Feature

บูกาโย ซาก้า : ยอดดาวรุ่งผู้ข้ามผ่านเสียงวิจารณ์ด้วยหัวใจที่แกร่งเกินวัย | Main Stand

คุณจะทำอย่างไร ? ในวันที่ผิดพลาดหรือล้มเหลว

 

บูกาโย ซาก้า แข้งตัวหลักแห่ง อาร์เซน่อล ก็เคยมีช่วงเวลาอันแสนเลวร้าย มันเกิดขึ้นในคืนวันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม 2021 ที่สนามเวมบลีย์ ประเทศอังกฤษ เป็นการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 นัดชิงชนะเลิศระหว่าง ทีมชาติอังกฤษ พบกับ ทีมชาติอิตาลี ซึ่งซาก้ารับหน้าที่สังหารลูกโทษเป็นคนสุดท้าย แต่เขากลับยิงไม่เข้า ทำให้ทีมชาติอิตาลีคว้าแชมป์ยูโรสมัยที่ 2 ไปครอง

บางคนบอกว่า ซาก้า ที่วัยเพียง 19 ปีในเวลานั้นยังเด็กเกินกว่าที่จะเป็นผู้สังหารลูกโทษคนสุดท้ายให้ทีมชาติอังกฤษ เขาถูกวิจารณ์อย่างหนักและรุนแรงจนถึงขั้นถูกเหยียดสีผิว และมันสร้างความรู้สึกกดดันและท้อแท้ต่อเขาอย่างยิ่ง

แต่นักรบย่อมมีบาดแผล ปัจจุบัน ซาก้า กำลังมีฤดูกาลที่ดีกับ อาร์เซน่อล เขากลับมาโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมกับทัพปืนใหญ่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

นี่คือเรื่องราวการกลับมาของ บูกาโย ซาก้า ผู้ข้ามผ่านเสียงวิจารณ์ด้วยหัวใจที่เข้มแข็ง ติดตามได้ใน Main Stand

 

เกมแห่งความกล้า

บูกาโย ซาก้า ต้องพบกับความท้าทายครั้งสำคัญในชีวิต มันเป็นช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งเขาต้องใช้หัวใจที่กล้าหาญเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเขาได้ก้าวขึ้นไปอีกระดับของการเป็นนักฟุตบอล

เมื่อต้องกลายเป็นผู้ที่สังหารจุดโทษในการแข่งขันฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของยุโรป ก็เป็นธรรมดาที่ความรู้สึกกดดันย่อมถาโถมเข้ามาราวพายุ สิ่งเดียวที่นักฟุตบอลทำได้ คือการมีสมาธิและจดจ่ออยู่กับการนำลูกเข้าไปสู่ก้นตาข่ายตรงหน้าให้ได้

ทั้งสองทีมต่อสู้กันด้วยแทคติก ซึ่งความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจหมายถึงประตู และถึงแม้อังกฤษจะเป็นเจ้าบ้านแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้เปรียบทีมชาติอิตาลีสักเล็กน้อย ด้วยรูปแบบการเล่นที่เป็นระบบ มีแผงแนวรับที่เหนียวแน่น ช่วยให้อิตาลีเล่นกับอังกฤษได้อย่างไม่เป็นรอง ตลอด 90 นาทีของการแข่งขันจึงเข้มข้น เร้าใจ และบีบหัวใจคนดูจนถึงวินาทีสุดท้าย แต่ไม่ว่าอย่างไร ท้ายที่สุดแล้วทั้งสองทีมก็ทำได้เพียงเสมอกันในเวลาปกติ 1-1 และช่วงต่อเวลาพิเศษก็ทำอะไรกันไม่ได้

การดวลจุดโทษจึงเกิดขึ้นท่ามกลางผู้คนกว่า 67,173 คน ที่ต่างร้อนรน และส่งเสียงอึกทึกครึกโครม ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วสนามเวมบลีย์

อิตาลีเป็นฝ่ายได้ยิงจุดโทษก่อน แม้จะมีแฟนบอลอังกฤษจำนวนมากอยู่ด้านหลังประตู แต่ โดเมนิโก้ เบราร์ดี้ ก็ยิงผ่านมือ จอร์แดน พิกฟอร์ด มือกาวของทัพอังกฤษเข้าไปอย่างไม่ยากเย็นนัก ก่อน แฮร์รี่ เคน กัปตันทีมชาติอังกฤษยิงตีเสมอให้อังกฤษไล่จี้มาเป็น 1-1 

คนที่สองของอิตาลีคือ อันเดรีย เบล็อตติ ยิงไปติดเชฟของพิกฟอร์ด ก่อนที่ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ จะยิงผ่านมือ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ช่วยให้อังกฤษออกนำ 2-1 ในเวลาต่อมา

