Feature

“ช้างศึก” ยู 23 : ภารกิจแล่นสู่โอลิมปิก 2024 | Main Stand

อาจไม่ถูกใจ แต่มาอย่างถูกต้อง! กับภารกิจของ ทีมชาติไทย ชุดอายุไม่เกิน 23 ปี ที่มีเป้าหมายคือ “โอลิมปิก 2024” ที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส

 

การเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลยู 23 ชิงแชมป์เอเชีย 2024 ที่ประเทศกาตาร์ ในปีหน้า ถือเป็นไปตามทางที่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ วางเอาไว้ เพราะรายการนี้คือการคัดตัวแทนเอเชียไปแข่งขันโอลิมปิก 2024

แต่ตลอดเส้นทางของ ทีมชาติไทย ไม่ได้มาแบบราบรื่น ดอกกุหลาบไม่มีโรยตามทาง หนำซ้ำเจอแต่ขวากหนามทั้งนั้น

อย่างไรก็ตาม แม้ถนนจะขรุขระ แต่อย่างน้อยก็ยังคงอยู่ในเส้นทางที่วางเอาไว้ ทว่าจะไปถึงหรือไม่....ไปติดตามพร้อมกันกับ Main Stand

 

ตั้ง “อิสสระ” พร้อมเป้าหมายโอลิมปิก

“ผมรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้กลับมาทำหน้าที่เฮดโค้ช ทีมชาติไทย อีกครั้ง ซึ่งนักเตะส่วนใหญ่เคยร่วมงานกันมาเมื่อปี 2561 (ชุดยู 19) ฉะนั้นถือเป็นการทำงานต่อเนื่อง”

นี่คือคำพูดของ อิสสระ ศรีทะโร ที่ได้รับการแต่งตั้งจากสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ให้ทำหน้าที่เฮดโค้ช ทีมชาติไทย ชุดยู 23 เมื่อวันที่ 8 พ.ย.2565

“ผมมีการเซ็นสัญญากับสมาคมฯ ส่วนระยะเวลาของสัญญาไม่ได้มีความสำคัญเพราะสุดท้ายอยู่ที่ผลงาน การเซ็นกี่ปีจึงไม่มีผล ส่วนความคาดหวังในการไปโอลิมปิก ถ้าได้รับความร่วมมือจากส่วนต่างๆ ในประเทศ จะทำให้นักเตะมีคุณภาพและช่วยเราได้เยอะ”

“เครื่องดื่มตราช้าง” หรือ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) คือ ความร่วมมือแรกที่ให้การสนับสนุน ทีมชาติไทย หากนั่งนับนิ้วแล้วเป็นเวลานานถึง 20 ปีเลยทีเดียว 

 

เปิดหัวไม่สวยแต่กู้ชื่อจาก “โดฮา คัพ”

อิสสระ เปิดหัวให้กับทีมชุดนี้ไม่สวยเท่าไหร่ เพราะพาทีมลงอุ่นเครื่องพบ ลาว (ชุดใหญ่) ก่อนจะแพ้ 0-1 ทว่า 3 วันถัดมาสามารถกู้หน้าได้ด้วยการเอาคืน 5-0 ที่สนาม ม.ธรรมศาสตร์ ทั้ง 2 เกม เมื่อเดือน ธ.ค.65

ต่อมาในเดือน มี.ค.66 อิสสระ ได้ทดลองทีมกับคู่แข่งดีๆ อีก 3 นัด ด้วยการไปแข่งขันไกลถึงกาตาร์ ในทัวร์นาเมนท์พิเศษ “โดฮา คัพ” ซึ่งครั้งนั้นได้ผู้เล่นไปเกือบเต็มทีม ถือเป็นการทดสอบทีมที่ดีที่สุดของชุดนี้

เกมแรก ไทย เสมอ ซาอุดิอาระเบีย 2-2 โดยตีเสมอได้ช่วงทดเวลา ทว่าเกมนั้นรูปแบบการเล่นน่าพอใจ แม้จะซ้อมน้อยและเกมเป็นรอง แต่นักเตะมีความกล้าเล่นและอดทนจนตีเสมอได้

จากนั้นลงสนามพบ “เจ้าภาพ” กาตาร์ ที่แพ้มาในเกมแรก จึงเป็นเกมที่ไม่ง่าย แต่ ไทย ก็เอาชนะได้ 1-0 ได้เข้าไปชิงอันดับ 3 ของทัวร์นาเมนท์

