บราซิล กลายเป็นชาติที่ 3 ที่ประกาศรายชื่อนักเตะชุดฟุตบอลโลก 2022 ต่อจาก ญี่ปุ่น และ คอสตาริกา
สิ่งที่น่าสนใจในครั้งนี้คือขณะที่ญี่ปุ่นและคอสตาริกาเลือกนักเตะที่เล่นตำแหน่งกองหน้าติดทีมมาเพียง 3 และ 4 คนตามลำดับ บราซิลกลับมาเหนือด้วยการเลือกซื้อเกมรุกด้วยการใช้กองหน้ามากถึง 9 คนในทีมชุดนี้
นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน ทำไมกองหน้าทั้ง 9 คนจึงสำคัญกับทีมชาติบราซิลในมือของ ติเต้ กุนซือทัพเซเลเซามากมายนัก ติดตามได้ที่ Main Stand
ความล้มเหลวเมื่อ 4 ปีก่อน
บราซิล ตกรอบฟุตบอลโลก 2018 ด้วยการจอดแค่รอบ 8 ทีมสุดท้ายหลังจากแพ้ เบลเยียม 1-2 และผลงานดังกล่าวเป็นที่แน่นอนว่าน่าผิดหวัง และทีมบราซิล "ทั้งทีม" โดนคำวิจารณ์อย่างมากจากสื่อและแฟนบอลของตัวเอง
เรียกได้ว่าพอแพ้ขึ้นมาก็ขุดความผิดตั้งแต่เรื่องยิบย่อยตั้งแต่ก่อนฟุตบอลโลกจะเริ่มมาถล่มกันแบบไม่ไว้หน้า เสียงวิจารณ์ส่วนใหญ่นั้นมักจะเทไปที่เรื่องทัศนคติของทีมที่ดูไม่มีความกระหายอยากและทำตัวเป็นดารามากกว่าเป็นนักฟุตบอล ซึ่งเรื่องนี้ เนย์มาร์ กองหน้าที่ค่าตัวแพงที่สุดในโลกคือคนที่เป็นเป้าใหญ่ที่สุดจากความโกรธแค้นนี้
แฟนบอลบราซิลออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าทีมชุดนี้วางตัวห่างจากแฟน ๆ โดยเฉพาะเป็นธรรมเนียมทุกครั้งก่อนเริ่มฟุตบอลโลกที่บราซิลจะปล่อยให้แฟน ๆ ได้เข้ามาชมเกมฝึกซ้อมเพื่อส่งกำลังใจให้นักเตะและเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้กองเชียร์ แต่ในการเก็บตัวฟุตบอลโลก 2018 นักเตะบราซิลชุดนี้ไม่ได้ตอบรับแฟน ๆ ของพวกเขามากนัก
"ผมมาที่แคมป์เก็บตัวนี้ตั้งแต่ฟุตบอลโลกปี 1998 แต่เชื่อไหมว่าเราไม่เคยอยู่ห่างไกลจากนักเตะและการซ้อมมากขนาดนี้เลย" ฮิลาริโอ ซานโตส แฟนบอลบราซิลรายหนึ่ง กล่าว
"แม้แต่ถนนเส้นประจำ (ถนน Granja) ที่นักเตะต้องแจกลายเซ็นแฟนบอลก่อนขึ้นรถก็ยังถูกปิดไม่ให้แฟนบอลได้เข้าถึง พวกเรารู้สึกเหมือนโดนตัดขาดและไร้ความสำคัญสำหรับพวกเขา"
เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะฟุตบอลคือลมหายใจและชีวิตของชาวบราซิล เมื่อคุณทำเหมือนแฟนบอลไม่มีตัวตนกระแสโจมตีจึงมากกว่าการให้กำลังใจ เรื่องนี้ร้อนถึงเหล่าผู้บริหารต้องเปิดโอกาสให้แฟน ๆ เข้าชมการซ้อมของทีมอีกหนึ่งครั้ง และให้นักเตะอย่าง เนย์มาร์, มาร์ควินญอส รวมถึงโค้ชอย่าง ติเต้ ได้เข้าไปพูดคุยและแจกลายเซ็นกับแฟนบอลเพื่อกู้กระแสของทีมกลับคืนมา
