Feature

รู้จักยัง ? : ไมล์ส ลูอิส สเคลลี่ เด็กถิ่นพันธุ์แท้ที่แฟนปืนยกให้เป็น "ต้วจี๊ดของพวกเรา" | Main Stand

"นี่มึงใครวะเนี่ย ?" เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ทักทายแบบแสบ ๆ ใส่นักเตะวัย 18 ปีของ อาร์เซน่อล ที่ลงเล่นเกมทางการให้กับสโมสรเป็นครั้งแรกเมื่อ 5 เดือนก่อน ... และเขาติดอยู่กับคำพูดนั้นจนกระทั่งได้เอาคืนอย่างสาแก่ใจ

 

นอกจากเรื่องความแสบของ ไมล์ ลูอิส สเคลลี่ ที่เล่นหมดไม่สนรุ่นไหนแล้ว สิ่งที่น่าสนใจของเขาคือพัฒนาการอันก้าวกระโดด และ DNA ความเข้มในแบบกูนเนอร์สพันธุ์แท้ที่ทำให้เขาก้าวขึ้นมาถึงจุดนี้อย่างรวดเร็ว

ติดตามเรื่องราวของเด็กหนุ่มที่แฟนอาร์เซน่อลกล้าพูดได้เต็มปากว่า "ไอ้เด็กนี่คือพวกของเรา" ที่ Main Stand

 

ความแกร่งที่เริ่มจากบ้าน 

เด็กอายุ 18 ปี ที่เล่นทีมชุดใหญ่ไม่กี่เกมแต่กลับมีคาแร็คเตอร์ที่น่าสนใจอย่าง ไมล์ส ลูอิส สเคลลี่ อาจจะทำให้ใครเข้าใจผิด คิดว่าเขาโตมาแบบนักเตะเลือดจิ๊กโก๋ มีวัยเด็กที่ปากกัดตีนถีบ ต้องใช้ความแข็งแกร่งเอาตัวรอดจนเติบใหญ่ ... ทว่าปูมหลังของเขาที่แท้จริงมันตรงข้ามกับสิ่งที่หลายคนคิดอย่างสิ้นเชิง 

ไมล์ส เกิดและโตในครอบครัวที่มีคุณภาพในทางตอนเหนือของกรุงลอนดอน พ่อและแม่ของเขามีงานที่มั่นคง เรียนจบปริญญาตรี และให้การสนับสนุนเขามาอย่างดีตั้งแต่เด็ก ไม่ว่า ไมล์ส จะเลือกสิ่งใด พวกเขาพร้อมจะช่วยเป็นคู่คิดและคอยให้คำแนะนำเสมอ 

โดยเฉพาะ มาร์เซีย ลูอิส แม่ของเขาที่พอรู้ว่าลูกชายอยากจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพเท่านั้นแหละ เธอยอมทิ้งความฝันของตัวเอง และหันมาทำอะไรหลายอย่างเพื่อสร้างพื้นฐานในทุก ๆ ด้านของลูกชายตั้งแต่เรื่องเรียน เรื่องแนวคิด และเรื่องฟุตบอลด้วย 

คุณต้องไม่เชื่อแน่ว่า อดีตคนที่เคยเป็นนักธุรกิจงานรัดตัวจะเริ่มศึกษาฟุตบอลใหม่ตั้งแต่ต้น และศึกษาลึกตั้งแต่ราก โดยจุดเริ่มต้นเกิดจากการที่ ไมล์ส โดนเอเย่นต์หลายคนติดต่อเข้ามาเพื่อขอเป็นเอเย่นต์ส่วนตัว ซึ่ง มาร์เซีย ก็ต้องไปค้นคว้าและสืบว่าต้นสายปลายเหตุ และการทำหน้าที่เอเย่นต์มีบทบาทอะไรกับลูกของเธอบ้าง 

จากนั้นเธอก็เริ่มไปลงเรียนวิชาธุรกิจเกี่ยวกับฟุตบอล (ในระดับปริญญาโท) เพื่อเข้าใจว่าลูกชายของเขาจะต้องเจออะไรบ้างในอุตสาหกรรมฟุตบอล โดยตั้งแต่นั้นแม่ของ ไมล์ส เป็นคนคอยสกรีนเรื่องนอกสนามให้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อเข้ามาของเอเย่นต์บริษัทต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งแบรนด์กีฬาที่ติดต่อเซ็นสัญญากับ ไมล์ส ตั้งแต่เขาอายุ 12 ปีเป็นต้นมา 

