Feature

เล็กน้อยแต่ยิ่งใหญ่ : ว่าด้วยการ "กอด" ความสำเร็จที่คล็อปป์ใช้กับแข้งลิเวอร์พูลมานักต่อนัก | Main Stand

หลังการประกาศปิดฉากชีวิตการเป็นผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลของเยอร์เกน คล็อปป์ หลังจบฤดูกาล 2023/24 แน่นอนว่าเรื่องนี้ได้สร้างความตกตะลึงไปยังวงการลูกหนังทั่วโลก โดยเฉพาะกับบรรดาแฟนคลับหงส์แดง 

 

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าอารมณ์สุขปนเศร้าของเหล่าเดอะ ค็อป ที่มีต่อคล็อปป์นั้นเกิดขึ้นแบบนานัปการ นั่นเพราะกุนซือชาวเยอรมันผู้นี้เข้ามาจารึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้สโมสรมากมาย ภายใต้การจัดการ วางแผน ตลอดจนแนวคิดอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว 

โดยหนึ่งในแนวทางที่เยอร์เกน คล็อปป์ เลือกนำมาใช้กับทีม โดยเฉพาะกับนักเตะสโมสรแบบรุ่นต่อรุ่น ก็คือการกระตุ้น พร้อม ๆ กับการมอบกำลังใจให้ในรูปแบบของการ "กอด"

การกอด เกี่ยวข้องกับคล็อปป์ และเหล่าสตาร์เร้ด แมชชีน ได้อย่างไร ติดตามไปพร้อม ๆ กันกับ Main Stand

 

กอดนั้นสำคัญไฉน

ความสัมพันธ์ ถือเป็นองค์ประกอบพื้นฐานของชีวิตมนุษย์ ความสัมพันธ์เกิดขึ้นจากปัจจัยต่าง ๆ นานาอันมีเรื่องของเวลาและสถานที่มาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเรื่องความรัก รักแบบเสน่หา ไปจนถึงความผูกพันอันยาวนาน ฯลฯ ซึ่งตัวอย่างที่ว่านี้ถูกแปรเปลี่ยนออกมาเป็นความสัมพันธ์ของมนุษย์ในหลาย ๆ รูปแบบ เช่น ความสัมพันธ์แบบครอบครัว คนรัก กลุ่มเพื่อนสนิท ความสัมพันธ์ในที่ทำงาน ไม่เว้นแม้แต่ความสัมพันธ์ในทีมกีฬาอาชีพ 

นอกจากการสร้างความสัมพันธ์ของมนุษย์จะปรากฏในรูปแบบของภาษาพูดแล้ว การสร้างความสัมพันธ์ผ่านภาษากาย ก็เป็นอีกสิ่งที่สร้างขึ้นมาได้เช่นกัน ที่สำคัญคือภาษากายยังช่วยลดทอนอุปสรรคเรื่องของภาษา และความต่างทางวัฒนธรรมได้ด้วย โดยหนึ่งในการสร้างความสัมพันธ์ผ่านภาษากายที่มากไปด้วยความหมายก็คือ "การกอด"

มีงานวิจัยมากมายที่บ่งชี้ว่าการสัมผัสภาษากายในรูปแบบของการกอด เป็นเครื่องมือที่ "ส่งพลังบวก" ต่อจิตใจของมนุษย์ ในทุก ๆ ความสัมพันธ์ เพราะทุก ๆ ครั้งที่กอด ร่างกายจะกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนออกซิโตซิน (Oxytocin) และโดปามีน (Dopamine) ออกมา มักถูกเรียกอีกนิยามว่าเป็น ฮอร์โมนแห่งความรัก ความสุข ความพึงพอใจ

สำหรับออกซิโตซิน เมื่อมนุษย์มีการหลั่งฮอร์โมนนี้ออกมา จะช่วยสร้างสายใยระหว่างคนรอบตัว การหลั่งออกซิโตซิน จะให้ภาพความรู้สึกที่อบอุ่น ใกล้ชิด ช่วยสร้างความไว้วางใจ ช่วยในการเข้าหาคนรอบตัวได้ง่าย ก่อให้เกิดเป็นความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน ส่วนโดปามีน เป็นสารหลั่งความสุขที่เกี่ยวโยงกับอารมณ์ที่พึงพอใจ หากโดปามีนหลั่งอกมาจากสมองมากเท่าไร มนุษย์ก็จะเกิดอารมณ์สุขมากเท่านั้น

