Feature

ซาเวียร์ เฉิน : แข้งลูกครึ่งที่ถูกค้นพบจากเกมฟุตบอล ก่อนเข้ามากอบกู้วงการลูกหนังไต้หวัน | Main Stand

หากพูดถึงวงการกีฬาไต้หวัน ใครหลายคนย่อมนึกถึงกีฬามหาชนอย่าง เบสบอล ซึ่งเป็นกีฬาอันดับหนึ่ง หรือแม้แต่บาสเกตบอล ที่ได้รับความนิยมรองลงมา ในขณะที่ ฟุตบอล ไม่ได้รับความนิยมมากเท่า และนั่นก็ทำให้ทั้ง ทีมชาติไต้หวัน (ไชนีส-ไทเป) หรือแม้แต่ฟุตบอลลีกในประเทศถูก “แช่แข็ง” ในเรื่องของความนิยมเรื่อยมา

 

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าวงการลูกหนังที่นี่จะถูกหมางเมินจากชาวไต้หวันไปตลอดกาล ครั้งหนึ่งเกมลูกหนังของที่นี่เคยได้รับความนิยมและถูกพูดถึงเป็นวงกว้าง แม้จะไม่ได้นิยมเท่าสองชนิดกีฬายอดนิยมอย่างเบสบอลและบาสเกตบอล ทว่าก็เป็นเรื่องที่สร้างแรงกระเพื่อมชั้นดีให้กับเกมลูกหนังบนเกาะแห่งนี้ นั่นคือการตัดสินใจเลือกเล่นให้ทีมชาติของอดีตนักเตะลูกครึ่งสายเลือดไต้หวัน-เบลเยียม อย่าง ซาเวียร์ เฉิน 

จากนักเตะดีกรีปริญญาโทที่โลดแล่นบนลีกสูงสุดของเบลเยียม สู่การค้นพบผ่านเกมฟุตบอลของเจ้าหน้าที่สมาคมฟุตบอลแห่งไชนีส-ไทเป เรื่อยมาจนถึงการลงสนามในสีเสื้อทีมชาติ พร้อม ๆ ไปกับการสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหญ่

Main Stand ขอชวนแฟน ๆ มาติดตามเรื่องราวของ ซาเวียร์ เฉิน กองหลังดีกรียุโรป กับการปรากฏตัวในนามทีมชาติไต้หวัน จนได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้เข้ามากอบกู้วงการฟุตบอลไต้หวันอย่างแท้จริง

 

ถูกค้นพบจากเกมฟุตบอล

ไต้หวันถูกแฟนกีฬาในประเทศเปรียบเปรยว่าเป็น “ทะเลทรายแห่งฟุตบอล (desert of football)” มานานแล้ว เกมลูกหนังที่นี่ไม่เคยได้รับความนิยมมากเท่ากีฬามหาชนอื่น ๆ โดยเฉพาะเบสบอลที่มีความแข็งแกร่งและเป็นปึกแผ่นทั้งในระดับทีมชาติและลีกภายในประเทศ 

แม้ครั้งหนึ่ง ทีมชาติไต้หวัน หรือในชื่อทางการว่า ทีมชาติสาธารณรัฐจีน จะเคยผงาดคว้าเหรียญทองฟุตบอลชาย ในกีฬาเอเชียนเกมส์ 1954 และ 1958 และมีโอกาสต่อยอดวางรากฐานสำคัญมาสู่อนาคตได้ ทว่าเรื่องราวดังกล่าวกลับไม่ได้รับการจดจำจากคนบนเกาะไต้หวันสักเท่าไร 

เหตุเพราะความสำเร็จนี้มาจากนักเตะสายเลือดจีนจากเกาะฮ่องกง ซึ่งในเวลานั้นฮ่องกงถูกปกครองโดยอังกฤษ และนักเตะกลุ่มนี้ก็เข้ามาเล่นในฐานะพันธมิตรของไต้หวัน ภายใต้อุดมการณ์ “จีนประชาธิปไตย (Democratic China)”

