กองกลางชั้นดีในโลกฟุตบอลนั้นมีมากมายแล้วแต่คุณจะชอบใคร แต่คุณปฏิเสธไม่ได้เด็ดขาดเลยว่า ถ้าคุณพูดถึงมิดฟิลด์ในสายเกมรับ ชื่อของ โคล้ด มาเกเลเล่ คงปรากฏชัดขึ้นมาเป็นอันดับแรก ๆ อย่างแน่นอน
นี่คือกองกลางตัวรับที่เป็นห้องเครื่องและคอยวิ่งแบกให้เหล่านักเตะที่เก่งที่สุดในโลก และทำให้หลายทีมในพรีเมียร์ลีกต้องเปลี่ยนวิธีการเล่นจนกลายเป็นชื่อเรียกตำแหน่งหนึ่งขึ้นมาว่า "ตำแหน่งมาเกเลเล่"
นี่คือเรื่องราวของต้นตำรับ ชื่อของ โคล้ด มาเกเลเล่ หนึ่งในสุดยอดกองกลางตัวรับตลอดกาลที่ยังถูกพูดถึงแม้กระทั่งวันนี้ ... ติดตาม Main Stand
หาตัวเอง
โคล้ด มาเกเลเล่ เป็นชาวซาอีร์ (ดีอาร์ คองโก ปัจจุบัน) โดยกำเนิด ก่อนย้ายมาอยู่ในประเทศฝรั่งเศสช่วงอายุ 4 ขวบ และจากนั้น ฟุตบอลก็เป็นความบันเทิงของเด็กชายโคล้ดผู้มาจากแดนไกล ...
มาเกเลเล่ เริ่มเล่นฟุตบอลแบบจริงจังตั้งแต่อายุ 6 ขวบ เขาพยายามฝึกฝนและคัดตัวเข้าไปเป็นนักเตะของสโมสรระดับอาชีพทั่วฝรั่งเศส แต่ด้วยความที่เขาเป็นเด็กตัวเล็ก จึงทำให้ต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อจะให้วิ่งได้เร็วกว่า และแข็งแรงกว่าคนอื่น ดังนั้นแม้จะไปคัดตัวกับสโมสรดัง ๆ มากมาย แต่สุดท้ายทีมที่ให้โอกาสเขาก็คือทีมระดับกลางค่อนล่างอย่าง แบรสต์
ฟุตบอลในช่วงต้นยุค 1990s นั้น มักจะมีบริบทหลายอย่างที่แตกต่างออกไปและคนที่เริ่มดูฟุตบอลสมัยนี้อาจจะไม่เข้าใจ ... เรื่องของส่วนสูงนั้น ดูเหมือนจะสำคัญเป็นพิเศษในยุคนั้น โดยเฉพาะในตำแหน่งกองกลางตัวรับ ที่ต้องใช้พละกำลังในกระแทก ชน และปะทะกับคู่แข่งตลอด ดังนั้นจึงไม่เหมาะกับเด็กที่ตัวเล็กแถมยังผอมบางแบบ มาเกเลเล่ ในช่วงเริ่มต้น
กว่าที่เขาจะได้รู้จักตัวเอง มาเกเลเล่ ต้องอยู่กับข้อจำกัดนั้น และเริ่มเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรุกมาก่อน ซึ่งแน่นอนว่ามันก็ดูดีในระดับหนึ่ง แต่มันก็เหมือนการใช้งานคนผิดประเภท เพราะถ้าคุณใช้งานเขาในการเล่นเกมรับ คุณจะได้เห็นอะไรที่สุดยอดยิ่งกว่านั้น เพียงแต่ช่วงเวลาดังกล่าว ความเป็น มาเกเลเล่ ไม่อาจส่องประกายให้ใครได้เห็นมากนัก ไม่ว่าจะตอนเล่นให้ทีมเยาวชนของ แบรสต์ จนถึงช่วงไปเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของ น็องต์ส
เรื่องนี้ยืนยันได้จากปากคำของ โรเบิร์ต บัดซินสกี้ ผอ.กีฬาของ น็องต์ส ที่เล่าว่าเขาเห็น มาเกเลเล่ เล่นตอนแรกที่ แบรสต์ และชอบเรื่องของการอ่านเกม กับการขยับตัวไปซ้อนตำแหน่งของเพื่อน เขาจึงของบซื้อตัว มาเกลเล่ ตอนอายุ 18 ปี และหวังจะให้เล่นในตำแหน่งที่คล้ายกับ เอ็มมานูเอล เปอตีต์ ดาวเตะรุ่นพี่ที่กำลังโด่งดังกับ อาร์เซน่อล