ยกตัวอย่างงานวิจัยจากทีมนักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ ที่พบว่า การสัมผัสกันผ่านภาษากาย เป็นเครื่องมือชั้นดีในช่วยเพิ่มขีดความสามารถและความร่วมมือระหว่างบุคคลในทีมได้ เช่นเดียวกับรายงานจาก MindTales บริษัทที่เกี่ยวข้องกับเรื่องสุขภาพจิต ที่ระบุว่าการที่โค้ช หรือผู้เล่นด้วยกันเอง มีการสัมผัสทางกายภาพระหว่างกัน ถือเป็นเครื่องมือชั้นดีที่ช่วยเอาชนะความเครียดและวิตกกังวล จากการศึกษาพบว่าการสัมผัสตัวระหว่างกันภายในทีม สามารถลดระดับคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งเป็นฮอร์โมนความเครียดในร่างกายได้ แถมยังช่วยให้ผู้เล่นทำงานได้ดีขึ้นภายใต้ความกดดันและในสถานการณ์ที่มีความเครียดสูง

แน่นอนว่าการกอด จัดอยู่ในประเภทของการสัมผัสจนก่อให้เกิดสารความสุขทั้งออกซิโตซินและโดปามีน มีผลลัพธ์ที่สำคัญอย่างยิ่งต่อวงการกีฬาประเภททีม โดยเฉพาะการเพิ่มประสิทธิภาพและความสามัคคีในบริบทที่หลากหลาย 

และหากจะหาตัวอย่างชั้นดีของทีมกีฬาที่ยึดแนวทางนี้มาใช้เป็นสิ่งจูงใจและประสบความสำเร็จไม่แพ้ทีมใด ก็คือลิเวอร์พูล ในยุคที่มีกุนซือชื่อ เยอร์เกน คล็อปป์

 

กอดของเยอร์เกน

นับตั้งแต่ที่เยอร์เกน คล็อปป์ ก้าวเข้ามาคุมลิเวอร์พูลในเดือนตุลาคม ปี 2015 แน่นอนว่าทิศทางภาพรวมของสโมสรได้พลิกจากหลังมือเป็นหน้ามือแบบเด่นชัด ไล่มาตั้งแต่การกวาดความสำเร็จกับแชมป์ระดับเมเจอร์รวมทุกรายการถึง 7 โทรฟี่ มีทั้งการคุมทีมผงาดแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นสมัยแรกในประวัติศาสตร์ ในซีซั่น 2019-20 ขณะที่ซีซั่นก่อนหน้า (2018-19) คล็อปป์พาทีมเป็นแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

เช่นเดียวกับการทำทีมจนมีแท็คติกส์การเล่นที่ชวนให้จดจำอย่าง "เกเก้นเพรสซิ่ง" หรือการเพรสใส่คู่แข่งโดยเน้นไปที่โซนการเล่น คอยฉวยโอกาสครอบครองบอลในแดนคู่แข่ง อาศัยนักเตะแนวรุกคอยวิ่งเข้าใส่คู่แข่งที่เลือกตั้งโซนเล่นบอลตั้งแต่เกมรับ เพื่อบีบให้เกิดข้อผิดพลาด 

หรือแม้แต่การปลุกปั้นและให้โอกาสดาวรุ่งสโมสรหลาย ๆ คนขึ้นมาประดับวงการฟุตบอลอังกฤษ ไล่มาตั้งแต่การให้โอกาสเทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ก้าวสู่ทีมชุดใหญ่ และพาตัวเองเป็นฟูลแบ็คระดับโลก ตามด้วยการให้โอกาสเด็กรุ่นต่อมา อาทิ เคอร์ติส โจนส์, ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ไปจนถึงจาเรลล์ ควอนซาห์

อย่างไรก็ตาม คล็อปป์ยังมีสไตล์การทำทีมอีกข้อหนึ่งที่ใครหลายคนอาจมองข้ามไป นั่นคือการสื่อสารผ่านภาษากาย ที่กลายเป็นเครื่องมือชั้นดีสำหรับให้กำลังใจและกระตุ้นนักเตะ ด้วยการ "กอด" และในการสัมภาษณ์กับสื่อหลายต่อหลายครั้ง กุนซือชาวเยอรมันผู้นี้มักจะให้ความเห็นถึงเรื่องของการกอดนักเตะออกมาให้เห็นอยู่บ่อย ๆ ดังใจความต่อไปนี้