เมื่อเวลาเปลี่ยนผ่านไปและไม่ได้ถูกต่อยอด กลายเป็นว่าวงการฟุตบอลไต้หวันก็ไม่ได้ถูกพัฒนาต่อและไม่มีนักเตะเก่ง ๆ ก้าวขึ้นมา ขณะที่ลีกภายในประเทศก็อยู่ในลักษณะของลีกกึ่งอาชีพมาเป็นเวลาหลายทศวรรษ 

จนกระทั่งความสนใจได้ก่อตัวขึ้นจนได้ในเวลากว่า 50 ปีให้หลัง เมื่อ ชิโนล่า เฉิน อดีตผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของสมาคมฟุตบอลไต้หวัน (CTFA) ไปเจอชื่อของ “ซาเวียร์ เฉิน (Xavier Chen)” ในระหว่างเล่นเกมฟุตบอลทางคอมพิวเตอร์

แม้ข้อมูลจะไม่ได้ปรากฏแน่ชัดว่า ชิโนล่า เฉิน เจอชื่อของ ซาเวียร์ เฉิน ผ่านเกม ฟีฟ่า ออนไลน์ (FIFA online) หรือ ฟุตบอล เมเนเจอร์ (Football manager) ทว่าผลสำคัญสืบเนื่องคือ ชิโนล่า เฉิน หรือชื่อภาษาจีนว่า เฉิน เชียะ หมิง ก็เอาชื่อของนักเตะคนดังกล่าวที่เขาไม่มั่นใจว่าอาจจะถูกสร้างขึ้นจากผู้ผลิตเกมไปสืบค้นต่อในเสิร์จเอนจินชื่อดังอย่าง กูเกิ้ล (Google) จนค้นพบว่า ซาเวียร์ เฉิน มีตัวตนจริง ๆ 

นักฟุตบอลในชีวิตจริงที่ เฉิน เชียะ หมิง ค้นพบ คือแบ็กขวาวัย 26 ปีในขณะนั้นที่ค้าแข้งอยู่กับสโมสรเควี เมอเชเลน (KV Mechelen) ในดิวิชั่น 1 ของเบลเยียม และเคยมีดีกรีเป็นกัปตันทีมชาติเบลเยียมรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี 

และที่สำคัญ เขาเป็นนักเตะสายเลือดไต้หวัน

 

สายเลือดคน “ไต้หวันนีส” อพยพ

“หลายคนถามผมว่าทําไมต้องเป็นไต้หวัน ? พวกเขาไม่เก่งฟุตบอลเลยนะ แต่หลังจากที่ได้ดู DVD มาบ้างแล้ว ผมคิดว่าทีมไม่ได้แย่ขนาดนั้น และผมอยากช่วยทีม” ซาเวียร์ เฉิน ตอบคำถามผู้สื่อข่าว

ซาเวียร์ เฉิน เกิดและเติบโตขึ้นมาในประเทศเบลเยียม โดยมีคุณแม่เป็นคนฝรั่งเศส ขณะที่คุณพ่อเป็นคนไต้หวัน ตระกูลของ ซาเวียร์ เฉิน นั้นมีคุณปู่ เคิง ซุน เฉิน เป็นอดีตนักการทูตไต้หวันซึ่งเคยประจำการอยู่ที่กรุงบรัสเซลส์ และได้รับการอบรมเลี้ยงดูในฐานะคนยุโรปมากกว่าคนไต้หวัน เขาแทบจะไม่ได้สื่อสารภาษาจีนมากเท่าภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส และ เฟลมิช (ภาษาท้องถิ่นที่เบลเยียม) 

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความคิดความอ่านแบบคนยุโรป แต่สิ่งหนึ่งที่ถูกปลูกฝังและซึมซับในหัวของ ซาเวียร์ เฉิน ดั่งความเชื่อของคนไต้หวัน นั่นคือการไม่เดินออกนอกลู่นอกทาง เชื่อฟังผู้ใหญ่ในบ้าน และเชื่อว่าการศึกษาเป็นตัวแปรสำคัญของชีวิต 

ด้วยการที่เติบโตมาในตระกูลหัวกะทิ ซาเวียร์ เฉิน ให้สัญญากับทุกคนในบ้านว่าจะจบปริญญาให้ได้ ในระหว่างนั้นก็ขอเล่นฟุตบอลเป็นงานอดิเรก จากนั้นถึงขอเดินทางตามความฝันของตัวเอง นั่นคือการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ

ท้ายที่สุด ซาเวียร์ เฉิน กลับให้อะไรคนที่บ้านมากกว่านั้น เพราะท้ายสุดแล้วเขาไปไกลถึงขั้นสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโททางกฎหมาย จากสถาบันการศึกษา Université libre de Bruxelles ทั้งยังได้รับการรับรองจากทางการเบลเยียมในการเป็นทนายความสาธารณะ (Notary public) อีกด้วย 

“เขาตัดสินใจแบบนั้นหลังเรียนจบมหาวิทยาลัย (เป็นนักฟุตบอลอาชีพ) ก่อนหน้านั้นเรามีข้อตกลงกันว่า ถ้าลูกอยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ลูกต้องใช้เวลา 5 ปีในการเรียนมหาวิทยาลัยและได้รับปริญญาด้านกฎหมายก่อน แล้วค่อยเลือกระหว่างการเป็นทนายความหรือนักฟุตบอล” 

“เราดีใจมากถึงมากที่สุด ที่นอกเหนือจากการเป็นนักฟุตบอลอาชีพแล้ว เขายังเรียนจบมหาวิทยาลัย” ฌอง เฉิน พ่อของ ซาเวียร์ เฉิน ชื่นชมในตัวลูกชาย 

อันที่จริงช่วงเวลาก่อนที่ ซาเวียร์ เฉิน จะก้าวขึ้นมาเป็นนักฟุตบอลอาชีพ เขาเคยสัมผัสเวทีลูกหนังเยาวชนกับทีมน้อยใหญ่ในเบลเยียมมาก่อน เริ่มจาก อันเดอร์เลชท์ ตามมาด้วย เควี คอร์ทไรจค์ (KV Kortrijk) ซึ่งสโมสรหลังนี้เองภายหลังกลายมาเป็นทีมระดับอาชีพทีมแรกของเขา 

ซาเวียร์ เฉิน อยู่ค้าแข้งกับ เควี คอร์ทไรจค์ เป็นเวลากว่า 4 ปี เขาพกสถิติลงเล่นให้ทีมแตะหลัก 52 นัด ก่อนโยกไปหาความท้าทายใหม่กับทีมร่วมลีกสูงสุดอย่าง เควี เมอเชเลน โดยเมอเชเลนนับเป็นสโมสรที่เฉินผูกพันมากที่สุด เพราะเขาลงเล่นให้ทีมสองช่วงเวลารวมกันแตะหลัก 177 นัด

ยิ่งไปกว่านั้น ช่วงเวลาดังกล่าวยังคาบเกี่ยวกับการที่สมาคมฟุตบอลไชนีส-ไทเป ค้นพบตัวเขาว่ามีเชื้อสายไต้หวัน กระทั่งเกิดการ “สู่ขอ” ให้ ซาเวียร์ เฉิน เลือกมาเล่นให้กับทีมชาติไต้หวันตามสายเลือดของคุณพ่อและคุณปู่

หลังจากติดต่อทางอีเมลระหว่าง เฉิน เชียะ หมิง กับ ซาเวียร์ เฉิน เจ้าหน้าที่จากสมาคมลูกหนัง CTFA คนนี้ตระหนักดีว่าหากอยากยกระดับฟุตบอลในไต้หวันก็จะพลาดการเจรจาครั้งนี้ไม่ได้ นำมาซึ่งการลงทุนเดินทางไปยังบรัสเซลส์เพื่อเกลี้ยกล่อมให้ทั้งตัวซาเวียร์ พ่อแม่ และปู่ คล้อยตาม 

และในเวลาไล่เลี่ยกันไม่กี่เดือน มีรายงานเข้ามาว่าทางสมาคมฟุตบอลจีน หรือ CFA ก็สนใจที่จะดึง ซาเวียร์ เฉิน ให้มาเป็นนักเตะทีมชาติจีนด้วย 

