Feature

มูฮัมหมัด อาลี VS แลร์รี่ โฮล์มส์ : เมื่อตำนานพ่ายแพ้ โลกจึงรู้ว่าไม่มีใครเป็นที่หนึ่งตลอดกาล | Main Stand

ฉากการต่อสู้บนสังเวียนของยอดกำปั้นโลกครั้งนี้ยังคงตรึงใจ จนได้รับการจารึกว่าเป็นอีกหนึ่งไฟต์สุดคลาสสิกระดับตำนาน กับการพบกันของ "สิงห์จอมโว" มูฮัมหมัด อาลี นักชกผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาลชาวอเมริกัน และ "สิงห์รถบรรทุก" แลร์รี่ โฮล์มส์ นักชกผู้ต่ำต้อย อดีตกรรมกรโรงงานถลุงเหล็กในเมืองเพนซิลเวเนีย ผู้ท้าสู้กับตำนานกำปั้น

 

การชกครั้งนี้ ได้รับการบันทึกว่าเป็นการแพ้น็อกที่ยับเยินที่สุดของยอดนักชกผู้ทระนง และเป็นไฟต์เดียวที่เขาแพ้น็อกโดยทำอะไรคู่ต่อสู้ไม่ได้

Main Stand จึงขอพาท่านย้อนกลับไปว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างในไฟต์การชกระดับตำนานครั้งนั้น ติดตามได้ที่นี่

 

ผู้ยิ่งใหญ่กับผู้ต่ำต้อย

ผู้ท้าชิงในศึกนี้คือ มูฮัมหมัด อาลี (Muhammad Ali) อเมริกันชนผิวดำร่างหนา มีดวงตาเด็ดเดี่ยว อดีตแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวต 3 สถาบัน (WBA​, WBC, NABF) ผู้สามารถป้องกันตำแหน่งแชมป์ได้ถึง 10 ครั้ง และได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักชกผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาลของเวทีกำปั้นโลก และไม่มีใครไม่รู้จักชาย "ผู้โบยบินเหมือนผีเสื้อ ต่อยเจ็บเหมือนผึ้ง" คนนี้

ส่วนแชมป์คือ แลร์รี่ โฮล์มส์ (Larry Holmes) นักชกที่เคยแฝงตัวในเงามืด ชายผู้กรำศึกมาอย่างโชกโชนไม่แพ้อาลี เขาเคยเป็นคนงานโรงงานถลุงเหล็กในเมืองเพนซิลเวเนีย ซึ่งได้รับค่าจ้างน้อยเกินกว่าจะสามารถดำรงชีพด้วยการขายแรงงานเพียงอย่างเดียว เขาจึงผันตัวมาเป็นคู่ซ้อมให้อาลี ก่อนยกระดับฝีมือสู่การเป็นแชมป์โลก และต้องป้องกันเข็มขัดกับนักชกที่เก่งที่สุดในยุคของเขา

ไฟต์ระดับตำนานเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ค.ศ.1980 บนเวทีมวยซีซาร์สพาเลซ (Caesars Palace) รัฐเนวาดา ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นการชิงตำแหน่งแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวต WBC ระหว่าง มูฮัมหมัด อาลี ผู้ท้าชิง กับ แลร์รี่ โฮล์มส์ เจ้าของเข็มขัด

เรื่องไหวพริบดีเยี่ยมไม่มีใครเทียบได้กับอาลี ด้วยบุคลิกโดดเด่น กล้าคิด กล้าพูด จนได้รับฉายาว่า "สิงห์จอมโว" มีจุดเด่นในเรื่องของการเคลื่อนไหวสวยงาม สเต็ปฟุตเวิร์กบางเบา และการออกหมัดที่หนักหน่วงราวกับโดนผึ้งต่อย ทำให้ก่อนขึ้นชกเขามีสถิติสุดโหดด้วยการชนะถึง 56 ไฟต์ แพ้เพียง 3 ครั้ง (ต่อ โจ เฟรเซียร์, เคน นอร์ตัน และ ลีออน สปิงค์ส ซึ่งชนะแก้มือได้ทั้งหมด) และน็อกคู่ต่อสู้ได้มากถึง 37 ครั้ง

