Feature

แฮร์รี่ ซูตทาร์ : เหมือนแม็คไกวร์แค่ใบหน้า เพราะเขาคือดาวดวงใหม่แห่งซอกเกอร์รูส์ | Main Stand

เชื่อได้เลยว่าหากท่านใดก็ตามได้รับชมการแข่งขันของ เลสเตอร์ ซิตี้ หลังพักเบรกฟุตบอลโลก 2022 เป็นต้นมา อาจจะเกิดความสงสัยว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปล่อย แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ออกจากทีมด้วยสัญญายืมตัวมาให้จนจบฤดูกาลอย่างนั้นหรือ ? แต่เขาก็ยังนั่งสำรองหรือได้รับการเปลี่ยนตัวลงมาเสยผมในอาภรณ์ปีศาจแดงอยู่เนือง ๆ แล้วที่ลงเล่นเป็นเซ็นเตอร์ให้พลพรรคจิ้งจอกนี่ใครกัน ?

 


คำตอบคือ แฮร์รี่ ซูตทาร์ ปราการหลังเลือดออสเตรเลีย ที่เลสเตอร์ไปคว้ามาจาก สโตก ซิตี้ ด้วยสนนราคา 15 ล้านปอนด์ แต่กระนั้นนอกจากใบหน้าที่มองผ่าน ๆ ละม้ายคล้ายคลึงกับกัปตันเรดเดวิลส์และชื่อหน้าที่เหมือนกันแล้ว พ่อหนุ่มออสซี่คนนี้กลับมีผลงานที่ดี สวนทางกับฟอร์มระยะหลังของนายหัวแตงโมแฝดคนละฝาของเขาอย่างมาก

เพราะก่อนหน้านั้น พ่อค้าแข้งเจ้าของส่วนสูงเกือบ 2 เมตร เป็นดาวเด่นของลีกล่างอังกฤษมายาวนาน เขาโดดเด่นขึ้นมาในยุคที่พลพรรคช่างปั้นหม้อตกต่ำ ทั้งยังพาพลพรรคซอคเกอร์รูส์ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลโลก 2022 แถมเก็บเมสซี่เสียอยู่หมัดเลยทีเดียว

ร่วมติดตามชีวิตของซูตทาร์ ที่ขอเหมือนแม็คไกวร์แค่ใบหน้าเป็นพอ ไปพร้อมกับ Main Stand

 

สูง ยาว เข่าดี ราศีจับ

แฮร์รี่ เจมส์ ซูตทาร์ เกิดที่หมู่บ้านลูเธอร์เมียร์ (Luthermuir) เมืองอเบอร์ดีน (Aberdeen) สกอตแลนด์ สหราชอาณาจักร โดยมีคุณพ่อเป็นชาวอเบอร์ดีนโดยกำเนิด และคุณแม่เป็นชาวพอร์ต เฮดแลนด์ (Port Hedland) มลรัฐออสเตรเลียตะวันตก (Western Australia) ประเทศออสเตรเลีย 

คุณพ่อของเขาเคยเป็นนักฟุตบอลในระดับเยาวชนของ เบรชิน ซิตี้ (Brechin City) ทีมท้องถิ่นละแวกบ้านมาก่อน แต่ไปไม่ถึงฝั่งฝันจึงฝากความหวังไว้ที่ลูกชายทั้งสองคน นั่นคือ แฮร์รี่ และ จอห์น พี่ชายที่แก่กว่าเขา 2 ปี และแน่นอนว่าสโมสรต้นสังกัดของพ่อยังได้เป็นสโมสรในดวงใจตราบจนทุกวันนี้ของสองพี่น้องอีกด้วย

ด้วยวัยที่ห่างกันไม่มากของพี่น้องคู่นี้ ทำให้พวกเขามีความใกล้ชิดสนิทสนมกันอย่างยิ่ง เรียกได้ว่าแทบจะเป็นเพื่อนกันเสียด้วยซ้ำ และสองพี่น้องชอบที่จะแข่งขันกันเอง โดยเฉพาะในเรื่องของฟุตบอล แฮร์รี่ได้เปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า "ผมจำได้ดีเลย ผมมักจะเล่นฟุตบอลกับจอห์น (พี่ชาย) ที่ลานกว้างในเมืองเสมอ ว่างเป็นไม่ได้ พวกเราแข่งขันกันตลอด แต่เราก็เชียร์เบรชิน ซิตี้ เหมือนกัน"