เรียกได้ว่า มาร์เซีย รู้ตื้นลึกหนาบางชนิดถึงกึ๋นด้วยดีกรีปริญญาโท และเข้มไปยิ่งกว่านั้นคือการที่เธอสอบเป็นตัวแทนเอเยนต์ตามหลักสูตรของ FIFA เพื่อทำความเข้าใจบทบาทของเอเย่นต์จริง ๆ ซึ่งจนถึงตอนนี้เธอก็สอบผ่าน และเป็นเอเย่นต์ของลูกชายตัวเอง 

"มีเอเย่นต์ดัง ๆ ติดต่อเข้ามามากมาย แต่ฉันและพ่อของเขาต้องการเข้าใจทุกอย่างให้ชัดเจนในทุก ๆ มุมเพราะมันคือการตัดสินใจครั้งใหญ่ที่ใช้ความรีบร้อนไม่ได้ ... สุดท้ายฉันก็ไปสอบด้วยตัวเอง ซึ่งจุดหมายไม่ใช่การมาเป็นเอเย่นต์ของไมล์สหรอก แต่คือการเข้าไปรับความรู้จากทุกด้านเพื่อพวกเราทุกคนในครอบครัว" มาร์เซีย ลูอิส กล่าว

ขณะที่ มาร์เซีย ก็สรุปเรื่องที่เธอเล่ามาทั้งหมดว่า "ทุกคนมักพูดถึงการใช้ชีวิตตามความฝันของตนเองผ่านลูก ๆ แต่ความฝันของฉันไม่ใช่แบบนั้น ฉันทำเต็มที่เพื่อตอบสนองแพชชั่นของลูกเท่านั้น" 

จากคำบอกเล่าในข้างต้น คุณสามารถเข้าใจได้ทันทีว่าทำไม ไมล์ส ลูอิส สเคลลี่ ได้โอกาสเล่นชุดใหญ่ตั้งแต่อายุ 17 ปี และก้าวขึ้นมาเป็นขาประจำในทีมชุดใหญ่ตอนอายุ 18 ปี พร้อมด้วยการเล่นในระดับที่มีคุณภาพ ไม่ล่ก ไม่ลน แถมยังโดดเด่นเกินอายุ ... ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากการวางแผนพร้อมกันทั้งครอบครัว เรื่องนอกสนามที่น่าปวดหัวถูกสกรีนออกไปจนหมด จากคนที่หวังดีต่อตัวเขามากที่สุด และนี่คือสารตั้งต้นที่ทำให้ไอ้หนูคนนี้ต่อยอดไปได้ง่าย และใช้เวลาเร็วกว่าเด็ก ๆ อีกหลายคน

 

เติบโตอย่างมีคุณภาพ

แม้พ่อแม่จัดทุกอย่างไว้ด้วยการปูทางให้เขาได้เดินสบายที่สุด แต่ความสุดยอดของ ไมล์ส คือเขาไม่อยากจะทำอะไรอย่างเดียวโดยไม่เหลือพื้นที่ให้กับสิ่งอื่น ๆ รอบตัวที่สำคัญ อาทิ การศึกษา หรือการเข้าสังคมนอกสนาม 

ไมล์ส ให้ความสำคัญเรื่องการศึกษาของตัวเอง เพราะในขณะที่อาชีพของเขาเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ เข่ก็ยังเรียนวิชาภาษาสเปนและวิชาบริหารธุรกิจในระดับ "A เลเวล" เพราะเชื่อเรื่องความสมดุลในชีวิต และไม่มีคำว่ามากเกินไปในการรับสิ่งดี ๆ ให้ตัวเอง เพียงแต่ว่าต้องโฟกัสและแบ่งเวลาให้ถูกเท่านั้น 

