Feature

กว่าจะเป็น ทอม เดลี่ย์ : ตัวแทนนักกีฬา LGBTQ+ ที่ใช้ทั้งฝีมือและไลฟ์สไตล์จน "ได้ซีนสุดคิวท์" | Main Stand

ทอม เดลี่ย์ คือหนึ่งในนักกีฬาที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคนหนึ่งใน โอลิมปิก ปารีส 2024 ครั้งนี้

 

นักกีฬากระโดดน้ำจากสหราชอาณาจักร คว้าเหรียญรางวัลให้ตัวเองเพิ่มได้อีกเหรียญที่ปารีส จนตอนนี้เขาสะสมเหรียญรางวัลในโอลิมปิกรวมแล้ว 5 เหรียญ จาก 4 สมัย รวมถึงได้ครบทั้งเหรียญทอง, เงิน และทองแดงแล้ว

ในเรื่องความเก่งกาจก็ส่วนหนึ่ง แต่ส่วนสำคัญคือ เดลี่ย์ คือหนึ่งตัวแทนนักกีฬา LGBTQ+ ที่แฟนกีฬารักมากที่สุดคนหนึ่ง เนื่องจากสิ่งต่าง ๆ ที่เขาแสดงและถ่ายทอดออดมา ทั้งจากการแข่งขันอันเข้มข้น หรือไลฟ์สไตล์ที่ "ป๊อป" สุด ๆ  

อะไรบ้างที่ทำให้เขาเป็นหนึ่งในตัวแทนของชาว LGBTQ+ ที่ภาพชัด น่ารัก จนแฟนกีฬาหลงรักมากที่สุด ?  ติดตามที่ Main Stand 

 

ในแง่ของความเป็นนักกีฬา

การเป็นคนดีและมีมุมที่น่ารักซ่อนอยู่เพียงอย่างเดียวไม่ได้ทำให้คุณโด่งดังในวงการกีฬาได้แน่ ๆ เพราะในวงการนี้ผลลัพธ์คือทุกสิ่ง การแข่งขันที่เข้มขัน นั้นมองหาแต่นักกีฬาที่เก่งกาจยอดเยี่ยมเท่านั้น ยิ่งถ้าคุณชนะสปอตไลท์จะส่องมาที่คุณแบบอัตโนมัติ

ตัวของ ทอม เดลี่ย์ มาถึงจุดที่เขาเป็นเจ้าของเหรียญรางวัลกีฬากระโดดน้ำ 4 สมัยติดกันตั้งแต่ ลอนดอน 2012, ริโอ 2016, โตเกียว 2020 และ ปารีส 2024 ได้ก็ด้วยบรรทัดฐานของความเป็นมืออาชีพ ที่เขาจริงจังกับกีฬากระโดดน้ำมาตั้งแต่ 7 ขวบแล้ว 

ทอม เดลี่ย์ ให้เหตุผลที่เขาชอบกีฬาชนิดนี้ว่า มันมีส่วนผสมของ ความแม่นยำ, สมาธิ รวมถึงความแข็งแกร่งทางร่างกาย หนำซ้ำยังมีการใช้การตัดสินใจเฉพาะหน้าบวกกับท่วงท่าที่สวยงาม เขาฝึกหนักมาก ลงสระน้ำสัปดาห์ละ 7 วัน แถมยังออกกำลังกายและกินอาหารแบบนักกีฬาตั้งแต่ตั้งใจว่าจะเอาดีทางการเป็นนักกีฬาชนิดนี้ จนกระทั่ง 10 ขวบ ทอม เดลี่ย์ ก็คลายเป็นเด็กอัจฉริยะเรื่องการกระโดดน้ำของสหราชอาณาจักรไปแล้ว 