"ตอนผมประมาณ 8-9 ปี ผมกับพี่ชายได้ลงสนามให้กับ เบรชิน ซิตี้ ในชุดเยาวชน ในทุก ๆ เช้าวันหยุดสุดสัปดาห์เกือบสองปีได้มั้งที่เราไร้พ่าย และทำให้ผมได้เรียนรู้ว่าคนอยากเป็นนักฟุตบอลโคตรเยอะ" แฮร์รี่ กล่าวเสริม

กระนั้นในเรื่องของฟุตบอล จอห์นถือได้ว่ามีพัฒนาการที่ดีกว่ามาก ทั้งในด้านเบสิก ทักษะ หรือความถนัดเฉพาะทางในการเล่นตำแหน่งแนวรับ แต่สิ่งที่แฮร์รี่มีเหนือกว่าพี่ชายและเป็นจุดเด่นของเขาตราบจนปัจจุบัน นั่นคือ "ส่วนสูง" โดยในวัย 13-14 ปี เขาแทบจะสูงกว่าระดับอัตราเฉลี่ยของชายฉกรรจ์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เลยทีเดียว (ประมาณ 170-175 เซนติเมตร)

ด้วยความสูงระดับนี้ เขาเลยมักได้รับการไซโคให้หันไปเอาดีทางด้านบาสเกตบอลแทน แต่ในเมื่อคนมันใจรักฟุตบอล จะนำรถบรรทุกมาลากมาจูงย่อมไม่สามารถเปลี่ยนใจเขาได้ โดยแฮร์รี่ตั้งปณิธานแน่วแน่ว่าต้องการเป็นนักฟุตบอล โดยเฉพาะตำแหน่งกองหลังแบบเดียวกับพี่ชาย

"ว่าก็ว่าเถอะครับ ผมแม่งโคตรผอมกะหร่องและโยกเยกมาก ๆ ตอนวัยรุ่นนี่เห็นชัดเลย แต่นั่นกลับเป็นจุดเด่นที่ทำให้ผมได้เข้าอคาเดมีของลูเธอร์เมียร์และมีร์น ซึ่งเป็นอคาเดมีระดับใหญ่โตใกล้บ้าน มีนักเรียนราว ๆ 70 คน ไม่ได้เยอะมาก แต่พวกเราก็ช่วยกันดันจนติดท็อปไฟว์ของประเทศ ผมล่ะรักที่นี่จริง ๆ" แฮร์รี่ กล่าวไว้กับเว็บไซต์ของสโมสร ฟลีตวูด ทาวน์

ด้วยการรู้ว่าตนเองมีจุดเด่นที่ตรงไหน ทำให้เขาใช้ประโยชน์จากจุดนี้ในการสร้างข้อได้เปรียบทางร่างกายในการแย่งโหม่งหรือเก็บกินลูกกลางอากาศเสียอยู่หมัด 

แน่นอนว่าทางร่างกายอาจมีคำถาม เพราะเขาผอมอย่างมากจนเบียดปะทะไม่ค่อยจะได้ ทำให้ในบางครั้งโค้ชถ่างเขาไปเล่นด้านกว้างหรือเล่นระบบหลังสาม มีน้อยครั้งที่เขาจะได้ยืนเซ็นเตอร์แบบจริงจัง แต่นั่นไม่ได้ทำให้เขายอมแพ้ เขาพยายามเสริมความแข็งแกร่งทางกายให้สามารถเข้าแท็คเกิลหรือสกัดแบบไหล่ชนไหลอย่างหนักหน่วง จนในที่สุดเขาก็สามารถตามรอยพี่ชายได้สำเร็จ

"ผมคือกองหลังเสมอมา แม้ในตอนเด็ก ๆ จะโดนจับเล่นแบ็กขวาบ่อยครั้ง แต่ก็สามารถยืนเซ็นเตอร์ได้อย่างไม่เคอะเขิน" แฮร์รี่ กล่าว

และด้วยการพัฒนาเช่นนี้ ทำให้ กลาสโกว์ เซลติก ทีมยักษ์ใหญ่แห่งลีกสกอตแลนด์ ไม่รอช้าในการเข้ามาโน้มน้าวให้เขาจรดปากกาเซ็นสัญญาให้เข้ามาอยู่ในอคาเดมี และแน่นอนว่าแฮร์รี่ไม่ปฏิเสธโอกาสนี้ ดังที่เขากล่าวว่า

