ฤดูกาล 2022-23 ที่ผ่านมานับเป็นช่วงเวลาที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ผงาดได้อย่างเต็มภาคภูมิด้วยการคว้าทริปเปิล แชมป์ ประกอบด้วย พรีเมียร์ลีก อังกฤษ, เอฟเอ คัพ และปิดท้ายด้วยการพิชิตถ้วยต้องคำสาปของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา อย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
โดยหนึ่งในคีย์แมนคนสำคัญของระบบการเล่นฉบับกุนซือสมองเพชร นั่นก็คือ อิลคาย กุนโดนกัน ที่ทั้งขับเคลื่อนเกม แอสซิสต์ และยิงประตูให้ "เรือใบสีฟ้า" แต่ไม่นานหลังจากนั้น มิดฟิลด์ชาวเยอรมันวัย 32 ปี ได้ตัดสินใจย้ายสู่อ้อมอก บาร์เซโลน่า ยักษ์ใหญ่แห่ง ลาลีกา สเปน แบบไร้ค่าตัว
ทว่าแทบจะทันทีที่เสียกุนโดกัน เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็ไม่รอช้า หอบขันหมากมูลค่า 30 ล้านปอนด์ (รวมแอดออน) หรือ ราว ๆ 1.3 พันล้านบาท ไปสู่ขอ มาเตโอ โควาซิช มิดฟิลด์เลือดโครแอตวัย 29 ปี ของเชลซี มาทดแทนส่วนที่ขาดหาย
กว่าที่ มาเตโอ โควาซิช จะเป็นที่ต้องการของเป๊ป เขามีเส้นทางค้าแข้งเป็นอย่างไร และการมาถึงของเขาจะช่วยให้ "เรือใบสีฟ้า" แล่นฉิวกว่าเดิมขนาดไหน สามารถติดตามได้ที่ Main Stand
ซาเกร็บ ส่งเข้าประกวด
ด้วยความที่พ่อและแม่ของ มาเตโอ โควาซิช เป็นชาวโครแอตเชื้อสายบอสเนียที่ลี้ภัยสงครามมายังเมืองลินซ์ ประเทศออสเตรีย ทำให้เส้นทางการเป็นนักฟุตบอลของเขาเริ่มต้นขึ้นที่ แอลเอเอสเค ลินซ์ (LASK) ทีมดังในลีกออสเตรียน บุนเดสลีกา ซึ่งเป็นสโมสรละแวกบ้านเกิด ก่อนจะเรียนรู้วิชาลูกหนังกับสถานที่แห่งนี้เป็นระยะเวลา 7 ปี
จนกระทั่งปี 2007 มาเตโอ โควาซิช ที่มีอายุได้ 13 ปี เขากลายเป็นที่ต้องตาต้องใจของบรรดาสโมสรชั้นนำทั่วยุโรปไม่ว่าจะเป็น บาเยิร์น มิวนิค, ยูเวนตุส, อินเตอร์ มิลาน, อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม และ สตุ๊ตการ์ต แต่สุดท้ายเป็น ดินาโม ซาเกร็บ ทีมดังจากโครเอเชีย บ้านของพ่อแม่ ที่ซื้อใจเขาได้สำเร็จ ก่อนจะบ่มเพาะดาวรุ่งรายนี้อย่างใกล้ชิด
ทุกอย่างบนเส้นทางการค้าแข้งของ มาเตโอ โควาซิช กำลังดำเนินไปได้อย่างสวยหรู แม้อาการบาดเจ็บหนักครั้งแรกของเขาด้วยสาเหตุขาหักได้มาเยือนในปี 2009 แต่กลับกลายเป็นช่วงเวลาราว ๆ 1 ปีที่เขาได้เสริมสร้างความสามารถด้านกายภาพให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม
หลังจากนั้นในฤดูกาล 2010-11 มาเตโอ โควาซิช ก็ได้เดบิวต์ให้กับทีมชุดใหญ่ของ ดินาโม ซาเกร็บ ในเกมที่บุกถล่ม ดราโกโวลแยค (Hrvatski Dragovoljac) 6-0 ด้วยอายุเพียง 16 ปีกับอีก 198 วันเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นในแมตช์ดังกล่าวเขายังสามารถยิงประตูได้อีกด้วย ส่งผลให้ มาเตโอ โควาซิช กลายเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดของลีก ณ ช่วงเวลานั้นที่สามารถส่งบอลไปนอนก้นตาข่าย และเขาได้โอกาสลงเล่นอีก 6 เกม พร้อมมีแชมป์ลีกสูงสุดโครเอเชียสมัยแรกของตนเองประดับบารมี
ฤดูกาลถัดมา มาเตโอ โควาซิช ภายใต้ยูนิฟอร์มดินาโม ซาเกร็บ เขาสามารถช่วยให้ต้นสังกัดผ่านเข้าสู่รอบแบ่งกลุ่มฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี ด้วยวัยเพียง 17 ปี และมีโอกาสสวมปลอกแขนกัปตันทีมในเกมลีก จนสามารถคว้ารางวัลส่วนตัวอย่างนักฟุตบอลดาวรุ่งแห่งปีของโครเอเชีย ในปี 2011
จากผลงานที่เป็นกำลังสำคัญของสโมสรตั้งแต่อายุยังน้อย ทางบอร์ดบริหารของ ดินาโม ซาเกร็บ มีความตั้งใจที่จะไม่ปล่อยตัว มาเตโอ โควาซิช อย่างแน่นอน เนื่องจากพวกเขามองว่านักเตะอย่างโควาซิช รวมถึง อเลน ฮาลิโลวิช จะเป็นแกนหลักของการปรับปรุงทีมครั้งใหญ่
อย่างไรก็ตาม ความตั้งใจทั้งหมดกลับพังทลายลง โดยช่วงเวลาสุดท้ายระหว่าง มาเตโอ โควาซิช และ ดินาโม ซาเกร็บ เกิดขึ้นเมื่อมหาอำนาจวงการลูกหนังอิตาลีอย่าง อินเตอร์ มิลาน กระชากตัวกองกลางรายนี้เข้ารัง "งูใหญ่" ด้วยค่าตัว 11 ล้านยูโรบวกแอดออนอีก 4 ล้านยูโร ในช่วงตลาดซื้อ-ขายนักเตะฤดูหนาวเดือนมกราคม ปี 2013
เก็บเลเวลกับสโมสรชั้นนำ
"มาเตโอ โควาซิช เป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างสไตล์การเล่นของ กาก้า และ คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ เขามีเทคนิคดี เลี้ยงบอลทะลุทะลวงได้ และความเร็วไปกับบอลก็ไร้ที่ติ"
"วอลเตอร์ มาซซารี่ (กุนซือ อินเตอร์ มิลาน ณ ตอนนั้น) ทำได้ยอดเยี่ยมที่ดึงตัวโควาซิชมาไว้ในทีม นี่ขนาดผมยังไม่ได้สอนแท็กติกอะไรเขามากเลยนะ แน่นอนว่าเราจะทำให้โควาซิชมีอิสระมากขึ้น ถ้าหากเขาสามารถทะลวงไปข้างหน้าได้มากกว่านี้เจ้าหมอนี่จะเป็นตัวอันตรายอย่างมาก"
นี่คือคำกล่าวที่ จิโอวานนี่ ตราปัตโตนี่ ตำนานผู้จัดการทีมของ อินเตอร์ มิลาน เอ่ยถึง มาเตโอ โควาซิช ในสีเสื้อ “เนรัซซูรี่” แต่ช่วงเวลานั้น อินเตอร์ มิลาน กลับไม่สามารถสร้างความสำเร็จได้เลยทั้งในเซเรีย อา และเวทียุโรป ไม่ว่าจะในฤดูกาล 2012-13, 2013-14 หรือ 2014-15 ก็ตาม
แต่ถึงกระนั้นจากฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นเหนือกว่านักเตะคนอื่น ๆ ในตำแหน่งเดียวกัน ส่งผลให้ “ราชัน ชุดขาว” เรอัล มาดริด ดึงตัว มาเตโอ โควาซิช มาสวมเครื่องแบบชุดขาวในเดือนสิงหาคม ปี 2015 และในฤดูกาลแรกของเขาภายใต้การคุมทีมของ ราฟาเอล เบนนิเตซ โควาซิชก็ถูกเรียกใช้งานเป็นประจำไม่ว่าจะบทบาทไหนก็ตามในแผงมิดฟิลด์