ขณะที่โฮล์มส์เป็นนักชกรุ่นใหม่วัย 30 ปี มีหมัดแย็บที่อันตรายมาก เพราะทั้งแรงและเร็ว จนสามารถน็อกคู่ต่อสู้ได้ทันทีที่รับหมัดโดยตรง แต่ถึงก่อนชกโฮล์มส์จะชนะมาแล้วถึง 35 ไฟต์ และยังไม่เคยแพ้ใครเลยตลอดอาชีพการชกของตัวเอง เรียกได้ว่าอยู่ในช่วงที่กำลังมั่นใจเป็นอย่างมาก ถึงกระนั้นเขาก็จำเป็นต้องพิสูจน์อะไรหลายอย่างให้คนดูมวยได้เห็นว่าเขาคู่ควรที่จะสู้กับอาลีในไฟต์ระดับโลกนี้

ต่างจากอาลีที่ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์อะไรอีกแล้ว แต่เขาก็ต้องการชนะไฟต์นี้ด้วยความกระตือรือร้นสุดขีด ด้วยวัย 38 ปีที่ร่างกายโรยราไปตามสภาพ และต้องชกกับอดีตคู่ซ้อมของตนเอง ที่มีภูมิหลังเป็นกรรมกรโรงงาน มองจากหน้าเสื่อแล้ว อาลียิ่งใหญ่เกินกว่าจะแพ้ให้กับนักชกอย่างโฮล์มส์

 

บนสังเวียนแห่งประวัติศาสตร์

อาลีเริ่มแสดงความอหังการด้วยการยียวนกวนประสาท รวมถึงยังพูดจาถากถางเพื่อยั่วยุโฮล์มส์สารพัด มันคือกลยุทธ์ที่อาลีใช้ข่มขวัญคู่ต่อสู้มาแล้วมากมาย เขาจ้องมองที่ดวงตาของโฮล์มส์ราวกับเสือต้องการครุบเหยื่อ ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามันได้ผล โฮล์มส์เริ่มเสียอาการ เขามีสีหน้าที่ตึงเครียด บูดบึ้ง และหัวเสียพอสมควร

การทำลายสมาธิคู่ต่อสู้ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง อาลีทำทุกทางให้โฮล์มส์เห็นว่า วันนี้เข็มขัดแชมป์โลกจะต้องเป็นของเขาอย่างแน่นอน ซึ่งเขาอยากจะตะบันหน้าโฮล์มส์เต็มแก่ ส่วนโฮล์มส์ก็ไม่น้อยหน้า เขายืนจ้องดูอาลีนิ่ง ๆ แล้วตอบโต้ออกไปว่า

"อาลีมีวันของเขา แต่นี่คือวันของผม ผมเคยได้ยินว่าอาลีโบยบินเหมือนผีเสื้อ ต่อยเจ็บเหมือนผึ้ง แต่เดี๋ยวผมจะทำให้เขาร่วงให้ได้ภายในยกที่ 3"

เมื่ออาลีได้ยินดังนั้นก็ตอบกลับไปว่า

"ฉันต่างหาก ที่จะเอาแกให้ร่วง"

ซึ่งสถานการณ์เริ่มวุ่นวายไปใหญ่ จน ริชาร์ด กรีน กรรมการบนเวทีในไฟต์นั้นต้องออกมาระงับความวุ่นวายบนสังเวียน แล้วบอกให้อาลีทำใจเย็น ๆ ไว้

เสียงระฆังยกแรกดังขึ้น โฮล์มส์เปิดเกมเร็วเดินหน้าเข้าหาอาลีทันทีแล้วออกหมักซ้ายตัดเข้าหาลำตัว จากนั้นก็ออกหมัดแย็บที่ตนถนัด แม้อาลีเบี่ยงหลบและพยายามตั้งลำป้องกัน แต่ด้วยวัยที่โรยราไปมากทำให้การเคลื่อนที่ของเขาเชื่องช้ากว่าโฮล์มส์ที่ทั้งสดและหนุ่มกว่า อาลีถูกแย็บเข้าไปที่ใบหน้าอย่างจัง และต่อเนื่องอีกหลายครั้ง เขาทำได้แค่ยืนนิ่งเป็นกระสอบทรายให้โฮล์มส์ตะบันหมัดเข้าใส่อย่างสนุกมือเท่านั้นเอง