"ผมเซ็นกับเซลติกในช่วงนั้น แต่ว่าไม่ได้เข้าไปยังอคาเดมีของสโมสรหรอกครับ เพราะเขาอนุญาตให้ผมเล่นอยู่ที่เบรชินเพื่อฝึกปรือไปก่อนได้ ก็บ้านผมไกลจากพวกเขานี่ครับ"

แต่ไม่นาน ด้วยระยะทางทำให้แฮร์รี่ตัดสินใจว่าต้องยุติความสัมพันธ์กับเซลติกเพียงเท่านี้ และโชคดีที่ อคาเดมีของ ดันดี ยูไนเต็ด ทีมชั้นนำของประเทศ ได้ติดต่อเข้ามาเช่นกัน และด้วยความใกล้บ้านมากกว่ากลาสโกว์จึงไม่ต้องคิดให้มากความ แฮร์รี่ตัดสินใจไปอยู่ร่วมชายคาของทีมสีส้มแห่งเมืองดันดีในทันที และที่สำคัญที่แห่งนี้ จอห์น พี่ชายสุดที่รัก ได้คอยเขาอยู่

"ผมได้ทุนการศึกษาด้านฟุตบอล ที่นี่เรียกว่า 'เด็กทุน' ในปี 2015 ผมได้เล่นเคียงข้างกับพี่ชายและเป็นการหวนมาเจอกันอีกครั้ง ตั้งแต่ผมยังอยู่ในชุด U-10 ที่บ้านเกิดนู่น" แฮร์รี่ กล่าวด้วยความปีติยินดี

ที่ดันดี แฮร์รี่ถือได้ว่าเจริญพันธุ์เต็มที่ โดยเขาสูงมากถึง 198 เซนติเมตรในวัยยังไม่ถึง 18 ปี เรียกได้ว่าเพื่อนร่วมรุ่นไม่สามารถโจมตีด้วยการโยนยาวหรือบอมบ์เข้าใส่เขาได้ ในชุดเยาวชน การเล่นของทั้งคู่เข้าขากันอย่างมาก และถึงแม้จะมีข้อเสียเปรียบเรื่องลูกสกัดหรือการป้องกันลูกภาคพื้นอยู่เล็กน้อย แต่ด้วยคำแนะนำจากพี่ชายที่ขึ้นสู่ชุดใหญ่ได้ก่อน (ตั้งแต่ 2013) ทำให้เขาฝึกฝนอย่างหนักเพื่อจะเป็นกองหลังที่สมบูรณ์แบบให้ได้

ในช่วงเวลาไม่ถึงปี แฮร์รี่ก็ได้เจริญรอยตามพี่ชาย ก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่อย่างองอาจ แถมยังได้ลงเล่นในตำแหน่งตัวจริงเสียด้วย มิหนำซ้ำ หลังจากการลงประเดิมสนาม 4 วัน เขายังทำประตูแรกในการเล่นฟุตบอลอาชีพได้เป็นผลสำเร็จ เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกก็ย่อมได้ที่เขารู้สึกถึงการแซงหน้าพี่ชายไปก้าวหนึ่ง

แน่นอนว่าคนที่เทพจริง ๆ ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาลงสนามแบบนาน ๆ ก็สามารถชี้ชัดได้เลยว่าเทพ ซึ่ง สโตก ซิตี้ เป็นสโมสรที่เล็งเห็นถึงจุดนี้ จึงยื่นข้อเสนอพร้อมสัญญาให้แก่แฮร์รี่ก่อนที่สโมสรอื่น ๆ จะหยิบชิ้นปลามันนี้ไป และแน่นอนว่าพรีเมียร์ลีกใคร ๆ ย่อมอยากมาสัมผัส แฮร์รี่ไม่รอช้าหอบผ้าหอบผ่อนไปยังสโตก ออน เทรนด์ แทบจะทันที

เพียงแต่ว่าตอนนั้นเขายังอายุเพียง 17 ปี ทำให้การดำเนินการด้านเอกสารต้องติดขัดเล็กน้อยโดยมีฟีฟ่าเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะเป็นการซื้อขายเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี แต่ในที่สุดก็สามารถเคลียร์ได้ แม้จะแลกมาด้วยการหายใจทิ้งของแฮร์รี่ไปราวเดือนกว่า ๆ ก็ตาม

และนี่คือจุดเริ่มต้นของเส้นทางการเป็นซูเปอร์สตาร์อย่างไม่น่าเชื่อ

 

