แฟนฟุตบอลชาวไทยเริ่มมีความคุ้นชินมากขึ้นกับการที่ประเทศไทยเสาะหานักเตะพรสวรรค์เข้ามารับใช้ทีมชาติไทย เช่น ทีมชาติไทยชุดชายที่ก็มีผู้เล่นหลายคนเกิดหรือเติบโตในยุโรปไม่ว่าจะเป็น มานูเอล ทอม เบียร์ห, ชารีล ชัปปุยส์ และ ฟิลิปป์ โรลเลอร์
เช่นเดียวกัน มิรานด้า นิลด์ หรือ สุชาวดี นิลธำรงค์ อดีตกองหน้าสาวทีมชาติไทยที่มีเชื้อสายอเมริกัน ก็ถือได้ว่าเป็นผู้เล่นคนสำคัญของทัพ "ชบาแก้ว" เธอทำไป 15 ประตูจากการลงสนาม 20 นัด นับตั้งแต่ที่เธอได้โอกาสประเดิมสนามให้กับทีมชาติไทยในปี 2017 และผ่านเวทีฟุตบอลโลกหญิง 2019 มาแล้ว
อย่างไรก็ตาม ถ้าจะมีนักฟุตบอลหญิงจากต่างประเทศเข้ามาติดทีมชาติไทยชุดหญิงเพิ่มเติมก็อาจจะมีชื่อของ อลิซ สมบัติ รวมอยู่ในนั้นด้วย เนื่องจากแบ็กขวาสาววัย 19 ปีคว้ารางวัลที่ใหญ่ที่สุดในระดับสโมสรมาประดับตู้โชว์ได้สำเร็จ และเธอกำลังจะกลายเป็นส่วนสำคัญที่พาทีมคว้าถ้วยรางวัลเพิ่มเติมอีกมากมายในอนาคต
Main Stand จะขอพาไปทำความรู้จักกับเรื่องราวของ อลิซ สมบัติ นักเตะหญิงไทยคนแรกที่คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
ตกหลุมรักในกีฬาฟุตบอล
อลิซ โดฟีน สมบัติ เกิดเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2003 ครอบครัวของเธอเป็นชาวไทยที่ไปอาศัยอยู่ในเขตชาร็องตง เล ปงต์ ซึ่งเป็นเขตชานเมืองที่อยู่ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส แม้ที่นี่จะเป็นบ้านเพียงหลังเดียวที่เธอรู้จัก แต่เธอก็ยังมีสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับบ้านเกิดของพ่อแม่ของเธอ
"ฉันมีครอบครัวหลายคนที่ประเทศไทย เนื่องจากพ่อแม่ของฉันทั้งคู่มาจากที่นั่น" อลิซ ให้สัมภาษณ์ผ่านล่ามแปลภาษา
"ครอบครัวของฉันส่วนใหญ่มาจากกรุงเทพฯ และชลบุรี"
"ฉันไม่ได้ไปที่นั่นช่วงหนึ่งเพราะกำลังยุ่งอยู่กับกีฬาฟุตบอล แต่เมื่อก่อนฉันจะไปที่นั่นทุกปีเพื่อไปหาปู่ย่าตายายหรืออะไรทำนองนั้น"
ซึ่งไม่แปลกใจเลยที่อลิซจะถูกห้อมล้อมด้วยฟุตบอลมาตั้งแต่ยังเด็ก
"ฉันเริ่มสนใจที่จะเล่นฟุตบอลเป็นครั้งแรกตอนอายุประมาณ 8 ขวบ เพราะว่าฉันมักจะดูพี่ชายเล่นฟุตบอลอยู่เสมอ เขาเล่นอยู่ในสโมสรท้องถิ่น และเราจะคอยดูเขาลงแข่งรวมไปถึงการฝึกซ้อมอยู่บ่อยครั้ง" อลิซ อธิบาย
"ฉันเริ่มชอบกีฬาชนิดนี้และเริ่มฝึกเล่นด้วยตัวเองครั้งแรกที่โรงเรียน และในที่สุดฉันก็มีโอกาสได้เล่นฟุตบอลกับสโมสรในท้องถิ่น"
ด้วยการสนับสนุนจากครอบครัว เธอจึงสามารถทุ่มเทให้กับกีฬาฟุตบอลได้อย่างเต็มที่
"พ่อของฉันค่อนข้างจริงจังกับเรื่องฟุตบอล เขาพาฉันไปฝึกซ้อมและไปลงแข่งอยู่เสมอ พ่อของฉันชอบดูฟุตบอลผ่านทางโทรทัศน์เอามาก ๆ ทำให้ฉันกับพี่ชายก็เลยดูเหมือนกัน"