"ผมเอ็นจอยกับเรื่องพวกนี้มาก" คล็อปป์ ให้สัมภาษณ์ไว้ตั้งแต่ปี 2016 "บอกตามตรงว่ามันเป็นอะไรที่ผมอยากทำมาก ๆ ยิ่งเวลาคุณได้เห็นว่าพวกเขาต่อสู้กับเกมการแข่งขันในสนามกันแบบหนักหน่วง สู้กันจดหยดสุดท้าย … นั่น (การกอด) คือสิ่งที่ง่ายที่สุดที่ผมสามารถทำให้พวกเขาได้ นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้นักเตะรู้สึกดีขึ้นได้ การมีเรื่องแบบนี้อยู่ในห้องแต่งตัว และเห็นทุกคนยิ้มได้ มันเป็นเรื่องที่ดีจริง ๆ" 

"พูดตามตรงเลยนะ ผมอยากกอดพวกเขามาก ตั้งแต่ผมเจอทุก ๆ คนจนถึงตอนนี้ เวลามันผ่านไปนานมากแล้วนะ ผมคิดถึงทุกคนมาก ๆ แม้ตอนนี้ยังทำไม่ได้ (กอดนักเตะ) แต่เราก็ไม่ละเลยทิ้งเรื่องนี้ไว้ข้างหลัง" ผู้จัดการทีมวัย 56 ปี เคยให้สัมภาษณ์กับ BT Sport ระหว่างที่โลกกำลังเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 ระบาดหนัก ในปี 2020 

ไม่เว้นแม้แต่การส่งฮอรโมนแห่งความสุขและให้กำลังใจผ่านการกอดนักเตะที่มีใจความสำคัญอยู่ที่เรื่องนอกสนาม ดังตัวอย่างของหลุยส์ ดิอาซ ที่ครั้งหนึ่งคุณพ่อและคุณแม่ของแนวรุกทีมชาติโคลอมเบียรายนี้ถูกลักพาตัวเพื่อเรียกค่าไถ่ ก่อนเกมลิเวอร์พูลดวลน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ แน่นอนว่าบรรยากาศชัยชนะ 3-0 ในวันนั้น ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีไปกว่าการให้กำลังใจและส่งพลังไปให้กับหลุยส์ ดิอาซ 

เช่นเดียวกับอารมณ์ภาพรวมของทีมในอีกหลาย ๆ เกมต่อมา ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ที่โคลอมเบียกำลังตามหาเพื่อช่วยเหลือ แน่นอนว่าคนที่ดึงสปิริตในทีมขึ้นมาเป็นคนแรก ๆ และทำบ่อยให้เห็นครั้ง ก็คือเยอร์เกน คล็อปป์ ที่พร้อมคำว่า "กอด" อยู่บ่อย ๆ ในการสัมภาษณ์

"ไม่แปลกที่ลูโช่ (หลุยส์ ดิอาซ) จะคิดฟุ้งนอกเหนือไปจากการแข่งขัน เพราะเขาเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เขาเพียงแต่ต้องรอเวลา ซึ่งหลังเกมจบ เราไม่จำเป็นต้องพูดอะไรต่อกันมากมาย เราแค่กอดกัน เพราะเรารู้ดีว่าเขารู้สึกอย่างไร" เยอร์เกน คล็อปป์ ให้สัมภาษณ์ผ่านเว็บไซต์ทางการของสโมสร ในเกมลิเวอร์พูลเสมอลูตัน ทาวน์ 1-1 โดยหลุยส์ ดิอาซ เป็นคนตีเสมอให้ทีม

เพื่อเน้นย้ำให้เห็นว่าการกอดนักเตะของเยอร์เกน คล็อปป์ นั้นไม่ใช่แค่กอดไปตามความรู้สึกเล่น ๆ เพราะเรื่องนี้สำคัญถึงขั้นมีงานวิจัย บทความวิชาการ ข้อเขียนเชิงจิตวิทยา มากมาย ที่บ่งชี้ว่าการส่งพลังภาษากายด้วยการกอดนี้ คือเคล็ดลับความสำเร็จประการหนึ่งที่เขาจารึกไว้กับลิเวอร์พูล

