ในเส้นทางของนักฟุตบอลหลาย ๆ คนย่อมมีเป้าหมายที่แตกต่างกันไปตามจังหวะและโอกาสชีวิต บางคนอาจเติบโตมาจากระบบเยาวชนก่อนกลายเป็นนักเตะอาชีพอย่างเต็มภาคภูมิ บางคนไต่เต้าจากลีกล่างสู่ลีกสูงสุด หรือบางคนไม่เคยมีส่วนร่วมกับทีมอคาเดมีฟุตบอลที่ใดมาก่อนแต่กลับใช้ฝีเท้าพาตัวเองเข้ามาอยู่ในทีมระดับท็อปของโลกได้
โดยเฉพาะกับตัวอย่างหลัง ชื่อของนักเตะคนล่าสุดที่พาตัวเองมาถึงระดับดังกล่าวได้คือ นิโคลัส แจ็คสัน กองหน้าจากทวีปแอฟริกาผู้ไม่เคยผ่านระบบเยาวชนของสโมสรใด ๆ มาก่อน แต่ใช้พรสวรรค์ของตัวเองจนกลายมาเป็นนักเตะใหม่ของเชลซี ในตลาดนักเตะซัมเมอร์ 2023
ก่อนจะได้โอกาสพิสูจน์ตัวเองในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ และได้ลิ้มรสชาติของพรีเมียร์ลีก นิโคลัส แจ็คสัน เป็นใครมาจากไหน ร่วมติดตามเรื่องราวทั้งหมดนี้ไปพร้อม ๆ กันกับ Main Stand
ออกสตาร์ทบนสตรีท
นิโคลัส แจ็คสัน เกิดที่ประเทศแกมเบีย ทว่าเขาเลือกมาเติบโตที่ประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างเซเนกัลตอนอายุ 16 ปี โดยมีพื้นเพเป็นเหมือนเด็กคนอื่น ๆ ที่มีความคลั่งไคล้ฟุตบอล และมักจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในวัยเยาว์ไปกับการเล่นฟุตบอล
จุดเปลี่ยนในชีวิตของเด็กหนุ่มรายนี้คือการตัดสินใจหันหลังให้ระบบการศึกษาในโรงเรียน และเลือกเส้นทางโรงเรียนชีวิตใหม่ของตัวเองด้วยการเอาจริงเอาจังกับฟุตบอลเพื่อต่อยอดสู่อาชีพที่ใฝ่ฝัน ซึ่งสิ่งที่ทำได้ง่ายที่สุดในเวลานั้นก็คือการเล่นฟุตบอลจากข้างถนนที่เซเนกัล
เซเนกัล เป็นประเทศที่มีชื่อเสียงในเรื่องการแข่งขันฟุตบอลข้างถนนไม่แพ้ชาติใด นอกเหนือจากความนิยมของเด็ก ๆ กับการแบ่งทีมแข่งกันเองตามสถานที่ที่มีพื้นที่พอให้ลงบู๊แล้ว ที่เซเนกัลมีการแข่งขันที่ชื่อ Navétanes ที่ว่ากันว่าเป็นการแข่งขันชิงแชมป์ระดับท้องถิ่นที่เป็นที่นิยมของเหล่าดาวรุ่งที่มีฝันด้านฟุตบอล
แน่นอนว่านิโคลัสก็มีส่วนในรายการแข่งขันนี้ โดยเริ่มจากการเป็นสมาชิกของทีมฟุตบอลท้องถิ่นอย่างไทลีน (Tilene)
"เมื่อเขาถูกพามาหาเรา (ทีมไทลีน) วันต่อมาเราลองให้เขาลงเล่นในการแข่งขันกระชับมิตรกับทีมเอเอสซี สเตล่า (ASC Stella) คนในละแวกนั้นทุกคนมาดูเขาลงเล่น นั่นคือตอนที่แฟนบอลของไทลีนตั้งฉายาให้เขาว่า 'เนย์มาร์' จากที่เห็นเขาลงเล่นไปแค่ 15 นาที" ซาฟีตู ซานญ่า กัปตันฟุตบอลหญิงทีมชาติเซเนกัล อดีตผู้ช่วยโค้ชทีมไทลีน ย้อนความถึงแวบแรกที่เห็น นิโคลัส แจ็คสัน ลงวาดลวดลายในสนามแข่งขัน