"แม้มันจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างบ้าบอ แต่มันก็มีส่วนที่ทำให้ฉันหลงรักในกีฬาฟุตบอลได้จริง ๆ" อลิซ เล่า
อลิซไม่เพียงแค่ค้นพบความรักที่เธอมีต่อกีฬาฟุตบอล แต่เธอยังรู้สึกว่าเธอนั้นก็เล่นฟุตบอลได้ดีมากเหมือนกัน
"พูดตามตรงเลยว่าฉันรู้ตัวค่อนข้างเร็วว่าฉันอาจจะมีโอกาสเป็นนักฟุตบอลอาชีพได้ ตอนที่ฉันเล่นอยู่ในสโมสรท้องถิ่น ฉันมักจะลงเล่นกับเด็กผู้ชายอยู่บ่อย ๆ"
"ซึ่งการทำเช่นนี้ช่วยให้ฉันรู้ว่าฉันเล่นฟุตบอลได้ค่อนข้างดีจริง ๆ"
อลิซมีความมุ่งมั่นอย่างมากในการทำให้ความฝันที่จะเป็นนักฟุตบอลอาชีพของเธอนั้นเป็นจริง และในไม่ช้าโอกาสก็มาถึง เมื่อหนึ่งในสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการฟุตบอลได้เข้ามาเคาะประตูเพื่อทาบทามให้ อลิซ สมบัติ ย้ายไปเล่นในอคาเดมีของพวกเขา
เส้นทางสู่มืออาชีพ
หลังจากลงเล่นให้กับสโมสรท้องถิ่นมาได้ประมาณ 2 ฤดูกาล ฟอร์มการเล่นของอลิซก็ไปเตะตา ปารีส เอฟซี สโมสรในลีกรองของฝรั่งเศส และเธอก็ได้เข้าร่วมทีมเยาวชนตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ที่นี่เธอก็ยังต้องลงเล่นฟุตบอลให้กับทีมชายเหมือนกัน และเธอก็พัฒนาฟอร์มการเล่นจนสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองได้ในฐานะผู้เล่นที่ยอดเยี่ยม
พอฝึกซ้อมพัฒนาฝีเท้ามาได้ไม่กี่ปี เธอก็ได้โอกาสก้าวขึ้นมาเป็นส่วนหนึ่งของสโมสรดังในฝรั่งเศสอย่าง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง
"ตั้งแต่ฉันเข้าอคาเดมีของเปแอสเช มันทำให้ฉันเติบโตและพัฒนาฟอร์มการเล่นได้ค่อนข้างเร็ว" เธอ อธิบาย
"เปแอสเชมีอคาเดมีมาตรฐานระดับโลก มีโครงสร้างที่น่าประทับใจ"
"ไม่ว่าจะเป็นด้านการแพทย์ ด้านการฝึกซ้อม หรือด้านการศึกษาภายในโรงเรียน ทุก ๆ อย่างถูกสร้างขึ้นเพื่อให้คุณสามารถพัฒนาความสามารถต่อไปได้"
"แน่นอนว่าการได้อยู่ในสโมสรใหญ่แบบนี้ที่มีนักเตะที่โดดเด่นอยู่รอบตัว และฉันสามารถพัฒนาฝีเท้าขึ้นมาได้ก็เพราะสิ่งเหล่านั้น"
จากนั้นฟอร์มการเล่นเธอก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ จนถูกเรียกตัวไปติดทีมชาติฝรั่งเศส รุ่น U-16 ในปี 2019 ก่อนที่จะคว้าแชมป์ฟุตบอลหญิงรุ่น U-19 กับเปแอสเชได้ในปีเดียวกัน เธอกลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญภายในทีมทั้งที่ตอนนั้นเธอเพิ่งอายุเพียงแค่ 15 ปีเท่านั้น ทำให้เธอสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในฐานะผู้เล่นที่มีพรสวรรค์และน่าจับตามอง
และจากความสำเร็จของเธอ มีความเป็นไปได้ว่าสัญญานักฟุตบอลอาชีพกำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้านี้