ปราการหลังขวัญใจลีกล่าง

การเดินทางมาเป็นส่วนหนึ่งของพลพรรคช่างปั้นหม้อ แม้จะมาในฐานะของนักเตะสัญญาอาชีพ แต่อย่างไรเยาวชนก็คือเยาวชน แม้เขาจะได้รับโอกาสลงสนามให้สโตกอยู่บ่อยครั้งในช่วงฤดูกาลครึ่งก็ตาม แต่การเสริมกระดูกให้แข็งแกร่งเป็นเรื่องพื้นฐานที่จำเป็นอย่างมาก 

ดังนั้นในครึ่งหลังฤดูกาล 2017-18 สโตกตัดสินใจที่จะมอบสัญญาฉบับใหม่ โดยเป็นการประกันว่า เขาจะอยู่กับสโตกไปยาว ๆ พร้อมทั้งได้ปล่อยแฮร์รี่ไป รอสส์ เคาน์ตี้ ทีมระดับกลางตารางของลีกสกอตแลนด์ ด้วยสัญญายืมตัวจนจบฤดูกาล

ที่ เดอะ สเตกกีส์ นี้เอง ถือได้ว่าให้โอกาสหนุ่มน้อยแฮร์รี่ได้เฉิดฉายเป็นตัวจริงอย่างสม่ำเสมอ โดยเขาถือว่ามีความโดดเด่นเกินวัยอย่างมากในการรับบทบาทเซ็นเตอร์สายปะทะที่ไม่กลัวใครหน้าไหน แต่ในท้ายที่สุดเขาก็ไม่อาจช่วยทีมให้รอดตกชั้นไปได้

และแน่นอนว่าเพียงสโมสรเดียวยังไม่สามารถลับฝีเท้าเขาให้คมดั่งใบมีดโกนได้มากพอ ดังนั้นเมื่อ ฟลีตวูด ทาวน์ สโมสรระดับลุ้นเลื่อนชั้นของลีกวันติดต่อขอยืมปราการหลังรายนี้เข้าสู่ทีม สโตกจึงไม่รอช้าที่จะส่งเขาไปแบบยืมตัวในช่วงกลางฤดูกาลอีกครั้ง เพราะอยู่ต่อไปก็เสียดายของและพัฒนาการจะไม่เกิดเป็นแน่

โดยที่พลพรรค "ชาวประมง" ณ ตอนนั้นกุมบังเหียนโดย โจอี้ บาร์ตัน อดีตแข้งจอมพเนจรสุดเลือดร้อน และเป็นคนรีเควสต์ฝ่ายบริหารเองว่าต้องนำกองหลังร่างโย่งคนนี้เข้าสู่ทีมเท่านั้น เพราะโดนใจอย่างมากกับแผนการทำทีมของตน

แน่นอนว่าเขาก็ไม่ทำให้ผิดหวัง แม้จะไม่ค่อยได้ลงสนาม แต่ได้ลงเมื่อไรเป็นอันรู้เรื่อง 11 แมตช์ 1 ประตู ถือว่าไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไรมากมาย และบาร์ตันก็เกิดติดอกติดใจอย่างหนักทำเรื่องของยืมต่อเป็นกิจลักษณะ แบบเต็มฤดูกาล 2019-20 ให้รู้แล้วรู้รอดกันไป

นี่คือหนึ่งในการเลือกที่ถูกต้องแทบจะที่สุดอีกครั้งของฟลีตวูด ทาวน์ หลังจากที่เคยคว้าตัว เจมี่ วาร์ดี้ เข้าสู่ทีม เพราะซูตทาร์ได้เค้นศักยภาพของตนเองในการเล่นกองหลังออกมาอย่างถึงเครื่องแบบไม่น่าเชื่อ รางวัลนักเตะเยาวชนยอดเยี่ยมประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2020 ของ EFL คือเครื่องการันตีที่ดีที่สุด 

เท่านั้นยังไม่พอ เขายังปักหลักเป็นเซ็นเตอร์สายแทงก์ได้แบบดุดันไม่เกรงใจใคร เรียกได้ว่าเล่นเก๋าเกินอายุไปมาก พร้อมทั้งพาพลพรรคชาวประมงจบอันดับที่ 6 ได้สิทธิ์เพลย์ออฟเลื่อนชั้นกับ วีคอมบ์ วันเดอเรอร์ส แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ได้ไปเวมบลีย์ เพราะทีมของเขาแพ้ไปด้วยสกอร์รวม 3-6 แต่ผลงานส่วนตัว เขาทำไป 3 ประตูจาก 34 แมตช์

