Feature

เปลี่ยนม้ากลางศึก : ทำไม บาเยิร์น ปลด นาเกิลส์มันน์ แล้วดึง ทูเคิ่ล คุมทัพ | Main Stand

ปี 2021 บาเยิร์น มิวนิค ตัดสินใจเซ็นสัญญา 5 ปี กับกุนซือที่ร้อนแรงที่สุดคนหนึ่งของยุโรป อย่าง ยูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ ให้เข้ามาเป็นสานต่อเส้นทางความสำเร็จของสโมสรต่อจาก ฮันซี่ ฟลิค ที่โยกไปคุมทีมชาติเยอรมนี โดยช่วงแรกของการคุมทีมในถิ่นอัลลิอันซ์ อารีน่า เจ้าตัวทำทีมคว้าแชมป์ลีกได้ด้วย

 

แต่ดูเหมือนคำว่า “มีพบก็ต้องมีจาก” ระหว่างนาเกิลส์มันน์กับบาเยิร์น กลับเกิดขึ้นในระหว่างที่อายุสัญญาของกุนซือวัย 35 ยังเหลืออีกถึงครึ่งหนึ่ง เมื่อในช่วงที่เกมบุนเดสลีก้าพักเบรกเข้าปฏิทินฟีฟ่าเดย์ช่วงแรกของปี 2023 มีการยืนยันอย่างเป็นทางการจากทีม “เสือใต้” ว่าได้ทำการปลด ยูเลี่ยน ออกจากตำแหน่งเรียบร้อย และได้แต่งตั้ง “โธมัส ทูเคิ่ล” เข้ามาคุมทัพแทน

เกิดอะไรขึ้นกับยูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ ที่ผลงานภาพรวมในการคุมบาเยิร์นไม่ได้ดูขี้ริ้วขี้เหร่ แถมในทางทฤษฎีแล้ว ปีนี้เขายังอยู่ในเส้นทางลุ้นนำลูกทีมกวาดเทรเบิ้ลแชมป์ด้วยซ้ำ 

ทำไมสโมสรกลับตัดสินใจ “เปลี่ยนม้ากลางศึก” และทำไมกุนซือคนใหม่ถึงต้องเป็น ทูเคิ่ล 

มาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันกับ Main Stand

 

กุนซือไฟแรงแห่งบาวาเรีย

บาวาเรีย หรือแคว้นดังทางตอนใต้ของประเทศเยอรมนี เป็นพื้นที่เกิดและเติบโตของคนลูกหนังชื่อดังเมืองเบียร์หลายคน ไม่ว่าจะเป็นฟรานซ์ เบคเคนบาวเออร์, โลธาร์ มัตเธอุส, ฟิลลิปส์ ลาห์ม, มาริโอ เกิทเซ่ รวมถึงยูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์

นาเกิลส์มันน์ มีฝันเหมือนคนที่หลงใหลในเกมลูกหนังหลาย ๆ คน นั่นคือการได้สัมผัสเส้นทางสู่อาชีพนี้ เขาเริ่มเข้าร่วมทีมเยาวชนชื่อดังของบาวาเรียอย่าง 1860 มิวนิค ในวัย 15 ปี 

โดยทีม 1860 มิวนิคในเวลานั้น ถือเป็นทีมเยาวชนน่าจับตาทีมหนึ่งของเยอรมนี และเพื่อนร่วมรุ่นของนาเกิลส์มันน์หลายคน ก็ก้าวขึ้นมาเล่นในระดับบุนเดสลีก้าได้ อาทิ สองพี่น้องสเวนและลาร์ส เบนเดอร์ สองแข้งดีกรีแชมป์ฟุตบอลโลก 2014, ฟาเบียน จอห์นสัน นักเตะทีมชาติสหรัฐอเมริกา ฯลฯ

