ถ้าให้นึกถึง มาร์ติน เบรธเวต อดีตศูนย์หน้าของ “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า หลายอาจจดจำเขาได้ในฐานะ นักเตะสาย “คอนเทนต์” ที่มักโชว์ความผิดพลาดออกมาให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง ถึงขั้นเคยถูกตั้งฉายาให้เป็น “มหาเทพแห่งบาร์ซ่า”
แต่เบื้องหลังชีวิตของเขานอกเหนือจากการเป็นนักฟุตบอล ดาวเตะทีมชาติเดนมาร์กผู้นี้ เป็นทั้งเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์, ร้านอาหาร, แบรนด์เสื้อผ้า และ บริษัทจัดทำระบบสมาร์ทโฮม
ซึ่งจากการประเมินครั้งล่าสุด มาร์ติน เบรธเวต มีมูลค่าทรัพย์สินส่วนตัวอยู่ที่ 300 ล้านยูโร โดยจำนวนดังกล่าวส่งผลให้เขาถูกยกให้เป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่ร่ำรวยมากที่สุดในโลก
ด้วยความร่ำรวยของเขานี้เอง เป็นที่มาให้เขาตัดสินใจที่จะเข้าซื้อหุ้นของสโมสร เอสปันญ่อล อดีตต้นสังกัดล่าสุดที่เพิ่งแยกทางกันในปี 2024 โดยสาเหตุหลักที่ทำให้เขาเลือกซื้อหุ้นของสโมสร เป็นเพราะว่าเขารู้สึกไม่พอใจในการบริหารของ เฉิน เยี่ยนเชิน นักธุรกิจชาวจีน และกลุ่มบริหาร ราสตาร์ กรุ๊ป ที่ถือหุ้นเป็นเจ้าของทีมอยู่ในขณะนี้
เรื่องราวทั้งหมดมีที่มาที่ไปอย่างไร ติดตามไปพร้อมกับ Main Stand
นักธุรกิจในคราบนักบอล
ย้อนกลับไปในปี 2017 สมัยที่ มาร์ติน เบรธเวต ค้าแข้งอยู่กับสโมสร มิดเดิลสโบรช์ ในลีกแชมเปี้ยนชิพ ประเทศอังกฤษ เขาได้ตัดสินใจลงทุนเงินราว 617,000 ปอนด์ ร่วมกันกับน้องชาย ฟิลิป ไมเคิล เพื่อเปิดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในนามบริษัท “NYCE Companies” ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
การเปิดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของเขาและน้องชาย ดูจะเป็นอะไรที่คิดถูกมากพอสมควร เพราะว่า NYCE Companies มีการเติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างเห็นได้ชัด เมื่อมูลค่าของบริษัทเพิ่มขึ้นสูงถึง 7.2 ล้านปอนด์ หลังจากเปิดได้เพียง 1 ปีเท่านั้น
ปัจจุบัน NYCE Companies กลายเป็นหนึ่งในบริษัทธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังของประเทศสหรัฐอเมริกา ถูกประเมินมูลค่าไว้อยู่ที่ 180 ล้านปอนด์ โดยปัจจัยหลักที่ทำให้บริษัทของเขาและน้องชายเติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก เกิดจากวิสัยทัศน์ที่ไปในทิศทางเดียวกันของทั้งคู่ ที่ไม่ใช่เพียงต้องการสร้างบ้านแล้วขายออกไป แต่บ้านทุกหลัง ที่เขาได้สร้างนั้นต้องมีราคาที่ “ไม่แพง” แถมอยู่ในเกณฑ์ที่บุคคลทั่วไปสามารถ “จับต้องได้”