แต่การมาถึงของ ซีเนดีน ซีดาน ในเดือนมกราคม ปี 2016 เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้กองกลางชาวโครเอเชียรายนี้ต้องเผชิญปัญหา เนื่องจาก ซีเนดีน ซีดาน มักมี 11 ผู้เล่นตัวจริงในดวงใจและเชื่อมั่นในผู้เล่นชุดเดิมไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์แบบไหนขึ้น ต่อมาในฤดูกาล 2017-18 ซีเนดีน ซีดาน ส่งโควาซิชลงสนามไปเพียง 21 เกมเท่านั้นในลีก ยิ่งไปกว่านั้นส่วนใหญ่เขามักจะถูกเปลี่ยนตัวลงสนามในฐานะตัวสำรองของ ลูก้า โมดริช และ โทนี่ โครส
และตลอดช่วงเวลาที่ มาเตโอ โควาซิช มี ซีเนดีน ซีดาน เป็นเจ้านาย มันก็ขัดแย้งกับความต้องการของนักฟุตบอลที่กำลังอยู่ในจุดพีก เขาจึงมีความประสงค์ที่จะย้ายออกจากถิ่น ซานติอาโก เบอร์นาเบว หากมีข้อเสนอที่น่าสนใจเข้ามา
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ มาเตโอ โควาซิช จะไม่ได้อยู่ในกลุ่มผู้เล่นตัวจริงที่อุดมไปด้วยแข้งสตาร์คับทีม แต่เขาก็ยังได้ชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาตร์ เรอัล มาดริด ที่สามารถเถลิงบัลลังก์ ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีก ได้สามสมัยซ้อน พ่วงด้วยการครองแชมป์สโมสรโลก ตั้งแต่ปี 2016-2018 ส่วนผลงานในนามทีมชาติ มาเตโอ โควาซิช ยังพาทีมชาติโครเอเชียไปได้ไกลถึงรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายก็ต้านฝรั่งเศสที่มี คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ไม่ไหวและพ่ายไป 4-2
มาโดดเด่นกับเชลซี
จนกระทั่งฤดูกาล 2018-2019 มาเตโอ โควาซิช ที่อยากมีเวลาในสนามอย่างสม่ำเสมอก็ถูก "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ที่ ณ ตอนนั้นมี เมาริซิโอ ซาร์รี่ กุมบังเหียนอยู่ จัดการดึงเข้ามาเป็นกำลังหลักในแดนกลางให้กับระบบการเล่นของซาร์รี่ โดยเป็นส่วนหนึ่งของการสลับขั้วกับ ติโบต์ กูร์กตัวส์ ที่พร้อมย้ายไปเฝ้าเสาให้ เรอัล มาดริด ด้วยสัญญายืมตัวหนึ่งฤดูกาล
และเพียงฤดูกาลแรกที่ มาเตโอ โควาซิช เปลี่ยนยูนิฟอร์มมาเป็นสีน้ำเงิน เขาก็สามารถเข้าไปนั่งอยู่ในหัวใจแฟน ๆ เชลซีได้ไม่ยากด้วยการเป็นตัวเลือกลำดับต้น ๆ ที่ผู้จัดการทีมมักเลือกใช้งานเหนือ แดนนี่ ดริงก์วอร์เทอร์, รอส บาร์คลีย์ รวมถึง รูเบน ลอฟตัส-ชีค โดยโควาซิชลงสนามขับเคลื่อนแดนกลางของเชลซีไปมากถึง 51 นัด พร้อมกับมีผลงาน 2 แอสซิสต์ แถมยังฝากความสำเร็จบนเวทียุโรปกับถ้วย ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ที่เขาลงเป็นตัวจริงและสามารถพาเชลซี เอาชนะ อาร์เซนอล ในนัดชิงชนะเลิศ 4-1