นาเกิลส์มันน์ ก็เกือบจะได้เดินเส้นทางเหมือนสามคนที่เกริ่นในย่อหน้าก่อนเช่นกัน เพราะเขาเคยถูกเลื่อนขั้นให้ไปเล่นให้ 1860 มิวนิค รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ตั้งแต่อายุ 19 ปีมาแล้ว

แต่ใช่ว่าทุกคนจะเดินเส้นทางที่เรียบไปจนถึงฝั่งฝัน นาเกิลส์มันน์ ในฐานะแข้งเยาวชนที่เพื่อน ๆ ร่วมอคาเดมี่ให้การยอมรับทั้งในเรื่องฝีเท้า ไปจนถึงบุคลิกที่เป็นทั้งคนเฮฮา จริงจัง มีวุฒิภาวะ กลับเผชิญอุปสรรคที่พรากอาชีพค้าแข้งไปตลอดกาล เมื่อต้องเจอปัญหาเจ็บที่หัวเข่า ต้องเข้ารับการผ่าตัดขนานใหญ่ อยู่รักษาอาการร่วมปี ท้ายสุดมันเกินกว่าจะฝืนเล่นต่อ เขาต้องแขวนสตั๊ดตั้งแต่อายุ 20 ปี

ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงที่ชีวิตหกล้ม เขายังต้องใช้เวลาพักหนึ่งว่าจะลุกขึ้นมาใหม่ได้ เมื่อเออร์วิน พ่อของเขาเกิดล้มป่วย จากนั้นก็มาเสียชีวิตลงไปด้วย

อย่างไรก็ตาม เพราะความตระหนักรู้ตัวเองว่า ฟุตบอล คือสิ่งที่เขาออกมาได้ดีที่สุด และหากจะเดินต่อในเส้นทางนี้ ก็ไม่ได้มีแค่การเป็นนักเตะอาชีพอย่างเดียว นำมาซึ่งการปูทางสู่ถนนลูกหนังสายใหม่ กับการเป็น “กุนซือ” 

“มีคนบอกยูเลี่ยนว่าเขาอาจจะไม่เป็นมืออาชีพ” คริสเตียน เทรช อดีตเพื่อนร่วมทีมอคาเดมี่ 1860 มิวนิค เผยกับ The Athletic “ผมจำได้ว่าเขาเคยมองมาที่ผมแล้วพูดว่า 'ถ้าฉันเป็นนักเตะอาชีพไม่ได้ ฉันจะไปเป็นโค้ชบุนเดสลีกาแทน'”

อย่างที่คอลูกหนังทราบกัน ยูเลียน นาเกิลส์มันน์ เลือกเดินเส้นทางใหม่ และยกระดับเป็นหนึ่งในกุนซือระดับแถวหน้าของโลกไปแล้ว โดยจุดเริ่มต้นบทบาทการจัดการทีมของนาเกิลส์มันน์ เริ่มจากการเป็นทีมโค้ชของโธมัส ทูเคิ่ลที่เอาก์สบวร์ก สู่บทบาทกุนซือครั้งแรกร่วมกับทีมเยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี ของฮอฟเฟนไฮม์ 

ด้วยการที่เจ้าตัวทำผลงานร่วมกับทัพยังบลัดสโมสรได้ดีเกินคาด กอปรกับบุคลิกและลักษณะนิสัยที่เวลาเล่นก็เล่น เวลาจะจริงจังก็จริงจัง ทำให้เห็นถึงการสื่อสารที่คอยลดช่องว่างระหว่างรุ่น (Generation Gap) นำมาซึ่งโอกาสครั้งสำคัญในชีวิต กับการชิมลางกุนซือของทีมชุดใหญ่ ช่วงกลางฤดูกาล 2015/16

