Feature

เจาะปมร้าว เบนเซม่า-เดส์ชองส์ สู่การประกาศเลิกเล่นทีมชาติฝรั่งเศส | Main Stand

ทีมชาติฝรั่งเศส ถือเป็นทีมที่ทำผลงานได้ดีเป็นมาตรฐาน เมื่อช่วงหลัง ๆ พวกเขาเข้าถึงรอบลึก ๆ ได้สม่ำเสมอ

 

แต่หากสังเกตที่ขุมกำลัง หลายคนอาจสังเกตว่า ชื่อของ คาริม เบนเซม่า หายไปจากสารบบ ท่ามกลางกระแสข่าวขัดแย้งกับ ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ กุนซือใหญ่

เรื่องดังกล่าวนี้มันจริงแท้แค่ไหน สื่อลูกหนังต่างประเทศตีกระแสดังกล่าวไว้อย่างไรบ้าง Main Stand อยากชวนแฟนฟุตบอลเช่นคุณมาร่วมคลายข้อสงสัย พร้อมกับวิเคราะห์เรื่องราวนี้ไปพร้อม ๆ กัน

 

แรก ๆ ดี ไม่มีปัญหา

หากจะบอกว่าการร่วมงานกันระหว่าง ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ และ คาริม เบนเซม่า เป็นช่วงเวลาที่พอเหมาะพอเจาะกับการพาทีมชาติฝรั่งเศสก้าวสู่ยุคที่ยิ่งใหญ่ก็คงไม่ผิดอะไร 

เพราะกลางปี 2012 ช่วงแรกที่เดส์ชองส์เข้ามารับงานคุมทัพ เลอ เบลอส์ แทนที่ โรล็อง บลองก์ ที่ขอลาออกหลังจบศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร (ในปีนั้น) เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่เบนเซม่าที่กำลังอยู่ในวัยเบญจเพสพอดิบพอดี และกำลังอยู่ในช่วงฟอร์มพีกครั้งหนึ่งในเส้นทางลูกหนังกับต้นสังกัด เรอัล มาดริด 

โดยศูนย์หน้าที่ใครหลายคนเรียกชื่อย่อว่า "เบนซ์" เพิ่งมีส่วนพาราชันชุดขาว ผงาดแชมป์ลา ลีกา 2011-12 แถมฟอร์มร่วมกับราชันชุดขาวในเวลานั้นก็ร้อนแรง เขายิงรวมทุกรายการไปถึง 32 ประตู จากการลงเล่น 52 นัด เป็นรองดาวซัลโวต่อจากคริสเตียโน่ โรนัลโด้

ขณะที่สำหรับเดส์ชองส์ นี่คือการหวนกลับมาร่วมงานกับทีมชาติฝรั่งเศสอีกครั้ง หลังเคยเป็นนักเตะที่ชูถ้วยฟุตบอลโลก 1998 มาก่อน เรียกได้ว่าเป็นยุคความหวังใหม่ครั้งหนึ่งของแฟนฟุตบอลตราไก่ หลังอกหักในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ โดยเฉพาะสองเมเจอร์หลังสุดอย่างฟุตบอลโลก 2010 (ตกรอบแรก) และยูโร 2012 (ตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย)

ในช่วงแรก ๆ ที่ทั้งคู่ได้ร่วมงานกัน เบนเซม่าทำได้ถึง 12 ประตู (ระหว่างปี 2013-2015) โดย 3 จาก 12 เกิดขึ้นในฟุตบอลโลก 2014 ที่แม้ฝรั่งเศสจะไปไม่ถึงฝั่งฝัน ทว่าคาริมก็คว้าสถิติดาวซัลโวสูงสุดของทีม 

"เบนเซม่ายืนยันกับผมว่าเขาอยู่ในสภาพที่พร้อมมาก ๆ ร่างกายก็พร้อม เขาเป็นคนเฮฮาและเป็นนักเตะระดับท็อป เขายังคงทำในสิ่งที่เขาทำกับเรามาตั้งแต่ต้น เหมือนกับผลงานของเขาที่เรอัล มาดริด การมีผู้เล่นแบบเขาเป็นเรื่องที่สำคัญมาก" เดส์ชองส์พูดถึงเบนเซม่าในช่วงเวิลด์คัพ 2014