เรื่องนี้ยืนยันได้จาก ลีออน เทย์เลอร์ นักกระโดดน้ำเจ้าของเหรียญเงินโอลิมปิกปี 2004 ที่ได้มาเห็นการกระโดดของ ทอม ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ซึ่งแรกเห็นเขาก็รู้แล้วว่าเด็กคนนี้ฝึกหนัก มีวินัยทั้งในและนอกสนาม จนเขาเผลอคิดว่า ทอม ที่ได้รับฉายาว่า "ลีออน เทย์เลอร์ คนต่อไป" จะก้าวข้ามเขาไปในอนาคต ซึ่งภายหลังทุกคนรู้ดีว่ามันเป็นแบบนั้นจริง ๆ 

"ตอนที่ผมไปสโมสรกระโดดน้ำของเมืองพลีมัธ ผมก็เจอทอมเป็นครั้งแรก ตอนนั้นเขาอายุราว 10 ขวบ และเพิ่งเริ่มหัดกระโดดน้ำได้ประมาณ 2 ปีเองมั้ง แต่คนที่นั่นกลับบอกว่า เด็กคนนี้นี่แหละที่จะเป็นผมคนถัดไป"

"วันนั้นผมได้มีโอกาสคุยกับเขาด้วย ซึ่งหลังเริ่มไปเพียง 2 นาที เขาก็เริ่มตั้งคำถามในแบบที่เด็กคนอื่น ๆ ไม่ค่อยถามกันจนผมรู้สึกว่า 'นี่เด็ก 10 ขวบจริงเหรอ ?' และพอได้เห็นเขากระโดดน้ำเท่านั้น กรามผมก็แทบค้าง เพราะเขามีศักยภาพเหนือกว่าใคร ๆ ที่ผมเคยพบมาตลอดการเล่นกีฬานี้เลยล่ะ"

ทอม ฝึกกับ เทย์เลอร์ จนกระทั่งเก่งกาจขึ้นเรื่อย ๆ ก้าวขึ้นมาเป็นตัวแทนทีมชาติในระดับเยาวชน และไต่ระดับขึ้นมาจนกระทั่งเป็นหนึ่งในนักกระโดดน้ำที่เก่งที่สุดในโลก ตัวของเขาเผยว่ามาถึงจุดนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เขาต้องเสียสละตัวเองเป็นอย่างมาก การเป็นนักกีฬาระดับโอลิมปิก คือการทุ่มเทอีกขั้น ผลักดันตัวให้หนักขึ้น และอยู่ภายใต้สติตัวเลขและความกดดันเป็นเวลาสิบ ๆ ปี 

จริงอยู่ที่การเล่นกีฬานั้นเรื่องร่างกายสำคัญมาก แต่ถ้าจิตใจไม่แข็งแกร่ง ไม่สามารถยึดมั่นในความฝันและแน่วแน่กับสิ่งที่ทำได้ ต่อให้เก่งแค่ไหนก็ยากจะไปถึง เรื่องราวของความเป็นนักกีฬา "ของแท้" ของ ทอม เดลีย์ คือสิ่งที่โลกซูฮกเขาในฐานะนักกีฬากระโดดน้ำที่ดีที่สุดแห่งยุค

แค่เก่งกาจก็ดังแล้ว หลักการสร้างชื่อเสียงของนักกีฬามีหลัก ๆ ไม่พ้นจากนี้ ทว่า ทอม เดลี่ย์ แต่งแต้มอาชีพของเขาให้ไปไกลอีกขั้น ด้วยเรื่องราวของการนำเสนอ "ความเป็นคน" แบบที่ใคร ๆ ก็ยอมรับและอยากเอาความมั่นใจของเขาเป็นแบบอย่างกันเลยทีเดียว 

 

ชีวิตเรา...เราเลือกเอง

โลกของเรา ณ เวลานี้คือยุคแห่งความหลากหลาย และคุณสามารถจะเป็นอะไรก็ได้ในแบบที่คุณเลือกตราบใดที่มันไม่ได้ไปขัดขวางหรือทำลายใคร 