“เขาอาจจะอายุน้อย แต่เขาแสดงความคิดได้ฉลาด ทุกสิ่งที่เขาพูด ดูเหมือนว่าทุกคนในทีมจะเชื่อและซื้อความคิดของเขาเสียทุกครั้ง หมอนี่เป็นคนที่จุกจิกมาก ๆ และชอบแก้ไขรายละเอียดทุก ๆ เรื่องที่แม้จะดูเล็กน้อยแค่ไหนก็ตามที ความรู้ด้านฟุตบอลที่สูงจนน่าเหลือเชื่อ และมันก็ถึงเวลาที่เราควรจะเสี่ยงกับเขาแล้ว" อเล็กซานเดอร์ โรเซน ผู้อำนวยการกีฬาของฮอฟเฟนไฮม์ เผย

กับคนที่อายุเพิ่ง 28 ปี กับอีก 5 เดือน ไม่เคยเล่นฟุตบอลอาชีพ แถมต้องมาคุมทีมระดับบุนเดสลีก้า ที่ล้วนแต่มีเสือสิงห์กระทิงแรดคอยให้ห้ำหั่น ไม่แปลกที่นาเกิลส์มันน์จะโดนวิจารณ์สนั่นอยู่บ่อย ๆ แต่ถึงอย่างไร ดูเหมือนว่าข้อครหาจะทำอะไรเขาไม่ได้เลยสักนิด กุนซือหนุ่มไฟแรงที่ขึ้นชื่อเรื่องแทคติกการแกะเกมเพรสซิ่ง พาฮอฟเฟมไฮม์หนีตกชั้นได้ในปีแรกที่เข้ามา ส่วนฤดูกาลถัดไป (2016/17) เขาพาทีมจบอันดับ 4 ตีตั๋วไปยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกเป็นครั้งแรกของสโมสร

จากนั้นก็ขยับเส้นทางโค้ชอาชีพไปอีกขั้น เริ่มจากแอร์เบ ไลป์ซิก ในซัมเมอร์ปี 2019 และการเข้าคุมทีม “กระทิงแดงแห่งเยอรมนี” นี่เอง เขาโชว์กึ๋นจนพาทีมทะลุเข้าถึงรอบรองชนะเลิศของแชมเปี้ยนส์ ลีก ไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศของเดเอฟเบ โพคาล แต่น่าเสียดายที่ไปไม่ถึงฝัน เมื่อพ่ายต่อโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 1-4

ดูเหมือนว่าสปอตไลต์จะส่องมายังนาเกิลส์มันน์อยู่เรื่อยมา และเวทีลูกหนังที่ยิ่งใหญ่ไปอีกขั้นหนึ่ง ก็มาอุบัติขึ้นตัวเขาอีกครั้ง เมื่อช่วงปลายฤดูกาล 2020/21 เรื่อยมาถึงซัมเมอร์ 2021 เมื่อบาเยิร์น มิวนิค ตัดสินใจทุ่มเงินกว่า 25 ล้านยูโรฉีกสัญญากับไลป์ซิก เพื่อดึงนาเกิลส์มันน์ มาร่วมทัพ 

และนั่นก็ได้กลายเป็นโมเมนต์สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งของเฮดโค้ชวัย 30 ต้น ๆ จากที่ผ่านประสบการณ์คุมสโมสรในบุนเดสลีก้ามาเป็นเวลาราว 5 ปี เขากำลังจะได้เป็นผู้จัดการให้กับหนึ่งในสโมสรยิ่งใหญ่ของโลก

 

เหตุผลของการปลด

เมื่อมองตัวเลขกลม ๆ กับผลงานตลอด 84 เกมของยูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ ร่วมกับทีมแชมป์ลีกสูงสุดแห่งเยอรมนี 32 สมัย ถือว่าไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร กุนซือวัย 35 ปี มีสถิติคุมทีมชนะ 60 นัด เสมอ 14 นัด และแพ้ไป 10 นัด คิดเป็นอัตราคุมทีมชนะที่ร้อยละ 71.4 แถมยังพาทีมคว้าถาดแชมป์บุนเดสลีก้าได้ตั้งแต่ขวบปีแรกที่เข้ามาคุม