ทันทีที่ฤดูกาลดังกล่าวปิดฉากและเข้าสู่ช่วงตลาดซื้อ-ขายนักเตะก่อนเปิดฤดูกาล 2019-20 เชลซีก็จัดการปิดดีล มาเตโอ โควาซิช มาเป็นนักเตะ “สิงโตน้ำเงินคราม” แบบถาวร สนนราคาอยู่ที่ราว ๆ 40 ล้านปอนด์ พร้อมกับมอบสัญญายาว 5 ปีให้แก่แข้งโครเอเชียรายนี้ ซึ่งในความจริงแล้ว ณ ช่วงเวลาดังกล่าวเชลซีถูกลงโทษห้ามลงทะเบียนนักเตะเพิ่มเติมจากสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า จากคดีซื้อขายนักเตะอายุไม่เกิน 18 ปี จากนอกทวีปยุโรป แต่เนื่องจากโควาซิชเคยลงทะเบียนตอนมาเล่นให้เชลซีในสัญญายืมตัวเมื่อฤดูกาล 2018-2019 จึงได้รับไฟเขียวให้ย้ายทีมด้วยสัญญาซื้อขายในที่สุด
ปฏิเสธไม่ได้ว่า มาเตโอ โควาซิช เป็นนักเตะคนสำคัญในแผงมิดฟิลด์ของเชลซีตั้งแต่ยุค เมาริซิโอ ซาร์รี่ จนถึงตอนที่มี แฟรงค์ แลมพาร์ด เป็นกุนซือ แต่ที่คงเป็นภาพจำของแฟน ๆ “สิงห์บลูส์” มากที่สุดคงหนีไม่พ้นช่วงเวลาที่เชลซีแต่งตั้ง โธมัส ทูเคิล เข้ามากุมบังเหียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการแข่งขันฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2020-21
ซึ่งในปีนั้นเชลซีถูกนับว่าเป็นม้านอกสายตา เนื่องจากฟอร์มในพรีเมียร์ลีกที่กระท่อนกระแท่น ทว่ากุนซือชาวเยอรมันกลับเป็นคนเข้ามาทำให้เชลซีกลายเป็นทีมที่คู่ต่อสู้เล่นด้วยยากทุกครั้งที่เผชิญหน้าด้วย โดยมีแผงมิดฟิลด์ระดับพระกาฬประสานงานร่วมกันนั่นคือ จอร์จินโญ่, เอ็นโกโล่ ก็องเต้ และ มาเตโอ โควาซิช
และเขาก็สามารถพาเชลซีเป็นเจ้ายุโรปสมัยที่สอง และนับเป็นสมัยที่สี่ในชีวิตการค้าแข้งของโควาซิช ต่อด้วยการกวาดแชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และแชมป์สโมสรโลกอีกอย่างละหนึ่งสมัย
มาถึงฤดูกาล 2021-22 เชลซีไม่ได้มีถ้วยรางวัลใด ๆ ติดมือ ทำได้ดีที่สุดเพียงเข้าชิงฟุตบอลถ้วยภายในประเทศไม่ว่าจะเป็น คาราบาว คัพ และ เอฟเอ คัพ แต่โดน ลิเวอร์พูล ส่งไปเป็นพระรองทั้งสองรายการ
อำลาถ้ำสิงห์โดดขึ้นเรือใบ
ฤดูกาล 2022-23 ชีวิตการค้าแข้งของ มาเตโอ โควาซิช ในสีเสื้อเชลซีนั้นดูไม่ค่อยราบรื่นเท่าไรนัก โดยเริ่มจากการวางมือของ โรมัน อบราโมวิช มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย อันสืบเนื่องจากเหตุการณ์กองทัพรัสเซียบุกยูเครน และเป็นกลุ่มทุนสัญชาติอเมริกันนำโดย ท็อด โบห์ลี่ เข้ามาปฏิวัติหลายสิ่งหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการปลด โธมัส ทูเคิล และแต่งตั้ง แกรห์ม พอตเตอร์ เข้ามารับหน้าที่คุมทีม ก่อนดึงตัวศิษย์เก่าอย่าง แฟรงค์ แลมพาร์ด เข้ามาขัดตาทัพ แต่มันก็ไม่สามารถพา "สิงห์บลูส์" ไปอยู่ในจุดที่ควรจะเป็นได้