ยกที่ 2 อาลีเป็นฝ่ายเดินหาบ้าง เขาค่อย ๆ ขยับเบียดตัวเข้าหาโฮล์มส์เพื่อหาช่องออกหมัดไปที่ศีรษะแล้วตัดเข้าลำตัวของโฮล์มส์ แต่มันก็ไม่ช่วยให้ได้เปรียบแม้แต่น้อย อาลียังคงถูกพายุหมัดแย็บจากโฮล์มส์อย่างต่อเนื่อง ซ้ำไปซ้ำมา ครั้งแล้วครั้งเล่า

ยกที่ 3 อาลีพยายามขยับชิงเหลี่ยมแล้วยิงหมัดขวาเข้าใส่โฮล์มส์ แต่โฮล์มส์ยังมีสมาธิมากพอที่จะจับตามองการเคลื่อนไหวของอาลีได้ทุกจังหวะ อาลียังคงออกหมัดช้ากว่าโฮล์มส์มาก ซึ่งเป็นการชกวืดเสียส่วนใหญ่ สุดท้ายก็ไม่ต่างจากการเดินเข้าหาหมัดแย็บอันทรงพลังของโฮล์มส์อยู่ดี

ผู้คนรอบสังเวียนต่างเฝ้ามองการต่อสู้ของสองยอดนักชกตาไม่กระพริบ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นบนสังเวียนคือภาพที่อาลีถูกชกอย่างยับเยิน มันดูคล้ายโศกนาฏกรรมที่ไม่มีวันเกิดขึ้น และพวกเขาแทบไม่เชื่อสายตาว่าอาลีผู้โบยบินเหมือนผีเสื้อจะเชื่องช้ายิ่งกว่าเด็กหัดเดิน ... นี่ดูเหมือนไม่ใช่อาลีที่แฟนมวยรู้จักเลยแม้แต่น้อย

ยกที่ 4 ที่ 5 ที่ 6 ผ่านไป สิ่งที่เกิดบนสังเวียนก็เหมือนกับภาพยนตร์ที่ถูกฉายซ้ำ คือเป็นอาลีที่ถูกชกอยู่ฝ่ายเดียว

ในยกที่ 10 ขอบตาซ้ายของอาลีนูนบวมด้วยหมัดแย็บ ในขณะที่โฮล์มส์เองก็ไม่ได้ออกหมัดเต็มแรงใส่อาลีอีกแล้ว กระนั้นอาลีก็ยังไม่ยอมสยบ เขายืนนิ่งให้โฮล์มส์ยิงหมัดเข้าใส่จนบอบช้ำไปทั้งตัว หากไม่โดนหมัดจนหลับกลางอากาศ อาลีก็อาจจะไม่มีวันยอมแพ้อย่างแน่นอน

แต่แล้วหลังจบยกที่ 10 บรรยากาศในสนามก็เงียบสงัด อาลีไม่อยู่ในสภาพที่ชกต่อได้อีกแล้ว เวลานั้นผู้คนนับหมื่นรอบสังเวียนซีซาร์สพาเลซต่างเฝ้าดูไอคอนมวยตลอดหนึ่งทศวรรษของพวกเขายืนนิ่งอยู่ที่มุมของตัวเอง จนทำให้พี่เลี้ยงของเขาโยนผ้าขาวยอมแพ้ในที่สุด

อาลีพ่ายแพ้โดยที่ออกหมัดโดนเป้าไม่ถึงสิบครั้งด้วยซ้ำ และยังเป็นการแพ้น็อกครั้งแรกและครั้งเดียวตลอดช่วง 20 กว่าปีในการชกมวยของเขาอีกด้วย

หลังชกเสร็จ นักข่าวได้ออกมาถามอาลีว่า "คุณรู้ตัวว่าจะแพ้ตั้งแต่ยกไหน"

อาลีตอบว่า "ตั้งแต่ยกแรกที่ขึ้นชก"

 

ไม่มีใครเป็นที่หนึ่งได้ตลอด

หลังพ่ายน็อกอย่างหมดสภาพ ไม่มีอีกแล้วอาลีผู้ยียวนกวนประสาท ไม่มีอีกแล้วท่าทางกราดเกรี้ยวหยิ่งผยอง เวลาของเขาได้จบลงแล้ว มีแต่เพียงอาลีที่ยืนหงอยอยู่บนเวทีด้วยสีหน้าผิดหวังและเจ็บระบมไปทั้งกายและใจ