ด้าน มาเกเลเล่ ก็ยอมรับเรื่องนี้และเสริมข้อมูลต่อ "ตอนแรกผมไม่ได้โตขึ้นมากับการเป็นมิดฟิลด์ตัวรับแบบเต็มตัว พวกเขาใช้งานผมในแบบของมิดฟิลด์โบราณที่ต้องขยับขึ้นขยับลงตลอดเวลา ผมเล่นที่ น็องต์ส ด้วยบทบาทนั้น แต่หลายอย่างก็เปลี่ยนไปในตอนที่ผมย้ายไปค้าแข้งที่สเปน"
มาเกเลเล่ มาเล่นใน ลา ลีกา เมื่อปี 1998 หลังจาก วิคตอร์ เฟร์นานเดซ เฮดโค้ชของ เซลต้า บีโก้ ต้องการใครสักคนมาเป็นมดงานโดยเฉพาะ เพราะ ณ ตอนนั้น เซลต้า มีนักเตะกองกลางในเชิงรุกอย่าง วาเลรี่ คาร์ปิน และ ฮาอิม เรวิโว นอกจากนี้ยังมีกองหน้าตัวต่ำอย่าง อเล็กซานเดอร์ มอสโตวอย ซึ่งถ้าใครทันยุคนั้นก็ต้องบอกว่า 3 คนนี้เล่นเกมรุกเป็นหลัก เกมรับแทบไม่เอา ตามสไตล์เพลย์เมคเกอร์ยุคเก่า
นั่นแหละคือเหตุผลที่ทำให้เขาถูกซื้อตัวมาเพื่อจัดงานการสกปรกที่เหล่าตัวรุกไม่อยากยุ่ง มาเกเลเล่ ถูกจับเล่นกองกลางตัวรับเต็มตัวที่นั่น และเราอยากให้คุณนึกภาพเหมือนกับที่ เลสเตอร์ ซิตี้ มี เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ที่ประจำการแต่พื้นที่ในแดนตัวเองเป็นหลัก จัดการทุกคนที่พาบอลขึ้นมา จากนั้นก็ผ่านบอลไปให้เหล่าตัวรุกได้สนุกกับเกมบุกอย่างที่พวกเขาต้องการ
ไมใช่แค่ มาเกเลเล่ เท่านั้นที่เสริมส่ง เซลต้า แต่การย้ายมาที่นี่ก็ทำให้เขาเจอกับ มาซินโญ่ นักเตะทีมชาติบราซิลในช่วงบั้นปลายอาชีพ ซึ่งในช่วงพีก ๆ เป็นถึงวิงแบ็กทีมชาติบราซิลชุดแชมป์ฟุตบอลโลกปี 1994 ก่อนขยับเข้ามาเล่นเป็นกองกลางเมื่ออายุมากขึ้น
มาซินโญ่ เป็นเหมือนอาจารย์ของ มาเกเลเล่ อีกคนหนึ่ง โดยเขามองว่า มาเกเลเล่ ตัวเล็ก เร็ว และคล่อง ขาดก็แต่เรื่องการยืนตำแหน่ง และการคุมพื้นที่และการขยับตัวในแต่ละจังหวะ เรียกง่าย ๆ ก็คือเขายังขาดประสบการณ์ ซึ่ง มาซินโญ่ ได้ถ่ายทอดเรื่องนี้ให้มาเกเลเล่แบบเต็ม ๆ จนเขาเก่งขึ้นมาอย่างก้าวกระโดด
มาเกเลเล่ แจ้งเกิดเต็มตัวทันทีที่เล่นกับ เซลต้า ในซีซั่นแรก ฤดูกาล 1998-99 เขาพาทีมจบอันดับ 5 ของตารางคะแนน ขณะที่ปีที่สอง ฤดูกาล 1999-2000 ทีมจบอันดับที่ 7 และฝากผลงานระดับแพลตินั่มใน ยูฟ่า คัพ ด้วยการพาทีมถล่ม ลิเวอร์พูล ไป 4-1 ตามด้วยการถล่ม ยูเวนตุส ไปอีก 4-0 ก่อนจอดป้ายรอบ 8 ทีมสุดท้าย ... หลังจากจบปีนั้นชื่อเสียงของจอมเก็บกวาดและผู้เชี่ยวชาญด้านงานสกปรกอันดับ 1 แห่งวงการฟุตบอลสเปนเป็นโลโก้ประดับตัวเขา
จะมีทีมไหนที่ต้องการนักเตะแบบนี้ไปมากกว่าทีมยักษ์ใหญ่ที่เต็มไปด้วยตัวรุกระดับพระกาฬ แข้งพรสวรรค์เต็มกราฟ และเล่นเกมรุกได้มีประสิทธิภาพที่สุดในโลก อย่าง เรอัล มาดริด อีก ? ... พวกเขาต้องการ มาเกเลเล่ มาเป็นคน ๆ นั้น คนที่คอยวิ่งเอาบอลกลับมาให้เหล่าดาราทั้งหลายได้เฉิดฉายเหมือนเดินบนพรมแดง