ในวงการฟุตบอลฝ่ายชาย ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ถือเป็นทีมที่โดดเด่นมาก ๆ ในฝรั่งเศส อย่างไรก็ตาม ในวงการฟุตบอลฝ่ายหญิง พวกเขายังคงเป็นรอง โอลิมปิก ลียง ซึ่งคว้าแชมป์ลีกมาแล้ว 13 สมัยติดต่อกันในปี 2019
โดยในฟุตบอลโลกปีนั้นมีผู้เล่นหญิงของลียงถูกเรียกตัวไปติดทีมชาติถึง 7 คน ขณะที่ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ถูกเรียกตัวไปแค่ 3 คนเท่านั้น
เมื่อเธอเติบโตขึ้นและกลายเป็นหนึ่งในเด็กที่มีพรสวรรค์มากที่สุดของประเทศ จึงไม่แปลกใจเลยที่สโมสรอย่างโอลิมปิก ลียง จะสนใจตัวของ อลิซ สมบัติ
"หนึ่งปีก่อนที่ฉันจะเซ็นสัญญากับลียง พวกเขาติดต่อมาหาฉันแล้ว" เธอเปิดเผย พร้อมอธิบายว่าเธอติดต่อกับทีมแชมป์ฝรั่งเศสในปี 2019 ได้อย่างไร
"อย่างไรก็ตาม ฉันคิดว่ามันยังเร็วเกินไปที่จะย้ายทีม ฉันจึงตัดสินใจปฏิเสธข้อเสนอไป"
เพราะเธอหวังว่าจะขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่กับเปแอสเชให้ได้ และเธอก็เลือกที่จะอยู่กับสโมสรต่อไป
แต่เมื่อลียงกลับมาพร้อมข้อเสนอสัญญาอาชีพในอีก 1 ปีต่อมา ทำให้เธอไม่กล้าที่จะปฏิเสธข้อเสนอในรอบนี้
"หนึ่งปีผ่านไป ลียงติดต่อมาหาฉันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้พวกเขามาด้วยสัญญาอาชีพ" เธอเล่า "ฉันรู้สึกสนใจและยินดีที่จะเริ่มการเจรจาพูดคุย"
"ขณะเดียวกัน เปแอสเชก็พยายามยื่นข้อเสนอให้กับฉันเช่นกัน แต่ตัวฉันตัดสินใจเลือกย้ายไปที่ลียง เพราะรู้สึกว่าการพูดคุยดูมีความจริงจังและมีประสิทธิภาพมากกว่า"
จุดสูงสุดของสโมสรฟุตบอล
อลิซ สมบัติ เซ็นสัญญากับโอลิมปิก ลียง ในปี 2020 ซึ่งนี่เป็นการเซ็นสัญญาอาชีพฉบับแรกของเธอในวัยเพียงแค่ 16 ปี
การย้ายทีมของเธอถือเป็นการสูญเสียครั้งสำคัญสำหรับเปแอสเช โดยสโมสรมองว่าเธอเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่มีความสามารถโดดเด่นที่สุดในอคาเดมี ซึ่งการย้ายไปที่ลียงพร้อมกับเพื่อนร่วมทีมอย่าง วิกกี้ เบโค่ ทำให้ เลโอนาร์โด้ ผู้อำนวยการกีฬาของเปแอสเช ณ ตอนนั้นออกอาการไม่พอใจเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ในปีเดียวกันนั้น เปแอสเชชุดหญิงก็สามารถคว้าแชมป์ลีกได้เป็นครั้งแรก โดยเอาชนะ โอลิมปิก ลียง โดยมีแต้มสูงกว่าแค่แต้มเดียว หลังชนะ 20 และเสมออีก 2 จากทั้งหมด 22 นัด
อลิซยังคงมุ่งมั่นกับการลงเล่นในอคาเดมีของลียงต่อไป และเธอยังพยายามหาทางขึ้นไปติดทีมชาติฝรั่งเศส รุ่น U-20 ให้ได้ด้วย