แน่นอนว่าเมื่อโชว์ฟอร์มอัพราคาขนาดนี้ สโตกไม่ดึงกลับมาประจำการในแผงหลังก็คงใช่ที่

ฤดูกาล 2020-21 สโตกมีโค้ชที่ชื่อว่า ไมเคิล โอนีล กุนซือหนุ่มใหญ่ชาวไอร์แลนด์เหนือ ดูเผิน ๆ เหมือนจะไม่มีอะไร แต่จริง ๆ โอนีลและซูตทาร์เป็น "คนคุ้นเคยกัน" เพราะโอนีลเริ่มต้นจับงานโค้ชครั้งแรกกับ เบรชิน ซิตี้ ในราวปี 2006 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่สองพี่น้องซูตทาร์เริ่มมีใจหลงรักสโมสรแห่งนี้เข้าพอดี 

และที่สำคัญไปกว่านั้น แจ็ค ซูตทาร์ พ่อบังเกิดเกล้า ยังเป็นกัปตันทีมในช่วงที่โอนีลคุมทัพอีกด้วย บ่อยครั้งที่สองพี่น้องเห็นมาดเข้ม ๆ ผ่านแผ่นหลังของโอนีลในการคุมทัพ การขอจับไม้จับมือรวมไปถึงมีการขอลายเซ็นเสียด้วย แต่ใครเลยจะรู้ เมื่อกาลเวลาผ่านไป ในที่สุดโอนีลจะได้เป็นเจ้านายของสองรุ่นเลยทีเดียว 

ไม่เพียงแต่การเป็นคนคุ้นเคย หากแต่โอนีลแทบจะยกให้ซูตทาร์เป็น "ลูกรัก" ก็ว่าได้ เพราะตลอดฤดูกาลเขาได้เป็นตัวจริงแบบไม่มีเปลี่ยนตัวออกแม้แต่วินาทีเดียว มีบ้างที่เกิดการโรเตชั่น แต่หากไม่เจ็บไม่ป่วยซูตทาร์ถือได้ว่าจองสัมปทานไปเรียบแม้จะยิงไปเพียงลูกเดียวก็ตาม แต่ที่น่าตกใจคือ บางแมตช์โอนีลเดินมาสวมปลอกแขนกัปตันทีมให้เลยด้วยซ้ำ 

"ผมดีใจนะที่ได้คุมทีมที่มีเขา (ซูตทาร์) ลงสนาม เขาเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายและยิ่งใหญ่สำหรับเรา (สโตก) ขาดเขาไปก็เหมือนขาดใจเลยครับ" โอนีล กล่าวไว้กับ เดอะ คอริเออร์ สื่อแท็บลอยด์ของสหราชอาณาจักร

ถึงแม้จะอยู่ลีกพระรอง แต่ด้วยฟอร์มขนาดนี้ แฟนบอลและบุคคลที่เกี่ยวข้องหลายฝ่ายมีความเห็นว่าว่า ทีมชาติสกอตแลนด์ควรเรียกเขาไปติดทีมได้แล้ว เพราะพี่ชายของเขาไปรออยู่ก่อนหน้ากวักมือเรียกอยู่รำไร แต่ท้ายที่สุด อยู่ ๆ เขาก็เลือกบินข้ามน้ำข้ามทะเลไปสวมอาภรณ์สีเหลืองเขียวของพลพรรค "ซอคเกอร์รูส์" ซึ่งเป็นบ้านเกิดของมารดา อย่างหน้าตาเฉย

การตัดสินใจดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจไม่น้อย เพราะเมื่อครั้งอดีตเขาเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า

"เป้าหมายสูงสุดของผมคือการเล่นให้สกอตแลนด์เสมอ ใครจะรู้ บางทีสักวันผมอาจได้เล่นเซ็นเตอร์แบ็กคู่กับ จอห์น พี่ชายของผมก็เป็นได้"

ทว่าในเวลาต่อมา เขาได้เปิดเผยถึงเหตุผลในการเปลี่ยนทีมชาติว่า

"ผมได้ยินบ่อยครั้งเลยว่า ผมหันหลังให้ทีมชาติตัวเอง แต่ผมแทบไม่เคยถูกสกอตแลนด์เรียกตัวเลยไม่ว่ารุ่นอายุไหน ออสเตรเลียส่งตัวแทนมาหาผมแล้วพูดว่า 'นายอยากเล่นให้เราไหม ?' ผมก็ตอบไปว่า 'ได้เลย' และแม่กับครอบครัวก็ภูมิใจมาก โดยส่วนตัวแล้วผมถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ดีนะ"

