Feature

ฆ่าได้หยามไม่ได้ : ภารกิจล้างอายของ เป๊ป ที่อาจหักอก ลิเวอร์พูล อีกครั้ง | Main Stand

หากวัดจากมาตรฐานที่เคยทำมาตลอด 5 ปีหลังสุด ก็ต้องบอกว่า แมนฯ ซิตี้ แทบจะปิดจบซีซั่น 2024-25 ไปแล้วด้วยซ้ำ หลังจากฟอร์มหลุดลุ่ยใน พรีเมียร์ ลีก ตามด้วยการตกรอบน็อกเอาต์เพลย์ออฟใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

 


นี่คือช่วงเวลาที่ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า โดนเหยียดหยามและล้อเลียนมากที่สุดนับตั้งแต่เขาเข้ามาคุมทีมเมื่อปี 2016 และทางออกของปัญหานี้ก็ใหญ่เกินกว่าจะแก้ได้ภายในข้ามคืน 

อย่างไรก็ตาม เป๊ป มีโอกาสสำคัญที่จะกอบกู้บางสิ่งที่หายไปกลับคืนมา ... พวกเขาจะเปิด เอติฮัด สเตเดียม พบกับทีมเต็งอย่าง ลิเวอร์พูล

และนี่อาจจะเป็นศึกที่ เรือใบสีฟ้า และ เป๊ป ได้ยิ้มอ่อน ๆ ในฤดูกาลที่พวกเขาอยากลืม ... ติดตามเรื่องราวทั้งหมดกับ Main Stand 

 

Love-hate relationship

ในหน้าประวัติศาสตร์ ลิเวอร์พูล มีคู่ปรับต่างเมืองคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เท่านั้น จนกระทั่งวันหนึ่งที่พวกเขาสร้างทีมขึ้นมาใหม่ในยุคสมัยของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ซึ่งเริ่มต้นเมื่อปี 2015 ... พวกเขาจึงรู้ว่า คู่ปรับที่พอฟัดพอเหวี่ยงกับพวกเขาที่แท้จริงไม่ใช่แมนเชสเตอร์ สีแดง แต่คือฝั่งสีฟ้าอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต่างหาก 

ลิเวอร์พูล กับ แมนฯ ซิตี้ เป็นอริและมีความสัมพันธ์แบบ Love-hate หรือศัตรูที่รัก เพราะการแย่งชิงความยิ่งใหญ่ เป็นเบอร์ 1 แห่งเกาะอังกฤษ ต่างฝ่ายต่างเคยฝากรอยแผลไว้ให้กันและกัน และในทางตรงกันข้าม พวกเขาก็ผลักดันกันไปยังจุดที่มาตรฐานของตนเองสูงขึ้น

แน่นอนว่าในความเป็นอริ ไม่มีทางที่แฟนบอล ลิเวอร์พูล จะชื่นชอบ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เพราะนี่คือโค้ชที่พวกเขากล้าพูดเต็มปากว่าเป็นคนที่ทำให้ทีมในยุคของ คล็อปป์ ได้เป็นแชมป์ลีกแค่สมัยเดียว ... ซิตี้ ของ เป๊ป คือหนามยอกอกที่ต่อให้ ลิเวอร์พูล ทำได้ดีขนาดไหนก็ยังไม่สามารถเฉลิมฉลองได้ ยกตัวอย่างเช่นการที่ แมนฯ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเหนือ ลิเวอร์พูล 2 สมัย โดยมีแต้มห่างแค่ 1 คะแนนเท่านั้น ในฤดูกาล 2018-19 และ 2021-22

ตัดภาพกลับมาที่ฝั่งของ เป๊ป ลิเวอร์พูล ก็เป็นเสี้ยนหนามที่รบกวนพวกเขามาตลอดเช่นกัน เพราะการทำทีมของ คล็อปป์ มักจะทำให้ เป๊ป ถูกมองว่าเป็นกุนซือที่ยิ่งใหญ่ได้ด้วยการที่มีงบประมาณสนับสนุนไม่อั้น แต่ก็ยังคว้าแชมป์ยุโรปได้ในฤดูกาล 2022-23 หลัง ลิเวอร์พูล ในยุคของ คล็อปป์ ที่ทำได้ตั้งแต่ซีซั่น 2018-19

อีกทั้ง เป๊ป ยังบ่นอยู่เสมอว่า ทุกครั้งที่ทีมของเขาขับเคี่ยวกับ ลิเวอร์พูล ก็ดูเหมือนว่าแฟนบอลทั่วไป หรือแม้กระทั่งสื่อและนักข่าวเอง ก็จะเทใจเชียร์ ลิเวอร์พูล มากกว่า และมีคนอยากเห็นเขาล้มเหลวมากเป็นพิเศษ 

"ทุก ๆ คนในประเทศนี้สนับสนุนลิเวอร์พูล สื่อ และทุก ๆ คนในประเทศนี้ ต่างเชียร์ลิเวอร์พูลกันหมด แต่ แมนฯ ซิตี้ ได้ถือชะตากรรมไว้ในมือของตัวเอง และเรื่องนี้สำคัญสำหรับการเป็นแชมป์ที่สุด" เป๊ป ให้สัมภาษณ์หลังการล่าแชมป์จนนัดสุดท้ายกับ ลิเวอร์พูล เมื่อปี 2022 