นอกเหนือจากการขายบ้านที่ทำกำไรได้อย่างมากแล้ว บริษัทยังมีการปล่อยให้เช่า อพาร์ทเมนต์อีกจำนวน 2,000 ห้องในรัฐฟิลาเดลเฟีย ที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับ 6 และรัฐนิวเจอร์ซีย์ ที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของประเทศสหรัฐอเมริกา
ไม่ใช่แค่ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น แต่ มาร์ติน เบรธเวต ยังได้เปิดธุรกิจ แบรนด์เสื้อผ้าร่วมกับภรรยาของเขา แอน-ลอร์ เบรธเวต ในนามบริษัท “Trente” ก่อตั้งขึ้นที่ประเทศ ฝรั่งเศส ในปี 2019 โดยเขาและภรรยายังได้ร่วมเปิดร้านอาหารด้วยกันในปี 2021 ที่หาดกาบา เมืองบาร์เซโลน่า ใช้ชื่อว่า “Gave” ซึ่งเป็นร้านอาหารเพื่อสุขภาพ เน้นขายอาหารจำพวกวีแกน และ มังสวิรัติ
ธุรกิจของ มาร์ติน เบรธเวต ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เขายังได้เปิดบริษัทจัดทำระบบ สมาร์ทโฮม ขึ้นมาภายใต้ชื่อว่า “The Temple” เทคโนโลยีสมาร์ทโฮมบ้านอัจฉริยะ โดยเหตุผลหลักที่ทำให้เขาตัดสินใจเปิดธุรกิจดังกล่าว เป็นเพราะว่าเขาต้องการ ลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจที่เพิ่มมากขึ้นระหว่างคนผิวขาวและคนผิวดำ ในสหรัฐอเมริกา
“ผมเปิดธุรกิจแห่งนี้ เป็นเพราะว่าผมต้องการเปิดพื้นที่อุตสาหกรรมเทคโนโลยี รวมถึงการเป็นผู้ประกอบการที่มีประสิทธิภาพให้กับคนผิวดำได้ขึ้นมามีส่วนในการผลักดันประเทศ ผมไม่ต้องการให้คนผิวดำถูกนำไปเปรียบเทียบกับคนผิวขาวด้านเชิงลบ” มาร์ติน เบรธเวต กล่าวคำพูดหลังเปิดบริษัท The Temple เพื่อต่อต้านในการเหยียดสีผิว ในประเทศสหรัฐอเมริกา
บาร์เซโลน่า ทำให้คนรู้จักผม
แม้ว่าในวงการธุรกิจ มาร์ติน เบรธเวต จะมีชื่อเสียงอยู่ประมาณหนึ่ง แต่กลับในวงการฟุตบอลชื่อของเจ้าตัวเพิ่งจะเป็นที่ให้ผู้คนทั่วโลกได้รู้จัก ในช่วงเข้าสู่บั้นปลายอาชีพการค้าแข้งในวัย 30 ปี
เนื่องจาก เบรธเวต มีโอกาสได้ย้ายมาค้าแข้งให้กับ บาร์เซโลน่า ในช่วงกลางฤดูกาล 2019-20 แถมการเข้ามาของ มาร์ติน เบรธเวต กลายเป็นเครื่องหมายคำถามมากพอสมควรว่านักเตะคนนี้เป็นใครมาจากไหน เพราะหากดูจากประวัติการเล่นในอดีต ของเขาส่วนใหญ่ล้วนเล่นให้กับสโมสรเล็กมาโดยตลอดอาชีพ ไม่ว่าจะเป็น ตูลูส, มิดเดิลสโบรช์ รวมถึง เลกาเนส จะมีที่เป็นทีมใหญ่ในลีกสูงสุดหน่อยก็ บอร์กโดซ์ เท่านั้น