นอกจากเรื่องนอกสนามที่เริ่มต้นได้ไม่ดีแล้ว บราซิลยังมีผลงานในสนามที่ไม่ถูกใจแฟนบอลของพวกเขาเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในรายของ เนย์มาร์ ที่เล่นในทัวร์นาเมนต์นั้นได้อย่างน่าผิดหวัง เพราะเขาพยายามจะโชว์ จะเลี้ยง จะเล่นตามใจตัวเอง รวมถึงการพยายามพุ่งล้มที่กลายเป็นไวรัลกลิ้งหลายตลบ สิ่งเหล่านี้ทำให้ชาวบราซิลมองว่า ทีม ๆ นี้เป็นพวกทำเป็นเล่น เก่งแต่บนหน้าสื่อแต่ใช้ไม่ได้เมื่อลงแข่งขันจริง
"เรื่องมันวุ่นวายไปหมด พฤติกรรมนอกสนามแบบวิถีคนดังของเขากำลังสร้างปัญหาให้กับตัวเขาเอง จริง ๆ ไม่มีใครว่าใครได้หรอกนะเรื่องไลฟ์สไตล์หากเขายังคงเป็นเนย์มาร์คนเดิมได้ยามลงสนาม เขาควรโฟกัสกับเกมของเขาเป็นอันดับแรก เพราะเขาคือนักเตะอาชีพและนั่นสำคัญที่สุด" ทอสเทา อดีตนักเตะดีกรีแชมป์โลกทีมชาติบราซิล ปี 1970 พูดถึงเนย์มาร์ที่ล้มเหลวในทีมชุดนั้น
ยังไม่จบแค่นั้น เมื่อบอลมันแพ้อะไรก็แย่ไปหมด แม้แต่กุนซืออย่างติเต้ก็โดนทอสเทาวิจารณ์ว่าไม่สามารถควบคุมนักเตะให้โฟกัสอยู่กับงานของตัวเองเพราะขาดความเด็ดขาด ไม่กล้าแตะต้องเนย์มาร์เท่ากับนักเตะคนอื่น ๆ
"ติเต้ต้องหนักแน่นและตรงไปตรงมากับเนย์มาร์มากกว่านี้ สิ่งที่เฮดโค้ชทำคือการบอกเขา เรียกร้องให้เขาหยุดเล่นด้วยความโมโห หยุดการบ่นเพื่อนร่วมทีม โต้เถียงผู้ตัดสิน และพุ่งล้ม เหมือนกับที่เขาทำในเกมกับคอสตาริกา" ทอสเทา พูดถึงความล้มเหลวของบราซิลในช่วงฟุตบอลโลก 2018
บราซิลตกรอบครั้งนั้น และมีข่าวว่าติเต้จะโดนไล่ออกจากตำแหน่ง เป็นปกติของทีมชาติบราซิลในฟุตบอลโลกทุก ๆ ครั้งนั่นคือ "ถ้าไม่ได้แชมป์ก็ต้องเปลี่ยนโค้ช" ... โค้ชหลายคนถึงขั้นประกาศลาออกด้วยตัวเอง แต่สำหรับติเต้เขาไม่คิดว่านั่นคือสิ่งที่ถูกต้อง
ขอโอกาสอีกครั้ง
