ผลงานช่วงท้ายฤดูกาล 2022-23 ของ คริสตัล พาเลซ ที่พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือจนรอดตกชั้น ต้องยกเครดิตให้กับ “รอย ฮอดจ์สัน” ที่กลับมาคุมทีมอีกครั้งหลังจากอำลาทีมไป
นอกจากมันสมองของกุนซือเฒ่าผู้นี้ยังมีนักเตะอีกคนที่สำคัญไม่แพ้กันอย่าง “เอเบเรชี เอเซ” ที่เหมือนกลับมาเกิดใหม่ จากผลงานในสนามและใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มของเขา
เรื่องราวของแข้งพ่อมดผู้นี้มีความน่าสนใจอย่างไร และเขาจะก้าวมาเป็นสตาร์ประจำทีมในอนาคตได้หรือไม่
มาร่วมติดตามเรื่องราวทั้งหมดนี้ไปพร้อมกันกับ Main Stand
จังหวะตกหลุมรัก
เอเบเรชี เอเซ เติบโตมาจากครอบครัวเชื้อสายไนจีเรีย บริเวณแฟลตแห่งหนึ่งในกรุงลอนดอนที่เต็มไปด้วยการก่ออาชญากรรม ทำให้เขาไม่มีเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันในการเล่นฟุตบอลมากนัก
ถึงแม้สภาพแวดล้อมจะไม่เป็นใจ แต่เขาก็ยังหาจังหวะตกหลุมรักฟุตบอลเจอจนได้จากการดูคลิปของ “โรนัลดินโญ่” ตำนานทีมชาติบราซิลผู้เป็นไอดอล ทำให้เขาจำทักษะและสไตล์การเล่นของอัจฉริยะลูกหนังผู้นี้มา
ดังบทสัมภาษณ์ของเขาที่ว่า “ผมดูคลิปของโรนัลดินโญ่มาตั้งแต่เด็ก มันเลยทำให้ผมรักทักษะเหล่านี้ ผมชอบเลี้ยงผ่านคู่แข่งอะไรทำนองนั้น และนี่เป็นสิ่งที่สร้างความหลงใหลในฟุตบอลให้ผมได้จริง ๆ”
ตอนอยู่โรงเรียนเขามักจะใช้เวลาหลังเลิกเรียนในการเล่นฟุตบอลกับเพื่อนทุกวัน ส่วนมากจะเป็นสนามที่มีกรงเหล็กล้อมรอบ ซึ่งช่วยเสริมสร้างทักษะให้เขาเป็นอย่างมาก
เขาได้กล่าวว่า “ตอนอยู่โรงเรียน ผมเล่นฟุตบอลในกรงเหล็กอยู่ตลอด มันเป็นจุดที่สนุกมาก และทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรเยอะเลย ผมคิดว่ามันช่วยเพิ่มทักษะการครองบอลและการเลี้ยงหลบคู่แข่งในพื้นที่จำกัดได้ ผมว่ามันเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผมกลายมาเป็นแบบทุกวันนี้ได้”
จากความหลงใหลทำให้เขามองฟุตบอลเหมือนกับศิลปะและเป็นกีฬาที่สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองได้ เขาจึงเริ่มต้นเส้นทางการค้าแข้งแบบเต็มตัวด้วยการไปเข้าร่วมอคาเดมีของ “อาร์เซนอล” ในปี 2006
พลิกผันไปมา
ชีวิตการเป็น “Young Gunners” ของเอเซนั้นไม่ได้ง่ายเลย เนื่องจากรูปร่างที่เล็กเกินไปของเขาในตอนนั้น รวมถึงยังมีคู่แข่งวัยเดียวกันที่โดดเด่นกว่าเขาขวางทางอยู่มากมาย
จนเมื่อปี 2011 หลังจากอยู่อคาเดมีปืนใหญ่มาได้ 6 ปี เขาถูกปล่อยตัวออกมาเพราะสโมสรไม่คิดว่าจะพัฒนาเด็กตัวเล็ก ๆ คนนี้ให้มีอนาคตที่สดใสได้
เอเซได้กล่าวถึงช่วงเวลานั้นว่า “การถูกปฏิเสธมันทำให้ผมเจ็บปวดมาก มันไม่ง่ายเลยกับการต้องแบกรับตัวเองในฐานะนักเตะของอาร์เซนอล แต่ด้วยความเชื่อในพระเจ้าบวกกับครอบครัวที่ยังซัพพอร์ตผมอยู่ตลอด มันทำให้ผมยังมีความมั่นใจและสามารถก้าวผ่านช่วงเวลาอันเลวร้ายนั้นมาได้”