แฟนบอลอังกฤษต่างส่งเสียงร่ำร้องด้วยความหวัง พวกเขาเข้าใกล้สู่ความฝันในการคว้าแชมป์ยุโรปครั้งนี้มากขึ้นทุกที แต่สถานการณ์กลับไม่เป็นไปอย่างที่คิด เมื่อทั้ง เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ และ เฟเดริโก้ แบร์นาร์เดสคี่ ยิงให้อิตาลีขึ้นนำ แต่ มาร์คัส แรชฟอร์ด กับ เจดอน ซานโซ่ ของอังกฤษ กลับยิงพลาด

อิตาลี ออกนำ อังกฤษ 3-2 หาก จอร์จินโญ่ ที่เป็นคนยิงคนสุดท้ายของอิตาลีทำประตูเข้าไปได้ อิตาลีจะเป็นฝ่ายชนะทันที แต่จอร์จินโญ่กลับยิงไปติดเชฟของพิกฟอร์ด ทำให้อังกฤษยังพอมีลุ้นจากการตามตีเสมอในลูกสุดท้าย

อย่างที่รู้กันว่า บูกาโย ซาก้า เป็นผู้รับหน้าที่นี้ เขาเข้าใจดีว่าหากยิงไม่ได้นั้นหมายถึงอะไร แต่เห็นได้ชัดว่าเขากำลังเป็นกังวล สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเครียด เขาจึงพยายามทำสมาธิเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา

แต่เขาก็ทำพลาด เขาซัดลูกบอลไปติดมือของดอนนารุมมาแบบไม่มีลุ้นชนิดช็อกสายตาแฟนบอลอังกฤษนับหมื่นที่จับจ้องมองดูเขาอยู่ในสนาม ส่งผลให้อิตาลีคว้าแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 เป็นสมัยที่ 2 มาครองได้ในทันที

ผู้เล่นอิตาลีต่างวิ่งกรูกันเข้ามาโอบกอด จานลุยจิ ดอนนารุมมา ด้วยความดีใจถึงขีดสุด แต่ในวินาทีแห่งชัยชนะครั้งนี้คือความพ่ายแพ้ครั้งสำคัญของเจ้าหนูซากา วัย 19 ปี ที่ร้องไห้ด้วยความโศกเศร้าและผิดหวัง เขาเจ็บปวดเกินกว่าจะกลั้นน้ำตาได้ไหวจริง ๆ

 

เรียนรู้ที่จะเข้มแข็ง

หลังเกมชิงแชมป์ฟุตบอลยูโรผ่านไป ซาก้า ถูกวิจารณ์อย่างหนักจากสื่อและแฟนบอลทีมชาติอังกฤษ มันเหมือนกับว่าโลกทั้งใบได้หล่นมาทับเขาเพียงคนเดียว แต่ที่รุนแรงที่สุดคือเขาถูดเหยียดสีผิวในโลกโซเชียลอย่างรุนแรงและมากขึ้นไม่เว้นวัน รวมไปถึง แรชฟอร์ด และ ซานโช่ ที่ยิงจุดโทษไม่เข้าก็ถูกวิจารณ์อย่างหนักเช่นกัน

ทำให้ 3 วันหลังจากการแข่งขันจบลง ซากาได้ออกมาเปิดเผยว่า

"ผมรู้ดีว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้างหลังจากยิงลูกโทษไม่เข้า แต่ผมไม่ต้องการให้เด็ก หรือผู้ใหญ่คนใดได้รับข้อความที่แสดงถึงความเกลียดชังอย่างที่ผม แรชฟอร์ด และ ซานโช่ ได้รับในสัปดาห์นี้"

ซาก้ามีเวลาคิดทบทวนถึงช่วงเวลาที่ผ่านมามากขึ้น เขาไม่ปล่อยให้ความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวเข้ามาทำลายชีวิตตัวเองได้ง่ายเช่นนั้น

เขากลับมาอยู่กับครอบครัวเพื่อหลีกหนีความวุ่นวายในโลกโซเชียล นี่คือหนึ่งในไม่กี่วิธีที่ซาก้าเลือกใช้ในวันที่ทุกอย่างไม่เป็นใจ

ช่วงเวลานี้เองที่ซากาได้รับรู้ถึงความห่วงใยจากคนรอบข้างที่ไม่เคยทอดทิ้งเขาไปไหน ความรักจากครอบครัวช่วยเยี่ยวยาจิตใจของเขาได้ราวกับยาวิเศษ เขาได้รับมุมมองแสนล้ำค่าว่าต่อให้โลกจะพังทลายลงมามากเพียงใด ความหวังก็ยังมีอยู่เสมอ