ทั้ง ๆ ที่เรียนหนักในระดับหนอนหนังสือ ตัดภาพเข้ามาดูเรื่องราวในสนามของเขา ไมล์ส นั้นเป็นนักเตะที่ได้รับคำชมจากแจ็ค วิลเชียร์ อดีตนักเตะและโค้ชทีมเยาวชนของ อาร์เซน่อล เสมอในแง่ของการเป็นนักเตะที่มีความเข้าใจเกม อีกทั้งยังมีคาแร็คเตอร์ที่ดีมาก มั่นใจในตัวเองสูง และไม่กลัวใคร เพราะเจ้าตัวมีความเชื่อว่าหากพยายามเต็มที่ ไม่ว่าจะโดนใครขวางทางเอาไว้ เขาก็ยังมีทางที่จะเอาชนะ 

ไมล์ส ยังจำทุกช่วงเวลาในตอนที่เล่นทีมเยาวชนได้ดี เขาเล่าผ่านสื่อของสโมสรว่าตนเองนั้นเริ่มเล่นจากตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็กก่อน และเป็นกองหลังในแบบที่ชอบเลี้ยงบอลขึ้นหน้าเอง รวมถึงชอบวางบอลในการขึ้นเกมเป็นด่านแรกของทีมด้วย ซึ่งคุณสมบัตินี้ได้นำเขาไปไกลอีกนิดด้วยการโดนขยับขึ้นมาเล่นเป็นกองกลางตัวห้องเครื่อง ซึ่งถือว่าเป็นตำแหน่งประจำของเขาในช่วงเล่นรุ่นเยาวชน 

"ผมยังให้คำตอบไม่ได้ว่าผมจะเล่นได้ดีที่สุดในตำแหน่งไหน แต่ถ้าวัดจาก ณ ปัจจุบัน ผมขอแค่ได้เล่นตำแหน่งที่ช่วยทีมได้ ไม่ว่าจะบทบาทไหนถ้าโค้ชเห็นว่าดี ผมก็คิดว่านั่นมันเป็นตำแหน่งที่ดีสำหรับผม"

"ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองไปไกลทะลุฟ้าอะไร ตัวของผมยังต้องสร้างตัวเองให้มั่นคงแน่นอนกว่านี้ในแง่ของคุณภาพการเล่น แต่สำหรับตำแหน่งแบ็กซ้ายที่ได้รับมอบหมายเป็นอะไรที่สนุกและท้าทาย เพราะคุณจะได้ดวล 1-1 กับปีกหลาย ๆ คน คุณจะได้ฝึกการอ่านเกมและวิเคราะห์ว่าแต่ละคนแตกต่างกันตรงไหน มีอะไรเป็นจุดอ่อนจุดแข็ง"

"คุณต้องเล่นและวิเคราะห์คู่แข่งไว้ตลอด และในขณะเดียวกันคุณต้องมีสมาธิกับวิธีการเล่นของทีมตัวเองด้วย โชคดีที่ผมเป็นกองกลางมาก่อน หลายอย่างที่เรียนรู้จากตำแหน่งนั้น ช่วยให้ผมรับมือกับการเล่นในตอนนี้ได้ดีมาก" 

ไมล์ส อายุเพียง 17 ปีเมื่อเขาได้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรก โดยลงเล่นในช่วงท้ายเกมที่ อาร์เซน่อล (เหลือผู้เล่น 10 คน) บุกเยือน แมนฯ ซิตี้ ซึ่งเขาเล่าว่าตัวของเขาไม่เคยรู้สึกว่าโอกาสที่เข้ามานั้นเร็วเกินไป เพราะตลอดเวลาเขาเตรียมพร้อมและเฝ้ารอช่วงเวลาแบบนี้มาตลอด และเมื่อโอกาสมาถึง ความกลัวและความตื่นเต้น มีน้อยกว่าความกล้าและความพร้อมสำหรับเขา 

"ในวันที่เกมแรกมาถึงผมแค่รู้สึกว่าผมพร้อมแล้ว เพราะผมรอช่วงเวลาแบบนี้มานานมาก ผมเตรียมตัวมาเป็นอย่างดีไม่ว่าจะจุดนี้หรือจุดที่ผมจะต้องไปต่อไป แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องระแวดระวังและเตือนตัวเองเสมอ (ถึงความกดดัน และความเข้มข้นในระดับสูงขึ้น) เพราะผมรู้ตัวว่าผมเป็นนักเตะที่ทีมเตรียมพื้นที่เอาไว้ให้อยู่แล้ว เหมือนกับการจองตั๋วไว้ก่อนรถจะออก" 