และแม้ในฟุตบอลโลกบนแผ่นดินบราซิล ฝรั่งเศสจะอกหักจอดแค่รอบก่อนรองชนะเลิศ ทว่าเมื่อดูจากรายชื่อขุมกำลังแล้ว พลพรรคตราไก่มีโอกาสต่อยอดสู่ความสำเร็จในระยะใกล้ได้ไม่ยาก เรียกได้ว่าพร้อมลงบู๊ทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลยูโร 2016 ซึ่งฝรั่งเศสรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพ เช่นเดียวกับทัวร์นาเมนต์ในอีก 2 ปีต่อมา อย่างฟุตบอลโลก 2018

เพราะทัพแดนน้ำหอมในเวลานั้นอุดมไปด้วยนักเตะประสบการณ์สูงคอยประคอง มีแข้งที่กำลังอยู่ในช่วงวัยพีก ไปจนถึงดาวรุ่งอนาคตไกล เช่น อูโก้ โยริส และ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ในวัย 27 ปี, อองตวน กรีซมันน์ (23 ปี), ราฟาเอล วาราน และ ปอล ป็อกบา ในวัย 21 ปี… รวมไปถึง คาริม เบนเซม่า ในวัยขณะนั้น 26 ปี

 

ผลจากคดีอื้อฉาว

ทุกเส้นทางต่อยอดสู่ความสำเร็จย่อมมีอุปสรรค สิ่งนี้เกิดขึ้นได้กับทุก ๆ ช่วงเวลาของชีวิต และบางครั้งมันก็เข้ามาแบบไม่ทันได้เตรียมใจ ดังกรณีของเบนเซม่ากับคดีเซ็กซ์เทปอื้อฉาวที่เจ้าตัวดันไปมีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะไปรู้จักกับกลุ่มบุคคลที่สามที่เป็นผู้ร่วมขบวนการ

เรื่องมาเกิดในช่วงรอยต่อระหว่างจบฟุตบอลโลก 2014 สู่การเตรียมทีมลงแข่งฟุตบอลยูโร 2016 เมื่อเบนเซม่าดันไปรู้ความลับของ มาติเยอ วัลบูเอน่า เพื่อนร่วมทีมชาติ ซึ่งโดนขู่แบล็กเมล์พฤติกรรมเรื่องบนเตียงจากคลิปวิดีโอที่เพลย์เมกเกอร์รายนี้อัดไว้ขณะมีเพศสัมพันธ์แล้วดันหลุดสู่โลกภายนอก ลามไปถึงคนที่เบนเซม่ารู้จัก เลยกลายเป็นว่าเขามีส่วนพัวพันไปด้วย นำมาซึ่งการฟ้องร้องกันใหญ่โตในช่วงปลายปี 2015 

ประเด็นนี้ทำเอาคนใหญ่คนโตระดับประเทศมองเบนเซม่าในแง่ลบไปด้วย นั่นเพราะเจ้าตัวเป็นถึงกองหน้าเบอร์ต้น ๆ ของทีมชาติฝรั่งเศส เคยเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเยาวชนในฐานะนักเตะที่กัดฟันจนก้าวขึ้นมาเป็นสุดยอดแข้งโลก 

ถึงขั้นมีบทสัมภาษณ์ของ มานูเอล วัลส์ นายกรัฐมนตรีของฝรั่งเศสในเวลานั้น มองว่านักกีฬาควรเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเยาวชน หากทำไม่ได้ก็ไม่ควรมีที่ยืนในทีมชาติ

ท้ายสุดสหพันธ์ฟุตบอลฝรั่งเศส หรือ FFF ตัดสินใจขั้นเด็ดขาดด้วยการตัดชื่อของเบนเซม่าออกจากสารบบทีมชาติแบบไม่มีกำหนด ส่วนคู่กรณีอย่างวัลบูเอน่าก็หลุดโผทีมชาติยาว ๆ นับตั้งแต่ตอนนั้น 

แน่นอนว่ากระบวนการตัดสินใจขั้นเด็ดขาดนี้ส่วนหนึ่งมาจากมุมมองเดส์ชองส์ด้วย และมีรายงานด้วยว่าเดส์ชองส์รู้สึกเห็นใจ มาติเยอร์ วัลบูเอน่า ในฐานะผู้ถูกกระทำ นั่นทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเดส์ชองส์กับเบนเซม่าเริ่มมีรอยร้าว