อย่างที่แฟนบอลพอจะทราบกันดีว่าตลอดการค้าแข้ง 3 ฤดูกาลที่บาร์ซ่า ส่วนใหญ่แล้ว เขามักถูกจดจำอยู่ในฐานะแข้งจอมคอนเทนต์ของทีม ที่ลงสนามเมื่อไหร่ต้องมีเรื่องผิดพลาดออกมาให้เห็นและถูกตำหนิอยู่โดยตลอด
ร้ายแรงถึงขั้นมีอยู่ครั้งหนึ่งในฤดูกาล 2021-22 ซีซั่นสุดท้ายระหว่างเขากับบาร์เซโลน่า มาร์ติน เบรธเวต ถูกกองเชียร์ “เจ้าบุญทุ่ม” ส่งเสียงโห่ไล่ในช่วงพิธีการแนะนำตัวนักเตะ ก่อนเริ่มเกม การแข่งขันนัดอุ่นเครื่องกับ พูมาส ยูนัม ทีมจากลีกประเทศเม็กซิโก
นอกเหนือจากเสียงโห่แล้ว ยังมีรายงานเพิ่มเติมอีกว่ากองเชียร์บางคนทำมือเป็น สัญลักษณ์เชิงขับไล่ใส่ดาวเตะทีมชาติเดนมาร์กรายนี้
สาเหตุสำคัญที่เป็นเหตุให้เขาถูกขับไล่จากแฟนบอล บาร์เซโลน่า เป็นเพราะว่า เหล่าสาวกเจ้าบุญทุ่ม ต่างไม่พอใจที่ทาง มาร์ติน เบรธเวต เลือกไม่ยอมย้ายออกไปจากทีม ทั้งที่แทบไม่ได้มีส่วนร่วมในการลงสนามให้กับทีมเลยในตลอดฤดูกาล 2021-22
โดยแฟนบอล บาร์เซโลน่า ต่างมองว่าถ้าหาก มาร์ติน เบรธเวต ตัดสินใจย้ายออกจากทีม ในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะหรือยกเลิกสัญญากับทีม สโมสรจะมีงบประมาณ จากการที่ไม่ต้องจ่ายค่าเหนื่อยให้กับเขาที่รับอยู่ประมาณ 85,000 ยูโรต่อสัปดาห์ และนำเงินในจำนวนดังกล่าวมาเสริมทัพผู้เล่นใหม่
แม้จะได้รับเสียงโห่และถูกขับไล่จากกลุ่มแฟนบอล แต่ทางด้าน มาร์ติน เบรธเวต กลับไม่เคยออกมาโต้เถียงเลยแม้แต่ครั้งเดียว สิ่งที่เขาทำนั่นคือการฝึกซ้อมและลงไปเล่นในสนามอย่างเต็มที่ทุกครั้ง
ท้ายที่สุดหลังจบฤดูกาล 2021-22 ถึงเวลาที่ มาร์ติน เบรธเวต และสโมสร บาร์เซโลน่า ต้องแยกทางต่อกันจนได้ เนื่องจากสโมสรตัดสินใจไม่ใช่ออปชั่นในการต่อสัญญา กับ เบรธเวต และปล่อยตัวเขาออกจากทีมในฐานะผู้เล่นฟรีเอเย่นต์
“การได้ย้ายมาเล่นที่ บาร์เซโลน่า สานฝันการเป็นนักฟุตบอลของผมเป็นอย่างมาก ผมได้เล่นลงเล่นและฝึกซ้อม ร่วมกับนักเตะชื่อดังและสโมสร ที่ยิ่งใหญ่มากที่สุด ของวงการฟุตบอล ผมขอขอบคุณสโมสรที่ให้โอกาส ถ้าไม่มี บาร์เซโลน่า อาจจะไม่มีใคร รู้จักผมเลยด้วยซ้ำ” มาร์ติน เบรธเวต โพสต์ข้อความอำลาต้นสังกัดในช่องทางโซเชี่ยล ของตนเอง หลังหมดสัญญาในถิ่นคัมป์นู
งั้นผมจะเป็นเจ้าของทีมแทน