เธียร์รี่ อองรี ตำนานดาวยิงอาร์เซน่อล ที่ซาก้าสังกัดอยู่ เป็นอีกหนึ่งบุคคลที่ไม่ทอดทิ้งเจ้าหนูมหัศจรรย์คนนี้ไปไหน เขาเป็นคนแรก ๆ ที่ส่งข้อความเข้ามาให้กำลังใจซากาอยู่เสมอ

อองรี ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านซีรีส์ ALL OR NOTHING ไว้ว่า

"ผู้คนไม่รู้ถึงความกดดันของการที่ต้องเป็นคนที่ต้องทำให้สำเร็จ แต่เมื่อคุณก้าวลงสนามคุณต้องเป็นแบบนั้น คนไม่สนใจหรอกว่าคุณรู้สึกยังไงในฐานะมนุษย์ และนี่แหละที่กลายเป็นเรื่องยาก ซึ่งสำหรับผมแล้ว สิ่งที่ซาก้าทำตอนนั้นมันเยี่ยมมาก และเขาคืออาร์เซน่อลทุกระเบียบนิ้ว"

นอกจากนี้ยังมีแฟนบอลอีกจำนวนไม่น้อยที่ส่งข้อความมาให้กำลังใจซากา พวกเขาเข้าใจว่า ซาก้า ต้องแบกรับความกดดันเอาไว้ข้างหลังมากมายเพียงใด ซึ่งความผิดหวังดังกล่าวได้แสดงออกมาอย่างชัดเจนอยู่แล้วในวันที่เขายิงจุดโทษพลาด และพวกเขาไม่ต้องการเห็น ซาก้า ต้องเจ็บปวดมากไปกว่านี้อีกแล้ว

ซาก้า ค่อย ๆ ให้เวลาเยียวยาจิตใจตนเอง จนตัวเขาเข้าใจได้ว่าไม่อาจกลับไปแก้ไขอดีตได้อีกแล้ว สิ่งเดียวที่พอทำได้คือการต้องอยู่กับความล้มเหลวในอดีตให้ได้และเรียนรู้จากมัน ก่อนก้าวต่อไปข้างหน้าด้วยหัวใจที่แข็งแกร่งมากกว่าเดิม

 

เติบโต ... หลังม่านมรสุม

หลังจากต้องพบเจอกับพายุร้ายที่โหมกระหน่ำไม่เว้นวัน ปัจจุบัน ซาก้า กลับมาที่อาร์เซนอล

เขากำลังเพลิดเพลินกับการเป็นเครื่องจักรสังหารประตูให้อาร์เซนอลด้วยการโชว์ฟอร์มสุดแข็งแกร่ง หลังมีส่วนทำให้ทัพปืนใหญ่ กลายเป็นทีมลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกอย่างเต็มตัว

โดย ซาก้า คือผู้เล่นที่มีอิทธิพลต่อทีมสูง และยังคงระเบิดฟอร์มเก่งได้อย่างต่อเนื่อง การเคลื่อนที่ของเขาว่องไวและเปี่ยมด้วยความมั่นใจมากขึ้น เขายังคงใช้ทักษะปั่นป่วนแผงแนวรับของคู่ต่อสู้ได้ดีเสมอ และนี่จะเป็นฤดูกาลที่น่าจับตามองของเขาอย่างยิ่ง

เหมือนอย่างที่เขาเคยพูดไว้ว่า

"ต้องขอบคุณความผิดหวังที่เวมบลีย์ มันทำให้ผมก้าวหน้าในฐานะนักเตะตั้งแต่ช่วงเวลานั้น" คำกล่าวนี้แสดงให้เห็นแล้วว่าเขามีหัวใจที่แข็งแกร่งเกินวัยมากเพียงใด

ไม่ว่าเจ้าหนู ซาก้า จะนำพา อาร์เซน่อล ไปได้ไกลถึงการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกหรือไม่ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญที่สุดคือเขาผ่านเรื่องที่เลวร้ายมาได้อย่างทรหดอดทนเกินกว่าที่วัยรุ่นคนหนึ่งจะทำได้ มันหล่อหลอมให้เขากลายเป็นแข้งปีศาจที่ทีมฝั่งตรงข้ามจะต้องหวาดผวา เพียงแค่ได้ยินชื่อของเขาอย่างแน่นอน

 

แหล่งอ้างอิง

https://twitter.com/Arsenal/status/1422867408386072578
https://www.theguardian.com/football/2021/jul/15/englands-bukayo-saka-urges-social-media-platforms-to-act-after-racial-abuse
https://www.bbc.com/sport/football/57855251
https://www.football365.com/news/saka-reveals-henry-mentoring-arsenal-euro-2020-penalty-miss

Author

ณัฐพงศ์ อินต๊ะริด

Main Stand's author

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

ภราดร ภราดร

อยากจะทำให้ดี ไม่ใช่แค่อยากจะทำให้เป็น