ติเต้ไม่ลาออก และขณะเดียวกันสหพันธ์ฟุตบอลบราซิล หรือ CBF ก็ยังคงหนุนหลังเขา หลังจากกระแสเรียกร้องให้ปลดติเต้ร้อนแรงทุกอย่างก็ดับลง หลังจากฟุตบอลโลก 2018 จบได้แค่เดือนเดียวเท่านั้นติเต้ก็ได้สัญญาฉบับใหม่ด้วยระยะเวลา 4 ปี ... นั่นหมายความว่าเขาถูกวางให้เป็นคนสำคัญในโปรเจ็กต์ล่าแชมป์โลกสมัยที 6 ในศึก ฟุตบอลโลก 2022 เก้าอี้ของเขายังแข็งแรงดี นอกจากนี้เขายังเป็นโค้ชทีมชาติบราซิลคนแรกที่ได้รับการขยายสัญญาหลังจบฟุตบอลโลกนับตั้งแต่ในปี 1978 อีกด้วย
“สหพันธ์ได้ให้เงื่อนไขในการสร้างสภาพแวดล้อมของความสามัคคีและเป็นมืออาชีพซึ่งจะทำให้มีความท้าทายครั้งยิ่งใหญ่ และเรามีความสุขที่จะได้พบกับสิ่งนี้ ซึ่งตอนนี้เราพร้อมแล้วที่จะมีสมาธิในเกมแมตช์และทัวร์นาเมนต์ต่อไปของพวกเรา" ติเต้ กล่าวในแถลงการณ์
สิ่งที่บราซิลคาดหวังจากติเต้คือการให้โอกาสทำทีมระยะยาวเพื่อสร้างทีมชุดที่สมบูรณ์แบบที่สุดในฟุตบอลโลกครั้งนี้ โดยนับตั้งแต่ปี 2016 ที่เขาได้รับตำแหน่ง ติเต้ได้สร้างรากฐานต่าง ๆ ไว้มากมาย ขณะที่ฝ่ายคนวงในหลายคนก็บอกว่าที่ บราซิล แพ้ เบลเยียม นั้นไม่ได้แย่จนเกินไปหากมองภาพรวมและวิธีการเล่น เพราะในเกมนั้นบราซิลโหมบุกแทบทั้งเกม แต่ติดที่ไม่สามารถจบสกอร์ผ่าน ธิโบต์ กูร์กตัวส์ ได้เท่านั้นเอง
มาร์ทา นักเตะทีมชาติบราซิลหญิงที่ได้ฉายาว่า "เก่งที่สุดตลอดกาล" เขียนบทความให้กับ The Guardian สื่อของอังกฤษว่า "บางครั้งผู้คนก็ยึดติดกับผลการแข่งขันมากเกินไปและชอบพูดว่า 'ถ้าเราไม่ได้แชมป์ฟุตบอลโลกเราต้องเปลี่ยนโค้ชเท่านั้น' อย่างไรก็ตามพวกเขาลืมกระบวนการที่ทีมและติเต้เคยทำเอาไว้ ลืมการปรับปรุงแก้ไขทั้งหมดที่ติเต้รับผิดชอบมาตั้งแต่ตอนที่เขาเริ่มต้นรับตำแหน่ง"
"เขาต้องได้รับเวลามากขึ้นและมีความต่อเนื่อง เพื่อที่เราจะได้เริ่มทำงานเพื่อคว้าแชมป์โลกครั้งที่หกในปี 2022 เพื่อให้บราซิลพัฒนาได้เราต้องวางใจในระบบของเรา ติเต้ทำได้ดี เราอาจจะมีเรื่องที่ยังต้องปรับปรุง แต่เราไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมดอีกครั้ง"
เรื่องนี้เป็นเรื่องนานาจิตตัง แต่ท้ายที่สุดสหพันธ์ฟุตบอลบราซิลก็เลือกให้ติเต้ทำทีมต่อ และเขารู้ว่านี่คือโอกาสสุดท้ายที่เขาจะพลาดไม่ได้อีกแล้ว และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผ่านมาถึงทีมชุดนี้ ชุดที่ลงเล่น 29 เกมหลังสุดแพ้เพียงแค่เกมเดียวเท่านั้น
แก้กันที่หลังบ้าน