ห้องเครื่องแห่งทีมรวมดารา
ก่อนมาอยู่กับ เรอัล มาดริด มีเรื่องที่หลายคนไม่เคยรู้มาก่อน นั่นคือหลังจากที่เขาเล่นได้ดีมาก ๆ กับ เซลต้า มีหลายทีมอยากจะจ่ายเงินเพื่อซื้อตัวเขาไปร่วมทีม แต่ทาง เซลต้า ก็ไมยอมปล่อยเขาสักที จนกระทั่งจบฤดูกาลที่ 2 มาเกเลเล่ อยากจะย้ายเต็มทีตามที่สัญญากันไว้ว่า "เล่นให้จบปีแล้วมาคุยกันอีกครั้ง" ทว่าฝั่ง เซลต้า ก็ยึกยักไม่อยากจะต่อสัญญา
เรื่องดังกล่าวทำให้ โรแชร์ เอเย่นต์ของ มาเกเลเล่ ต้องออกอุบาย โดยแอบตกลงกับ มาเกเลเล่ ว่า ตัวของ โรแชร์ จะแอบเข้าไปเป็นแฟนบอลของ เซลต้า และเริ่มปาของใส่ มาเกเลเล่ ให้มีประเด็นว่าเขาไม่เป็นที่รักของแฟน ๆ เพื่อจะได้บีบสโมสรโดยตรง เพราะนักเตะอยากจะไป มาดริด เสียเต็มแก่ในเวลานั้น
"เป็นผมเองทั้งหมดเลย ผมไปแจ้งความกับสถานีตำรวจและบอกฝั่ง เซลต้า ว่าแฟนบอลของ เซลต้า จ้องจะทำร้าย มาเกเลเล่ ด้วยการปาของใส่ในสนาม รวมไปถึงการปาก้อนให้ใส่รถระหว่างที่ มาเกเลเล่ ขับรถยนต์อยู่ ซึ่งเรื่องนี้ผมขออนุญาตจาก โคล้ด แล้ว และมันได้ผล เซลต้า ท่าทีอ่อนลงและพวกเขาก็ขาย โคล้ด ให้กับ เรอัล ในท้ายที่สุด" โรแชร์ ที่เคยเป็นเอเย่นต์ของ พาทริค วิเอร่า และ เธียร์รี่ อองรี เขียนเรื่องดังกล่าวในหนังสือชีวประวัติส่วนตัว
คงไม่ต้องบอกว่าอะไรเกิดขึ้นหลังจาก มาเกเลเล่ ย้ายมาอยู่กับ มาดริด ในปี 2000 ด้วยค่าตัว 14 ล้ายยูโร เพราะการมาของเขาตอบโจทย์ทุกอย่างโดยกุนซือ บิเซนเต้ เดล บอสเก้ ถึงกับบอกว่า "แค่เห็นเขาลงเล่นในเกมแรก ผมก็รู้ว่าเขาเป็นกองกลางตัวรับหมายเลข 1 ของโลก ณ ตอนนี้ นาทีนี้แบบหมดข้อสงสัย"
"งานของผมคือทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นสำหรับ โรนัลโด้, ซีเนดีน ซีดาน, ราอูล และ หลุยส์ ฟิโก้ ... ไม่ใช่แค่ทีมนี้ที่มีนักเตะที่ดี แต่เรามีโค้ชที่ดีด้วย เดล บอสเก้ คือยอดโค้ชที่เข้าใจหน้าที่ของทุกคนจริง ๆ" มาเกเลเล่ ชมเจ้านายกลับ
เขาอธิบายหน้าที่ของตัวเองไปแล้วว่าเขาทำอะไรบ้าง แต่เพื่อให้ชัดขึ้น มีการเจาะรายละเอียดความยอดยเยี่ยมถึงวิธีการเล่นของเขากับมาดริดในเวลานั้นว่า
"ที่ เรอัล มาดริด นั่นคือร่างทองของ มาเกเลเล่ ช่วงเวลาปี 2000-03 เขาคือสุดยอดของตัวป้องกันอันดับหนึ่ง เขาเป็นตัวอย่างที่ดีมาก ๆ ในการเป็นมดงานที่จะทำงานร่วมกันในระบบคู่กลาง 2 ตัว"
"การจับจังหวะบอลของ มาเกเลเล่ เร็วและแม่นยำอย่างน่าขนลุก และเขาเป็นคนที่เข้าบอลได้ตรงกับไทมิ่งมากที่สุด คุณจะเห็นเข้าพุ่งใส่คู่แข่งอย่างรวดเร็วและรุนแรงชนิดที่ว่าเสี่ยงใบแดงแทบทุกจังหวะ แต่ขอโทษทีนะ เขาเข้าถึงบอลก่อนตลอด และส่วนใหญ่มันกลายเป็นการปะทะที่ไม่เสียฟาวล์"