แต่ถึงกระนั้น รายละเอียดของการถูกปลดจากตำแหน่งมันมีมากกว่า ซึ่งเห็นภาพได้ตั้งแต่ซีซั่นเดบิวต์ของเขากับทีมเสือใต้เลย อย่างการเป็นแชมป์ลีกที่เก็บได้แค่ 77 แต้ม จาก 34 เกม ส่วนบอลถ้วยที่มีลุ้นอีกสองรายการ อย่างเดเอฟเบ โพคาล ก็ปิ๋วไปตั้งแต่รอบสอง ด้วยน้ำมือของโบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค (แพ้ 0-5) ด้านแชมเปี้ยนส์ลีก ก็ร่วงหล่นไปในรอบ 8 ทีมสุดท้าย จากการพ่ายแพ้ต่อบียาร์เรอัล ด้วยสกอร์รวม 2-1

เวลาล่วงเลยมาถึงฤดูกาลที่สองในถิ่นอัลลิอันซ์ อารีน่า จุดสำคัญที่ทำให้บอร์ดบริหารตัดสินใจยกเลิกสัญญากับเจ้าตัว ประการแรกคือผลงานในภาพรวม ที่แม้นาเกิลส์มันน์จะยังมีลุ้นเทรเบิ้ลแชมป์อยู่ก็จริง ทว่ามันยังมีความ “หวั่นใจ” เกิดขึ้นอยู่ ว่าอาจจะทำไม่สำเร็จ

มองมายังอันดับในลีก ช่วงก่อนฟุตบอลโลก บาเยิร์น มิวนิค ครองจ่าฝูงชนิดไม่ใช่เรื่องแปลกใจ เพราะทีมยืนพื้นที่อันดับนี้มาตลอดอยู่แล้ว ในขณะที่ดอร์ทมุนด์ หนึ่งในคู่แข่งที่ในทางทฤษฎีคือทีมแกร่งเบอร์รองของลีก ยังอยู่อันดับ 6 ของตารางด้วยซ้ำ แถมแต้มยังห่างกันถึง 9 แต้ม แต่อย่างที่เรารู้กันในตอนนี้ หลังผ่านแมตช์เดย์ที่ 25 ทีมเสือเหลืองกลับผงาดครองจ่าฝูงแทน

ส่วนผลงานในแชมเปี้ยนส์ลีก บาเยิร์นตีตั๋วเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศได้ก็จริง แต่กระนั้น คู่ต่อกรในรอบดังกล่าวคือแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่มีเป๊ป กวาร์ดิโอลาเป็นผู้จัดการทีม เมื่อเทียบน้ำหนักแบบปอนด์ต่อปอนด์ ยังไงกุนซือสแปนิชก็ภาษีดูดีกว่า และมีโอกาสที่จะพาเรือใบสีฟ้าผงาดสู่รอบต่อไปได้มากกว่านาเกิลส์มันน์

เหตุผลสำคัญต่อมาคือเรื่องความสัมพันธ์ที่ไม่สู้ดีภายในทีม คุมนักเตะไม่ได้ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุดสองกรณีคือการงัดข้อกับโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ในเรื่องของแทคติกการเล่น เขาอยากให้ เลวาน ถ่างออกเล่นริมเส้นบ้างเพื่อรูปแบบการเข้าทำที่หลากหลาย 

ทว่าดาวยิงจอมเก๋ามีธงในใจว่าเขาคือกองหน้าตัวเป้าที่ซัลโวประตูถล่มทลายมานักต่อนัก จะจับให้ไปยืนตำแหน่งอื่นมันก็กะไรอยู่ เป็นเหตุผลหนึ่งที่ส่งให้หัวหอกโปแลนด์ เลือกอำลาทีมหลังจบฤดูกาลแรกที่นาเกิลส์มันน์เข้ามาคุมทีม

รวมถึงมานูเอล นอยเออร์ ที่อายุมากกว่าเขาหนึ่งปี แบบกลาย ๆ หลังสโมสรตัดสินใจแยกทางโทนี่ ทาปาโลวิช โค้ชผู้รักษาประตูคู่บุญนอยเออร์ ที่ทำงานร่วมกันที่เสือใต้มาตั้งแต่ปี 2011 