อย่างไรก็ดี การที่กฎหมายจีนไม่อนุญาตให้บุคคลถือ 2 สัญชาติ หมายความว่าเมื่อได้รับสัญชาติจีนแล้วคนคนนั้นจะมีหนังสือเดินทางของชาติอื่นไม่ได้อีก กรณีของ ซาเวียร์ เฉิน ก็คือให้ทิ้งสัญชาติเบลเยียมไปเลย ขณะที่กฎหมายไต้หวันอนุญาตให้ถือสองสัญชาติพร้อมกันได้ ในรายของ ซาเวียร์ เฉิน หากตัดสินใจเล่นให้ทีมชาติไต้หวันก็จะยังคงสถานะเป็นชาวเบลเยียมได้อยู่

แน่นอนว่าเหตุผลที่สองตอบโจทย์มากกว่า

อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ ซาเวียร์ เฉิน ยืนยันการเล่นให้ไต้หวัน นั่นคืออดีตอันเจ็บปวดของต้นตระกูล เหตุเพราะคุณปู่ เคิง ซุน เฉิน เป็นหนึ่งในผู้อพยพจากจีนแผ่นดินใหญ่มายังเกาะไต้หวัน พร้อม ๆ กันกับ นายพล เจียง ไค เช็ค ในยุคที่พรรคก๊กมินตั๋ง (KMT) สิ้นอำนาจจากสงครามกลางเมืองในจีน

ที่สุดแล้วกระบวนการทำเรื่องถือสัญชาติไต้หวันของ ซาเวียร์ เฉิน ก็เสร็จสิ้น เขามีชื่อไต้หวันว่า เฉิน ชาง หยวน กลายเป็นโมเดลสำคัญที่เวลาต่อมาไต้หวันใช้กระบวนการสรรหานักเตะที่ไปโตในต่างแดนเพื่อป้อนเข้าสู่ทีมชาติ เช่น การมาของ วิล ดังกิ้น อดีตเยาวชนเชลซี และคริสตัล พาเลซ ผู้มีฉายาว่า “เมสซี่ไต้หวัน” รวมถึง ทิม โชว์ เยาวชนทีมวีแกน แอธเลติก ฯลฯ

“ตอนที่ผมบอกกับพ่อและปู่ผมว่า “ไต้หวันอยากให้ผมไปเล่นทีมชาติให้” ทั้งพ่อและปู่เอ็นจอยกันสุด ๆ พวกท่านมีความสุขกันมาก ๆ และบอกกับผมว่า “แจ๋ว! ลุยเลย!” สำหรับผมแล้วมันเป็นเหมือนเกียรติของครอบครัวเราเลย ที่จะได้ลงเล่นให้ทีมชาติไต้หวัน” ซาเวียร์ เฉิน เปิดใจผ่านสารคดีที่เล่าถึงตัวเขาที่ชื่อ Dreamers : Last Shot - Xavier Chen

“แล้วผมก็รู้สึกว่าปู่ผมมีความสุขมากเป็นพิเศษที่ผมจะได้กลับไปยังที่ที่ปู่เคยอยู่ นี่คือเหตุผลสำคัญอีกข้อหนึ่ง สำหรับการตัดสินใจเล่นทีมชาติชุดใหญ่ของผม” 

การมาของนักเตะลูกครึ่งที่ทั้งเรียนดีกีฬาเด่น กลายเป็นปรากฏการณ์ใหม่ไปทั่วทั้งเกาะไต้หวัน เพราะมันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ที่เหลือก็แค่ลงไปพิสูจน์ให้เห็นถึงผลงานในสนาม

 

ซาเวียร์เจเนอเรชั่น

15, 335 คือยอดผู้ชมที่แห่แหนกันเข้ามาชมฝีเท้าของ เฉิน ชาง หยวน ในไทเป มูนิซิปาล สเตเดียม และการเดบิวต์ให้กับทีมชาติไต้หวันของแนวรับสายเลือดเอเชียยุโรปรายนี้เสมือนเป็นการออกสตาร์ทในฝัน เมื่อเขาทำประตูแรกให้ไชนีส-ไทเป และเป็นประตูชัยที่ส่งให้ทีมเอาชนะ ทีมชาติมาเลเซีย 3-2 ในศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก 2014 ซึ่งแข่งขันในปี 2011