"เคมีของ มาเกเลเล่ ในการจับคู่กับ อิบัน เอลเกร่า นั้นสุดยอด 2 คนนี้สอดประสานกันทำให้เกมของ เรอัล มาดริด ไม่เป็นรองทีมไหนในโลกในแง่ของการเคลื่อนเกมจากหลังไปหน้า"
"ถ้าคุณถามว่าเขาวิ่งเร็วระดับสปีดแซงกองหน้าหรือไม่ ? เราก็คงต้องตอบว่า ไม่ แต่ที่เข้ามาทดแทนก็คือไหวพริบ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และการตัดสินใจเพียงเสี้ยววินาทีของเขา คุณไม่มีทางรู้เลยว่าจะเอาบอลผ่านเขาไปได้ยังในช่วงเวลานั้น ... เขาคือฝันร้ายของตัวรุกคู่แข่งอย่างแท้จริง"
ไม่ใช่แค่ผลงานในสนามเท่านั้น มาเกเลเล่ กวาดถ้วยรางวัลแทบทุกใบเมื่อมาที่นี่ทั้ง ลา ลีกา, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ซูเปอร์ โคปา, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และ อินเตอร์คอนติเนนทัล คัพ ...
ทุกคนตระหนักรู้ถึงความสุดยอดนี้ แต่น่าเสียดายที่คนที่ไม่รู้ กลับกลายเป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดในสโมสร
ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานของ เรอัล มาดริด ในเวลานั้น ยึดมั่นกับการสร้างทีมรวมดาราภายใต้ชื่อบนสื่อว่า "กาลาติกอส" และเขาไม่ได้มองว่า มาเกเลเล่ เป็นนักเตะประเภทนั้น
"เขาไม่ใช่จอมโหม่ง เขาไม่ใช่คนที่จ่ายบอลได้แม่นยำ ผมไม่เคยเห็นเขาจ่ายบอลไกลเกิน 3 เมตรเลยด้วยซ้ำ จากนี้จะมีผู้เล่นอายุน้อยกว่าเขาเข้ามาแทนที่และเขาก็จะค่อย ๆ ถูกลืมไป ..." นั่นคือสิ่งที่ เปเรซ กล่าวหลังเขาขาย มาเกเลเล่ ให้กับ เชลซี ด้วยค่าตัว 16.8 ล้านปอนด์
และในขณะที่เขาพยายามหาคนที่หนุ่มกว่าและแข็งแรงกว่า มาเกเลเล่ มาเป็นตัวแทน ตัดภาพกลับมาที่ฝั่ง เชลซี เคลาดิโอ รานิเอรี่ กุนซือของทีมในเวลานั้นถึงกับสัมภาษณ์ออกสื่อต้อนรับ มาเกเลเล่ ว่า "นั่นไงเขามาแล้ว พ่อแบตเตอรี่ของผม" ... แล้ว มาเกเลเล่ ก็เป็นแบบที่ รานิเอรี่ ว่าจริง ๆ เพราะเขาก็สร้างปรากฏการณ์ในพรีเมียร์ลีกไม่ต่างกับที่เขาฝากไว้ที่ ลา ลีกา เลย
มาเกเลเล่ โรล ณ พรีเมียร์ลีก
มาเกเลเล่ ย้ายมาอยู่ เชลซี ในฤดูกาล 2003-04 เขาพาทุกอย่างที่ สเปน มาด้วย คุณสมบัติการตัดเกม การยืนตำแหน่ง ครบทุกประการ จะลดหย่อนไปบ้างก็คือความเร็วที่น้อยลงสวนทางกับอายุที่มาก และในระหว่างที่เขาสร้างผลงานยอดเยี่ยมให้กับ เชลซี ตั้งแต่ต้น ตัดภาพกลับไปที่ สเปน มาดริด ก็หาตัวแทนเขาแทบตาย แต่ก็หาไม่ได้ ต้องเอา เดวิด เบ็คแฮม มาเล่นตำแหน่งดังกล่าว จนทีมขาดสมดุลอย่างหนัก
มาดริด ผลงานตกลงมาก จนมีคำพูดของ ซีดาน ที่บอกชัดทุกอย่างว่า "จะพ่นสีทองบนรถเบนท์ลีย์เพิ่มอีกชั้นทำไม ถ้าเราเสียเครื่องยนต์ไปหมดแล้ว ?"
