หากถามว่าสื่อเจ้าไหนชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านมากที่สุด คำตอบคงหนีไม่พ้นสำนักข่าวสายซุบซิบ จากประเทศอังกฤษอย่าง The Sun ที่เรียกได้ว่าหากเรื่องไหนเป็นเรื่องอื้อฉาวนอกสนาม และไม่เกี่ยวกับฟอร์มการเล่นในสนามคุณสามารถติดตามได้จากสื่อเจ้านี้
ยกตัวอย่างเหตุการณ์ "สูดผง" ของ เดวิด คูต ผู้ตัดสินจอมฉาว หรือเหตุการณ์ในแคมป์ทีมชาติเกาหลีใต้ ที่ The Sun ออกมาแฉปัญหาของนักเตะภายในทีมก่อนสื่อในประเทศเองเสียอีก แถมเรื่องที่ออกมาแฉยังเป็นเรื่องจริงอีกด้วย จนทำให้เจ้าตัวคนต้นเรื่องต้องออกมายอมรับ ส่วนเรื่องไหนเป็นประเด็นที่จริงจังมีสาระความรู้เกี่ยวกับกีฬาขอแนะนำว่าคุณควรไปติดตามจากสื่ออื่น
บทความนี้ Main Stand ขอพาแฟนกีฬาไปดูว่าเพราะอะไร สื่อ The Sun ถึงถูกขนานนามว่า เมื่อใดที่ข่าวกีฬาถูกย้ายมาพาดหัวเป็นหน้าหนึ่ง ให้สันนิษฐานได้เลยว่า มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่นอน ถึงขั้นที่ถูกชาวเมืองลิเวอร์พูลคว่ำบาตรสื่อเจ้านี้จวบจนถึงทุกวันนี้
ทำไมต้อง The Sun ?
ก่อนจะไปวิพากษ์ ขอพาไปทำความรู้จักความเป็นมาของสื่อ The Sun กันคร่าว ๆ กันก่อนว่าสื่อเมืองผู้ดีฝีปากกล้าเจ้านี้มีที่มาที่ไปอย่างไร?
The Sun (เดอะ ซัน) เป็นสื่อหนังสือพิมพ์ขนาดเล็ก หรือ ที่เรียกว่าแท็บลอยด์ จากประเทศอังกฤษ ซึ่งถูกก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1964 ผ่านกลุ่มข่าว News UK (นิวส์ ยูเค) ซึ่งมีเจ้าของ คือบริษัท ลาคลัน เมอร์ด็อก (Lachlan Murdoch's News Corp) The Sun เคยครองตำแหน่งสื่อที่มียอดจำหน่ายหนังสือพิมพ์รายวันมากที่สุด ในสหราชอาณาจักร ก่อนที่ถูกแซงหน้าโดยสำนักข่าวเมโทร ในปี 2018 และ เดอะ ซัน ได้ขยายตลาดไปยัง ประเทศไอร์แลนด์ (The Irish Sun), สกอตแลนด์ (The Scottish Sun), โปแลนด์ (Polski Sun) , และสหรัฐอเมริกา (The U.S. Sun)
แต่ในยุคปัจจุบัน เป็นที่รู้กันดีในแวดวงสื่อว่า The Sun นั้นขึ้นชื่อยิ่งนักหากเป็นเรื่องซุบซิบนินทาชาวบ้าน ยกตัวอย่างเช่น เรื่องใต้เตียงนักฟุตบอล, เรื่องข่าวลือนอกสนาม, ไปจนถึงเรื่องส่วนตัวของนักกีฬา เรียกได้ว่า อย่าพลาดมาให้ The Sun ได้เห็น พลาดมาเมื่อไหร่มีอันต้องแฉ
ถ้าเอาให้เห็นภาพง่าย ๆ คือ เหตุการณ์ดราม่าในแคมป์ทีมชาติเกาหลีใต้ ที่เกิดเรื่องวิวาทขึ้นกับสองซูเปอร์สตาร์ภายในทีมระหว่าง ซน ฮึง มิน กัปตันทีมสเปอร์ส และ อี คัง อิน มิดฟิลด์ตัวรุกจาก ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ถึงขั้นที่ ซน ฮึง มิน ได้รับบาดเจ็บนิ้วซ้นจากการทะเลาะ โดยเหตุการณ์นี้ The Sun เป็นสื่อเจ้าแรกที่ออกมาแฉ ทั้ง ๆ ที่สื่อทางฝั่งเกาหลียังไม่ได้เคลื่อนไหวข่าวสารอันใดออกมาแม้แต่น้อย อีกทั้งข่าวที่ The Sun รายงานออกมายังเป็นความจริงเสียด้วย
หรือเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่ มาร์คัส แรชฟอร์ด อ้างกับทางสโมสรว่าป่วยจนไม่สามารถมาซ้อมได้ แต่ความจริง เจ้าตัวไปปาร์ตี้มาราธอนนานถึง 12 ชั่วโมง ระหว่างเดินทางไปพักผ่อนที่ ประเทศไอร์แลนด์เหนือ จนกระทั่งเมาค้างและตื่นมาซ้อมบอลไม่ไหว ก็เป็นสื่อ The Sun นี่แหละ ที่ออกมาแฉเรื่องราวทั้งหมด ก่อนที่เจ้าตัวจะยอมรับผิดทุกข้อกล่าวหา และรับบทลงโทษจากสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