หลังจากนั้นเขาย้ายไปยังอคาเดมีของ ฟูแล่ม, เรดดิ้ง จนมาถึง มิลล์วอลล์ ทำให้เขาเริ่มกลับมามีความสุขในการเล่นฟุตบอลอีกครั้ง แต่ความสุขของเขาก็หมดลงอย่างรวดเร็วเนื่องจากมิลล์วอลล์ตัดสินใจปล่อยตัวเขาด้วยเหตุผลเดียวกับตอนอยู่กับอาร์เซนอล
ทำให้เอเซในตอนนั้นบอกกับพ่อแม่ทั้งน้ำตาว่า “เขาจะเลิกเล่นฟุตบอล” และจะหันไปหางานพาร์ตไทม์ทำ พร้อม ๆ กับเรียนต่อในมหาวิทยาลัยแทน
แต่แล้วจุดพลิกผันสำคัญในชีวิตก็มาถึง เขาได้รับข้อเสนอจาก “ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส” เพราะผู้จัดการทีมในเวลานั้นอย่าง “คริส แรมซีย์” ชื่นชอบสไตล์การเล่นของเขามาก
ทำให้เอเซตอบรับข้อเสนอของควีนส์ปาร์ค และได้เซ็นสัญญาฉบับแรกในอาชีพการค้าแข้งของตัวเองในปี 2016
แจ้งเกิดที่ ลอฟตัส โรด
หลังจากย้ายมาร่วมทัพทหารเสือราชินีได้ครึ่งฤดูกาล เอเซถูกปล่อยยืมตัวไปเก็บประสบการณ์ที่ “วีคอมบ์ วันเดอเรอส์” ก่อน แต่จากผลงานอันยอดเยี่ยมของเขาทำให้ควีนสปาร์คดึงตัวเขากลับมาก่อนกำหนดในช่วงกลางฤดูกาล
เมื่อกลับมาที่ต้นสังกัดแม่ เขาแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวจากทักษะการไปกับบอลและเลี้ยงผ่านคู่แข่งอันโดดเด่นในบทบาทเพลย์เมกเกอร์ของทีม ทำให้เขาไม่เคยหลุดจากทีมชุดใหญ่อีกเลยนับแต่นั้นมา
ฟอร์มของเขาดีจนผู้จัดการทีมในเวลานั้นอย่าง “มาร์ค วอเบอร์ตัน” ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า “เขา (เอเซ) เป็นนักเตะที่เป็นตัวของตัวเองมาก เขามีพรสวรรค์สูงและมีศักยภาพมากมายที่สามารถช่วยทีมได้ ผมจะตั้งตารอดูว่าเขาจะพัฒนาไปได้ขนาดไหนในอนาคต”
ท้ายที่สุด เอเซได้ฝากผลงานอันยอดเยี่ยมไว้ที่ถิ่นลอฟตัส โรด ด้วยผลงานยิง 20 ประตูตลอดการค้าแข้งกับทีม โดยเฉพาะฤดูกาลสุดท้ายที่ทำไปถึง 14 ประตู กับ 8 แอสซิสต์ ก่อนที่จะย้ายไป คริสตัล พาเลซ ในปี 2020
ติดปีกอินทรี
ชีวิตในถิ่น “เซลเฮิร์ส พาร์ค” ของเขาเป็นไปอย่างราบรื่น ภายใต้การคุมทีมของ “รอย ฮอดจ์สัน” ในฤดูกาล 2020-21 จนปู่รอยได้กล่าวถึงเขาไว้ว่า “เขา (เอเซ) เป็นผู้เล่นที่พร้อมพัฒนาตลอดเวลา” และฮอดจ์สันก็ให้โอกาสเขาลงสนามอยู่เรื่อย ๆ จนกลายเป็นตัวหลักของทีมในเวลาต่อมา
เขาสามารถปรับสไตล์การเล่นให้เข้ากับแผน 4-4-2 ที่ฮอดจ์สันชื่นชอบได้อย่างรวดเร็ว จุดเด่นของเขาคือ “วิสัยทัศน์” ที่ทำให้เขาสามารถจ่ายบอลได้อย่างหลากหลายจากทุกพื้นที่ในสนาม
และเขายังเป็นนักเตะที่มีพรสวรรค์ในการเล่นลูกตั้งเตะสูง ไม่ว่าจะเป็นลูกเตะมุม จุดโทษ หรือฟรีคิก รวมไปถึงทักษะยิงไกลที่หาไม่ได้ง่าย ๆ และเขาจะพยายามทำให้ตัวเองอยู่ในตำแหน่งที่สามารถจบสกอร์ได้ตลอด
ส่วนการยืนตำแหน่งในแผนของฮอดจ์สัน เขาจะถูกจับไปเล่นเป็นปีกซ้ายในระบบกองกลาง 4 ตัว ทำให้อิสระในการเล่นของเขามีน้อยกว่าสมัยที่ค้าแข้งอยู่กับควีนส์ปาร์คพอสมควร เพราะมันไม่มีโอกาสได้เล่นในตำแหน่งเบอร์ 10 เพื่อสร้างสรรค์เกม และทำให้เขาต้องลงมาช่วยเกมรับมากขึ้น