เหตุเพราะจากการที่โทนี่ เอาแผนงานโค้ชในระหว่างประชุมไปบอกกับนอยเออร์ มันให้ความรู้สึกเหมือนความเชื่อใจในการทำงานกับทีมโค้ช มันลดถอยลงไป และนั่นก็ทำให้นักเตะหลาย ๆ คนรู้สึกแปลกใจไปด้วย ที่ทาปาโลวิช จะไม่ได้อยู่กับทีมแล้ว

“มันรบกวนจิตใจผมมาก คนที่ทำแบบนี้กำลังทำร้ายวงการฟุตบอล ผมไม่เห็นแรงจูงใจจากการทำแบบนี้เลยนอกจากการอำนวยความสะดวกในการทำงานให้กับทีมคู่แข่ง” ส่วนหนึ่งจากบทสัมภาษณ์ของยูเลี่ยนที่ชี้ว่าบาเยิร์น มี "ไส้ศึก" ในห้องแต่งตัว หลังเกมที่เขาคุมทีมส่งท้าย โดยพ่ายต่อเลเวอร์คูเซ่น 1-2 เมื่อเขาพบว่าแผนการเล่นทีมนั้นเกิดรั่วไหลสู่ภายนอก 

ซึ่งหลายฝ่ายพุ่งเป้าไปยังอดีตโค้ชผู้รักษาประตูของสโมสรอย่างทาปาโลวิช

นอกจากผลงานที่ดูไม่ค่อยน่าไว้วางใจจากบอร์ดบริหาร ปัญหาไม่ลงรอยเล็ก ๆ กับนักเตะซีเนียร์ทีม อีกหนึ่งเหตุผลที่เป็นไปได้คือ การวางตัวในฐานะเฮดโค้ชของนาเกิลส์มันน์ เวลาที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อ รวมถึงการที่เขามีแฟนทำงานสื่อดังของประเทศอย่าง BILD

เริ่มที่การวางตัวกับบทบาทกุนซือบาเยิร์นก่อน หลายต่อหลายครั้งทีมบริหารสโมสรมองว่าการให้สัมภาษณ์ของยูเลี่ยน มันกระทบกับ “ภาพลักษณ์” สโมสรเข้าเต็ม ๆ ดัง กรณีวิจารณ์บาร์เซโลน่า ที่ไม่ได้มีงบประมาณทุ่มซื้อนักเตะได้มากขนาดนั้น แต่ทำไมยังคว้านักเตะใหม่มาสู่ทีมได้หลายคนในซัมเมอร์ 2022 ไปจนถึงการวิจารณ์เชิงสบถใส่ผู้ตัดสิน หลังทีมเผชิญผลตัดสินที่ไม่เป็นใจ ฯลฯ

ทั้งหมดมันให้ความรู้สึกเหมือนคุณยังไม่มีวุฒิภาวะพอที่จะเป็นผู้จัดการทีมสโมสร และยังส่งไปถึงความเคารพของนักเตะที่มีต่อตัวเฮดโค้ชด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น ภาพลักษณ์และคาแรคเตอร์ของนาเกิลส์มันน์ มีผลต่อเนื่องกับการที่เขามีแฟนเป็นนักข่าวของ BILD ชื่อเลน่า วูร์เซนแบร์เกอร์ เหตุผลหลักที่เขาโดนวิจารณ์เรื่องนี้ไปด้วย คือเรื่องความไว้วางใจของตัวนักเตะที่มีต่อโค้ช พูดง่าย ๆ ก็คือ นักเตะกลัวเป็นข่าว กลัวว่าเรื่องส่วนตัวบางเรื่อง จะถูกเปิดเผยโดยแฟนของโค้ช เป็นต้น