ตัวของ ทอม เดลี่ย์ นั้นรู้ตัวเองว่าเขามีความเป็น LGBTQ+ มาตั้งแต่เด็กแล้ว แต่ย้อนกลับไปช่วงยุคก่อนปี 2010 เรื่องของการเปิดเผยตัวตน แสดงออกอย่างตรงไปตรงมานั้นถือเป็นเรื่องที่ไม่ได้เปิดกว้างแบบทุกวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักกีฬาด้วยแล้ว การเปิดตัวว่าเป็น LGBTQ+ ทำลายชีวิตของนักกีฬาในยุคนั้นมาก็ไม่น้อย

สิ่งที่โลกต้องยกย่อง ทอม เดลี่ย์ คือ ความเด็ดเดี่ยวของเขานี่แหละ เรื่องราวในชีวิตของเขาหลาย ๆ อย่างหลอมรวมทำให้เขาเป็นคนที่เข้มแข็งมาก และกล้าพูด กล้าแสดงออกในสิ่งที่ตัวเองเป็น 

เขาเป็นเด็กหนุ่มชาวอังกฤษที่ไม่เล่นฟุตบอล แต่เลือกการกระโดดน้ำ แถมยังเสียคุณพ่อไปตั้งแต่อายุ 17 ปี และเขาก็ก้าวขึ้นมาป็นเสาหลักของครอบครัวตั้งแต่อายุยังน้อย การที่ต้องทำเพื่อคนที่ตัวเองรักอย่างสุดความสามารถ มันทำให้เขาไม่มีเวลาไปใส่ใจกับความคิดหรือคำพูดของคนอื่นมากนัก และนั่นถือเป็นเรื่องดี ทอม เดลี่ย์ ยิ้มรับเสมอในทุก ๆ เรื่องที่เจอ และกล้าหาญพอที่จะประกาศตัวเองว่าเป็น LGBTQ+ ในวัยเพียง 19 ปี 

เขาประกาศเรื่องนี้ผ่าช่องยูทูบของตัวเอง มีการเล่าเรื่องราวต่าง ๆ มากมายเกิดขึ้น และพูดด้วยตัวเองว่า การเป็นสิ่งที่ตัวเองเป็นต่อให้ใครไม่ยอมรับนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ ตราบใดที่คุณรู้จักตัวเองดีแล้ว คุณจะได้พบความสุขที่แท้จริงของชีวิต ... ชีวิตที่ไปต้องแบกขี้ปากและคำวิจารณ์ของคนอื่น แต่ก็ต้องไม่ลืมที่จะต้องต่อสู้เพื่อสิ่งที่ถูกต้องและรักษาสิทธิ์ของตัวเอง

เหตุการณ์ที่ทำให้ เดลี่ย์ กลายเป็นนักกีฬาขวัญใจชาว LGBTQ+ คือ การที่เจ้าตัวออกมาเรียกร้องสิทธิของคนกลุ่มนี้อยู่เสมอจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเรียกร้องให้กลุ่มประเทศในเครือจักรภพอังกฤษทบทวนกฎหมายต่อต้านเกย์เสียใหม่จนประสบความสำเร็จ ซึ่งการต่อสู้และเป็นแกนนำชาว LGBTQ+ ครั้งนั้น สร้างแรงกระเพื่อมให้กับสังคมอังกฤษ และสหราชอาณาจักรเป็นอย่างมาก ชนิดที่ว่านายกรัฐมนตรี ณ เวลานั้นอย่าง เทเรซ่า เมย์ ต้องออกมาขอโทษที่กฎหมายนี้ได้สร้างปัญหากับกลุ่มคนรักคนเพศเดียวกันในอดีตเลยทีเดียว

"เราถูกบอกอยู่เสมอว่าให้เป็นตัวของตัวเอง แต่สิ่งนั้นหมายความว่าอย่างไรกันแน่ ? ...เพราะมันไม่มีคำว่า 'ยุติธรรม' ในคำพูดเหล่านี้เลย" 