ประการแรก สิ่งที่ติเต้เปลี่ยนแปลงทีมชุดฟุตบอลโลกชุดปัจจุบันคือ "ความสัมพันธ์ในทีม" นับตั้งแต่ที่เขาเข้ามาทำทีมปี 2016 นั้นเขาได้ลองใช้นักเตะมากมายหลายคน ทว่าในช่วง 2 ปีสุดท้ายก่อนฟุตบอลโลก ติเต้เลือกใช้นักเตะหน้าเดิม ๆ พูดง่าย ๆ ก็คือนอกจากนักเตะทั้ง 26 คนที่เขาเลือกสำหรับฟุตบอลโลกครั้งนี้ มีนักเตะอีกเพียง 12 คนเท่านั้นที่ติเต้เลือกใช้ในเกมอย่างเป็นทางการ (เรนาน โลดี้, โรแชร์ อิบาเนซ, กาเบรียล มากัลเญส, เฟลิเป้ ออกุสโต้, เอแมร์สัน โรยัล, ลูคัส เวริสซิโม่, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่, อาตูร์, แชร์สัน, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่, มาเทอุส คุนญ่า และ กาเบรียล บาร์โบซ่า)
กว่าจะได้ทีมชุดนี้ติเต้คัดกรองจนเหลือแต่คนที่พร้อมที่สุดทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และเหมาะกับการทำให้ทีมนี้ สมบูรณ์แบบและมีบรรยากาศในทีมที่ดี
เรื่องนี้ติเต้สื่อสารกับทุกคนอย่างตรงไปตรงมา ตัวอย่างที่ชัดที่สุดคือเนย์มาร์ที่กลับมาเล่นให้กับทีมชาติและมีผลงานที่ยอดเยี่ยมในช่วงระยะหลัง โดยเนย์มาร์ได้กลายเป็นพี่ใหญ่ในทีมแบบเต็มตัวแล้วในเวลานี้ และเขาก็รู้ดีว่าเขาจะทำเป็นเล่นไม่ได้ เพราะฟุตบอลโลกครั้งนี้อาจจะเป็นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของเขาก็ได้ ดังนั้นไม่ว่าจะต้องแบกรับความกดดันทั้งแง่จิตใจหรือร่างกาย เนย์มาร์ก็พร้อมจะใช้พลังทั้งหมดที่มีเพื่อรับมือกับมันยิ่งกว่าที่ผ่านมา
"ผมคิดว่าฟุตบอลโลก 2022 อาจจะเป็นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของผม ผมกำลังจะเผชิญหน้ากับหลายสิ่งเหมือนกับฟุตบอลโลกครั้งที่แล้ว ผมไม่รู้ว่าสภาพจิตใจผมจะรับมือกับมันได้นานแค่ไหน แต่ที่แน่ ๆ ผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้บราซิลได้ไปเล่นในฟุตบอลโลก และผมจะทำทุกอย่างให้ประเทศของผมจบการแข่งขันด้วยการเป็นแชมป์ เหนือสิ่งอื่นใดผมอยากให้พวกเขารู้ว่าฟุตบอลโลกเป็นเรื่องจริงจังสำหรับผมเสมอ มันยิ่งใหญ่ตลอดกาล และเป็นความฝันตั้งแต่ตอนที่ผมยังเด็ก" เนย์มาร์ กล่าวในเดือนตุลาคม ปี 2021
โดยติเต้ยอมรับว่าการออกมาแสดงจุดยืนของเนย์มาร์คือเหตุผลสำคัญมาก ๆ ที่ทำให้บรรยากาศโดยรวมในทีมดีขึ้น ไม่ว่าจะสำหรับแฟนบอลและนักเตะในทีมที่ความบาดหมางหายไป เหลือแต่การเริ่มเปิดใจและให้อภัยกันมากขึ้น