นิโคลัส แจ็คสัน หรือ "เนย์มาร์" ซึ่งเป็นฉายาที่เขาได้รับจากแฟนบอลท้องถิ่น ใช้โรงเรียนชีวิตอย่างการเล่นฟุตบอลที่เริ่มจากข้างถนนสู่การแข่งขันชื่อดังของประเทศ โดยไม่เคยผ่านระบบอคาเดมีฟุตบอลใดมาก่อน และเป็นเช่นนี้อยู่พักใหญ่
อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ เพราะ Navétanes เสมือนเป็นเวทีเฟ้นหานักเตะเพชรเม็ดงามก่อนเจียระไนสำหรับสโมสรอาชีพโดยที่ไม่ต้องลงแรงมาก กอปรกับการที่ นิโคลัส แจ็คสัน อยู่กวาดความสำเร็จในรูปแบบของแชมป์ร่วมกับทีมเล็ก ๆ ในท้องถิ่นอยู่บ่อย ๆ ในที่สุดโอกาสพัฒนาสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพของเขาก็เป็นจริง เมื่อ คาซ่า สปอร์ต (Casa Sports) ทีมระดับเซเนกัล พรีเมียร์ลีก ตัดสินใจดึงตัวเด็กหนุ่มรายนี้เข้ามาสู่ทีม
กลายเป็นว่าจากฝันการเป็นพ่อค้าแข้งอาชีพที่บ่มเพาะมาจากระดับสตรีท วันหนึ่งเขากำลังจะได้ลิ้มรสชาติการเล่นฟุตบอลอาชีพแล้ว
และแม้ว่าจะออกสตาร์ทตอนอายุ 17 ปี แต่ก็ไม่ได้สายเกินไปสำหรับโอกาสใหญ่ครั้งนี้ เขาได้พิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นว่าฉายา "เนย์มาร์" ไม่ได้มาเล่น ๆ
"สมัยที่ผมดึง นิโคลัส แจ็คสัน มาสู่ทีม ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเห็นด้วยนะ พวกเขาบอกว่าหมอนี่เป็นนักเตะที่ดูไร้ทิศทาง หวงบอลและเล่นแบบไม่มีระบบระเบียบ ผมคิดว่าเขาเป็นนักเตะที่มีพรสวรรค์และจำเป็นต้องได้รับการขัดเกลา เพราะเขาสามารถพัฒนาตัวเองต่อไปได้ จากนั้นก็เป็นเรื่องของแทคติกวิธีการ เราต้องปูพื้นฐานให้เขาก่อน เขาเป็นคนที่ชอบฟุตบอลและไม่อยู่ภายใต้แรงกดดันใด ๆ เขามีคุณสมบัติที่ดีเลย" บาดารา ซาร์ กุนซือ คาซ่า สปอร์ต ให้สัมภาษณ์กับ sportnewsafrica.com
"ผมจำได้ว่าเขาโดนแฟน ๆ คาซ่า สปอร์ต วิจารณ์ แต่เพียงเกมแรกเท่านั้นแฟนบอลก็เห็นถึงคุณสมบัติที่มีในตัวเขา เขาทำให้ทุกคนเห็นพ้องต้องกันในวันนั้นเลย"
แม้ นิโคลัส แจ็คสัน จะไม่ได้ฝึกฝนศาสตร์ลูกหนังในระดับอคาเดมีมาก่อน แต่ด้วยพรสวรรค์ที่มีในตัวและจุดเด่นเรื่องความเร็ว นานวันเข้าทักษะอื่น ๆ ก็เริ่มได้การบ่มเพาะเข้าไปอีก เช่น การจบสกอร์ การเล่นฟุตบอลได้ทั้งสองเท้า ไปจนถึงการลงเล่นได้สารพัดตำแหน่ง และยังไม่นับเรื่องหัวจิตหัวใจที่พร้อมก้าวกระโดดอยู่เสมอเมื่อโอกาสมาถึง
จากนั้นเวทีที่ใหญ่กว่าลีกอาชีพเซเนกัลก็มาถึง เมื่อ บียาร์เรอัล มาเห็นฟอร์มที่เหลือร้ายของดาวโรจน์ผู้ที่ไม่เคยผ่านระบบอคาเดมีฟุตบอลใด ๆ ก่อนสู่ขอเขาให้มาเล่นที่ประเทศสเปน กระทั่งดีลนี้มาเสร็จสิ้นในเดือนกันยายน 2019