การโดนแบนแบบไม่มีกำหนดทำให้คาริมต้องพลาดทั้งทัวร์นาเมนต์ยูโร 2016 ซึ่งฝรั่งเศสจบด้วยรองแชมป์ รวมถึงฟุตบอลโลก 2018 ที่ผงาดคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกมาครองได้เป็นหนที่สองในประวัติศาสตร์ชาติ 

แม้ระหว่างนั้นจะมีกระแสเล็ก ๆ กับการเรียกตัวคืนทีมชาติในระหว่างรอการพิจารณาตัดสินคดี ทว่าก็ไม่อาจเปลี่ยนความคิดของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับทีมชาติฝรั่งเศสได้

"ทุกคนเอาเขามาเป็นประเด็นและทำให้ลืมเรื่องของฟุตบอลไป ผมไม่มีปัญหากับโค้ช แต่ตราบใดที่เขายังคุมทีมอยู่ ผมก็ไม่คิดว่าตัวเองจะมีโอกาส" ข้อความบางส่วนที่เบนเซม่าให้สัมภาษณ์กับ Canal+

อีกหนึ่งองศาความเดือดระหว่าง "เดเด้" และ "เบนซ์" ที่ระอุอีกระลอกเกิดขึ้นในช่วงก่อนยูโร 2016 

อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้า เบนเซม่าไม่ได้ติดทีมลุยศึกยูโร แถมช่วงนั้นเขาก็หลุดพ้นจากการถูกตั้งข้อหาไปแล้ว (แต่คดีความยังไม่จบ) และในเวลานั้นก็กำลังฟอร์มโหดกับการเล่นให้เรอัล มาดริด อย่างการพาทีมคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2015-16 มาได้

เบนเซม่าไปให้สัมภาษณ์กับ Marca หนึ่งในบทสนทนาคือกระแสข่าวที่ว่าเดส์ชองส์ "เลือกปฏิบัติ" ไม่ยอมเลือกนักเตะที่มีเชื้อสายชาวแอฟริกันเข้ามาติดทีมชาติ (เบนเซม่ามีเชื้อสายแอลจีเรียน)

อีกเหตุผลหนึ่งของกระแสดังกล่าวมาจากบทสัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ของตำนานลูกหนังแดนน้ำหอมอย่าง เอริค คันโตน่า ที่เคยตั้งข้อสังเกตว่านอกจากเบนเซม่าแล้ว ฮาเต็ม เบน อาร์กฟา แข้งที่มีบรรพบุรุษมาจากแอฟริกาเหนือและทำผลงานได้ดีกับสโมสรนีซก็ไม่ได้โดนเรียกตัวติดทีมชาติฝรั่งเศสเช่นกัน

ทางฝั่งเดส์ชองส์ก็ยืนกรานว่าไม่ได้เลือกปฏิบัติกับการใส่ชื่อผู้เล่นลุยยูโรที่ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ พร้อมติติงกลาย ๆ ว่าตนกำลังถูกอดีตลูกทีมคนนี้ล้ำเส้นมากเกินไป

"คนบางคนสามารถพูดในสิ่งที่มีผลตามมาและมันไปไกลเกินกว่าที่จะเข้าใจได้ ผมยังไม่ลืมคำพูดนั้น ตอนนี้ผมพิจารณาว่าผมถูกล้ำเส้น" เดส์ชองส์ ให้สัมภาษณ์กับ Europe 1 "ผมเลือกนักเตะฝรั่งเศส ทุกคนคือฝรั่งเศส ผมไม่เคยเลือกนักเตะเพราะสีผิวหรือศาสนา ในทำนองเดียวกันผมไม่เคยเลือกใครด้วยกฎเกณฑ์ใดกฎเกณฑ์หนึ่ง เพราะมันเป็นอะไรที่แย่และเลวร้ายสุด ๆ"