มาร์ติน เบรธเวต ตัดสินใจเลือกย้ายไปอยู่กับสโมสร เอสปันญ่อล ทีมบ้านใกล้เรือนเคียง กับ บาร์เซโลน่า เพราะทั้งสโมสรตั้งอยู่ในแคว้นเดียวกันนั่นคือ แคว้นกาตาลุนย่า
โดยปัจจัยหลักที่ทาง มาร์ติน เบรธเวต เลือกตัดสินใจย้ายมาเล่นให้กับ เอสปันญ่อล ทั้งที่มีหลายสโมสรจากต่างแดนยื่นข้อเสนออยากได้ตัวเขาไปร่วมทีม เป็นเพราะว่า เบรธเวต ต้องการที่จะอยู่ในถิ่นฐานเดิมในแคว้นกาตาลุญญ่า เพื่อที่จะดูแลธุรกิจ ร้านอาหาร “GAVE” ของเขาได้อย่างใกล้ชิด
แต่การเลือกย้ายมาอยู่กับทีมฉายา “นกแก้ว” ราวกับเป็นดาบสองคมที่มีทั้งเรื่องดีและเรื่องไม่ดีต่อตัว มาร์ติน เบรธเวต เพราะการได้มาอยู่ที่นี่ เปรียบเสมือนการชุบชีวิตของเขาให้กลับมาเกิดใหม่ได้อีกครั้ง เมื่อเบรธเวต ทำประตูไปได้มากถึง 10 ประตู และแอสซิสต์ให้กับเพื่อนร่วมทีมไปอีก 2 ครั้ง จากการลงสนามไปทั้งหมด 30 นัด จบฤดูกาลด้วยการเป็นดาวซัลโวประจำทีม เอสปันญ่อล ในฤดูกาล 2022-23
อย่างไรเสีย ในท้ายที่สุดแม้ว่าฟอร์มส่วนตัวของ มาร์ติน เบรธเวต จะกลับมาขึ้นหิ้งอีกครั้ง แต่ก็ยัง ไม่เพียงพอต่อการที่จะทำให้ต้นสังกัดของเขารอดพ้นจากการตกชั้นไปได้ เอสปันญ่อล เก็บแต้มไปได้ทั้งหมด 37 คะแนนเท่านั้น จบฤดูกาลด้วยอันดับ 19 ของตาราง ตกชั้นลงไปเล่นในลีกเซกุนด้าในท้ายที่สุด
ซึ่งการตกชั้นในครั้งนี้กลายเป็นชนวนต้นเหตุที่ทำให้ มาร์ติน เบรธเวต และเจ้าของสโมสร เฉิน เยี่ยนเชิน รวมไปถึงกลุ่มบริหาร ราสตาร์ กรุ๊ป เกิดความขัดแย้งต่อกัน เนื่องจาก เบรธเวต เกิดอาการไม่พอใจอย่างมาก หลังจากเคยมีข้อตกลงสัญญาส่วนตัวกับทางสโมสรและบอร์ดบริหาร เชิงประมาณว่าหากสโมสร เอสปันญ่อล ตกชั้น เขาและสโมสรสามารถยกเลิกสัญญากันได้ในทันที เพราะเจ้าตัวมีความต้องการที่อยากจะลงเล่นในลีกสูงสุดมากกว่าในลีกรอง
แต่สุดท้ายแล้วทางสโมสรกลับเลือกไม่อนุมัติออปชั่นสัญญาดังกล่าวในวันที่ เอสปันญ่อล ตกชั้น ซึ่งเจ้าตัวมองว่าการที่เขาต้องลงไปเล่นในศึก เซกุนด้า ดิวิชั่น ในฤดูกาล 2023-24 กลายเป็นที่มาสำคัญที่ทำให้ มาร์ติน เบรธเวต ไม่มีชื่อติดทีมชาติเดนมาร์กไปลุยศึกยูโร 2024
อย่างไรก็ดี ก็ต้องชื่นชมในสปิริตความยอดเยี่ยมของ มาร์ติน เบรธเวต ด้วย ที่ต่อให้เขามีปัญหากับเจ้าของสโมสร แต่เขาก็ยังลงไปทำหน้าที่เต็มร้อยให้กับต้นสังกัด ระเบิดฟอร์มถล่มประตูไปมากถึง 22 ประตู จากการลงสนามไปทั้งหมด 45 นัด คว้ารางวัลดาวซัลโวประจำฤดูกาลไปครอง พร้อมกับการพาไอ้นกแก้วกลับขึ้นสู่ลีกสูงสุดได้อีกครั้ง หลังจากเอาชนะ เรอัล โอเบียโด้ ในรอบเพลย์ออฟนัดชิงชนะเลิศ ด้วยสกอร์รวม 2-1