นิโคลัส แจ็คสัน กำลังจะได้เป็นนักเตะอาชีพในยุโรป
ประตูสู่ฝันที่ยุโรป
ในระหว่างบ่มเพราะฟุตบอลร่วมกับ คาซ่า สปอร์ต กับช่วงเวลาหนึ่งฤดูกาลเท่านั้น แจ็คสันถูกทีมในยุโรปจับตามอง และมีโอกาสได้ร่วมทดสอบฝีเท้า โดยทีมที่เพ่งเล็งมากเป็นพิเศษคือ เบนฟิก้า และ บียาร์เรอัล
ทว่าความจริงจังของทีม "เรือดำน้ำสีเหลือง" มีมากกว่า เขาจึงได้รับเชิญให้ไปฝึกฟุตบอลกับทีมในซัมเมอร์ 2019 และอยู่ในสายตาของ เฟร์นานโด โรอิก (Fernando Roig) ประธานสโมสรมาโดยตลอด ก่อนจะมีคำสั่งจากประธานโรอิกให้คว้ายังบลัดผู้นี้มาให้ได้ในรูปแบบสัญญาถาวร
อย่างไรก็ตาม การที่คนคนหนึ่งจะย้ายประเทศมาอยู่กับชีวิตต่างที่ต่างถิ่นและต้องเปิดรับวัฒนธรรมใหม่ ๆ ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับใครหลายคน เช่นเดียวกับเจ้าหนู นิโคลัส แจ็คสัน ซึ่งเผชิญปัญหาเรื่องการปรับตัวอย่างยากจะหลีกเลี่ยง
ดาวเตะฉายา "เนย์มาร์แห่งเซเนกัล" เคยให้สัมภาษณ์ว่าเขาโดนโค้ชบียาร์เรอัล ชุดเบ "โกรธ" สุด ๆ เหตุเพราะปัญหาเรื่องการปรับตัวเรื่องอาหารการกิน
แต่กระนั้นทุกสิ่งอย่างก็ค่อย ๆ ปรับเข้าหากันได้ แจ็คสันรู้ดีเรื่องการย้ายมาสัมผัสชีวิตใหม่ ๆ ที่ไม่ได้ราบรื่นไปตลอดทาง เริ่มจากการตอบรับการย้ายทีมแบบยืมตัวไปที่ มิรานเดส (Mirandés) ในระดับดิวิชั่นสองของแดนกระทิง เพื่อฟูมฟักประสบการณ์ฟุตบอลอาชีพแบบค่อยเป็นค่อยไป
ฤดูกาล 2020/21 คือช่วงเวลาที่เขาลงเล่นให้มิรานเดสในรูปแบบยืมตัว แจ็คสันลงสนามช่วยทีมไป 17 นัด ยิงไป 1 ประตู ช่วยทีมจบฤดูกาลด้วยอันดับกลางตาราง (อันดับ 10) ก่อนที่ขวบปีต่อมาเขาจะกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของทีมสำรองของบียาร์เรอัลอีกครั้ง
จากนั้นชีวิตของเขาก็มาพลิกผันขึ้นไปอีก และเป็นอีกครั้งที่เขาใช้พรสวรรค์ของตัวเองบวกกับจิตใจที่แข็งแกร่งพาตัวเองขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของ เยลโล่ ซับมารีน
รุ่งเรืองกับเรือดำน้ำสีเหลือง
หลังกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของ บียาร์เรอัล เบ ในเวลานั้น นิโคลัส แจ็คสัน มีประสบการณ์กับการค้าแข้งในลีกรองแดนกระทิงกับมิรานเดสมาแล้วหนึ่งปีเศษ เป็นเหตุให้การลงเล่นให้ทีมสำรองของสโมสรที่โลดแล่นอยู่ในระดับดิวิชั่นสามไม่ได้หนักหน่วงเท่าไร
ที่เหลือก็แค่ลงไปทำหน้าที่ของตัวเองและค่อย ๆ ปรับตัวให้ได้ต่อเนื่อง เพื่อโอกาสในทีมชุดใหญ่ ซึ่งเวทีลา ลีกา อาจจะเข้ามาในวันใดวันหนึ่ง
แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เมื่อผลงาน 7 ประตูจากแนวรุกที่เล่นได้ทั้งริมเส้นและหน้าเป้าตัวกลาง มีส่วนอย่างยิ่งที่ทำให้ทีมสำรองของสโมสรเลื่อนชั้นสู่ลีกรองของประเทศจนได้ จากนั้นเขาก็เริ่มได้โอกาสลงเล่นให้บียาร์เรอัลชุดใหญ่ตามจังหวะและโอกาสจาก อูไน เอเมรี่ กุนซือในเวลานั้น
2021/22 เป็นฤดูกาลที่ นิโคลัส แจ็คสัน ได้สัมผัสเวทีลา ลีกา บ้างแล้ว แต่ยังไม่ได้เป็นตัวจริงเนื่องจากทีมอุดมไปด้วยแนวรุกสรรพกำลังที่ครบครัน
จุดพลิกผันในเส้นทางอาชีพของเด็กหนุ่มจากเซเนกัลผู้นี้มาเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการในฤดูกาล 2022/23 เขากลายเป็นนักเตะชุดใหญ่ของบียาร์เรอัล และได้รับเสื้อแข่งหมายเลข 15
ซึ่งคนที่ให้โอกาสเขาคือ เอเมรี่
"เขาเป็นผู้เล่นที่กำลังเติบโต มีบางครั้งที่ผู้เล่นบางคนต้องย้ายไปเล่นที่อื่นเพื่อการพัฒนาตัวเอง แต่เราเดิมพันกับเขาเพราะความสามารถของเขานั้นสูงมาก เขาควรได้รับประสบการณ์ยามที่ต้องทำประตู นี่คือกระบวนการเรียนรู้ เราจำเป็นต้องสร้างผู้เล่นอายุน้อยและต้องวางเดิมพันกับพวกเขา" อูไน เอเมรี่ ที่ปัจจุบันเป็นผู้จัดการทีมแอสตัน วิลล่า เคยให้สัมภาษณ์ถึงตัวแจ็คสันและความสำคัญของการปั้นดาวรุ่งบียาร์เรอัล
อย่างไรก็แล้วแต่ ชีวิตของนิโคลัสต้องมาพลิกผันอีกครั้ง เมื่อสโมสรเกิดการเปลี่ยนแปลงเก้าอี้กุนซือ การอำลาทีมของคนที่ให้โอกาสอย่างเอเมรี่มาสู่ กีเก้ เซเตียน ทำให้เขาต้องพิสูจน์ตัวเองกับเฮดโค้ชคนใหม่
ซึ่งการมาของเซเตียนในช่วงปลายเดือนตุลาคม 2022 ส่งผลให้แจ็คสันเริ่มได้โอกาสลงเล่นน้อยลง
แต่ด้วยชื่อชั้นของเจ้าหนูรายนี้ที่ได้ลงเล่นในลา ลีกา กับทีมระดับท็อป และยังไม่นับการถูกเรียกติดทีมชาติเซเนกัลไปลุยฟุตบอลโลก 2022 ทำให้เขาได้รับการจับตามองมากขึ้นจนมีข่าวกับ บอร์นมัธ ถึงขั้นเจรจาค่าเหนื่อยกันได้แล้ว ทว่าเหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเพราะช่วงที่เจรจากับ เดอะ เชอร์รี่ส์ แจ็คสันดันบาดเจ็บแฮมสตริงทำให้การเจรจายุติไป
มกราคมถึงราว ๆ ต้นเดือนเมษายน 2023 เป็นสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีของ นิโคลัส แจ็คสัน กับบียาร์เรอัล เขาต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฟื้นฟูสภาพร่างกาย และเมื่อหายดีก็ต้องมานั่งเป็นตัวสำรองรอโอกาสในครึ่งหลังของแต่ละแมตช์การแข่งขัน