“เมื่อเนย์มาร์บอกว่าในช่วงเวลาหนึ่งเขาทำผิดพลาด มันช่างเป็นอะไรที่สวยงามและเป็นตัวอย่างให้กับทุกคนได้เป็นอย่างดี เขาไม่ใช่ซูเปอร์แมน เขากำลังบอกเด็ก ๆ ว่าในบางครั้งพวกเขาจะทำผิดพลาดและรู้สึกอ่อนแอ ท้อแท้ และผิดหวัง จงอย่ากลัวที่จะรับมือกับมัน เพราะมันเป็นเรื่องปกติสำหรับมนุษย์ทุกคน" ติเต้ กล่าว “บางคนรู้วิธีที่จะเติบโต พัฒนา และกล้าพูดเมื่อทำผิด สิ่งนี้เรียกว่าวุฒิภาวะ ซึ่งเนย์มาร์เข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดีแล้ว"
ขณะที่ ดานี่ อัลเวส ก็เคยออกมาบอกว่าทีมชุดนี้คือทีมชุดที่มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันมากที่สุดชุดหนึ่งตั้งแต่เขาเล่นให้กับทีมชาติบราซิลมาเลยทีเดียว เรื่องนอกสนามแก้ไขผ่านช่วงเวลาตลอด 4 ปี และการหาทีมที่ใช่ที่สุดในมุมมของเฮดโค้ชที่ต้องรับผิดชอบผลงานของตัวเอง ทีนี้ก็อยู่ที่เรื่องของรายละเอียดในสนามแล้วว่าบราซิลจะแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นจากฟุตบอลโลกครั้งที่แล้วได้หรือไม่
กองหน้า 9 ตัว
บราซิลชุดนี้แตกต่างจากบราซิลชุดปี 2018 อย่างสิ้นเชิง นักเตะชุดที่แพ้เบลเยียมนั้นเหลือถึงชุดปัจจุบันเพียง 10 คนเท่านั้นได้แก่ อลีสซง เบ็คเกอร์, ติอาโก้ ซิลวา, กาเซมิโร่, กาเบรียล เชซุส, เนย์มาร์, มาร์ควินญอส, ดานิโล่, เฟร็ด และ เอแดร์ซอน นั่นหมายความว่ามีอีก 16 คนที่เป็นนักเตะหน้าใหม่ แน่นอนว่าสิ่งที่จะเพิ่มมาคือความมีชิวิตชีวาของทีมที่เต็มไปด้วยนักเตะที่กำลังท็อปฟอร์มกับต้นสังกัดจริง ๆ บราซิลชุดนี้จึงมีสถิติที่ยอดเยี่ยม (29 เกมแพ้หนเดียว และไม่แพ้ใครมา 15 เกม) มันคือสิ่งที่ติเต้เรียกว่า "ความรวดเร็ว พลังงาน และความเยาว์วัย" ของนักเตะชุดนี้
โดยเฉพาะในเกมรุกที่มี เนย์มาร์ เพียงคนเดียวที่มีอายุ 30 ปี ที่เหลืออีก 8 คนเป็นผู้เล่นที่อายุไม่เกิน 25 ปีทั้งสิ้น ซึ่งแนวรุกทั้ง 9 คือคนที่ติเต้ตั้งใจเลือกมาเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระการสร้างสรรค์เกมของเนย์มาร์ที่ในปี 2014 และ 2018 แทบจะแบกเกมรุกของทีมไว้คนเดียว และทำให้บราซิลกลายเป็นทีมที่จับทางง่ายไปโดยปริยาย