เมื่อสามเหตุผลหลัก ๆ มาบรรจบกันกับเหตุผลที่ควรปลด ทั้งหมดไปสอดรับกับวัฒนธรรมองค์กรของบาเยิร์น มิวนิค ด้วยพอดี

 

ดีไม่พอ ก็แยกย้าย

ที่บาเยิร์น มีปรัชญาอย่างหนึ่งที่ใช้มาเป็นเวลาหลายทศวรรษ นั่นคือการไล่นักเตะปลดโค้ชทันที หากบุคคลเหล่านั้นทำให้สโมสรเห็นว่า “ยังดีไม่พอ” และตำแหน่งที่โดนหนักที่สุด ก็คือกุนซือ

เสือใต้ มีวัฒนธรรมองค์ดังกล่าวมาตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษที่ 70s ต่อให้เข้ามาโดยที่สัญญายังเหลือบานเบอะ ต่อให้มีความผูกพันกับทีมแค่ไหน ทว่าหากโค้ชคนไหนไม่ตอบโจทย์กับการทำงาน ทีมก็พร้อมจะสร้างความเปลี่ยนแปลงในทันที 

“มันถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องจัดการเรื่องราวทั้งหมดเสียที เสียงความไม่พอใจในองค์กรดังขึ้นเรื่อย ๆ” ฟรานซ์ เบ็คเคนบาวเออร์ ประธานสโมสรบาเยิร์น ในเวลานั้น กล่าวถึงการปลดอ็อตโต เรฮาเกล ในฐานะกุนซือคนดังแห่งวงการฟุตบอลเมืองเบียร์ ก่อนเกมนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า คัพ (ยูโรปา ลีก ปัจจุบัน) เพียง 4 วันก่อนการแข่งขัน

“แต่เรฮาเกลไม่เคยสนใจกับสิ่งนั้น ความเป็นมืออาชีพของเราไม่เหมือนกัน (เรฮาเกล กับ บาเยิร์น) ถ้าเขาอยู่ในตำแหน่งต่อไป ทุกอย่างจะบานปลายมากกว่านี้”

มากกว่านั้น บาเยิร์น มิวนิค ถอดแบบปรัชญาการทำงานแบบ “เยอรมันสไตล์” เข้าเต็ม ๆ คุณจะมาทำงานแบบไร้แบบแผน เน้นแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ไม่มีระบบวางไว้ก่อน “ไม่ได้” 

นี่เป็นท็อปปิกสำคัญที่ส่งให้ยอดกุนซือต่างชาติ สอบตกกันเป็นแถว ๆ ชนิดที่ไม่เคยมีใครนั่งเก้าอี้ยาวเกินกว่าสองฤดูกาลขึ้นไป

โจวานนี ตราปัตโตนี โดนปลดหลังอยู่ร่วมฤดูกาลเศษ จากแนวทางการคุมนักเตะแบบใช้ไม้อ่อนเข้างัด, หลุยส์ ฟาน กัล อยู่กับทีมได้ราว ๆ ฤดูกาลครึ่ง ก็ไม่ได้ไปต่อ แม้จะหยิบแชมป์กับทีมได้ แต่เพราะปรับเปลี่ยนแผนทีมไปเรื่อย ๆ จนทำผลงานดิ่ง รวมถึงคาร์โล อันเชล็อตติ คุมทีมได้สองฤดูกาล มีแชมป์ติดมือ แต่ก็ไม่ได้ไปต่อ สาเหตุสำคัญประการหนึ่งคือการซ้อมไม่ได้หนักหน่วง จนนักเตะบางคนมองว่าการพัฒนาฝีเท้าถูกชะงักลงไป

ถึงแม้จะปรับเปลี่ยนโค้ชอยู่บ่อย ๆ แต่ DNA การเป็นทีมระดับท็อปโลกของบาเยิร์นไม่เคยลดละลงไปเลย หลายต่อหลายครั้ง การเปลี่ยนแปลงมันยังผลิดออกออกผลมาเป็นโทรฟี่แชมป์