สถานการณ์ล่าสุดของคดีความดังกล่าวนั้นยังไม่จบลงเสียทีเดียว คำตัดสินของศาลฝรั่งเศสในปี 2021 ได้ตัดสินให้เบนเซม่า มีความผิดฐานสมรู้ร่วมคิดในการแบล็กเมลเพื่อนนักเตะ ต้องโทษจำคุก 1 ปี โดยให้รอลงอาญาไว้ก่อน พร้อมกับปรับเงิน 75,000 ยูโร หรือประมาณ 2.8 ล้านบาท 

 

ฟุตบอลโลก 2022 และอนาคต

เพราะมาตรฐานการเล่นไม่เคยตก อายุอานามก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อความสำเร็จในการเล่นระดับสโมสร และอีกประการหนึ่งที่ชวนให้ทุกคนคิด คือทุก ๆ บทสัมภาษณ์ของโค้ชเดส์ชองส์อาจจะมีการวิจารณ์เบนเซม่าก็จริง แต่เขาก็ไม่เคยพูดตรง ๆ ว่าได้ "ปิดโอกาส" เรียกซูเปอร์สตาร์จาก เรอัล มาดริด รายนี้เข้ามาติดทีมชาติ

ก่อนที่การรีเทิร์นทัพตราไก่ของ คาริม เบนเซม่า จะเกิดขึ้นอีกครั้งในรอบกว่า 5 ปี กับการติดเป็นหนึ่งในขุนพลชุดลุยฟุตบอลยูโร 2020 ซึ่งแข่งขันในปี 2021 เรียกได้ว่ามีการเคลียร์ใจนอกรอบก่อนที่เดส์ชองส์จะตอบสื่อ

"ผมจะไม่เล่าบทสนทนาระหว่างเราให้ฟัง เพราะมันยาวมาก ๆ และมีการแลกเปลี่ยนความเห็นกันหลายอย่าง สิ่งสำคัญคือวันนี้และพรุ่งนี้ ความจริงคือเราก็ยังทำผลงานได้ดี แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะไม่ถูกเรียกติดทีม หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไปแล้ว ทั้งฝั่งของผมและฝั่งคาริม" เดส์ชองส์ กล่าวกับ Telefoot

การกลับมาติดทีมชาติอีกครั้งของเบนเซม่าเป็นโจทย์ที่ท้าทายตัวเขาอย่างยิ่งยวด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาต้องไปเบียดแย่งตำแหน่งในเกมรุกกับขุมกำลังชุดแชมป์โลก 2018 โดยเฉพาะกับบทบาทหน้าเป้าที่มี โอลิวิเยร์ ชิรูด์ เป็นคู่ต่อกร

ตราไก่เข้ามาเล่นรอบสุดท้ายในฐานะทีมเต็ง นี่คือทีมแชมป์โลกทีมล่าสุด แต่ต้องมาปิ๋วตั้งแต่รอบ 16 ทีมสุดท้าย เมื่อโดนทีเด็ดของ สวิตเซอร์แลนด์ แม่นจุดโทษกว่าเอาชนะไป 5-4 จากผลเสมอในเวลา 120 นาที 3-3

แม้จะล้มเหลว แต่เบนเซม่าก็ยังมีชื่อในสารบบทีมชาติฝรั่งเศสอยู่ จนถึงการเป็น 1 ใน 26 แข้งชุดลุยฟุตบอลโลก 2022 โดยพกดีกรีเป็นนักเตะบัลลงดอร์ หรือรางวัลเชิดชูเกียรติแข้งยอดเยี่ยมแห่งปี เตรียมลุยกาตาร์

และเป็นอีกครั้งที่โชคในนามทีมชาติไม่เข้าข้างเบนเซม่า เขาดันมาบาดเจ็บต้นขาถึงขั้นถอนตัวจากทีมชาติก่อนทัวร์นาเมนต์เปิดเพียง 1-2 วัน 

ท่ามกลางกระแสข่าวและคำถามที่ว่าเมื่อ เลอ เบลอส์ ลิ่วไปถึงรอบลึก ๆ ได้แล้ว หากเบนเซม่าหายเจ็บ เขาจะ "กลับมา" เป็นตัวเลือกของทีมหรือไม่ มาคราวนี้เดส์ชองส์ไม่ได้ยืนยันว่าจะดึงเขากลับมาช่วยทีม โดยมองแค่เรื่องการจัดการขุมกำลังที่เหลือให้ทรงประสิทธิภาพมากที่สุด
 
"มันไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในความคิดผม ผมคุยกับคาริมหลังจากที่เขากลับไป คุณรู้สถานการณ์ของเขาและระยะเวลาที่เขาต้องใช้ในการฟื้นตัว ผมไม่รู้ว่าคุณต้องการอะไรจากคำถามนี้ ผมมีนักเตะ 24 คนต้องจัดการที่นี่ (อีกคนที่ไม่มีชื่อคือ ลูก้า แอร์กน็องเดซ ที่บาดเจ็บ) ผมจะปล่อยให้คุณพูดถึงเรื่องนี้" Goal.com เผยบทสัมภาษณ์ของเดส์ชองส์

"จินตนาการกันตามสบาย ผมคงไม่ให้ความเห็นกับเรื่องที่ไม่มีผลต่อการทำงานวันต่อวันของเรา" 

และแล้วฝรั่งเศสก็ลิ่วมาถึงรอบชิงชนะเลิศได้และมีลุ้นป้องกันแชมป์โลก ขณะที่เบนเซม่าก็พร้อมกลับมาเป็นตัวเลือกในขุมกำลังเพื่อพาทีมชาติไปถึงเป้าหมายเช่นกัน หลังเข้ารับการรักษาอาการร่วมกับทีมแพทย์เรอัล มาดริด ตลอดจนกลับมาซ้อมกับสโมสรได้แล้ว 

ทว่าเจ้าตัวกลับยืนกรานว่าจะ "ไม่" ขอกลับมาทั้งเล่นทีมชาติ และในเวลาคาบเกี่ยวเขาได้ลงอุ่นเครื่องร่วมกับเรอัล มาดริด ดวลกับ เลกาเนส เมื่อวันพฤหัสบดี หรือสามวันก่อนถึงเกมนัดชิงฟุตบอลโลกด้วย 

"ผมไม่ได้สนใจ" นี่คือข้อความสั้น ๆ ที่หัวหอกหมายเลข 9 เลือกสื่อสารออกมาให้ทุกคนได้รับรู้ ซึ่งให้ความหมายกลาย ๆ ว่า "เบนเซ" ไม่ได้อยากคัมแบ็กช่วยทีมชาติแล้ว 

ทางฝั่งของเดส์ชองส์ก็พูดชวนให้สื่อนำไปตีความต่าง ๆ นานา เมื่อเฮดโค้ชวัย 54 ปีพยายามเลี่ยงตอบคำถามเรื่องการดึงดาวเด่นจากราชันชุดขาวกลับมาลุยฟุตบอลโลก

"ผมไม่อยากตอบคำถามนั้นจริง ๆ" เดลี่เมลเผยว่าเดส์ชองส์กล่าวคำพูดนี้พร้อมรอยยิ้ม และรีบพูดต่อทันทีว่า "คำถามต่อไปได้เลย"

แม้ทั้งสองจะไม่ได้กล่าวพาดพิงกันตรง ๆ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันชวนให้คิดในเชิงลบมากกว่าบวก ท้ายสุดประเด็นนี้ได้รับการคลี่คลายออกมาเรื่อย ๆ โดยสื่อหลายเจ้าตีความกันไปตามมุมมอง

"ยังไม่ฟิตแบบ 100% เดส์ชองส์ต้องการนักเตะที่พร้อมลงเล่นตั้งแต่นาทีแรก", "แนวรุกตราไก่ที่มีทั้ง คีลิยัน เอ็มบัปเป้ - โอลิวิเยร์ ชิรูด์ - อุสมาน เดมเบเล่ - คิงส์ลีย์ โกม็อง - มาร์คุส ตูราม รวมถึง แรนดัล โคโล มูอานี ก็เพียงพอแล้ว" หรือแม้แต่ "ผลงานในรอบก่อนหน้าก่อนเข้าชิงแชมป์ก็เรียกว่าสดใส เพราะทุกคนเล่นเข้าขากันดีอยู่แล้ว และไม่มีเสียสปิริตทีม" ฯลฯ 

