวิลส์" ไม่ไหวและต้องประกาศอำลาทีมไปในท้ายที่สุด เช่นเดียวกับ ตระกูลเกลเซอร์ ที่ตัดสินใจเปิดรับการลงทุนจากนักลงทุนใหญ่รายนอก พร้อมกับเข้าสู่ แมนฯ ยูไนเต็ด ยุคใหม่ เมื่อ เซอร์ จิม แรทคลิฟฟ์ และกลุ่มทุน INEOS เข้ามาซื้อหุ้นทีม พร้อมรับงานดูแลปฏิบัติการฟุตบอล
แต่ก็ดูเหมือนว่าการเข้ามาของ เซอร์ จิม แรทคลิฟฟ์ ก็ยังไม่ทำให้สโมสรดีขึ้นแม้แต่เล็กน้อย และดูเหมือนว่าในปัจจุบัน เซอร์ จิม จะกลายเป็น "ตัวปัญหา" ที่แฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เริ่มออกมาต่อต้านเสียแล้ว
โดยเหตุผลหลักที่ทางแฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด เริ่มแสดงความไม่พอใจต่อ เซอร์ จิม แรทคลิฟฟ์ นั้นก็คือ การลดค่าใช้จ่ายของสโมสรที่มากจนเกินไป ทั้งการไล่ออกพนักงานภายในสโมสรมากถึง 300 คน รวมไปถึง การขึ้นค่าตั๋วปีของสโมสร ที่เป็นฉนวนให้แฟนบอล ยูไนเต็ด ต่างไม่พอใจตัวของ เซอร์ จิม เป็นอย่างมากในเรื่องนี้
และถ้าหากพูดถึงนับตั้งแต่การเข้ามาของ เซอร์ จิม แรทคลิฟฟ์ และกลุ่มทุน INEOS เริ่มมีการตัดสินใจที่ผิดพลาดอีกหลายเรื่องเช่นกัน ทั้งการจ่ายค่าฉีกสัญญามูลค่ามากถึง 10 ล้านปอนด์ ให้กับ "สาลิกาดง" นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เพื่อกระชากตัว แดน แอชเวิร์ธ เข้ามาเป็น ผู้อำนวยการกีฬาฟุตบอลของทีม
แต่ทาง แดน แอชเวิร์ธ กลับอยู่ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้เพียง 5 เดือนเท่านั้น ก่อนที่จะถูกปลดออกไปจากสโมสร หลังจากมีปัญหาภายในกับ เซอร์ จิม แรทคลิฟฟ์ และ กลุ่มทุน INEOS เป็นที่มาให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องเสียค่าชดเชยให้กับ แอชเวิร์ธ อีกเป็นจำนวน 4.1 ล้านปอนด์ สำหรับการไล่ออกในครั้งนี้
นอกเหนือจากนั้นการตัดสินใจของ เซอร์ จิม แรทคลิฟฟ์ และกลุ่มทุน INEOS ก็มีความสับสน ไม่เข้าใจอีกหลาย ๆ เรื่องเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น การใช้ออปชั่นต่อสัญญาให้กับ เอริค เทน ฮาก ทั้งที่ในฤดูกาล 2023-24 เฮดโค้ชชาวเนเธอร์แลนด์ผู้นี้ทำผลงานได้ย่ำแย่เป็นอย่างมาก เขาพา แมนฯ ยูไนเต็ด จบลงในอันดับที่ 8 ของตาราง เก็บคะแนนไปได้เพียง 60 คะแนนเท่านั้น
ก่อนที่ในท้ายที่สุดเพียงระยะเวลาไม่กี่เดือนต่อมา หลังจากที่ต่อสัญญา เอริค เทน ฮาก ออกไป แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องมาเสียเงินอีกจำนวนมากถึง 14.1 ล้านปอนด์ สำหรับการจ่ายเงินค่าชดเชยปลดทาง เทนฮาก ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม
ซึ่งการปลด เอริค เทน ฮาก ก็ยังเป็นเหตุให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องเสียเงินมหาศาลอีกจำนวน 9.3 ล้านปอนด์ ให้กับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน สโมสรในประเทศโปรตุเกส เพื่อกระชากตัว รูเบน อโมริม เฮดโค้ชหนุ่มวัย 39 ปี เข้ามารับหน้าที่แทน
ปฏิเสธไม่ได้ว่า รูเบน อโมริม ดูจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากที่สุด ทั้งโปรไฟล์การทำ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ขึ้นหิ้งเป็นอย่างมากในเวลานั้น และอายุของเขาที่อยู่ในเกณฑ์ "โค้ชวันเดอร์คิด" ที่ผลงานจับต้องได้มากที่สุดในเวทียุโรปคนหนึ่ง