3 กรกฎาคม 2011 คงเป็นวันที่ ซาเวียร์ เฉิน จดจำได้มากที่สุดวันหนึ่งในชีวิต หลังจบเสียงนกหวีดยาวที่กรุงไทเป เขาไม่มีความเหนียมอายในการแสดงความดีใจร่วมกับแฟนบอลไต้หวันไปรอบ ๆ สนามแข่งขัน พร้อมธงชาติไต้หวันที่เขาติดไว้บนบ่า จนได้รับการขนานนามว่านี่คือทีมชาติไต้หวันเจเนอเรชั่นใหม่ เป็นยุคสมัยแห่ง ซาเวียร์ เฉิน

เช่นเดียวกับการมอบชุดแข่งแห่งความทรงจำนี้ให้กับคุณปู่ เคิง ซุน เฉิน ในวัย 96 ปี ซึ่งเข้ามาชมฝีเท้าของหลานชายสุดที่รักแบบติดขอบสนาม

2011 ถึง 2017 คือช่วงเวลาที่ ซาเวียร์ เฉิน อยู่ในสารบบทีมชาติไต้หวัน แม้จะเป็นช่วงที่กินเวลากว่า 6 ปี แต่โดยรวมแล้วแบ็กขวารายนี้ก็ลงสนามภายใต้อาภรณ์ไชนีส-ไทเป ไปแค่ 9 เกมเท่านั้น ด้วยเหตุหลายประการ เช่น สมาคมฯ ไม่มีงบประมาณมากพอในการออกค่าตั๋วเดินทางไปกลับไต้หวัน-เบลเยียม ให้กับ ซาเวียร์ เฉิน เป็นเหตุให้เวลาต่อมาฟูลแบ็กรายนี้ตัดสินใจมาเล่นที่ประเทศจีนกับสโมสร กุ้ยโจว เริ่นเหอ เพื่อให้การเดินทางนั้นง่ายขึ้น รวมถึงอาการบาดเจ็บเรื้อรังจากกระดูกบริเวณขาซ้ายหัก เป็นต้น

แต่ถึงอย่างไร ทุก ๆ โมเมนต์ที่ดาวเตะดีกรีมหาบัณฑิตด้านกฎหมายกระทำต่อวงการฟุตบอลไต้หวัน ดูเหมือนว่าจะมีอิมแพ็กต์อยู่เสมอ 

ทีมชาติไต้หวันเคยไต่ระดับฟีฟ่าแรงกิ้งโลกถึงอันดับที่ 121 เมื่อช่วงต้นปี 2018 ส่วนหนึ่งมาจากฟอร์มสุดแกร่งของทีมที่สร้างไว้ ไล่มาตั้งแต่ 5 ตุลาคม 2017 ถึง 24 มีนาคม 2018 ที่ผลงานตลอด 8 เกมไต้หวันเก็บชัยชนะได้ถึง 6 เกมด้วยกัน หนึ่งในนั้นคือผลงานหักปากกาเซียน เป็นหนึ่งในแมตช์ประวัติศาสตร์ชาติที่แข่งในวันที่ 10 ตุลาคม ซึ่งตรงกับวันเฉลิมฉลองวันชาติสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) พอดิบพอดี 

เกมในวันนั้น ไต้หวัน เปิดบ้านล้ม บาห์เรน ซึ่งอันดับโลกฟีฟ่าเหนือกว่าแตะหลัก 50 อันดับ ต่อหน้าผู้ชมในสนามกว่า 7,908 คน ไปด้วยสกอร์ 2-1 โดย ซาเวียร์ เฉิน เป็นคนทำแอสซิสต์ให้ทีมได้ประตูตีเสมอ และนี่เป็นเกมสุดท้ายในนามทีมชาติของตัวเขา

และยังไม่นับช่วงบั้นปลายเส้นทางการลงเล่นทีมชาติไต้หวันของ ซาเวียร์ เฉิน ซึ่งอยู่ในช่วงที่ลีกฟุตบอลอาชีพของประเทศได้ก้าวไปอีกระดับ การเปลี่ยนผ่านจากลีกกึ่งอาชีพมาเป็นลีกอาชีพเต็มตัว ด้วยการรีแบรนด์ลีกใหม่เป็น “ไต้หวัน พรีเมียร์ลีก” มีการอิมพอร์ตนักเตะต่างชาติเข้ามามากขึ้น ขณะที่นักเตะเก่ง ๆ ที่ติดทีมชาติก็ได้ลงเล่นในลีกที่แข็งแกร่งขึ้น คอยถ่ายทอดประสบการณ์ให้รุ่นหลัง มีระบบเลื่อนชั้นตกชั้น ฯลฯ เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญครั้งหนึ่งที่วงการลูกหนังไต้หวันได้ยกระดับขึ้นมา