ฟอร์มการเล่นของเธอทำให้เธอขึ้นไปมีชื่อในทีมชุดใหญ่ในฤดูกาล 2021-22 ซึ่งการย้ายมาเล่นให้กับชุดใหญ่ของลียงหมายความว่า ตอนนี้เธอได้ใช้ห้องแต่งตัวร่วมกับผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เช่น เวนดี้ เรนาร์ด กัปตันทีมชาติฝรั่งเศส และอดีตเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์หญิงอย่าง อดา เฮเกอร์เบิร์ก
"ฉันรู้สึกโชคดีมากที่มีโอกาสได้เล่นกับผู้เล่นที่ดีที่สุดในโลก มันเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมและช่วยให้ฉันพัฒนาขึ้นไปได้อีกมาก" อลิซ กล่าว
อลิซได้โอกาสลงเล่นในทีมชุดใหญ่ค่อนข้างเยอะแม้ว่าภายในทีมจะมีผู้เล่นที่มีคุณภาพมากมาย โดยเธอลงเล่นไป 12 นัดจาก 22 เกมในฤดูกาล 2021-22 และได้ลงเล่นเป็นตัวจริงถึง 5 นัด ทั้งที่ตอนนั้นเธอเพิ่งอายุแค่ 17 ปีเท่านั้น ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมมากสำหรับเธอ
และจากฟอร์มโดยรวมของทีมทำให้ลียงกลับมาคว้าแชมป์ได้อีกครั้ง โดยชนะไปถึง 21 จาก 22 นัดในลีก ซึ่งมีแต้มห่างจากเปแอสเชถึง 11 แต้ม อีกทั้งพวกเธอยังคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มาครองได้เป็นสมัยที่ 8 จากการเอาชนะ บาร์เซโลน่า 3-1 ที่ อัลลิอันซ์ สเตเดียม ในเมืองตูริน
ในนัดนั้น อลิซมีชื่ออยู่บนม้านั่งตัวสำรอง และอย่างน้อยเธอก็ได้เล่นในรอบก่อนหน้านี้มาแล้ว ทำให้เมื่อจบฤดูกาลเธอก็ได้เหรียญแชมเปียนส์ ลีก มาประดับเกียรติยศไปด้วย
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ดังกล่าว เธอก็ได้ย้ำว่านี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของอาชีพที่ยาวไกลของเธอเท่านั้น
"แม้ว่าฉันจะมีความสุขกับสิ่งที่ทำสำเร็จแล้ว รวมถึงเหรียญแชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ฉันก็ยังตั้งตารอที่จะทำให้ได้มากกว่านี้ และหวังว่าฉันจะสานต่อความสำเร็จแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ" เธอ กล่าว
มันคงเป็นเรื่องยากสำหรับทีมที่จะป้องกันแชมป์ในฤดูกาล 2022-23 แต่อลิซก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะทำให้ฤดูกาลนี้เป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำ
ในที่สุดเธอก็กลายเป็นแบ็กขวาตัวเลือกแรกของทีม เธอลงเล่นไป 11 จาก 13 นัดในลีกที่ลียงยังนำเป็นจ่าฝูง และได้ลงเล่นในเวทีแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่มทั้ง 6 เกมจนถึงตอนนี้ที่สโมสรเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ
เธอทราบดีถึงหน้าที่ที่ต้องทำเพื่อรักษาตำแหน่งของเธอให้อยู่ใกล้กับจุดสูงสุดของสโมสรฟุตบอลหญิง แต่ในอีกไม่ช้าความสนใจของเธอจะเปลี่ยนไปสร้างผลกระทบต่อการลงเล่นในระดับทีมชาติ
ฝรั่งเศส ไทย หรือเบลเยียม ?