"การเป็นชาว LGBTQ+ มันเป็นความยากมาเสมอ  ฉันคิดว่าเราถูกบอกอยู่เสมอว่าต้องเป็นอย่างไร ควรประพฤติอย่างไร ควรมองโลกอย่างไร ควรเชื่ออะไร และไม่มีส่วนใดในชีวิตเราที่ไม่ถูกตรวจสอบในลักษณะนี้"

"เราทุกคนรู้สึกกดดันที่จะต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ บางครั้งการเป็นตัวของตัวเองอาจเป็นเรื่องท้าทายได้จริง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อขัดกับสิ่งที่คนส่วนใหญ่เป็น"

"นั่นคือเหตุผลที่ผมมักจะแสดงออกถึงความเป็นตัวเองมาเสมอ แม้มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ปิดบังความรู้สึกที่แท้จริงและสิ่งที่สำคัญสำหรับฉัน การปิดบังทำให้รู้สึกอึดอัดมาก ราวกับว่ามีโซ่ตรวนพันรอบตัว เมื่อมองย้อนกลับไป ผมหวังว่าผมจะเป็นตัวของตัวเองได้โดยไม่ต้องมีเงื่อนไขตั้งแต่แรก และตัดสินใจเลือกชีวิตตัวเองโดยปราศจากความกลัว"

คำพูดของ ทอม เดลีย์ ประโยคนี้ถูกยกให้เป็นหนึ่งในโควทที่สร้างอิทธิพลต่อชาว LGBTQ+ ในสหราชอาณาจักรเป็นอย่างมาก

ประโยคดังกล่าวเป็นเหมือนการเปิดโลก และส่งพลังต่อให้ทุก ๆ คนที่กำลังกลัวที่จะใช้ชีวิตในแบบของตัวเองให้ลุกขึ้นมาอย่างกล้าหาญ ไม่ว่าใครจะมองแบบไหน จงอย่าลืมที่จะมีความสุขกับชีวิต ซึ่งแน่นอนว่าหมุนเวลากัลบมา ณ ปัจจุบันโลกใบนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว ความหลากหลายทางเพศกลายเป็นหนึ่งในเรื่องปกติมากขึ้น คุณอยากจะทำอะไร เดินควงใคร แสดงความรู้สึกแบบไหน คุณสามารถทำออกมาได้เลยไม่ต้องเคอะเขิน 

ในประเทศที่มีความอนุรักษ์นิยมอย่าง อังกฤษ หลายคนคิดว่าเรื่องแบบนี้จะได้รับการยอมรับในวงกว้างยาก แต่สุดท้ายพลังและความเชื่อมั่น ก็ได้เปลี่ยนแปลงมันได้อย่างรวดเร็ว ... และ ทอม เดลี่ย์ ไม่หยุดแค่นั้น 

 

ซีนสุดคิวท์...ที่ซ่อนสัจธรรม

การแสดงอออกของ ทอม เดลี่ย์ เป็นเรื่องที่แฟน ๆ กีฬาชาวอังกฤษสว่นใหญ่ชื่นชอบและติดตามเสมอ เขาลงแข่งโอลิมปิกครั้งแรกที่ลอนดอน เมื่อปี 2012 และเริ่มโด่งดังขึ้นมาเรื่อย ๆ จากการเป็นหนึ่งในอินฟลูเอนเซอร์ของวงการ LGBTQ+ เรียกง่าย ๆ ว่าเขามีคอนเทนท์ที่สนุก ๆ น่ารัก ๆ มาฝากผู้ติดตามของเขาเสมอ

เช่นการนั่งถักนิตติ้งริมขอบสระในโอลิมปิก ปารีส 2024 ที่ตัวของเขาถักเสื้อกันหนาวสีน้ำเงินที่มีคำว่า "เดลีย์" อยู่ด้านหลัง ซึ่งเรื่องการถักนิตติ้งนั้นเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเจ้าตัวไปแล้ว เพราะในโอลิมปิก โตเกียว 2020 ทอม เดลีย์ ใส่เสื้อทีมสหราชอาณาจักร ถักนิตติ้งสร้างความฮือฮากลายเป็นไวรัลไปทั่วโลก