กลับกันในนามทีมชาติ ผลงานส่วนตัวของ มาเตโอ โควาซิช นั้นทำได้อย่างโดดเด่น โดยเขาพาทีมชาติโครเอเชียเขย่าโลกลูกหนังคว้าอันดับที่สามในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 ณ กาตาร์ สวนทางกับผลงานในยูนิฟอร์มเชลซีที่ทำได้เพียงจบอันดับครึ่งล่างของตาราง แถมยังพลาดโควตาไปลุยเวทียุโรปทุกถ้วยในฤดูกาล 2023-24 อีกด้วย
หลังจากปิดฉากฤดูกาลดังกล่าว เชลซีได้ทำการผ่าตัดทีมครั้งใหญ่โดยทำการปล่อยผู้เล่นจำนวนมากออกจากสโมสร ซึ่ง มาเตโอ โควาซิช ก็ถูกนับเป็นหนึ่งในลิสต์ที่ทางบอร์ดต้องการระบายออกจากทีมเพื่อหลีกทางให้กับเชลซียุคสมัยใหม่ ภายใต้การคุมทีมของ เมาริซิโอ โปเชตติโน่ กุนซือชาวอาร์เจนไตน์
ซึ่งมันก็ประจวบเหมาะกับช่วงเวลาที่ เป๊ป กวาร์ดิโอลา เสีย อิลคาย กุนโดกัน ให้กับ บาร์เซโลน่า ส่งผลให้ดีลที่จะนำตัว มาเตโอ โควาซิช มาเป็นนักเตะคนใหม่ไม่ใช่เรื่องยาก เนื่องจากเป๊ปเองก็รู้สึกถูกใจและชื่นชมมิดฟิลด์ชาวโครเอเชียรายนี้มานานแล้ว
เงิน 25 ล้านปอนด์บวกแอดออนอีกราว ๆ 5 ล้านปอนด์ คือค่าตัวที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยอมควักเงินจ่ายให้ เชลซี สำหรับดีลของ มาเตโอ โควาซิช ในวัย 29 ปี พร้อมสัญญาอีก 4 ปี โดยเหตุผลที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตัดสินใจคว้าตัวโควาซิชในช่วงซัมเมอร์นี้ ซิกิ เบกิริสไตน์ ผู้อำนวยการกีฬาของ "เรือใบสีฟ้า" ได้ให้คำตอบไว้ว่า เนื่องจากพลาดเป้าหมายลำดับแรกอย่าง จู๊ด เบลลิงแฮม ที่ย้ายไปเล่นกับ เรอัล มาดริด
โดย ซิกิ เบกิริสไตน์ กล่าวถึงโควาซิชในงานเปิดตัวว่า "มาเตโอ โควาซิช เป็นนักเตะที่สามารถเล่นได้ทั้งบทบาทกองกลางหมายเลข 6 และหมายเลข 8 เขาพกประสบการณ์มากมายทั้งในระดับสโมสรและบนเวทีทีมชาติมาเต็มกระเป๋า ที่สำคัญเขาเข้าใจวิธีการเล่นฟุตบอลในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ"
"เรื่องการนำตัว มาเตโอ โควาซิช มายัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แทบไม่ต้องตัดสินใจเลย เพราะเขาประกอบไปด้วยความสามารถด้านเทคนิคและความเข้าใจในแท็กติคที่ทีมของเรากำลังมองหาเพื่อมาเติมเต็มในแผงมิดฟิลด์"
"นักเตะรายนี้อยู่ในเรดาห์ของพวกเรามานานพอสมควรแล้ว สโมสรประทับใจทุกครั้งที่ได้เห็น มาเตโอ โควาซิช วาดลวดลายบนผืนสนามหญ้า"
คุณค่าที่ แมนฯ ซิตี้ คู่ควร ?