เขาจะโดดเด่นเมื่อทีมได้เป็นฝ่ายครองบอล แต่แผนของฮอดจ์สันนั้นไม่ต้องการให้ทีมครองบอลมากนัก ทำให้ความโดดเด่นของเอเซลดลงไปมากเมื่อเทียบกับตอนอยู่ควีนส์ปาร์ค
แม้จะไม่ได้เล่นในตำแหน่งถนัด แต่ผลงานโดยรวมยังคงเป็นที่น่าประทับใจ จากการยิง 4 ประตู กับอีก 6 แอสซิสต์ในฤดูกาลแรก รวมไปถึงยังมีลูกยิงสวย ๆ ให้เห็นอย่างฟรีคิกในเกมที่พบกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด และที่ขาดไม่ได้คือลูกโซโล่มหัศจรรย์ในเกมที่พบกับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ที่เขาได้เลี้ยงบอลจากแดนตัวเองฝ่าคู่แข่งเข้าไปยิงเสียบมุมได้อย่างสวยงาม
ฤดูกาลที่ไม่น่าจดจำ
และแล้วสิ่งที่ไม่น่าเกิดก็เกิดขึ้นกับเขาจนได้ ในช่วงก่อนจบฤดูกาล 2020-21 ที่เขากำลังเริ่มโชว์ฟอร์มได้ดี เขาดันได้รับบาดเจ็บเอ็นร้อยหวายอย่างรุนแรงทำให้ต้องพักยาวข้ามฤดูกาล
เมื่อหายเจ็บกลับมาในช่วงกลางฤดูกาล 2021-22 กุนซือคู่บุญของเขาอย่างฮอดจ์สันได้อำลาทีมไปแล้ว และเป็น “ปาทริก วิเอร่า” ที่เข้ามารับช่วงต่อ
ในเวลานั้นแผงกองกลาง 3 ตัว ในแผน 4-3-3 ของวิเอร่าถือว่าลงตัวอยู่แล้ว โดยเฉพาะ “คอเนอร์ กัลลาเกอร์” กองกลางดาวรุ่งที่ยืมมาจากเชลซีที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม
และแผนของวิเอร่าก็ไม่ได้เอื้อต่อเอเซเลย เพราะกองกลาง 3 คนมีหน้าที่หลักคือการป้องกันและคุมพื้นที่แดนกลาง ไม่ได้มีหน้าที่ในการสร้างสรรค์เกมมากนัก ส่วนตัวบนที่เขาพอเล่นได้ก็มี “วิลฟรีด ซาฮา” ขวางทางอยู่ ทำให้เอเซยังคงสอดแทรกขึ้นมาเป็นตัวจริงไม่ได้ในยุคของวิเอร่า
จนจบฤดูกาลนั้น เอเซได้รับโอกาสลงสนามเป็นตัวจริงเพียงแค่ 6 นัด และทำประตูได้ลูกเดียวตลอดทั้งฤดูกาล
เส้นทางพ่อมด
เวลาเดินมาถึงฤดูกาล 2022-23 หลังจากที่กัลลาเกอร์กลับไปยังเชลซี วิเอร่าจึงให้โอกาสเอเซลงสนามมากขึ้น แต่เล่นไปสักพักจากที่เป็นตัวจริงเขาก็กลายเป็นตัวสำรองอีกครั้ง ทำให้เขามีฟอร์มการเล่นไม่ต่อเนื่อง
จนเมื่อเดือนมีนาคม 2023 จากการไม่ชนะใครติดต่อกันมา 11 นัดทำให้วิเอร่าต้องกระเด็นออกจากเก้าอี้ และคนที่มารับช่วงต่อก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นกุนซือหน้าเก่าอย่าง รอย ฮอดจ์สัน
การกลับมาครั้งนี้ ปู่รอยไม่ได้ใช้แผน 4-4-2 อย่างที่เคยเล่นเมื่อ 2 ปีก่อน แต่เปลี่ยนมาเล่นในระบบ 4-2-3-1 และจับเอเซมาเล่นในตำแหน่งเบอร์ 10 หรือตำแหน่งเพลย์เมกเกอร์ที่เป็นตำแหน่งถนัดที่สุดของเขา
ดูผิวเผินแผนนี้อาจดูคล้ายกับ 4-3-3 ของวิเอร่า แต่ฮอดจ์สันให้เอเซขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งเบอร์ 10 เป็นส่วนใหญ่ของเกม และให้กองกลางที่เหลืออีก 2 คนเป็นตัวเก็บกวาดให้
เมื่อเขามีอิสระในการเล่นมากขึ้น การสร้างเกมบุกจากแดนกลางของทีมจึงมีความอันตรายเพิ่มขึ้นตามไปด้วย รวมเข้ากับวิสัยทัศน์อันยอดเยี่ยมของเขาแล้ว ทำให้เขากลายเป็นตัวกำหนดทิศทางการขึ้นเกมบุกของทีม