มันไม่ใช่การเรียกร้องความสนใจจากกล้อง เพราะมันคือสิ่งที่เขาทำมานานแล้ว หากใครได้ติดตามอินสตาแกรม จะรู้ว่ามันเป็นงานอดิเรกที่อยู่กับเขามหลายปี เขามักจะโชว์ชิ้นงานต่าง ๆ ของตัวเองลงในนั้น และให้เหตุผลว่าการถักนิตติ้ง ถือเป็นสิ่งที่ฝึกสมาธิได้เป็นอย่างดี 

ฝีมือของ เดลี่ย์ ไม่ได้พัฒนาแค่การกระโดดน้ำ เพราะการถักนิตติ้งก็เก่งกาจขึ้นด้วยในแต่ละปี เขาสร้างแบรนด์นีตติ้งทำมือชื่อว่า "Made With Love By Tom Daley" โดยใช้คอนเซปต์ตามชื่อแบรนด์นั่นคือ "ทำด้วยความรักจาก ทอม เดลี่ย์" ซึ่งพรีเซนเตอร์เบอร์ 1 ของแบรนด์ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก โรเบิร์ต เรย์ แบล็ก-เดลีย์ "ลูกชาย" ของเขา 

ตัวของ ทอม เดลี่ย์ ถือเป็นคุณพ่อตัวอย่างที่มักจะเผยโมเมนต์น่ารัก ๆ กับลูกชายโดยตลอด ซึ่งลูกชาย 2 คนของเขาก็เกิดขึ้นจากการอุ้มบุญในสหรัฐอเมริกา บ้านสามีของเขา ดัสติน แลนซ์ แบล็ก มือเขียนบทและโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ชาวอเมริกันที่คบหากันมากว่า 10 ปีแล้ว และปัจจุบันทั้งครอบครัวก็ใช้ชีวิตที่แดนมะกันเป็นหลัก

ทอม แสดงความรักต่อลูกชายเสมอแบบไม่เคอะเขิน ซึ่งนั่นคือหนึ่งในความฝันของที่เขาอยากจะเติมเต็ม เพราะในปี 2013 ที่เขาเปิดตัวว่าเป็น LGBTQ+ เขาได้เผยความฝันส่วนหนึ่งว่า หากมีโอกาสเขาอยากจะเป็นพ่อคน เพื่อจะแสดงออกว่าพ่อของเขาที่จากไปรักเขาขนาดไหน และการมีครอบครัวที่อบอุ่นทำให้เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งและมองโลกในแง่บวกได้อย่างไร 

"หากผมเป็นพ่อคนได้ดี สักครึ่งเหมือนที่พ่อเคยทำทุกอย่างให้ผม นั่นคงเป็นความสำเร็จที่สุดในชีวิตแล้ว รักพ่อเสมอและตลอดไปครับ" ทอม เดลี่ย์ ว่าไว้เมื่อ 10 ปีก่อน และตอนนี้เขาก็ได้ทำมันแล้ว เพราะการกลับมาแข่งขัน โอลิมปิก ปารีส 2024 นี้ไม่ใช่ฝันของเขาแต่แรก แต่เป็นเพราะลูกชายของเขาต่างหากที่อยากเห็นเขาชนะอีกสักครั้ง เนื่องจากในโอลิมปิกที่แข่งในกรุงโตเกียว เมื่อปี 2021 โรเบิร์ต ในวัยเพียง 3 ขวบ ยังโตไม่ทันรู้ความ 