แมทธิว สมิธ อาจารย์อาวุโสด้านจิตวิทยาการกีฬาและการออกกำลังกาย มหาวิทยาลัยวินเชสเตอร์ (Winchester university) และฌอน ฟิคกินส์ อาจารย์อาวุโสด้านจิตวิทยาการกีฬาและการออกกำลังกาย แห่งมหาวิทยาลัยแห่งชิเชสเตอร์ (University of Chichester) เคยออกแบบงานวิจัยตั้งคำถามถึงปัจจัยที่ทำให้คล็อปป์พาลิเวอร์พูลเป็นแชมป์ลีกสูงสุดอังกฤษในรอบ 30 ปี 

ผลวิจัยที่สำคัญข้อหนึ่งก็คือจุดแข็งด้านการพัฒนาความสัมพันธ์ร่วมกับผู้เล่นทีมในแง่ของการสื่อสาร โดยปรากฏให้เห็นทั้งบทสนทนา ไปจนถึงการแสดงภาษากายผ่านการกอดกระตุ้นและให้กำลังใจนักเตะ

"คล็อปป์มีชื่อเสียงในแง่การกอดให้กำลังใจนักเตะ และสิ่งที่ควบคู่กันไปก็คือการแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจและห่วงใยผู้เล่นของเขาอย่างแท้จริง การแสดงอารมณ์ของคล็อปป์มีความสำคัญต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ เนื่องจากโค้ชที่แสดงความสัมพันธ์แบบ Harmonious passion (มีแพชชั่นแบบสอดคล้อง) ออกมา แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ร่วมกับนักกีฬาที่มีคุณภาพสูงมาก ๆ" ดร.สมิธและ ดร.ฟิคกินส์ เขียนข้อคิดเห็นจากงานวิจัย ลงในเว็บไซต์ The Conversation

หรือแม้แต่บทความเชิงจิตวิทยาจากองค์กรหรือบริษัทเอกชน ก็มองเป็นเสียงเดียวกับผลการวิจัยเชิงวิชาการ ในเชิงที่ว่า การกอดนักเตะของเยอร์เกน คล็อปป์นั้น ถูกจัดเป็นหมวดหมู่ข้อหนึ่งของบทเรียนแห่งความสำเร็จของกุนซือทีมกีฬา 

"คล็อปป์เป็นผู้นำที่มีความมั่นใจด้วยมาตรฐานระดับสูง นอกจากจะให้ความสำคัญกับแท็คติกส์ฟุตบอลอย่างแท้จริง และเขายังใช้วิธีการแสดงอารมณ์ควบคู่กันไปด้วย ยกตัวอย่างการกอดผู้เล่นทุกคนอย่างสม่ำเสมอหลังเกมจบในแต่ละเกม เขาแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจ ปฏิบัติต่อทุกเตะทุกคนอย่างเท่าเทียม และชี้ให้เห็นถึงการเข้าไปมีส่วนร่วมในชีวิตส่วนตัวนอกสนามของนักเตะมากเท่ากับในฟุตบอลของพวกเขา" เนื้อหาส่วนหนึ่งจากบทความ 4 Leadership Lessons from Jürgen Klopp ที่จัดทำโดยบริษัทแวดวงธุรกิจอย่าง Frankli ระบุ

 

ส่งพลังสู่นักเตะ

เมื่อคล็อปป์เป็นผู้ให้ แน่นอนว่าการกอดตอบสนองย่อมมีผู้รับตามมา สิ่งที่นักเตะทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันก็คือ พลังบวกในแง่ของการกอดกระตุ้นและให้กำลังใจนักเตะของกุนซือชาวเยอรมันผู้นี้ ส่งอิทธิพลทางกายและจิตใจของทุก ๆ คน อย่างยากจะปฏิเสธ

ไม่ว่าจะนักเตะแกนหลักของทีมตั้งแต่อดีตนับแต่ที่คล็อปป์เข้ามาคุมในปี 2015 ไปจนถึงตัวหลักยุคปัจจุบัน หรือแม้แต่บรรดาแข้งตัวสำรอง ทุกคนรับรู้ถึงอ้อมกอดของผู้จัดการทีมคนนี้เป็นอย่างดี