รวมถึงเหตุการณ์ "สูดผง" ของ เดวิด คูต ผู้ตัดสินชาวอังกฤษ ที่ก่อนหน้านี้เพิ่งโดนถล่มจากการด่า เยอร์เก้น คล็อปป์ อดีตกุนซือ ลิเวอร์พูล แล้ว The Sun ก็มาปล่อยคลิปที่อ้างว่าเจ้าตัวทำในช่วงวันพักจากการทำหน้าที่ใน ยูโร 2024 อีก
นี่เป็นเพียงบางสถานการณ์เท่านั้นที่ The Sun ได้ออกมาเล่นข่าว ซึ่งในความเป็นจริงสื่อเจ้านี้เล่นข่าวในลักษณะนี้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ในทางกลับกันหากเป็นเรื่องข้อมูลสถิติของนักฟุตบอลหรือประเด็นวิเคราะห์ฟุตบอลเชิงลึกอย่าได้ถามหาจากสื่อเจ้านี้ อย่างไรก็ดี The Sun คือสื่อวาไรตี้ที่มีเนื้อหาหลากหลายไม่ใช่สื่อที่เน้นกีฬาเป็นหลัก อย่างเช่น The Athletic หรือ Sky Sports อะไรทำนองนั้น แต่เมื่อไหร่ที่ The Sun หยิบยกประเด็นกีฬามาเล่นเป็นหน้าหนึ่งละก็ เดาได้เลยว่าประเด็นนั้นจะเป็นไวรัลในโลกกีฬาอย่างแน่นอน
สื่อที่ถูกแบนออกจากเมืองลิเวอร์พูล
ต้นตอการคว่ำบาตรสื่อ The Sun ของชาวเมืองลิเวอร์พูล ต้องย้อนไปยังเหตุการณ์ โศกนาฏกรรมฮิลส์โบโรห์ที่ส่งผลให้แฟนบอลลิเวอร์พูลเสียชีวิตเกือบร้อยราย โดยโศกนาฏกรรมครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 เมษายน 1989 ระหว่างการแข่งขันเอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ ระหว่างลิเวอร์พูล พบกับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์
อีกทั้งโศกนาฏกรรมครั้งนี้ ยังถือเป็นภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในสนามกีฬาครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์กีฬาของประเทศอังกฤษอีกด้วยโดยมีสาเหตุมาจากแฟนบอลหลายพันคนกรูเข้ามาในสนามภายในระยะเวลาอันสั้นฝูงชนด้านหลังก็พยายามดันมาข้างหน้าเพื่อชมเกมการแข่งขันส่วนแฟนบอลด้านก็ถูกบีบอัดจนตัวไปติดกับลูกกรงที่กั้นระหว่างแฟนบอลกับนักเตะกระทั่งขาดอากาศหายใจในที่สุด
และว่ากันว่าอีกสาเหตุนั้นเกิดจากความสะเพร่าของเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถจัดการกับความแออัดจากแฟนบอลจำนวนมากที่ไหลทะลักเข้ามาในสนามได้จนเกิดความเสียหายอย่างรุนแรงขึ้นที่อัฒจันทร์ฝั่งหลังโกลที่มีชื่อว่าเลปปิงส์เลน ในสนามกีฬาฮิลส์โบโรห์ ซึ่งความเสียหายครั้งนี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 97 ราย และบาดเจ็บถึง 766 ราย
จนหลังโศกนาฏกรรมจบสิ้นลงได้ราว 4 วัน The Sun ได้พาดหัวบทความหน้าหนึ่งว่า "The Truth" ที่แปลเป็นไทยว่า "ความจริง" ซึ่งในรายละเอียดเนื้อหาของบทความนั้นพยายามบ่งบอกว่า โศกนาฏกรรมครั้งนี้เกิดจาก แฟนบอลลิเวอร์พูลเอง โดยมีการตั้งหัวข้อย่อยภายในตัวบทความ The Truth ว่า "แฟนบอลบางคนล้วงกระเป๋าของเหยื่อ" , "แฟนบอลบางคนปัสสาวะใส่ตำรวจผู้กล้าหาญ" และ "แฟนบอลบางคนกระทืบหน่วยกู้ภัยที่กำลังช่วยชีวิต"