และใครเลยจะรู้ว่าการเลือกถนนในนามทีมชาติแดนจิงโจ้ของเขาในครั้งนั้นจะทำให้ความเป็นซูเปอร์สตาร์เฉิดฉายจรัสแสงอย่างไม่คาดคิด

 

หนุ่ม ชนดี สิบปอด ออสเตรเลีย

ที่จริงซูตทาร์ได้เริ่มต้นที่ชุด U-23 ก่อน หากแต่ความเทพเกินอายุ เพียงไม่กี่แมตช์เขาก็ได้ประเดิมกับทีมชุดใหญ่ด้วยวัยเพียง 20 ปีบริบูรณ์ และที่พีกไปกว่านั้นคือการเหมาคนเดียว 2 เม็ดในเกมแรก โดยเป็นการเปิดบ้านชนะ เนปาล 5-0 ในฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย 

เท่านั้นยังไม่พอ ในอีก 5 วันถัดมาเขายังทำอีก 2 ประตู ในแมตช์ที่บุกอัด ไต้หวัน ไปแบบไม่ไว้หน้า 7-1 ที่สนามกีฬาแห่งชาติเกาสง 

"เขา (ซูตทาร์) นั้นเป็นกองหลังในแบบที่เรียกว่าเป็นสุภาพบุรุษ เล่นใสสะอาด เขาเพียงทำหน้าที่ในการเป็นกองหลังแบบที่ควรจะเป็นไม่ได้มีอะไรซับซ้อน เขาพุ่งเข้าหาแนวรุกคู่ต่อสู้เฉย ๆ เป็นพอ แม้จะไม่ได้เป็นอะไรที่ทำให้แฟนบอลอ้าปากค้าง แต่กองหลังน่ะคุณ ยืนเกมรับให้ดี รู้ว่าเวลาไหนควรจ่ายยาวหรือจ่ายสั้น แค่นี้ก็พอแล้ว"

คำกล่าวข้างต้นมาจากปากของ ซาซ่า อ็อกเยนอฟสกี้ (Sasa Ognenovski) อดีตปราการหลังจอมแกร่งของพลพรรคซอคเกอร์รูส์ ที่ให้สัมภาษณ์กับ เดอะ การ์เดียน เพราะเขารับรู้ได้ถึงการเล่นที่แฝงไปด้วยความแข็งแกร่งแบบกองหลังเสาโทรเลข เพราะเขาเองก็มีส่วนสูงเกือบ 2 เมตรเช่นกันจึงเข้าใจดี 

"เขาเข้าปะทะได้ดีทุกจังหวะ แน่นอน ดูร่างกายเขาสิครับ คุณสังเกตไหม ตอนนี้กองหลังส่วนมากเน้นเคลียร์บอลกลางอากาศทั้งนั้นไม่มีมารอให้ถึงพื้นก่อน กองหลังที่ดีไปอยู่ในที่ที่ควรจะได้บอลกลางอากาศ แค่นั้นเลย แค่นั้นก็ทรงประสิทธิภาพมากแล้ว และแน่นอนว่าทั้งหมดนี้ซูตทาร์มอบให้คุณได้เสมอ เขายับยั้งการหาโอกาสของคู่แข่งได้ทุกครั้งเมื่อได้ลูกเซตพีซ ขนาดบอลมาไม่ถึงตัวเขา เขายังเก็บเรียบเลย การมีเขาอยู่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบในระนาบเกมรับ เขาเป็นทรัพยากรที่มีค่าของเราจริง ๆ"

ทั้งนี้การเล่นให้สโตกของเขาก็ยังดีเช่นเคย ในช่วงต้นฤดูกาล 2021-22 เขาปักหลักในแดนหลังร่วมกับ เจมส์ เชสเตอร์ ได้อย่างแข็งแกร่ง โดยเสียเพียง 19 ประตูจาก 17 แมตช์ ในลีกแชมเปี้ยนชิพ เรียกได้ว่าเสียแมตช์ละไม่ถึงลูกเลยทีเดียว