อาลีแพ้อย่างหมดรูป ด้วยวัยที่แก่ลงอย่างรวดเร็วกับร่างกายที่ผ่านสมรภูมิมานับครั้งไม่ถ้วน จึงทำให้ทรุดโทรมหมดสภาพ ไม่ต่างจากก้อนหินที่ผุกร่อน บอบบาง และพร้อมแตกสลายได้ทุกเมื่อ

มีรายงานว่า หลังจบไฟต์นั้นสมองของอาลีได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนัก และแพทย์ได้สั่งห้ามอาลีขึ้นชกมวยอีกครั้งเป็นอันขาด

แต่สิ่งที่น่าชื่นชมคือแม้จะรู้ตัวว่าต้องแพ้ตั้งแต่ยกแรกแต่ก็ยังคงตั้งป้อมสู้ เขาไม่กลัวพายุหมัดอันน่าสยดสยองของอดีตคู่ซ้อมเลยแม้แต่น้อย

ส่วนโฮล์มส์ก็ดูจะไม่ภูมิใจต่อตำแหน่งแชมป์โลกที่ป้องกันได้เป็นสมัยที่ 8 เขารู้ดีว่ากำลังชกกับนักมวยวัยชราที่อ่อนล้า และไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะยกหมัดขึ้นชกด้วยซ้ำ แต่ชายชราคนนั้นกลับรับพายุหมัดของเขาได้ยาวนานและต่อเนื่องถึง 10 ยก ซึ่งหากชายชราคนนั้นไม่ใช่อาลีคงร่วงไปแต่ตั้งยกแรกแล้ว

บรรยากาศในสนามชกตอนนั้นเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ผิดหวัง และคราบน้ำตาของความพ่ายแพ้ที่น่าผิดหวังที่สุดในวงการมวยโลก

อย่างไรก็ดี อาลียังคงไม่หลาบจำ เขากลับมาชกอีกครั้งกับ เทรเวอร์ เบอร์บิก (Trevor Berbick) ในวันที่ 12 พฤศจิกายน 1981 และแพ้คะแนนไปอย่างหมดรูป จึงประกาศแขวนนวมในปีเดียวกันทันที

ความพ่ายแพ้ให้กับเบอร์บิกทำให้อาลีเริ่มเรียนรู้ที่จะปล่อยวาง แม้ 4 ไฟต์สุดท้ายของเขา จะพ่ายแพ้ไปถึง 3 ไฟต์ แต่เขาก็ยังคงชนะใจคนดูทั้งในและนอกสนาม เพราะเขาคือนักมวยอุดมการณ์ที่ไม่เคยทอดทิ้งประชาชนที่หลงรักเขา ผู้คนจึงมองเขาเป็นเหมือนพลังขับเคลื่อนให้สังคมเดินหน้าต่อไปได้ด้วยความหวัง ความดีงาม และความเด็ดเดี่ยวที่อาลีมอบให้

ด้วยเหตุนี้ ประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ได้มอบเหรียญ "Medal of Freedom" เมื่อปี 2005 ซึ่งถือเป็นเกียรติประวัติสูงสุดสำหรับพลเมืองอเมริกันที่น้อยคนจะได้รับ รวมถึง นิตยสาร Sport Illustrated ยังยกย่อง มูฮัมหมัด อาลี ให้เป็น "สุดยอดนักกีฬาแห่งศตวรรษที่ 20" อีกด้วย

และถึงเขาจะจากโลกนี้ไปเมื่อปี 2016 แต่ มูฮัมหมัด อาลี ยังคงเป็นตำนานที่เรื่องราวของเขาถูกเล่าซ้ำได้อย่างไม่มีเบื่อมาจนถึงทุกวันนี้

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.youtube.com/watch?v=JzijmfsL1Xs
https://www.ringtv.com/643511-larry-holmes-overworked-and-underpaid-assassin/
https://boxing-social.com/features/holmes-vs-ali-the-40th-anniversary-of-boxings-night-of-shame-mb/
https://firstsportz.com/boxing-news-larry-holmes-once-slapped-muhammad-ali-after-the-latter-mocked-holmes-in-a-press-conference-ahead-of-their-fight/

Author

ณัฐพงศ์ อินต๊ะริด

Main Stand's author

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

ภราดร ภราดร

อยากจะทำให้ดี ไม่ใช่แค่อยากจะทำให้เป็น