คู่แข่งในรอบจัดอันดับ 3 คือ คูเวต ซึ่งเกมนี้ ไทย พักตัวหลักหลายคนเพราะลงเล่นมาตลอดใน 2 นัดแรก ก่อนที่ ไทย จะแพ้ 0-1 ได้อันดับ 4 จากทั้งหมด 10 ทีมที่เข้าร่วมการแข่งขัน

โดฮา คัพ ถือเป็นผลงานที่เกินความคาดหมาย เพราะใครก็รู้ว่าการไปเล่นกับทีมจากตะวันออกกลางในดินแดนของพวกเขาไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่แล้ว

ให้หลัง 1 เดือน ทีมชุดนี้ของ อิสสระ ได้รวมตัวกันต่อเนื่องด้วยการลุยทัวร์นาเมนท์ ซีเกมส์ ที่ประเทศกัมพูชา และด้วยผลงานจากโดฮา คัพ ทำให้แฟนบอลไทยคาดหวังว่าจะได้เหรียญทองกลับบ้าน

รอบแรก ไทย เก็บได้ถึง 10 คะแนน จากการชนะ สิงคโปร์ 3-1, ชนะ มาเลเซีย 2-0. ชนะ ลาว 4-1 และเสมอเวียดนาม 1-1 ก่อนเข้ารอบรองชนะเลิศจบ เมียนมาร์ 3-0 เข้าชิงชนะเลิศแบบณเดช (หล่อๆ)

 

จุดเปลี่ยนสำคัญ...ตะบันอินโดนีเซีย

อินโดนีเซีย คือคู่ชิงเหรียญทองของ ไทย ซึ่งจะว่าไปก็เปรียบเสมือนเกมๆ นึง แต่หารู้ไม่ว่านี่คือจุดเปลี่ยนของทีมชุดนี้!!!

ก่อนเกมจะเริ่ม ไทย ต้องเจอข่าวไม่สู้ดี เพราะ โจนาธาร เข็มดี ประกาศเลิกเล่นทีมชาติทุกชุดหลังจบนัดชิงชนะเลิศ ทำเอาหลายคนตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้น

ส่วนการแข่งขัน อินโดนีเซีย ที่ผู้เล่นส่วนใหญ่ขึ้นสู่ทีมชาติชุดใหญ่กันเกือบหมด ยิงขึ้นนำ 1-0 จาก Muhammad Ramadhan Sananta น.20 

ก่อนที่ น.45+3 ผู้ตัดสินให้ อินโดนีเซีย เตะบอลคืนให้ ไทย ปรากฎว่า Muhammad Ramadhan Sananta วิ่งมาเล่นและยิงบอลเข้าประตูไป 2-0 

แน่นอนว่า ไทย พยายามประท้วงเพราะผู้ตัดสินบอกให้ อินโดฯ เตะคืน (ซึ่งกองหลังก็เตะคืนให้จริง แต่เบอร์ 9 Sananta  ดันเล่น ส่วนกองหลังไทยก็ดันพลาดเอง พยายามจะเล่นแต่กะจังหวะไม่ดี เลยดูเหมือนว่ามีการเล่นแล้ว) ทำให้ประท้วงไม่เป็นผล

ครึ่งหลัง ไทย ตีไข่แตกได้จาก อนันต์ ยอดสังวาลน์ น.65 และช่วงทดเวลานาทีสุดท้าย ผู้ตัดสินเป่าฟาล์วให้ ไทย แต่อินโดฯ เข้าใจว่าเป่าหมดเวลาแล้ว ทำให้ Sananta เจ้าเก่า วิ่งชูธงชาติเข้ามาในเขตเทคนิคของไทย ทำให้ ไทย ไม่พอใจเพราะมองว่าเป็นการเยาะเย้ย 

ก่อนที่ ไทย จะเล่นฟรีคิกบริเวณกลางสนามและเปิดยาวเข้าไป ธีรศักดิ์ เผยพิมาย โหม่งตั้งให้ ยศกร บูรพา ยิงตีเสมอ 2-2 คราวนี้สต๊าฟฟ์โค้ช, เจ้าหน้าที่, ตัวสำรองของไทย วิ่งไปในเขตเทคนิคของอินโดฯ เพื่อดีใจคืน ทำให้ อินโดฯ ไม่พอใจและมีการปะทะกันวุ่น ต้องใช้เวลานานกว่าจะเคลียร์กันได้ ซึ่งเคสนี้ ประสบโชค โชคเหมาะ โค้ชประตูของไทยโดนใบแดง ส่วนอินโดฯ คือเบอร์ 18 Titan Fawwazi  (ตัวสำรอง)