เมื่อฟอร์มของตัวเองดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เอเซได้ออกมาให้สัมภาษณ์ยกย่องฮอดจ์สันว่า “ผมรู้สึกว่าตัวเองมีอิสระมากขึ้น เขา (ฮอดจ์สัน) ให้อิสระผมในการเล่นฟุตบอลแบบที่ผมถนัด ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อส่งแรงบวกให้กับทีม”
สถิติที่ออกมาก็เป็นไปตามฟอร์มของเขา จาก 9 นัดที่ฮอดจ์สันกลับมาคุมทีม เอเซได้ลงสนามเป็นตัวจริงทุกเกม พร้อมกับทำไปถึง 6 ประตู กับอีก 1 แอสซิสต์ และช่วยให้ทีมรอดตกชั้นได้แบบสบาย ๆ
ทำให้แฟนบอลส่วนใหญ่ขนานนามให้เขาเป็น “พ่อมดแห่งปราสาทเรือนแก้ว” และถูกคาดหวังให้เป็นตัวหลักของทีมในฤดูกาลหน้าแทนที่ของซาฮาที่หมดสัญญาไป
ดาวดวงใหม่ของทีมชาติ
ฟอร์มอันยอดเยี่ยมของเขาช่วงท้ายฤดูกาล 2022-23 ทำให้ “แกเร็ธ เซาธ์เกต” ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ เรียกตัวเขาไปติดทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรกในการแข่งขันรอบคัดเลือกยูโร และได้ลงประเดิมสนามในเกมพบกับ มอลตา ในฐานะตัวสำรอง
เอเซเชื่อว่า “ความฉลาดหลักแหลม” ของฮอดจ์สัน มีบทบาทสำคัญที่ช่วยให้เขาติดทีมชาติอังกฤษได้เป็นครั้งแรก
ดังบทสัมภาษณ์ของเขาว่า “เขา (ฮอดจ์สัน) ช่วยเหลือและคอยให้คำปรึกษาผมอยู่ตลอดเวลา ผมขอบคุณเขามากจริง ๆ สำหรับการช่วยให้ผมคืนฟอร์มได้ เขาช่วยผมอย่างมากทั้งเรื่องฟอร์มการเล่นในสนามและเรื่องสภาพจิตใจ”
เขาได้กล่าวขอบคุณฮอดจ์สันปิดท้ายว่า “อิทธิพลที่เขามีต่อนักเตะ ความคิด ความมั่นใจ รวมไปถึงการให้อิสระ มันเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยสัมผัสมาก่อน ผมขอขอบคุณเขาอย่างมากจริง ๆ”
เราต้องมาดูกันต่อว่าอนาคตของแข้งพ่อมดผู้นี้จะเป็นอย่างไร เขาจะรักษาฟอร์มการเล่นของตัวเองได้อย่างต่อเนื่องหรือเปล่า แต่บอกได้คำเดียวเลยว่าเส้นทางการค้าแข้งของเขาเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น เขายังพัฒนาไปได้ไกลกว่าเดิมแน่นอนถ้าไม่ออกนอกเส้นทางไปเสียก่อน
แต่จะไกลได้แค่ไหน พวกเราต้องมารอรับชมไปพร้อมกัน
ที่มา
https://lifebogger.com/eberechi-eze-childhood-story-plus-untold-biography-facts/
https://www.youtube.com/watch?v=R5rC_-eF1mU&t=280s
https://www.skysports.com/football/news/29210/12257582/premier-leagues-young-stars-the-story-of-eberechi-eze
https://www.coachesvoice.com/cv/eberechi-eze-crystal-palace-patrick-vieira-qpr/
https://www.transfermarkt.co.uk/eberechi-eze/verletzungen/spieler/479999
https://www.fotmob.com/players/818975/eberechi-eze
https://www.tribalfootball.com/articles/the-regista-how-hodgson-eze-have-tactically-transformed-crystal-palace-4456630
https://www.dailymail.co.uk/sport/football/article-12191591/Roy-Hodgson-reason-got-England-call-says-Three-Lions-new-boy-Eberechi-Eze.html