เอาล่ะ ตัดกลับมาที่อังกฤษอีกครั้ง ฟุตบอลอังกฤษในยุคนั้นมักจะใช้กองกลางแบบยืนคู่กันตามระบบการเล่น 4-4-2 อันเป็นที่นิยมที่สุด แต่การมาของ มาเกเลเล่ ถือว่าสร้างอะไรใหม่ ๆ ในระบบกองกลางของฟุตบอลอังกฤษ เพราะเขาสามารถเก็บเรียบในส่วนของเกมรับ จน เชลซี สามารถเริ่มตั้งระบบเป็น 4-3-3 โดยให้ มาเกเลเล่ ยืนกลางรับตัวเดียว และมีมิดฟิลด์เบอร์ 8 อีก 2 คนยืนเหนือเขาทั้ง 2 ข้าง
มาเกเลเล่ ใช้เวลา 5 ปีในการเล่นตัวรับแนวลึกทำงานอย่างหนักเพื่อช่วยให้ผู้เล่นรอบตัวเขาทำงานง่ายขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเปลี่ยนกุนซือมาเป็น โชเซ่ มูรินโญ่ การเล่นเกมรับของ เชลซี กลายเป็นต้นตำรับของทีมที่แพ้ยากที่สุดในโลก โดยเฉพาะการเล่นในบ้านที่พวกเขาแทบจะไม่เคยเพลี่ยงพล้ำเลยในช่วงที่ มาเกเลเล่ ยังทำหน้าที่เบอร์ 6 ของทีมอยู่ก่อนที่เขาจะเริ่มชราลง
ระบบที่ มูรินโญ่ วางไว้ กับการมีเกมรับที่นำโดย มาเกเลเล่ กลายเป็นแผนที่หลายทีมนิยมใช้ในเวลาต่อมา โดยเฉพาะทีมยักษ์ใหญ่ในประเทศทั้งหลายที่ต้องไปเล่นในฟุตบอลยุโรปที่ต้องละเมียดละไมมากขึ้น และต้องเน้นสมดุลเกมให้มากเป็นพิเศษ … เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หรือแม้แต่ อาร์แซน เวนเกอร์ ก็พยายาามปรับแก้วิธีการเล่นจากระบบ 4-4-2 กลายเป็นมาเป็นระบบ 4-3-3 , 4-2-3-1 หรือ 4-5-1 แล้วแต่จะเรียกในเวลาต่อมา ซึ่งแน่นอนว่าการจะเล่นแผนนี้ได้ ต้องมีนักเตะอย่าง มาเกเลเล่ เป็นส่วนประกอบสำคัญด้วย
มาเกเลเล่ ช่วย เชลซี คว้าแชมป์มากมายประกอบด้วย พรีเมียร์ ลีก 2 สมัย, เอฟเอ คัพ 1 สมัย, ลีก คัพ (คาราบาว คัพ ปัจจุบัน 2 สมัย) รวมถึงรองแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีก 1 สมัย ก่อนที่เขาจะย้ายออกไปอยู่กับ เปแอสเช ในช่วงบั้นปลายและแขวนสตั๊ดในท้ายที่สุด ปิดตำนานมิดฟิลด์เกมรับที่ดีที่สุดตลอดกาลของวงการฟุตบอลอย่างสวยงาม
แหล่งอ้างอิง
https://thesefootballtimes.co/2017/08/28/claude-makelele-and-the-importance-of-knowing-your-role/
https://www.chelseafc.com/en/news/article/how-claude-makelele-changed-english-football
https://moesquare.medium.com/football-flashbacks-claude-makelele-d85dcbf43adf
https://www.realtotal.de/en/makelele-sie-meinten-ich-soll-gluecklich-sein-bei-real-zu-spielen/
https://www.realtotal.de/en/irrsinnige-wechsel-story-als-makeleles-berater-steine-warf/
https://www.cultkits.com/blogs/news/celta-vigo-and-the-birth-of-the-makelele-role