"การได้เข้าร่วมสโมสรที่ยิ่งใหญ่อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นความใฝ่ฝันของนักเตะทุกคน"
"ผมยังมีเรื่องในสนามอีกมากที่ยังรอให้แก้ไข ผมรู้ว่าตัวเองที่มี เป๊ป กวาร์ดิโอลา เป็นเจ้านายจะสามารถเป็นผู้เล่นที่ดีขึ้นได้ แน่นอนว่ามันน่าตื่นเต้นมาก ๆ" โควาซิช กล่าว
ต้องอธิบายก่อนว่า มาเตโอ โควาซิช สามารถเล่นได้เกือบทุกบทบาทในแผงมิดฟิลด์ ไม่ว่าจะตัวทำเกม ตัวจ่ายบอล ตัวคุมจังหวะ หรือเลี้ยงกินตัวทะลุทะลวงแนวรับของคู่แข่ง โดยทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เขาสั่งสมมาตั้งแต่อยู่กับ ดินาโม ซาเกร็บ, อินเตอร์ มิลาน, เรอัล มาดริด และ เชลซี
ซึ่งมันก็สอดคล้องกับระบบการเล่นของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ที่กองกลางในอุดมคติของเขาต้องสามารถเอาชนะพื้นที่บริเวณกลางสนามเหนือทีมคู่แข่งได้อย่างอยู่หมัด เมื่อฤดูกาล 2022-23 ที่ผ่านมา เป๊ป กวาร์ดิโอลา เคยใส่ระบบสุดบ้าในโลกฟุตบอลอย่าง 3-2-5 ให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขณะที่ มาเตโอ โควาซิช ก็เคยรับบทบาทมิดฟิลด์คู่กลางที่เชลซีอยู่เป็นประจำ ยิ่งไปกว่านั้นสถิติส่วนตัวของโควาซิชในการจ่ายบอลไปยังพื้นที่สุดท้ายจัดอยู่ในอับดับที่ 6 ของพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2022-23
นอกจากนี้ ดีไม่ดีการมาถึงของ มาเตโอ โควาซิช อาจสามารถช่วยให้ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ รวมถึงแนวรุกคนอื่น ๆ ปลดล็อกศักยภาพไปอีกขั้น เพราะกองกลางเลือดโครแอตรายนี้สามารถเอาตัวรอดจากพื้นที่แคบและสถานการณ์กดดันได้เป็นอย่างดี และเมื่อ แมนฯ ซิตี้ มี มาเตโอ โควาซิช ที่ถนัดโจมตีในแนวลึก เกมรุกของทีมก็จะมีทางเลือกสำหรับสร้างสกอร์มากยิ่งขึ้นด้วยการเพิ่มนักเตะที่ลำเลียงบอลไปข้างหน้าได้ดีอย่างโควาซิช
อย่างไรก็ตาม ในช่วงพรีซีซั่นก่อนเปิดฤดูกาล 2023-24 โควาซิชมีโอกาสได้ทดลองระบบกับต้นสังกัดใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แถมเขายังสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว
"มาเตโอย้ายจาก เชลซี มา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยตรง และเขาเข้ากันได้ดีกับทีมของเรา เขาเป็นคนที่สามารถนําคุณภาพในสนามมาสู่ทีม"
"เขาก้าวร้าวในการเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้และเก่งในการเอาตัวรอดจากแรงกดดันในสถานการณ์คับขัน ผมรู้สึกว่าการที่โควาซิชเข้ามาในทีมจะสามารถช่วยเราได้มาก ผมตื่นเต้นมากที่จะได้เล่นร่วมกับเขา" ฟิล โฟเดน กล่าวถึงโควาซิช
สุดท้ายนี้ หากฤดูกาล 2023-24 ที่กำลังจะเปิดฉาก มาเตโอ โควาซิช สามารถดึงศักยภาพที่ดีที่สุดของเขาออกมาได้ เชื่อเหลือเกินว่าการขาดไปของ อิลคาย กุนโดกัน จะถูกเติมเต็มโดยสมบูรณ์ หรืออาจถึงขั้นช่วยให้แผงมิดฟิลด์ของ "เรือใบสีฟ้า" แข็งแกร่งกว่าฤดูกาล 2022-23 เสียอีก
แหล่งอ้างอิง :
https://dailypost.ng/2023/06/27/transfer-man-city-reveal-why-they-bought-kovacic-from-chelsea/
https://sempreinter.com/2013/11/23/trapattoni-kovacic-is-a-mix-of-seedorf-and-kaka/
https://metro.co.uk/2019/03/28/zinedine-zidane-not-want-chelsea-loanee-mateo-kovacic-back-real-madrid-9053170/
https://en.wikipedia.org/wiki/Mateo_Kova%C4%8Di%C4%87
https://www.goal.com/en/news/the-story-of-kovacics-rise-from-12-year-old-prodigy-to-the-middle-of-madrid-chelsea-tug-of-war/xe6j3nw0l2k31x8lrnoymk3xm
https://www.premierleague.com/news/3526672
https://www.manchestereveningnews.co.uk/sport/football/football-news/man-city-foden-kovacic-news-27403830
https://www.mancity.com/news/mens/mateo-kovacic-10-things-manchester-city-63823479#:~:text=The%2029%2Dyear%2Dold%20has,for%20the%202023%2F24%20season.