ในกลุ่มนักเตะรุ่นไล่ ๆ กัน ไมล์ส ก็เป็นเหมือนกับหัวโจกที่สามารถพูดคุยเล่น ปลุกเร้า และสนิทได้กับทุก ๆ คน จุดนี้คือความเด่นที่โค้ชหลายคนให้การชื่นชม เพื่อนนักเตะในชุดนี้อย่าง อีธาน วาเนรี่ ถือเป็น 1 ในเพื่อสนิทของเขาที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่วัยกระเตาะ 

ความสนิทสนมของทั้งคู่สำคัญต่อพัฒนาการของพวกเขามาก เพราะต่างคนต่างผลักดันกันและกัน พวกเขาพูดคุยกันในฐานะเพื่อนสนิท ไม่ใช่เพื่อนร่วมงาน พวกเขาสามารถติกันตรง ๆ ชี้ให้เห็นจุดอ่อนของแต่ละคนโดยไม่ต้องอ้อมค้อมเกรงใจ ซึ่งนั่นคือเรื่องที่ยอดเยี่ยมที่ 2 ดาวรุ่งจาก เฮลเอนด์ เติบโตมาอย่างมีคุณภาพและกำลังเป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดใหญ่ในเวลานี้ 

 

ห้าวเต็มพิกัด 

ถึงตอนนี้เราคงไม่ต้องไล่ระดับและผลงานของ ไมล์ส ในรุ่นเยาวชน เพราะตอนนี้เรื่องของปัจจุบันคือเรื่องของทีมชุดใหญ่แล้วสำหรับดาวรุ่งวัย 18 ปี อย่างเขา 

สิ่งหนึ่งที่มาถึงตรงนี้และทุกคนชมเขาเป็นเสียงเดียวกันคือ เขามีความเป็น "กูนเนอร์ส" แบบเต็มตัว เรียกได้ว่าซึมซับสิ่งต่าง ๆ มาตั้งแต่การเป็นเด็กในท้องถิ่น การเข้ามาอยู่ในทีมจูเนียร์ จนกระทั่งมาถึงการเล่นให้กับอคาเดมี่ เขาผ่านการนั่งดูนักเตะหลาย ๆ คนที่เป็นรุ่นพี่สร้างชื่อเสียง และหวังจะเจริญรอยตามให้ได้ โดยเฉพาะ บูกาโย ซาก้า ที่เป็นไอดอลของเขา 

หากจะว่ากันในเชิงกลยุทธ์หรือวิธีการเล่นในสนาม จากผลงานในซีซั่นนี้ คุณสามารถบอกได้ว่า ไมล์ส เป็นฟูลแบ็กสมัยใหม่ที่มีความสามารถมากกว่าแค่การวิ่งขึ้นสุดลงสุดด้วยความอึดเพียงอย่างเดียว เพราะอย่างที่บอกด้วยการเป็นกองกลางมาก่อน เขาประเมินสถานการณ์รอบตัวได้ดี มีวิสัยทัศน์ในการจ่ายบอลและการเอาตัวรอด ... ไม่ใช่แค่อึดเท่านั้น แต่ยังวิ่งขึ้นลงอย่างถูกจังหวะ เคลื่อนที่เป็นประโยชน์กับทีมอย่างแท้จริง 

และสิ่งที่ต้องบอกว่าเป็นความโดดเด่นที่หาได้ยากในเด็กอายุขนาดนี้ คือการเป็นคนที่สนุกกับการแข่งขัน ยิ่งเกมเร้าอารมณ์ยิ่งรู้สึกร่างกายตอบสนองได้ดีเป็นพิเศษ 

นักเตะที่เล่นในลักษณะนี้ ต้องยอมรับว่าเป็นนักเตะที่เล่นแล้วแฟนบอลดูสนุก ดูแล้วเชียร์ขึ้น เพราะมีอารมณ์ร่วม และพร้อมใช้เกมในสนามเป็นเครื่องมือตอกกลับคู่แข่ง มากกว่าการเล่นนอกเกมใส่ หรือเตะกันดื้อ ๆ ที่แม้จะทำให้แฟนบอลสะใจ แต่กลับเป็นโทษมหันต์สำหรับทั้งทีม 