อย่างที่เกริ่นไปก่อนหน้า 2022/23 คือปีที่ชีวิตดาวเตะรายนี้มีลงและขึ้น หลังอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นพร้อม ๆ กันของหัวหอกตัวหลักอย่าง เคราร์ด โมเรโน่ และ โฆเซ่ หลุยส์ โมราเลส กลายเป็นว่ากองหน้าตัวเลือกสำรองอย่าง นิโคลัส แจ็คสัน คือออปชั่นสุดท้ายในการลุยลา ลีกา อีก 8 นัดที่เหลือของโค้ชเซเตียน
ก่อนที่ นิโคลัส แจ็คสัน จะไม่ทำให้ใครผิดหวัง นับแต่แมตช์เดย์ที่ 31 ถึง 38 กองหน้าเจ้าของส่วนสูง 188 เซนติเมตรผู้นี้มีส่วนกับประตูที่ทีมได้ทุกนัด แบ่งเป็นผลงาน 9 ประตูกับอีก 2 แอสซิสต์ พาทีมจบด้วยอันดับ 5 ทั้งยังคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนพฤษภาคมของลีกสูงสุดสเปนได้ด้วย
กับโอกาสสู่ทีมชุดใหญ่เต็มตัวในปีแรกของเขา ซึ่งลงเล่นในลีกไป 26 นัด ทำประตูรวม 12 ลูก กับอีก 4 แอสซิสต์ จนกลายเป็นที่สนใจของคอลูกหนังทั่วสารทิศ ถึงขั้นมีข่าวว่าอาจจะถึงเวลาอีกครั้งที่แจ็คสันจะเป็นชื่อที่ทีมในพรีเมียร์ลีกอยากล่าตัวไปร่วมก๊วน
และคราวนี้ไม่ใช่บอร์นมัธที่ปิดดีลดาวรุ่งรายนี้ แต่เป็น เชลซี ที่ดึงเขามาเป็นอาวุธใหม่ลุยฤดูกาลแห่งความหวัง 2023/24
สู่ถิ่น เดอะ บริดจ์ กับงานใหญ่ที่รอให้ลุยต่อ
"พวกเราตื่นเต้นที่ได้ต้อนรับนิโคลัสเข้าสู่เชลซี เขาเป็นผู้เล่นดาวรุ่งที่เปี่ยมไปด้วยศักยภาพอย่างที่เขาแสดงให้เห็นกับบียาร์เรอัลในซีซั่นที่ผ่านมา"
"เราเชื่อมั่นว่าเขาพร้อมสำหรับก้าวต่อไปในอาชีพการค้าแข้ง และเราเฝ้ารอการได้ทำงานร่วมกับเขาพร้อมกับ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เฮดโค้ชคนใหม่ และเพื่อนร่วมทีมเชลซี"
จากผลงานที่ทำให้เห็นกับบียาร์เรอัลทำให้เขามีโอกาสร่วมงานและฝึกปรือกับกุนซือมากประสบการณ์อย่างโปเช็ตติโน่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ ลอเรนซ์ สจ๊วร์ต และ พอล วินสแตนลีย์ ผู้อำนวยการกีฬาร่วมเชลซี ยืนยันถึงความตั้งใจที่สโมสรเลือกดึงดาวเตะอายุ 22 ปีมาร่วมทีม ซึ่งว่ากันว่ามีค่าตัว 34 ล้านปอนด์ และเซ็นสัญญายาว 8 ปี
ในวันที่ทีมสิงห์บลูส์มีความตั้งใจจะรื้อเครื่องใหม่หลังขวบปีที่ล้มเหลวจากการจบฤดูกาลพรีเมียร์ลีกด้วยอันดับที่ 12 ทั้งยังชวดทุกโควตาไปฟุตบอลยุโรป แถมยังมีปัญหาเรื่องการจบสกอร์ที่คาราคาซังมาตลอด นิโคลัส แจ็คสัน คือดีลแรก ๆ ของสโมสรในซัมเมอร์ 2023 นี้ และกลายเป็นตัวรุกความหวังใหม่ในทันที นี่ถือเป็นงานใหญ่ที่ศูนย์หน้าทีมชาติเซเนกัลผู้นี้จะต้องเผชิญอย่างยากจะปฏิเสธ
แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่สตาร์วัย 20 ต้น ๆ ผู้นี้จะเกรงกลัว