หากคิดว่าชื่อของหัวเรื่องโหดแล้ว เนื้อหาด้านในนั้นโหดยิ่งกว่า เพราะในเนื้อความมีถ้อยคำจำนวนมาก ระบุว่า แฟนบอลลิเวอร์พูลเป็นพวกขี้เมา และได้ไล่ทำร้ายเจ้าหน้าที่อย่างป่าเถื่อน มีทั้งการทำร้ายร่างกาย ทั้งต่อย ทั้งเตะ ไปจนถึงปัสสาวะใส่เจ้าหน้าที่ แถมยังมีแฟนบอลบางคนเป็นโจรล้วงกระเป๋าผู้ที่นอนบาดเจ็บอยู่ในสนาม
แน่นอนว่าไม่มีแฟนบอลลิเวอร์พูลคนไหนพอใจเมื่อได้อ่าน ถ้อยคำที่ The Sun ได้เผยแพร่ออกสู่สาธารณะชน ลองคิดดูว่าเหล่า เดอะ ค็อป เสียชีวิตเกือบร้อยราย แต่กลับโดนสื่อตราหน้าว่าสาเหตุหลักมาจากเหล่าแฟนบอลด้วยกันเองโดยไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงแต่อย่างใดถ้ามองในมุมแฟนลิเวอร์พูลยิ่งคิดแล้วก็ยิ่งเจ็บปวดและนี่จึงเป็นที่มาของการคว่ำบาตร The Sun จากชาวเมืองลิเวอร์พูลจวบจนถึงทุกวันนี้
ถึงข่าวไม่ได้ใจ แต่ได้ยอด
แม้ในมุมของหลักจริยธรรมและจรรยาบรรณสื่อ The Sun อาจไม่น่าชมเชยนัก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในมุมของยอดขาย หรือ การเข้าถึงและการมีส่วนจากผู้ติดตามข่าวสาร (Reach & Engagement) The Sun นั้นไม่เป็นสองรองสื่อเจ้าไหนในอังกฤษ ด้วยเนื้อหาที่เน้นไปทางบันเทิง จั่วหัวหนัก ๆ ล่อให้เข้ามาอ่าน ในทางหนึ่งก็ถือว่าเป็นกลยุทธ์เพื่อเพิ่มยอดผู้เข้าถึง
โดยมีการเปิดเผยจาก Press Gazette (PG) เว็บไซต์รวบรวมและจัดอับดับสื่อทั่วโลก ว่า The Sun เพิ่งจะแซงหน้าเหนือ Daily Mail (เดลี่ เมลล์) ในเดือนธันวาคม 2023 ที่ผ่านมา ซึ่งมียอดจํานวนผู้ชมเพิ่มขึ้นถึง 5% ต่อเดือน ในขณะที่ยอดผู้เข้าชมของ Daily Mail ลดลง 1% ต่อเดือน นอกจากนี้ The Sun มียอดผู้ชมมากถึง 24.7 ล้านคนในเดือนธันวาคม ปี 2023 มากกว่าคู่แข่งอย่าง Daily Mail ถึง 1.5 ล้านคน ซึ่งของทางฝั่ง Daily Mail มียอดผู้เข้าชมอยู่ที่ 23.2 ล้านคน อย่างไรก็ตามสื่อทั้งสองเจ้านี้ยังเป็นรองสื่อยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง BBC (อ้างอิงตามการจัดอันดับรายเดือนล่าสุดของ Press Gazette)
นอกจากนี้ Press Gazette ยังได้ระบุอีกว่า เว็บไซต์ thesun.co.uk และ the-sun.com คือ เว็บไซต์ข่าวที่มียอดผู้เข้าสูงเป็น อันดับ 15 ของโลก อยู่ที่ 148.5 ล้านครั้ง และแน่นอนว่าอันดับ 1 จะเป็นอื่นใดไปไม่ได้นอกเสียจาก BBC
เรียกได้ว่า The Sun เป็นสื่อยักษ์ใหญ่ที่มีกลยุทธ์การรายงานข่าวอย่างแยบคาย แม้ในบางครั้งอาจมีการรายงานข่าวแบบไม่สมเหตุสมผลกับหลักจรรยาบรรณสื่อสักเท่าไหร่ แต่ในทางธุรกิจถือว่าตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการขายโฆษณาเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าสื่อจะอยู่ได้จำเป็นต้องมีรายได้ และรายได้ส่วนหนึ่งนั้นมาจากการขายโฆษณา นี่จึงเป็นผลที่ว่าทำไม The Sun ขายข่าวแบบเน้นยอดมาก่อนหลักการ
แหล่งอ้างอิง
https://pressgazette.co.uk/media-audience-and-business-data/media_metrics/most-popular-websites-news-uk-monthly-2/
https://pressgazette.co.uk/media-audience-and-business-data/media_metrics/most-popular-websites-news-world-monthly-2/
https://www.goal.com/en/news/why-the-sun-is-hated-by-liverpool-fans--banned-in-many-places/2hrhnj5tch2r1ae7tllvac6fb
https://www.thesun.co.uk/sport/football/