90 นาทีเสมอ 2-2 ต้องหาผู้ชนะด้วยการต่อเวลาพิเศษออกไป คราวนี้ อินโดฯ จะวิ่งมาในแดนของ ไทย บ้าง แต่ยังไม่ทันถึงเขตเทคนิค ไทย ก็เข้าไปปะทะก่อน ทว่าหนนี้วุ่นวายหนักเพราะมีสาวหมัด ต่อย ชก และในสนาม โสภณวิชญ์ รักญาติ โกลของไทยวิ่งไปต่อยเบอร์ 4 Komang Trisnanda ด้วย ซึ่งใช้เวลานานกว่าจะเคลียร์กันได้ ก่อนที่ โสภณวิชญ์ กับ Trisnanda โดนใบแดงไล่ออกจากสนาม เหลือทีมละ 10 คน ซึ่ง ไทย ต้องถอด ทรงชัย ทองฉ่ำ ออก และให้ ถิรวุฒิ สรวลสรรค์ ลงไปเป็นโกล

น.102 โจนาธาร เข็มดี โดนใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม เหลือ 9 คน
น.107 อินโดฯ ยิงนำ 4-2 จาก Muhammad Fajar Fathur Rachman
น.110 ฉัตรมงคล น้ำตาลขาดเลือด ไม่มีแรง เล่นต่อไม่ไหว เหลือ 8 คน
น.118 ธีรศักดิ์ เผยพิมาย โดนใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม เหลือ 7 คน
น.120 อินโดฯ ยิงปิดกล่อง 5-2 จาก Beckham Putra Nugraha

หลังจบเกม ไทย ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ไม่ใช่เรื่องผลการแข่งขัน แต่เป็นเรื่องนอกสนาม

สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ สั่งแบนสต๊าฟฟ์โค้ชและนักเตะบางคน ห้ามเล่นให้ทีมชาตินาน 6 เดือน คือ โสภณวิชญ์ รักญาติ กับ ธีรภักดิ์ เปรื่องนา ส่วน อิสสระ ศรีทะโร ถูกต่อว่าเพราะไม่สามารถควบคุมทีมได้ แต่ยังคงได้ทำทีมต่อไป

ส่วน ยุทธนา หยิมการุณ ผู้จัดการทีม ได้ขอลาออก!

 

ภาพลักษณ์เสีย แต่ต้องเดินหน้าต่อ

กระแสของทีมชุดยู 23 “ติดลบ” ในสายตาแฟนบอล จากความดีที่สร้างสมมา กลับพังทลายไม่เป็นท่าจาก อินโดนีเซีย แค่เกมเดียว

บางคนเรียกร้องให้สมาคมฯ ปลด อิสสระ ศรีทะโร และทีมงานสต๊าฟฟ์โค้ชแบบยกชุด เช่นเดียวกับนักฟุตบอลที่ก่อเหตุ

แต่สมาคมฯ ไม่อาจทำแบบนั้นได้ เพราะต้องลงโทษตามระเบียบที่เขียนเอาไว้

อิสสระ ยังคงก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไปและไม่มีใครอยากถามถึงเหตุการณ์และความรู้สึกของเกมนั้น เพราะรู้อยู่แล้วว่าไม่มีใครอยากให้เกิด

รายการชิงแชมป์อาเซียน 2023 ในเดือน ส.ค.66 จัดขึ้นที่สนามพีทีที จ.ระยอง ซึ่ง อิสสระ เจอปัญหาตรงที่นักเตะตัวหลักไม่สามารถมาเล่นได้ เพราะไม่ตรงกับ ฟีฟ่า เดย์ ทำให้สโมสรไม่ปล่อยตัวออกมา

สุดท้ายรายการนี้ ไทย ได้อันดับ 3 จากผลงาน รอบแรก :  ชนะ เมียนมาร์ 3-0, ชนะ บรูไน 3-0, ชนะ กัมพูชา 2-0, รอบรองฯ แพ้ อินโดนีเซีย 1-3 และชิงอันดับ 3 เสมอ มาเลเซีย 0-0 (ไทยชนะจุดโทษ 4-3)

 

เป็นไปตามเป้า...ตีตั๋วเข้ารอบที่กาตาร์

ไม่ต้องรอนาน! เดือน ก.ย.66 รายการสำคัญของปีก็เริ่มต้นขึ้น กับยู 23 ชิงแชมป์เอเชีย 2024 รอบคัดเลือก ซึ่งรายการนี้เป็นบันไดขึ้นแรกของการคัดทีมไปโอลิมปิก 2024 ซึ่ง ไทย ต้องเข้ารอบสุดท้าย ที่กาตาร์ ให้ได้

สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ สามารถเอาสิทธิ์การเป็นเจ้าภาพยู 23 ชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือก มาจัดที่ประเทศไทยได้ ณ สนามชลบุรี ทำให้โอกาสของ ไทย มีเพิ่มมากขึ้น

รายการนี้เป็นครั้งแรกที่ อิสสระ ได้ผู้เล่นที่ดี...แต่ยังไม่ที่สุด เพราะยังขาด ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ที่ถูกขอตัวไว้เพื่ออนาคตในการเล่นยุโรป นอกจากนั้นตัวหลักอย่าง โจนาธาร เข็มดี ยังยืนกรานว่าเลิกเล่นทีมชาติ และโสภณวิชญ์ รักญาติ กับ ธีรภักดิ์ เปรื่องนา ติดโทษแบนจากสมาคมฯ

อิสสระ ได้ทดลองทีมอีก 1 นัด ในการอุ่นเครื่องกับ สิงคโปร์ ก่อนที่ ไทย จะชนะ 2-0

เท่ากับว่าเป็นจำนวนทั้งหมด 17 เกม ที่ อิสสระ ได้ทดลองทีม ประกอบด้วย อุ่นเครื่อง 3 นัด, โดฮา คัพ 3 นัด, ซีเกมส์ 6 นัด และชิงแชมป์อาเซียน 5 นัด (ชนะ 10, เสมอ 4, แพ้ 3)

เกมแรกของยู 23 ชิงแชมป์เอเชีย 2024 รอบคัดเลือก ไทย พบ ฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นเกมที่ไม่ยากเท่าไหร่ ก่อนซัดขาดลอย 5-0

นัดที่ 2 พบ บังกลาเทศ เกมนี้อึดอัดเล็กน้อยเพราะกว่าจะได้ประตูต้องรอถึงท้ายครึ่งแรก แต่สุดท้ายผ่านเกมนี้มาได้ด้วยชัยชนะ 3-0

นัดสุดท้ายพบ มาเลเซีย ซึ่งเป็นเกมชี้ชะตา หากพลาดท่าแพ้ นั่นหมายความว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่สรรสร้างกันมาแทบพังทลาย

ยศกร บูรพา เด็กวัย 18 ปี กลายเป็นฮีโรให้ ทีมชาติไทย เมื่อเป็นคนโหม่งทำประตูชัยให้ “ช้างศึก” ฝัง “เสือเหลือง” 1-0 ทำให้ ไทย เก็บ 9 คะแนนเต็ม ตีตั๋วเข้าสู่รอบสุดท้ายชิงแชมป์เอเชีย 2024 ที่กาตาร์ ในเดือน ม.ค.67

 

11 เดือนกระท่อนกระแท่นแต่ “ช้าง” ยังไม่ล้ม

ตลอด 11 เดือนของ ทีมชาติไทย ชุดยู 23 ผ่านเรื่องราวมาอย่างมากมาย ซึ่งไม่ได้สวยงามเท่าไหร่นัก แต่พวกเขายังตะลุยผ่านมาได้เกินครึ่งทางแล้ว

แน่นอนว่าภารกิจยังไม่จบ เพราะการไปโอลิมปิก 2024 จะต้องดวลกับ เสือ สิงห์ กระทิง แรด อีกมาก ที่รออยู่ ณ ประเทศกาตาร์ ซึ่งคัดเอาเพียง 3.5 ทีม ในการเป็นตัวแทนเอเชีย ไทย อยู่ในโถ 3 ฉะนั้นมีโอกาสเจอบิ๊กทีมของเอเชียในโถ 1 และ 2

โถ 1 : กาตาร์ (เจ้าภาพ), ซาอุดิอาระเบีย, อุซเบกิสถาน, ญี่ปุ่น
โถ 2 : ออสเตรเลีย, เกาหลีใต้, อิรัก, เวียดนาม
โถ 3 : ไทย, จอร์แดน, ยูเออี, คูเวต
โถ 4 : มาเลเซีย, ทาจิกิสถาน, อินโดนีเซีย, จีน

ไม่ว่าจะต้องเจอใครถือเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะการไปโอลิมปิกมันไม่มีอะไรง่ายอยู่แล้ว

แต่ “ช้าง” ตัวนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพวกเขาอึดและทนแค่ไหน ผ่านอะไรมานักต่อนัก

ถ้าจะเจอหนักกว่านี้ ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว!!!

 

ที่มา

https://www.facebook.com/MainStandTH/photos/a.250798898813146/923260138233682/?type=3

Author

Main Stand

Stand ForAll สื่อกีฬาที่เข้าถึงทุกคน