เรื่องราวที่สอดรับกันอย่างลงตัวระหว่างเชลซีและแจ็คสันคือความท้าทายที่เขาพร้อมรับมือ แถมตัวเขาเองยังติดตามพรีเมียร์ลีก ทีมสิงห์บลูส์ ไปจนถึงอดีตดาวเด่นของสโมสรหลาย ๆ คนมาตั้งแต่สมัยอยู่แอฟริกา ดังส่วนหนึ่งของบทสัมภาษณ์ผ่านเว็บไซต์สโมสรสิงห์บลูส์ ความว่า
"ผมอยากค้าแข้งกับทีมใหญ่ เชลซีเป็นหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดในโลก และการที่ผมได้ดูทีมแข่งตั้งแต่เด็ก ได้ดู เด็มบา บา, ดิดิเยร์ ดร็อกบา และ นิโกลาส์ อเนลก้า ซึ่งเก่งมาก ๆ ทุกคนเป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่ ดังนั้นผมฝันที่จะลงเล่นให้ทีมแบบนี้เสมอมา และตอนที่เชลซีติดต่อเข้ามาผมไม่มีคำถามในใจเลย"
"ผมตั้งใจทำอะไรออกมาให้ดีที่สุด ทุ่มเท 100 เปอร์เซ็นต์ และช่วยทีมอยู่เสมอ เพราะผมอยากประสบความสำเร็จทั้งในฐานะตัวบุคคลและในฐานะกลุ่ม ผมต้องการความสำเร็จมากกว่านี้อยู่ตลอด ดังนั้นจึงหวังว่าถ้าตัวผมเองทำงานหนักที่นี่ (เชลซี) สิ่งที่ผมพูดมานี้ก็น่าจะเกิดขึ้นได้ เราจะประสบความสำเร็จไปด้วยกัน"
เมื่อสิงโตน้ำเงินครามต้องการความเปลี่ยนแปลงในฤดูกาลใหม่ ขณะที่ตัวนักเตะเองก็พร้อมงัดศักยภาพที่เขาเรียนรู้มาตั้งแต่สมัยเล่นฟุตบอลริมถนนออกมา
ถึงเวลาแล้วที่ นิโคลัส แจ็คสัน พร้อมนำพรสวรรค์และจุดเด่นของตัวเองทั้งเรื่องการจบสกอร์ในระยะหวังผล เรื่องความเร็ว และการเปลี่ยนบอลจากรับเป็นรุก ที่เขาทำได้ดีมาตลอด มาช่วยเชลซีให้สามารถกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง
แหล่งอ้างอิง
https://theathletic.com/4639056/2023/06/30/nicolas-jackson-chelsea-transfer-news/
https://theathletic.com/4639514/2023/06/27/chelsea-nicolas-jackson-transfer-analysis/
https://www.telegraph.co.uk/football/2023/06/30/chelsea-signing-nicolas-jacksons-senegal-villarreal/
https://sportnewsafrica.com/en/at-a-glance/nicholas-jackson-the-rise-from-casasport-to-chelsea/
https://www.skysports.com/football/news/11095/12908974/nicolas-jackson-chelsea-hoping-to-benefit-from-sliding-doors-moment-after-collapse-of-bournemouth-move
https://sportsbrief.com/football/43798-nicolas-jackson-chelseas-strikers-meteoric-rise-gambia-stamford-bridge/
https://www.chelseafc.com/en/news/article/exclusive-jackson-following-his-heart-in-the-footsteps-of-his-heroes