"จริง ๆ ผมไม่ได้มีความคิดจะกลับมาแข่งขันในโอลิมปิกครั้งนี้ ตัวของผมไม่ได้ลงแข่งขันรายไหนมาเลยถึง 2 ปี แต่ลูกชายวัย 6 ขวบของผมบอกว่า อยากเห็นป๊าเอาชนะในโอลิมปิกครั้งนี้" นั่นแหละคือสิ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจกลับมาแข่ง และทุ่มเทแบบสุดตัวอีกครั้งเมื่อเติมเต็มฝันของลูกชาย

สุดท้ายเขาก็ทำสำเร็จ ดัสติน สามีของ ทอม พร้อมด้วย ร็อบบี้ ลูกชายคนโต ฟีนิกซ์ ลูกชายคนเล็ก (พร้อมใจใส่เสื้อสกรีน ลายด้านหน้าเป็นหน้าของทอม สกรีน Team Daley ส่วนด้านหลังสกรีน That's My Papa) และครอบครัวของเขามาอยู่ในศูนย์กีฬาทางน้ำแห่งปารีส เพื่อส่งเสียงเชียร์ทอมในการแข่งขัน และตอนนี้ทุกคนต่างรู้ผลแล้วว่า ทอม เดลี่ย์ คว้าเหรียญรางวัลไปอย่างสุขสมอารมณ์หมาย แม้จะเป็นเหรียญเงิน ในการแข่งขัน แพลตฟอร์ม 10 เมตร ชายคู่ ก็ตาม

"มันคือช่วงพิเศษมาก" เดลีย์กล่าว "การได้ทำสิ่งนี้ต่อหน้าลูกชายที่ขอให้ผมกลับมาแข่งขันคือประสบการณ์ที่วิเศษที่สุด ตอนนี้ผมมีทุกเหรียญแล้ว ความฝันของผมเสร็จสมบูรณ์ครบถ้วนแล้วล่ะ"

ภาพของเขาที่กอดกับสามีและลูก ๆ พร้อมมีครอบครัวล้อมรอบพร้อมรอยยิ้มแห่งความภูมิ นี่คือหนึ่งในโมเมนต์สุดยอดของโอลิมปิกครั้งนี้ เพราะนี่คือปัจจัยพื้นฐานที่มนุษย์ทุกคนบนโลกนี้อย่างมาก

ครอบครัวที่เข้าใจ ส่งเสริม และให้มอบพลังให้กันแบบไม่มีที่สิ้นสุด คือบ่อเกิดของความสุขแห่งชีวิตที่แท้จริง ... ไม่ว่าใครจะว่าแบบไหน ตราบใดที่ครอบครัวเคียงข้างปัญหาก็จะเล็กลงในทันทีเสมอ

การใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในแบบที่ตัวเองเป็นของ ทอม เดลี่ย์ คือพลังที่ส่งต่อให้ทุก ๆ คนบนโลกนี้ได้ ... มันทำให้หลายคนหันกลับมามองตัวเองและกล้าพอที่จะตัดสินว่า "ณ ตอนนี้ฉันมีความสุขกับความเป็นตัวเองหรือยัง ?" ... ถ้ายัง ก็ลงมือซะ ! ไม่ต้องรีรอ คุณมีความสุขได้โดยไม่ต้องขออนุญาตใคร  นี่คือเรื่องราวที่ ทอม เดลี่ย์ มอบให้กับโลกใบนี้

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.bbc.com/sport/olympics/articles/c4ngkgq10vxo
https://edition.cnn.com/2024/07/29/sport/tom-daley-paris-olympics-diving-spt-intl/
https://olympics.com/en/news/tom-daley-olympic-gold-paris-2024-kids-watching
https://www.npr.org/2024/07/29/nx-s1-5055677/tom-daley-olympics-2024-diving-knitting

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

ปริญญา คงปันนา

กราฟฟิคหน้าโหด ทำงานด้วย Passion ว่างๆ ชอบไปคาเฟ่ หลงไหลในศิลปะ, การเดินทางและกีฬา