นั่นก็ทำให้ทีมเสือใต้แห่งบาวาเรีย ยังคงแนวทางนี้มาจนปัจจุบัน และแน่นอน ความอุ่นใจในการวางกุนซือใหม่ต่อจากยูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ สเปกแรกคือผู้จัดการทีมชาวเยอรมัน มีวุฒิภาวะมากพอที่จะจัดการกับเรื่องในและนอกสนาม นักเตะให้การเคารพจากชั่วโมงบิน ชื่อจึงตกมาอยู่ที่ “โธมัส ทูเคิ่ล”

 

ทำไมต้องทูเคิ่ล?

เข้าสู่ช่วงพักเบรกให้โปรแกรมทีมชาติ ในรอบแรกของปีปฏิทินฟีฟ่าเดย์ 2023 คือช่วงเวลาประจวบเหมาะในการปรับเปลี่ยนเก้าอี้กุนซือของบาเยิร์น มิวนิค เพราะเข้าสถานการณ์ที่เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาลพอดี โดยโค้ชใหม่ก็จะมีเวลาได้เตรียมทีมตั้งแต่ต้นสัปดาห์ ก่อนนำทีมแข่งในช่วงสุดสัปดาห์

ก่อนที่ชื่อแรกในสายตาทีมบริหารเลือกนึกถึง ก็คือ โธมัส ทูเคิ่ล ซึ่งเรื่องน่าบังเอิญอีกประการหนึ่ง ก็คือเกมคุมบาเยิร์นเดบิวต์ เขาจะนำทีมดวลกับอดีตต้นสังกัดอย่างโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในศึกที่เรียกว่า "แดร์ คลาซิเคอร์"

ทูเคิ่ลเป็นกุนซือชาวบาวาเรียแท้ ๆ และผ่านประสบการณ์การมีอิทธิพลในห้องแต่งตัวร่วมกับนักเตะชื่อดังมานักต่อนัก จากช่วงเวลาที่เคยคุมดอร์ทมุนด์, ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และเชลซีมาก่อน

มิหนำซ้ำ ทูเคิ่ลได้รับการพิสูจน์ถึงประสบการณ์การรับงานเผือกร้อนมาแล้ว โดยเฉพาะที่เชลซี หลังเข้ามาคุมทีมช่วงกลางฤดูกาล ก่อนโชว์กึ๋นจนพาสโมสรคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ แถมยังเป็นชัยชนะเหนือแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมที่บาเยิร์นจะดวลแข้งด้วยในรอบก่อนรองชนะเลิศ ฤดูกาล 2022/23 ด้วย

นอกจากนี้ ทูเคิ่ลยังผ่านร้อนผ่านหนาวกับช่วงที่ทีมสิงโตน้ำเงินครามเจอเรื่องคว่ำบาตรจากรัฐบาลอังกฤษ จากเหตุการณ์รัสเซีย ประเทศของโรมัน อับราโมวิช เจ้าของทีมในเวลานั้น เข้ารุกรานยูเครน โดยบทสัมภาษณ์หลาย ๆ ครั้งในเชิงปกป้องสโมสร ได้ใจทั้งบอร์ดบริหาร นักเตะ ตลอดจนแฟน ๆ เดอะ บลูส์

และมีเหตุผลอื่น ๆ อีกมาก ที่ส่งให้ทีมดีกรีแชมป์ลีกสูงสุดเมืองเบียร์ 10 สมัยซ้อนในช่วงเวลาล่าสุด ตัดสินใจคว้าทูเคิ่ลมาแบบไม่มีลังเล อย่างการที่เจ้าตัวเป็นกุนซือว่างงานในเวลาก่อนหน้า และมีโอกาสสูงที่จะกลับมารับงานในช่วงซัมเมอร์ 2023 ท่ามกลางข่าวลือกับสโมสรดังมากมาย เช่นท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ และเรอัล มาดริด