แม้สิ่งที่ เป๊ป พูดจะไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามันเป็นเรื่องจริง แต่สิ่งที่เขาออกมาพูดถึงหรือเหน็บใส่ ลิเวอร์พูล แต่ละครั้ง มันค่อนข้างแน่ชัดว่า ในขณะที่เขาสนุกกับการแข่งกับ ลิเวอร์พูล ที่เป็นคู่แข่งอันสมน้ำสมเนื้อ เขาก็หงุดหงิดที่ ลิเวอร์พูล ได้ความสนใจจากสื่อ และการยกย่องจากแฟน ๆ มากกว่า ขณะที่ทีมของเขามักจะถูกนำเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ มาอ้างว่าเป็นสิ่งสำคัญของความสำเร็จที่เกิดขึ้น หรือไม่ก็เรื่องการผิดกฎการเงินแบบที่ทุกวันนี้ก็ยังมีคนแซวเรื่องคดี 115 กระทงไม่เปลี่ยนแปลง  

"ผมไม่รู้ว่าเราต้องรับผิดชอบต่อการลื่นล้มของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด [ในปี 2014] หรือไม่ ? ... มันเป็นความผิดของเราเหรอ ?" เป๊ป ถึงกับเอาเรื่องที่ถือว่า "จี้ปม" ที่สุดของ ลิเวอร์พูล มาพูด มันค่อนข้างชัดว่า ลิเวอร์พูล คือศัตรูที่รัก ที่หากเลือกได้ เขาคงอยากจะขวางทางให้ หงส์แดง ไปถึงความสำเร็จให้ได้ยากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้

 

2024-25 โลกที่ "เป๊ป" ไม่เคยเจอ

แมนฯ ซิตี้ ตามหลัง ลิเวอร์พูล 17 แต้มในพรีเมียร์ลีก ... แม้จะเหลือเกมให้ทำแต้มแซง แต่ในความจริง เราต่างรู้ว่ามันเป็นไปได้ยากสุด ๆ 

พวกเขาตกรอบ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ตั้งแต่รอบน็อกเอาต์เพลย์ออฟ ยังไม่ทันได้เข้ารอบ 16 ทีมเลยด้วยซ้ำ และเหนือสิ่งอื่นใด นี่คือปีที่แฟนบอลทีมอื่น หรือสื่อที่ เป๊ป บอกว่า "อยู่ฝั่งตรงข้ามพวกเขา" ได้ล้อเลียน และสนุกกับความผิดหวัง ผิดพลาดของพวกเขาในแทบทุกสัปดาห์ 

เหนือสิ่งอื่นใดในปีนี้ เป๊ป ยังแพ้แบบช็อกโลกโดนยิงยับให้เห็นบ่อย ๆ รวมถึงการแพ้ ลิเวอร์พูล ที่ แอนฟิลด์ แบบสู้ไม่ได้ จน เป๊ป เม้งแตก งัดท่าชู 6 นิ้ว เพื่อบอกว่าตัวเขาพาทีมคว้าแชมป์ลีกมาแล้วถึง 6 สมัย 

นี่คือสิ่งที่ เป๊ป ไม่เคยเจอมาก่อนในอาชีพของเขา และปีนี้เขาทำอะไรได้ไม่มากนัก เพราะทีมกำลังอยู่ในช่วงผลัดใบ และสร้างทีมขึ้นมาใหม่ 

พวกเขาพยายามซื้อนักเตะหลาย ๆ คนที่อายุน้อยเข้ามาเสริมทัพ และหลายคนก็จะได้ใช้ช่วงเวลาในอีกราว ๆ ครึ่งซีซั่นที่เหลือเพื่อปรับตัว ซึ่งก็เหมาะสมกับปีนี้ที่การแข่งขันของพวกเขาแทบจะจบลงกลาย ๆ พวกเขาจะได้ใช้เวลากับนักเตะใหม่ หรือลองอะไรต่าง ๆ ให้เต็มที่

แต่อย่างไรเสีย เป๊ป ที่ธาตุไฟแตกหลายต่อหลายหนในปีนี้ ไม่ใช่คนที่รับความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้แน่นอน แม้ว่าการล่าแชมป์ พรีเมียร์ ลีก และแชมป์ยุโรป ปิดตัวลงแล้ว 1รายการ อีกรายการก็ใกล้จบเห่เต็มที แต่ทีมของเขายังคงวางเป้าหมายเล็ก ๆ แต่ได้รับความสะใจที่ยิ่งใหญ่ได้ ซึ่งความท้าทายได้เดินทางมาหาพวกเขาแล้วในสุดสัปดาห์นี้ 

ที่ เอติฮัด สเตเดียม แมนฯ ซิตี้ จะเปิดบ้านรับการมาเยือน ลิเวอร์พูล ในศึกพรีเมียร์ลีก ... รอยแค้นที่ แอนฟิลด์ ยังคงไม่จาง ภาพที่เขาถีบเก้าอี้ ข่วนหน้าตัวเอง และสัมภาษณ์กับสื่อในเชิงประชดประชันว่าทีมยอมแพ้ สามารถถูกทำให้ทุเลาลงได้ หากว่าเขาชนะศึกเล็ก ๆ ของพวกเขาศึกนี้ต่อคู่ปรับเบอร์ 1 อย่าง ลิเวอร์พูล 

ดังนั้น ทำไมคนอย่าง เป๊ป จึงจะไม่ทำตัวเป็นขวากหนามเพื่อยอกอก ลิเวอร์พูล บ้างล่ะ ?