ไมล์ส ผ่านเกมกับ อาร์เซน่อล ชุดใหญ่ในปีนี้มากถึง 21 เกมรวมทุกรายการ ได้ลงเล่นในเกมใหญ่ ๆ มาหมดแล้วทั้งการเจอกับ แมนฯ ซิตี้ ทั้งเหย้าและเยือน, เจอกับ ลิเวอร์พูล ในบ้าน (เสมอ 2-2) เกม นอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี้ กับ สเปอร์ส (อาร์เซน่อล ชนะ 2-1) และล่าสุดการถล่มถอนแค้นแบบทบต้นทบดอกใส่เรือใบสีฟ้า 5-1 ... ดูเหมือนเขาจะเป็น บิ๊กเกมเพลย์เยอร์ หรือนักเตะที่มักมีอะไรให้เป็นที่สนใจเสมอเมื่อเกมใหญ่มาถึง ซึ่งนั่นคือความห้าวที่ยากจะหาเด็กคนไหนเหมือน

โดย ไมล์ส พูดถึงบรรยากาศในการเล่นเกมที่มีความสำคัญทั้งกับทีมและแฟนบอลเช่นเกมกับ สเปอร์ส ว่า เป็นเกมที่เขาต้องใส่แพชชั่นลงไปเต็มเปี่ยม และเขาแทบไม่ต้องบิลด์อะไรเลย เพราะเขามีความรู้สึกแบบแฟนอาร์เซน่อลทุกคนอยู่แล้ว เขาอยากจะชนะเพื่อทีมและแฟนบอล และที่สำคัญคือเขาอยากจะทำให้อาชีพค้าแข้งของเขาประสบความสำเร็จและสวยงาม ให้สมกับที่พ่อและแม่ของเขาพยายามอย่างมากในการเสียสละตัวเองจนพาเขามาถึงจุดนี้ได้ 

"ผมแค่ต้องทำตัวให้มีความสุขกับโอกาสการลงสนามที่ได้รับ ซึมซับบรรยากาศจากแฟน ๆ และไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันน่าทึ่งมากที่ได้สัมผัสมันด้วยตัวเอง"

"(ในเกมกับสเปอร์ส) แม่และครอบครัวของผมมาดูเกมในสนาม เพื่อน ๆ ของผมด้วย รวมถึงคุณยายของผมได้ ผมเห็นพวกเขาและมันทำให้ผมฮึกเหิมมาก ผมบอกตัวเองวาผมจะไม่ทำอะไรที่ดูอ่อนแอต่อหน้าพวกเขา ผมจะเข้าปะทะอย่างไม่ลังเลเพื่อให้ทุกคนที่่อยู่ตรงนั้นภูมิใจในตัวของผม"

"ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ มันเติมเต็มความฝันของผมแล้ว ไม่ว่าจะดีหรือร้ายผมต้องการรับมันในทุกช่วงเวลา ผมพร้อมจะเจอทุก ๆ เรื่องที่รออยู่ข้างหน้า ผมไม่กลัวใคร และผมอยากจะเป็นที่หนึ่ง"

"เพื่อจะไปให้ถึงจุดนั้น ผมต้องชนะคนที่เก่งที่สุดให้ได้" ไมล์ส กล่าวทิ้งท้าย และเราเชื่อว่าเมื่อคุณอ่านบทความนี้จบ คุณจะรู้จักเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับแฟนไอ้ปืนใหญ่ ต่อให้คุณไม่เคยดูเขาเล่นในชุดเยาวชนมาก่อน แต่สิ่งที่เขาทำ ณ ตอนนี้ทำให้คุณพูดได้เต็มปากว่า "นี่เด็กทีมกู" แบบไม่เคอะเขินแน่นอน 

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.theguardian.com/football/2024/dec/11/local-boy-myles-lewis-skelly-gets-arsenal-buzzing-on-the-biggest-stage
https://www.arsenal.com/news/lewis-skelly-levels-and-revising-nwaneri
https://www.bbc.com/sport/football/articles/cwy78zw4g1zo
https://sports.yahoo.com/bukayo-saka-had-words-miles-224000321.html
https://www.nytimes.com/athletic/5649065/2024/07/22/myles-lewis-skelly-marcia-agent/
https://www.goal.com/en/lists/bukayo-saka-myles-lewis-skelly-interview-champions-league-arsenal-monaco-win/blt9425e1999b1501cc#cs6be3d5d01aef1c5c

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