แต่ทว่าการคุมทีมในลีกโปรตุเกสกับลีกของอังกฤษ ดูจะแตกต่างและห่างชั้นกันมากพอสมควร เพราะนับตั้งแต่ รูเบน อโมริม ย้ายเข้ามาคุมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2024 เขากลับทำผลงานได้อย่างไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ซึ่งดูเหมือนว่าจะย่ำแย่ไปมากกว่ายุคของ เอริค เทน ฮาก มากกว่าเสียด้วย
เพราะปัจจุบัน รูเบน อโมริม กำลังเผชิญปัญหาอย่างหนักกับการลงเล่นในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในเวลานี้ เพราะเขาเพิ่งจะเก็บชัยชนะไปได้เพียง 4 นัดเท่านั้น นับตั้งแต่ย้ายเข้ามาคุมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน 2024
นอกเหนือจากนั้น เขายังเผชิญกับการพ่ายแพ้ในลีกไปมากถึง 8 นัด ซึ่งมาจากการแพ้ในรัง โอลด์ แทรฟฟอร์ด ถึง 5 นัด ด้วยผลงานที่ย่ำแย่มากกว่าเดิมในยุคของเฮดโค้ชหนุ่มรายนี้ เป็นที่มาให้แฟนบอลปีศาจแดงส่วนใหญ่ ต่างเริ่มสงสัยในฝีมือของ รูเบน อโมริม ไปเสียแล้วว่าเขาคือคนที่ "ใช่" สำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือไม่
แล้วถ้าหาก อโมริม ไม่ใช่จริง ๆ ล่ะ ? สิ่งที่ทุกคนคงได้เห็นไปจนเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้วสำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั่นคือ การเสียเงินค่าชดเชยหลายล้านปอนด์เพื่อทำการปลดโค้ชออกจากตำแหน่ง ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง ในเคสของ รูเบน อโมริม บอร์ดบริหารก็คงต้องรับเสียงคำวิจารณ์จากเหล่าแฟนบอลและสื่อต่าง ๆ ไปในท้ายที่สุด
สุดท้ายแล้วต้องมารอติดตามไปพร้อมกันว่าวิบากกรรมของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในอนาคตข้างหน้าจะกลับมาดีขึ้นได้หรือไม่ แต่ถ้าหากมองว่าให้โทษนักเตะกลุ่มจอมปัญหา อย่าง ลินการ์ด, ป็อกบา, มาร์กซิยาล, ซานโช่ และ แรชฟอร์ด ว่าเป็นตัวปัญหาสำคัญทำให้ทีมเกิดความย่ำแย่ ก็จะดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลมากเท่าไหร่นัก
เพราะว่านับตั้งแต่พวกเขาย้ายออกจากทีมไปทั้งหมด พลพรรคทัพ "ปีศาจแดง" ก็ยังไม่สามารถฟื้นขึ้นมาได้อีกเลยยาวมาจนถึงทุกวันนี้ ...
แหล่งอ้างอิง
https://www.fourfourtwo.com/news/jesse-lingard-hits-back-at-manchester-united-fan-who-accuses-him-of-destroying-the-clubs-culture
https://www.sportingnews.com/in/football/manchester-united/news/rio-ferdinand-alarm-manchester-united-could-face-relegation/c2164d77d1bc0d2c70ca4886
https://www.independent.co.uk/sport/football/marcus-rashford-manchester-united-news-b2666422.html
https://www.mirror.co.uk/sport/football/news/jesse-lingard-roy-keane-united-26144812
https://www.dailymail.co.uk/sport/football/article-14232355/Man-United-fan-group-SLAMS-Sir-Jim-Ratcliffe-insist-billionaires-cost-cutting-measures-affront-working-class-foundations-club-built-on.html