ยังไม่นับกระแสข่าวที่ว่าเบนเซม่าไม่พอใจเดส์ชองส์อย่างหนักเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เขาได้รับการปฏิบัติจากตัวกุนซือทีมชาติ ตลอดจนทีมสตาฟที่ไม่ดีพอ รวมถึงบทสัมภาษณ์ของเดส์ชองส์ในช่วงแถลงข่าว เช่นเดียวกับข่าวที่ว่าเบนเซม่าปฏิเสธเดินทางมาชมเกมนัดชิงชนะเลิศจากคำชวนของ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส 

และนั่นคือฟางเส้นสุดท้ายของเขากับทีมชาติ (ณ เวลานี้) ไปโดยปริยาย เพราะหลังตราไก่ปิดฉากฟุตบอลโลก 2022 ด้วยการเป็นรองแชมป์ เบนเซม่าก็ได้โพสต์ข้อความในวันเกิดอายุครบ 35 ปีของตัวเองพอดี โดยสื่อถึงการตัดสินใจ "อำลา" ทีมชาติฝรั่งเศส ท่ามกลางชนวนให้ตั้งคำถามว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเดส์ชองส์มากน้อยแค่ไหน

"ผมใช้ความพยายามทุกอย่างที่จำเป็น รวมถึงทำเรื่องผิดพลาด จนมาถึงจุดที่ผมอยู่ในวันนี้ และผมภูมิใจกับมัน ผมเขียนเรื่องราวของผม และเรื่องราวของเราจบแล้ว" เบนเซม่า โพสต์ข้อความปิดฉากผลงาน 37 ประตูจาก 97 เกม ร่วมกับทีมตราไก่

ไม่กี่วันต่อจากนั้น Daily Mail และ Foot Mercato ตีข่าวซุบซิบว่าเบนเซม่าอาจจะกลับลำมาเล่นทีมชาติต่อ หากในอนาคต ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ "ไม่ได้" เป็นกุนซือใหญ่อีกต่อไป และยิ่งเป็นการดีถ้าหัวหน้าโค้ชคนใหม่คือ ซีเนดีน ซีดาน ที่เคยร่วมงานกันมาก่อนที่ เรอัล มาดริด

ไม่มีใครรู้ว่าทิศทางของทีมชาติฝรั่งเศสในกาลต่อไปจะออกมาแบบไหน แต่ถึงตอนนี้เต็มไปด้วยชนวนต่าง ๆ จากคำพูด ตลอดจนบทวิเคราะห์และข่าวซุบซิบจากสื่อ 

เมื่อนำทั้งหมดนี้มาประกอบกันแล้ว เห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นว่าโอกาสกลับมาร่วมงานด้วยกันอีกครั้งของเดส์ชองส์และเบนเซม่า "ดูริบหรี่" แล้วจริง ๆ

 

แหล่งอ้างอิง

https://en.as.com/soccer/deschamps-and-benzema-a-broken-relationship-n/ 
https://www.beinsports.com/th/%E0%B8%A5%
https://www.espn.com/soccer/france/story/2885519/france-boss-didier-deschamps-quiet-on-karim-benzema-remarks
https://www.goal.com/th/%E0%B8%82%E0%B9%88%
https://www.goal.com/th/%E0%B8%82%E0%B9%88%
https://thinkcurve.co/cchaakerimtnthuengaetkhak-epidaithmailn-ebnechmaa-aimephaaphii-edsch-ngs/ 
https://www.sportskeeda.com/football/rumor-karim-benzema-come-france-retirement-zinedine-zidane-replaces-didier-deschamps-reports?fbclid=IwAR2O9jAYVAtZLtiMw912GVvM86KNJaF-IO0hUXttlenwYlzDyFJcJITQ5Yk
https://www.dailymail.co.uk/sport/football/article-11555919/Karim-Benzema-REVERSE-decision-retire-France-Zidane-replaces-Deschamps.html?fbclid=IwAR1ue1kdLpDK6iByiY8gmCSHnYzlkU52Q2-gD11oaNNzkMnieuUfes2wt-U 
https://www.marca.com/en/football/real-madrid/2016/06/01/574e96c146163fdf4f8b460b.html 

Author

พชรพล เกตุจินากูล

แฟนคลับเชลซี ติดตามฟุตบอลเอเชีย ไก่ทอดและกิมจิเลิฟเวอร์

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

อภิสิทธิ์ โชติพิบูลย์ทรัพย์

Art Director ผู้รับเหมางานภาพกราฟิกหน้าปกบทความทุกชิ้น