เช่นเดียวกับเรื่องนอกสนาม เขาเคยเป็นกระบอกเสียงสำคัญและเป็นตัวแทนเพื่อนร่วมทีมชาติไต้หวันในการออกมาเรียกร้องเรื่องเบี้ยเลี้ยงการฝึกซ้อมและโบนัสที่นักเตะควรได้รับ จนท้ายสุดสมาคมฯ ก็รับพิจารณาและดำเนินเรื่องตามที่เรียกร้อง ไปจนถึงการงัดข้อกับ หลิน เจิง อี้ อดีตนายกสมาคมฟุตบอลไต้หวัน ที่มีข่าวพัวพันเรื่องการล็อกผลการแข่งขัน ในระหว่างทำศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก

เพราะ “งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา” ภายหลังการอำลาทีมชาติไต้หวันพร้อม ๆ กับการประกาศแขวนสตั๊ดของเขาในปี 2017 ถึงแม้ว่าคนจากสมาคมฟุตบอลฯ จะพยายามยึดโมเดลเดียวกับการนำเข้าอดีตตำนานหมายเลข 8 ทว่ากลับไม่เจอ “คนที่ใช่” เลยสักคน

เพื่อไม่ให้นักเตะรุ่นหลังลืมสิ่งที่ ซาเวียร์ เฉิน เคยทำไว้ ความยิ่งใหญ่ของลูกครึ่งรายนี้ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นภาพยนตร์สารคดี “Dreamers - Last Shot Xavier Chen” ที่บอกเล่าเรื่องราวการเดินทางของตัวเขาบนถนนสายลูกหนัง 

นี่แสดงให้เห็นว่า แม้ฟุตบอลจะเป็นกีฬาเบอร์รองในไต้หวัน และคนไต้หวันนิยมชมชอบกีฬาและนักกีฬาประเภทอื่น ๆ มากกว่า แต่อิทธิพลที่อดีตแบ็กขวารายนี้เคยสร้างไว้ก็ส่งผลมายังแวดวงลูกหนังและวงการกีฬาของชาติอย่างแท้จริง 

ต่อให้ความรู้สึกดั่งทะเลทรายที่แห้งแล้งจะกลับมาเยือนฟุตบอลไต้หวันอีกครั้งในวันข้างหน้า 

ปฏิเสธไม่ได้ว่าลึก ๆ แล้วแฟนฟุตบอลไต้หวันจำนวนหนึ่งยังคงมีภาพจำว่าดินแดนแห่งนี้ไม่ได้แล้งไปตลอดกาล เพราะฟุตบอลที่นี่เคยมีนักฟุตบอลลูกครึ่งไต้หวัน-เบลเยียม นาม “ซาเวียร์ เฉิน” เข้ามาโปรยปราย

 

แหล่งอ้างอิง

บทความวิจัย The Absent Savior? Nationalism Migration and Football in Taiwan
https://www.taipeitimes.com/News/taiwan/archives/2018/06/11/2003694700  
https://www.national-football-teams.com/player/43929/Xavier_Chen.html  
https://www.taipeitimes.com/News/sport/archives/2010/06/10/2003475070  
https://brandonlifong.medium.com/will-taiwan-improve-in-the-upcoming-fifa-2022-world-cup-qualifications-fe36d660554d 
https://www.bbc.com/thai/international-49711667 

Author

พชรพล เกตุจินากูล

แฟนคลับเชลซี ติดตามฟุตบอลเอเชีย ไก่ทอดและกิมจิเลิฟเวอร์

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

ปริญญา คงปันนา

กราฟฟิคหน้าโหด ทำงานด้วย Passion ว่างๆ ชอบไปคาเฟ่ หลงไหลในศิลปะ, การเดินทางและกีฬา