ดังนั้น โอกาสดีที่สุดที่จะได้ตัวทูเคิ่ล ก็คือต้องเจรจาปิดดีลให้ได้ก่อนทีมอื่น

หรือแม้แต่การที่ทูเคิ่ล มีแทคติกการเล่นที่เป็นแบบแผน กับระบบการเล่นกองหลังสาม ใช้วิงแบ็คเข้าลุย ฯลฯ เมื่อมีแนวทางการทำทีมเป็นของตัวเองอยู่แล้ว ก็ยิ่งเข้าข่ายกับวัฒนธรรมการทำงานแบบเยอรมันสไตล์ของสโมสรไปด้วย

อย่างไรก็ดี โธมัส ทูเคิ่ล จะเผชิญเรื่องวิสัยทัศน์ ตลอดจนทัศนคติที่ไม่ตรงกับทีมบริหารของสโมสร ดั่งที่เคยเผชิญกับทีมก่อน ๆ อีกหรือไม่ เรื่องนี้คงต้องให้อนาคตเป็นผู้เฉลยคำตอบ

เพราะอย่างที่รู้กันว่าในตอนนี้ กุนซือวัยใกล้เลข 5 คือคนที่ผู้หลักผู้ใหญ่เสือใต้วางไว้ใจมากที่สุด ในการเลือกมาเป็นนายใหญ่ทีม ที่พร้อมจะไล่ล่าความสำเร็จตามระยะเวลา 2 ปีครึ่งที่ได้เซ็นไว้ แทนที่ยูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ ดังบทสัมภาษณ์ทิ้งท้ายจากโอลิเวอร์ คาห์น ซีอีโอบาเยิร์น

“แม้เราจะเป็นแชมป์บุนเดสลีกาเมื่อปีที่แล้ว แต่หลังฟุตบอลโลกมา เราประสบความสำเร็จน้อยลง กลายเป็นทีมที่น่าดึงดูดน้อยลง ความผันผวนครั้งใหญ่ในผลงานทำให้เกิดการตั้งคำถามถึงเป้าหมายของเราในฤดูกาลนี้ รวมถึงเป้าหมายในอนาคตด้วย” 

“นั่นคือเหตุผลที่เราต้องดำเนินการในตอนนี้ โดยส่วนตัวและในนามของสโมสร ผมต้องขอขอบคุณนาเกิลส์มันน์และสตาฟของเขา ขอให้ทุกคนโชคดีในอนาคต” 

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

วัฒนธรรมองค์กรสุดโหดของ "บาเยิร์น" ที่ทำโค้ชระดับโลกตกเก้าอี้เป็นว่าเล่น

 

แหล่งอ้างอิง

https://fcbayern.com/en/news/2023/03/fc-bayern-and-julian-nagelsmann-part-company---thomas-tuchel-new-head-coach 
https://theathletic.com/1664189/2020/03/09/julian-nagelsmann-leipzig-tottenham-hotspur-bundesliga/ 
https://www.dw.com/en/bayern-munich-to-ditch-coach-julian-nagelsmann-reports/a-65100563 
https://web.facebook.com/jingjungfootball/photos/a.1763433500538559/3297161313832429/ 
https://www.goal.com/en/lists/why-bayern-munich-are-right-to-replace-trendy-julian-nagelsmann-with-proven-winner-thomas-tuchel/blt4e71e3500464bf26#csfdb6fb9109e8a619 
https://www.forbes.com/sites/marieschultebockum/2023/03/24/bayern-munichs-60-million-dollar-fiasco-3-reasons-nagelsmann-was-fired/?sh=c39e96b23971 

Author

พชรพล เกตุจินากูล

แฟนคลับเชลซี ติดตามฟุตบอลเอเชีย ไก่ทอดและกิมจิเลิฟเวอร์

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

ปริญญา คงปันนา

กราฟฟิคหน้าโหด ทำงานด้วย Passion ว่างๆ ชอบไปคาเฟ่ หลงไหลในศิลปะ, การเดินทางและกีฬา