แต่ถึงแม้ว่า มาร์ติน เบรธเวต จะเป็นกุญแจสำคัญ “แบก” ต้นสังกัดขึ้นสู่ลีกสูงสุดได้ ในท้ายที่สุด แต่เขากลับตัดสินใจเลือกจ่ายค่าชดเชย ขอใช้เงื่อนไขยกเลิกสัญญากับ สโมสร
“ในปีที่แล้วสโมสรยืนสัญญาใหม่ให้กับผม แต่พวกเขากลับยื่นสัญญาที่ดูไม่ให้เกียรติผมเลยสักนิด แต่ผมก็พร้อมที่จะลงเล่นให้กับสโมสรต่อในฤดูกาลนี้ แต่เขาก็กลับยังมอบสัญญาใหม่ให้กับผมที่จำนวนเท่าเดิม ผมคิดว่ามันเป็นความไม่ให้เคารพต่อตัวผม” มาร์ติน เบรธเวต ให้สัมภาษณ์วิจารณ์ไปถึงบอร์ดบริหารของทีม ที่ดูเหมือนกับว่าไม่ให้เกียรติเขาเกี่ยวกับสัญญาฉบับใหม่ที่ยื่นมา
ซึ่งในท้ายที่สุด มาร์ติน เบรธเวต ตัดสินใจเลือกย้ายไปเปิดประสบการณ์ใหม่ในแถบอเมริกาใต้ กับสโมสร เกรมิโอ สโมสรชื่อดังในประเทศบราซิล
โดยล่าสุดจากการรายงานของ มาร์ก้า สื่อกีฬาชื่อดังในประเทศสเปน ที่ออกมาเผยว่า มาร์ติน เบรธเวต กำลังพิจารณาการเอาคืนสโมสร เอสปันญ่อล ด้วยการเทคโอเวอร์ ซื้อหุ้นส่วนใหญ่ของสโมสร เพื่อที่จะเข้ามาบริหารทีมเอง และกำจัดบอร์ดบริหาร ชุดเก่าออกทั้งหมด
ซึ่งถ้าหาก มาร์ติน เบรธเวต ตัดสินใจเทคโอเวอร์สโมสรตามที่เป็นข่าวจริง ย่อมไม่ใช่เรื่องยากสำหรับตัวของเขาเลยสักนิด
เพราะหากดูมูลค่าทรัพย์สินของเขาทั้งหมดในปัจจุบันถูกประเมินไว้อยู่ที่ 300 ล้านยูโร และยังถูกยกให้เป็นนักฟุตบอลที่ร่ำรวยมากที่สุดติด 1 ใน 10 จากการประเมินของ นิตยสาร Forbes อีกด้วย
สุดท้ายแล้วต้องมารอติดตามไปพร้อมกันว่า ข่าวการเทคโอเวอร์สโมสร เอสปันญ่อล ของนักธุรกิจที่อยู่ในคราบนักฟุตบอลอย่าง มาร์ติน เบรธเวต จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ซึ่งหากเป็นเรื่องจริง ย่อมเป็นการเอาคืนที่น่าสนใจ และเจ็บแสบมากทีเดียวสำหรับเรื่องราวทั้งหมดนี้
แหล่งอ้างอิง
https://www.dailymail.co.uk/sport/football/article-9771935/Martin-Braithwaite-Barcelonas-RICHEST-player-property-business-worth-181M.html
https://www.cnbc.com/2020/07/02/fc-barcelona-martin-braithwaite-create-black-millionaires.html
https://www.goal.com/en/lists/martin-braithwaite-richest-footballers-buying-former-club-espanyol-weeks-after-leaving/blt6b4414fba2c1025a#csb28c66362b15fca6