แม้จะประสบความสำเร็จทั้งหมดในระดับสโมสรแล้ว แต่ อลิซ สมบัติ ก็ยังไม่ได้มีโอกาสเปิดตัวในการลงเล่นทีมชาติชุดใหญ่เลย
ด้วยเหตุนี้เอง เธอจึงยังสามารถมีสิทธิ์เป็นตัวแทนทีมชาติได้ทั้งฝรั่งเศส ไทย หรือเบลเยียม หากเธอเลือกที่จะทำเช่นนั้น
ในฐานะที่เธอเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่อนาคตสดใสมากที่สุดในประเทศ ทำให้เธอได้รับความสนใจจากทีมชาติฝรั่งเศส แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าแฟน ๆ ชาวไทยจะหมดหวังกับการดึงเธอมาร่วมทัพ "ชบาแก้ว"
"ฉันรู้สึกภูมิใจมากที่มีรากเหง้าความเป็นไทยอยู่ในตัว แต่ทั้งชีวิตของฉันก็ใช้เวลาอยู่ในฝรั่งเศสและได้เป็นตัวแทนของทีมชาติฝรั่งเศสในระดับเยาวชนมาแล้ว" อลิซ อธิบาย
"ตอนนี้ยังไม่มีคนจากทีมชาติไทยติดต่อทาบทามมาหาฉันเลย"
"อย่างไรก็ตาม ฉันจะยังเปิดรับโอกาสนี้เอาไว้ และถ้ามีใครจากทีมชาติไทยติดต่อเข้ามาหาฉัน ฉันจะค่อยกลับมาคิดถึงเรื่องนี้อีกครั้ง"
การเข้ารอบฟุตบอลโลกของทีมชาติไทยชุดหญิงถึง 2 สมัย (2015, 2019) ได้ทำให้ทัพชบาแก้วมีชื่อไปอยู่ในเวทีการแข่งขันระดับโลก ซึ่งสร้างความพึงพอใจให้กับแฟน ๆ ทางบ้านของอลิซเป็นอย่างมาก
หลังจากได้ดูฟอร์มการเล่นของทีมชาติไทยชุดหญิงในทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ที่ฝรั่งเศส ทำให้เธอเริ่มรู้สึกมีความหวังมากขึ้นสำหรับการมีชื่อไปรับใช้ทัพ "ชบาแก้ว" ในอนาคต
"ฉันได้มีโอกาสดูทั้งสามเกมที่ไทยเล่นในฟุตบอลโลกครั้งล่าสุด แม้ผลการแข่งขันกับสหรัฐอเมริกาจะไม่ค่อยดีนัก แต่ฉันก็รู้สึกภูมิใจที่ได้เห็นทีมชาติไทยลงเล่นในเวทีระดับนี้
"แค่ความจริงที่ว่าพวกเขาสามารถผ่านเข้ารอบสุดท้ายได้ก็ถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่แล้ว ฉันหวังว่าจะได้เห็นผลงานของทีมชาติไทยมากกว่านี้ในอนาคต" อลิซ เผย
นอกจากนี้ อลิซยังตระหนักถึงการสนับสนุนที่เธอได้รับจากประเทศไทยและถือโอกาสนี้ส่งข้อความถึงแฟน ๆ ในประเทศไทย
"ขอบคุณทุกคนที่ให้การสนับสนุนฉันจากประเทศไทย ฉันได้เห็นข้อความจากแฟน ๆ ในประเทศไทยแล้ว และมันทำให้ฉันภูมิใจมาก ๆ"
"ฉันต้องการทำให้ประเทศภาคภูมิใจต่อไป และฉันรู้สึกขอบคุณมาก ๆ สำหรับการสนับสนุนของพวกเขา" เธอ กล่าว
ไม่ว่าเธอจะลงเอยด้วยการเป็นตัวแทนให้กับทัพ "ชบาแก้ว" หรือไม่ก็ตาม แต่อย่างน้อย อลิซ สมบัติ ก็ได้รับกำลังใจจากแฟน ๆ ในประเทศไทยอยู่แล้ว โดยเธอมีความกระตือรือร้นที่จะให้ผู้คนได้จดจำถึงเรื่องราวความพยายามของเธอในขณะที่เธอไต่เต้าขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดของการเล่นฟุตบอลหญิงในระดับอาชีพ