"ผมจำตอนที่เราพร้อมจะลงสนามได้ ผู้จัดการทีมเข้ามากอดผม ผมเกือบจะร้องไห้เลย มันตื้นตันมาก ๆ ผมรู้สึกโล่งมาก คุณทำงานหนักมาเพื่อช่วงเวลาแบบนี้ สำหรับผม ครอบครัว และเพื่อนร่วมงาน มันเป็นวันพิเศษมาก ๆ" เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ เปิดใจถึงอิมแพ็คต์ของเยอร์เกน คล็อปป์ ที่มีต่อตัวเขา หลังกลับมาลงสนามในรอบ 9 เดือน ผ่านเว็บไซต์สโมสร 

"ไม่หรอก ไม่เลย ! เขากอดแล้วรู้สึกอบอุ่นมากกว่า มันตลกมากเลยละ เขาเป็นเหมือนพ่อคนหนึ่งเลย คุณคงได้เห็นกันบ่อย ๆ กับวิธีที่เขาปฏิบัติกับนักเตะและสตาฟ รวมถึงวิธีที่เขามีปฏิสัมพันธ์กับแฟนบอล ผมพูดได้เลยว่าเขาเป็นคนที่เหมาะกับงานนี้ที่สุด (ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล) แล้วก็เป็นคนที่เหมาะที่สุดที่คุณจะได้เรียนรู้ด้วย" ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ดาวรุ่งที่เยอร์เกน คล็อปป์ให้โอกาสลงเล่นกับลิเวอร์พูลชุดใหญ่ ตอบสื่อ หลังมีภาพและคลิปถูกคล็อปป์เข้ามากอดแบบแน่น (Bear hug) 

"เขากอดทุกคน ผมชอบเขา เขาเป็นคนที่ … จะบอกยังไงดีล่ะ เขาปฏิบัติกับทุกคนเหมือนกันเลยครับ นักเตะทุกคนเท่าเทียมกันสำหรับเขา เขาสนิทกับทุกคน ผมเห็นเขาในการฝึกซ้อม และแม้แต่คนที่ไม่ได้ลงเล่นในเวลานั้น เขาเป็นเหมือนกันกับทุกคน" นาบี เกอิต้า อดีตกองกลางหงส์แดง ช่วยยืนยันอีกเสียง

ทั้งหมดทั้งมวลนี้ เราจึงไม่อาจมองข้ามได้เลยว่า การให้กำลังใจและกระตุ้นนักเตะด้วยการกอด ของเยอร์เกน คล็อปป์ นับแต่ที่เข้ามาคุมลิเวอร์พูล คืออีกหนึ่งฟันเฟืองความสำเร็จที่เจ้าตัวได้จารึกไว้กับสโมสร ก่อนจะถึงคราวอำลาหลังจบซีซั่น 2023/24

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.mindtales.me/the-influence-of-physical-touch-and-love-languages-on-success-in-professional-sports-teams/ 
https://www.winchester.ac.uk/news-and-events/press-centre/media-articles/five-ways-jurgen-klopps-leadership-style-helped-liverpool-to-the-top.php 
https://www.thisisanfield.com/2016/09/jurgen-klopp-team-spirit-power-hug-enjoying-football/
https://www.premierleague.com/news/3770423 
https://www.frankli.io/post/tips-for-effective-leadership-jurgen-klopp 
https://thailand.liverpoolfc.com/news/thailand-news/315548-naby-keita-answers 
https://www.mirror.co.uk/sport/football/news/van-dijk-klopp-injury-gesture-24948703 
https://m.allfootballapp.com/news/Headline/Liverpool-starlet-Harvey-Elliott-opens-up-on-Jurgen-Klopps-warm-bear-hugs/2795682 

Author

พชรพล เกตุจินากูล

แฟนคลับเชลซี ติดตามฟุตบอลเอเชีย ไก่ทอดและกิมจิเลิฟเวอร์

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

ปริญญา คงปันนา

กราฟฟิคหน้าโหด ทำงานด้วย Passion ว่างๆ ชอบไปคาเฟ่ หลงไหลในศิลปะ, การเดินทางและกีฬา