แต่ใช่ว่าทั้งชีวิตจะมีแต่เรื่องดีไปเสียหมดอย่างที่สำนวนว่าไว้ โชคดีมาก ๆ เข้าระวังโชคร้ายจะถามหา และสำหรับซูตทาร์ก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เพราะในช่วงที่สโมสรดี ทีมชาติเด่น เขาดันประสบปัญหาอาการบาดเจ็บบริเวณ "เอ็นไขว้หน้าข้อเข่า (Anterior Cruciate Ligament : ACL)" ในระหว่างการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย ทำให้ต้องพักยาวร่วมปี

ตรงนี้อาจถือได้ว่าน่าเสียดายจังหวะชีวิตของเขาอย่างมาก เพราะจากการเปิดเผยภายหลังของโอนีล ระบุว่า จริง ๆ มีสโมสรในระดับพรีเมียร์ลีกสโมสรหนึ่งระดับกลางตารางค่อนบนติดต่อสโตกมาพร้อมยื่นสัญญาให้เสร็จสรรพ และสโตกก็เตรียมรับข้อเสนอปล่อยตัวซูตทาร์ให้แล้ว แต่เขาดันมาเจ็บเสียก่อน ดีลจึงต้องหยุดชะงักไป

เจอแบบนี้ใครเห็นก็ว่าฝ่อ ใครเห็นก็ว่าถอดใจ แต่ไม่ใช่กับซูตทาร์ เขายืนยันหนักแน่นว่าผมมองโลกในแง่บวก ผมไม่มีท่างยอมแพ้เพื่อที่ผมจะเป็น 1 ใน 26 ขุนพลของออสเตรเลียไปลุยฟุตบอลโลก 2022 ให้ได้ และความพยายามก็ออกผล 11 เดือนในโรงพยาบาล ด้วยการกายภาพบำบัดที่เคร่งครัดทำให้เขาสลัดอาการบาดเจ็บได้เป็นปลิดทิ้ง พร้อมกล่าวอย่างมั่นใจว่า "จากใจเลยนะครับ ผมแม่งโคตรพร้อมเลย"

และก็เหมือนบทละคร เขามาหายเจ็บก่อนการประกาศรายชื่อไปฟุตบอลโลกที่กาตาร์ไม่นาน แม้จะไม่มีแมตช์ลงเล่นตลอดปี แต่ด้วยบารมีที่สั่งสมมาก่อนหน้านั้นทำให้เขาติดทีมชาติไปอย่างหน้าตาเฉย

ซึ่งปกติแบบนี้ต้องมีการค่อนขอดจากแฟนบอลแล้วว่า นี่คือ "ระบบลูกรัก" ชัด ๆ กระนั้นเขากลับเป็นข้อยกเว้น หรือว่ามีอะไรบางอย่างที่ทั้งทีมงาน สตาฟโค้ช และแฟนบอลมองเห็น ? 

คำตอบที่ว่านั้นแสดงออกมาในฟุตบอลโลก 2022 ได้แบบสิ้นสงสัย ในการยืนเป็นปราการด่านสุดท้ายของเขาร่วมกับ ไค โรว์เลส แม้จะเสียท่าในเกมเปิดหัวรอบแบ่งกลุ่มให้ฝรั่งเศสไป 1-4 แต่สองเกมต่อมาที่ทีมชนะ 1-0 ต่อ เดนมาร์ก และ ตูนีเซีย เรียกได้ว่าคลีนชีตล้วน ๆ ไม่มีอะไรผสม

และเกมที่สร้างชื่อให้แก่เขาจริง ๆ คือในรอบน็อกเอาต์ที่พบกับ อาร์เจนตินา แชมป์โลกในตอนท้าย ถึงแม้จะแพ้ไป 1-2 แต่เกมดังกล่าวพลพรรคฟ้าขาวก็หืดจับไม่น้อย

และด้วยเหตุนี้เอง ท้ายที่สุดภายหลังจากฟุตบอลโลกปิดฉาก เลสเตอร์ ซิตี้ ได้เข้ามายื่นข้อเสนอกับสัญญาให้พิจารณา และแน่นอนว่านี่คือก้าวกระโดดสำคัญในอาชีพการค้าแข้งของเขาที่เขาไม่ปล่อยให้ผ่านเลยไป 

และการมาที่ทัพฟ็อกซ์เฟี้ยวนี้เอง ทำให้เขาเป็นที่รู้จักไปอีกขึ้น ไม่ใช่เรื่องของฝีเท้าแต่เป็น "หน้าตา" ไปเสียเฉย ๆ

 

แฝดคนละฝา สัมผัสมรณะมาเยือน

"หน้าคุ้น ๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหน"

"แม็คไกวร์กลับถิ่นเก่าแล้วหรือ ?"