 

ความสำเร็จ ... และความสะใจ 

ในเกมที่จะมาถึงสุดสัปดาห์นี้ คงต้องยอมรับว่า ลิเวอร์พูล ยังคงเป็นต่อ แมนฯ ซิตี้ ที่เผชิญปัญหามากมาย และยังแก้ไม่ได้สักที แต่แน่นอนว่า เป๊ป จะไม่ยอมให้คู่แข่งของพวกเขาบุกมาเอา 3 แต้มและฉลองกันถึงบ้านแบบนี้แน่นอน 

หากจะพิจารณากันให้มากกว่าเรื่องของอารมณ์ ความโกรธเกลียด ใด ๆ ก็ตามเกมที่ เอติฮัด ที่กำลังจะมาถึง ยังสร้างคุณให้กับทีม แมนฯ ซิตี้ ของ เป๊ป อย่างมหาศาลในหลาย ๆ ทาง

ประการแรก เพราะ ซิตี้ ยังคงมีลุ้นท็อป 4 ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ทีมซึ่งไม่ได้ลุ้นแชมป์ทุกทีมอยากจะคว้ามันมาให้ได้ เพราะมันหมายถึงการได้โควต้า ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่มีเงินรางวัลและรายรับต่าง ๆ มากมาย อันจะส่งผลระยะยาวทั้งเรื่องการปฎิบัติตามกฎการเงิน (PSR) และการเสริมทัพในอนาคต ดังนั้นไม่ว่าคู่แข่งจะเป็นทีมไหน ซิตี้ ก็ไม่สามารถทิ้ง และปล่อยเบลอในเกมที่เหลือของซีซั่นได้เป็นอันขาด

ประการที่สอง ในซีซั่นนี้ ซิตี้ อับอายมามากพอแล้ว และพวกเขาคงไม่อยากให้แฟนบอลของตนเองต้องทนรับแรงกระแทกในโลกโซเชี่ยลเพิ่มแน่นอน และในช่วงเวลาที่ความมั่นใจและบรรยากาศในทีมดูจะไม่ดีนัก การเอาชนะ ลิเวอร์พูล จะไม่ได้ให้แค่ความสะใจกับพวกเขาอย่างเดียว มันจะเป็นตัวจุดประกายให้นักเตะชุดนี้หลาย ๆ คนที่เป็นนักเตะเลือดใหม่ มีความมั่นใจมากขึ้น 

และประการสุดท้าย จากความสัมพันธ์แบบ Love-hate ที่เราได้กล่าวมาในข้างต้น หากจะมีทีมใดที่ต่อให้ตัวเองไม่ได้แชมป์ แต่ก็อยากจะหยุด ลิเวอร์พูล ให้ไม่สามารถไปถึงแชมป์ลีกสมัยที่ 20 ที่รอคอย ก็เชื่อว่าเหลือเกินว่า แมนฯ ซิตี้ กระหายที่จะทำสิ่งนี้พอ ๆ กับทีมร่วมเมืองของเขาอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด แน่นอน 

แม้การชนะศึกครั้งนี้ อาจไม่ได้หมายถึงการเอาชนะสงคราม (พรีเมียร์ลีก) แต่มันจะทำให้บรรยากาศและสิ่งต่าง ๆ ที่กำลังอึมครึมในสโมสรนี้ดีขึ้นอย่างแน่นอน 

และนี่คือเหตุผลที่ว่าทำไม เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และลูกทีมของเขาจะเตรียมตัวรับมือกับเกมนี้อย่างสุดความสามารถ ... เพราะไม่มีอะไรที่พวกเขาอยากเห็นมากไปกว่าชัยชนะอีกแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชัยชนะที่จะส่งอิมแพ็กต์เชิงลบอีกหลายเด้ง ให้ทีมที่ยังมีลุ้น 3 แชมป์อย่าง ลิเวอร์พูล ชุดนี้  

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.beinsports.com/en-nz/football/premier-league/articles-video/guardiola-wants-to-prove-himself-against-liverpool-2024-11-29
https://www.goal.com/en/lists/pep-guardiola-man-city-jealous-jurgen-klopp-liverpool-positive-press/bltdde033de97364422#csdbccc1250a9369de
https://www.reddit.com/r/soccer/comments/ul7mtm/pep_guardiola_everyone_in_this_country_supports/?rdt=52593
https://www.thisisanfield.com/2020/02/time-to-own-up-pep-guardiolas-love-hate-relationship-with-liverpool-has-put-city-on-the-brink/

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