"พ่อแม็คไกวร์ซุกลูกป่าววะ ?"

"ฝาแฝดที่พลัดพรากแน่ ๆ"

"แฝดคนละฝาชัวร์"

เหล่านี้คือคำวิพากษ์วิจารณ์ซูตทาร์ของบรรดาชาวเน็ตที่สามารถค้นหาได้ตามโซเชียลทั้งหลายแหล่ เพราะเขาดันไปมีใบหน้าที่คล้ายคลึงกับ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ อดีตปราการหลังเลสเตอร์ กัปตันทีมของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และอีกอย่างหนึ่งคือมีส่วนสูงที่ใกล้เคียงกันอีกด้วย

มิหนำซ้ำในเกมแรกของเขาทั้งในพรีเมียร์ลีกกับเลสเตอร์ เขายังได้โชว์เหวอไปหนึ่งกระบวนท่าด้วยการสกัดบอลเข้าประตูตนเองไปแบบเฟอะฟะ แม้เดชะบุญที่ต้นสังกัดคว้าชัยออกจาก วิลล่า พาร์ค มาได้ แต่ก็สร้างความเสียวให้แก่แฟนบอลเลสเตอร์ไม่น้อยเหมือนกัน ประมาณว่า "เหมือนแค่หน้าพอเถอะท่าน อย่าให้เข้าทรงฟอร์มแม็คไกวร์มาเลย"

จากที่เลสเตอร์กำลังฟื้นจากฟอร์มสุดระทมช่วงต้นฤดูกาลขึ้นมาระเบิดฟอร์มเทพได้อย่างถึงเครื่อง หากแต่เมื่อซูตทาร์เข้ามา อาจพูดได้ว่ายังไม่เข้าขากับ เวาท์ ฟาส ปราการหลังหัวฟูทีมชาติเบลเยียมนัก เพราะทุกเกมที่ซูตทาร์ลงสนามทีมจิ้งจอกสยามเก็บคลีนชีตไม่ได้เลย

โดยเฉพาะในแมตช์ปะทะกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เจ้าถิ่นได้โอกาสยิงไปมากถึง 26 ครั้ง และโดน มาร์คัส แรชฟอร์ด วิ่งควบทั้งเกมเป็นว่าเล่น ก่อนจะพ่ายไปแบบหมดรูปถึง 3-0 กลับเป็น วิกเตอร์ คริสเตนเซน แบ็กซ้ายรุ่นน้องในทีมที่ทำผลงานได้ดีกว่ามาก ก่อนจะดีขึ้นในแมตช์แพ้ อาร์เซนอล 0-1 

ด้วยวัย 24 ปี นับว่าซูตทาร์ยังมีอนาคตที่ยาวไกลอย่างมาก การขึ้นมาเล่นพรีเมียร์ลีกของเขายังไม่ครบสองเดือนเสียด้วยซ้ำ อย่างไรก็ต้องมาติดตามว่า ฟอร์มที่เคยสะเด่าในลีกล่างหรือกับทีมชาติออสเตรเลียจะสามารถมาเฉิดฉายในลีกสูงสุดของอังกฤษได้มากน้อยขนาดไหน เวลาเท่านั้นคือคำตอบที่ดีที่สุด

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.theguardian.com/football/2022/nov/29/clean-hard-simple-australias-harry-souttar-makes-giant-strides-at-world-cup 
https://www.sportingnews.com/au/soccer/news/harry-souttar-australia-argentina-lionel-messi-world-cup/ouuz9shfsz6hznh02kanp14c 
https://www.stokesentinel.co.uk/sport/football/football-news/harry-souttar-brother-stoke-australia-7883586 
https://www.smh.com.au/sport/soccer/our-big-hope-the-rise-and-rise-of-harry-souttar-20221202-p5c3as.html 
https://www.codesports.com.au/football/socceroos/how-scottish-roots-made-future-socceroos-captain-harry-souttar/news-story/da1b97497b409116a7c6db0e68fe7244 
https://www.socceroos.com.au/news/i-felt-ready-how-souttar-overcame-acl-injury-star-world-cup 

Author

วิศรุต หล่าสกุล

หน้าตา 4KINGS ฟังเพลง 4EVE

Photo

ปฐวี ยอดเนียม

Man u is No.2 But YOU is No.1

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