ในช่วงรอบคัดเลือกหรือแม้กระทั่งเกมอุ่นเครื่องที่ผ่านมา ติเต้เน้นย้ำเรื่องเกมรุกเป็นอย่างมาก มีหลายต่อหลายนัดที่เขาใส่นักเตะตัวรุกธรรมชาติลงไปพร้อมกัน 4 คนตั้งแต่เริ่มเกม โดยเฉพาะในเกมที่อุ่นเครื่องกับ กานา นั้นติเต้ส่งตัวรุกธรรมชาติลงทีเดียว 5 คน ได้แก่ ลูคัส ปาเกต้า เพลย์เมคเกอร์จากเวสต์แฮม และนักเตะอย่าง ราฟินญ่า, เนย์มาร์, วินิซิอุส จูเนียร์ และ ริชาร์ลิซอน โดยในเกมนั้น มาร์ก้า ถึงกับพาดหัวว่า "Brazil Super Attack" เลยทีเดียว
"ตลอดเวลาเราอาจจะปรับเปลี่ยนทีมเปลี่ยนนักเตะ แต่วิธีการเล่นนั้นไม่เคยเปลี่ยน" ติเต้ พูดถึงเกมบุกในแบบฉบับบราซิลยุคปัจจุบันของเขา ซึ่งเขาตั้งใจจะใช้เป็นจุดขายในฟุตบอลโลก 2022 นี้ ด้วยนักเตะที่ความเร็วจัด เทคนิคดี และหลายคนกำลังพีกก่อนถึงช่วงฟุตบอลโลกจะเริ่มขึ้นพอดี ... ไม่แปลกเลยที่ทุกคนอยากจะรอชมบราซิลที่ถูกเรียกว่าชุดที่ดีที่สุดในรอบหลายปีชุดนี้
ส่วนเรื่องเกมรับนั้นติเต้กล่าวว่าแม้เขาจะใช้นักเตะตัวรับน้อย แต่จะทดแทนกันด้วยการให้ทุกคนในทีมช่วยกันเล่นเกมรับ ซึ่งสิ่งนี้จะสามารถอุดรอยรั่วได้ดีกว่าเดิม โดยยุทธวิธีหลัก ๆ ของบราซิลคือเมื่อพวกเขาเล่นเกมรับพวกเขามักจะเล่นในระบบ 4-2-2-2 หรือ 4-3-3 แต่เมื่อเปลี่ยนทรงไปเล่นเกมรุกวิธีการยืนตำแหน่งก็เปลี่ยนไป กองหลังจะยืนด้วยกัน 3 คนได้แก่ มิลิเตา, ติอาโก้ และ มาร์ควินญอส โดยทั้งหมดจะยืนอยู่เกือบเส้นครึ่งสนาม
ปีก 2 ฝั่งเป็นหน้าที่ของ 2 ตัวจี๊ดอย่าง วินิซิอุส และ ราฟินญ่า ขณะที่แดนกลางใข้ กาเซมิโร่ และหุบเอา อเล็กซ์ เตลลีส เข้ามาช่วยยืนตรงกลาง (นี่อาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไมเตลลีสยังติดทีมชาติชุดฟุตบอลโลกทั้ง ๆ ที่ผลงานกับเซบียาไมได้โดดเด่นมากนัก) ขณะที่ 3 ตัวรุกที่เหลืออย่าง ปาเกต้า, เนย์มาร์ และ ริชาร์ลิซอน จะคอยหมุนเวียนสลับตำแหน่งเพื่อเจาะแนวรับฝั่งตรงข้าม ว่าง่าย ๆ คือบ่อยครั้งที่พวกเขาใช้นักเตะแนวรุกมากถึง 5 คน ซึ่งเรื่องนี้ไม่ค่อยมีให้เห็นบ่อย ๆ ในฟุตบอลยุคปัจจุบันที่มักจะเอาชนะกันด้วยผู้เล่นตำแหน่งมิดฟิลด์
นี่คือจุดแตกต่างและจุดเด่นของบราซิล ชุดฟุตบอลโลก 2022 ซึ่งแน่นอนว่าตราบใดที่ยังไม่ได้แชมป์มันก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่านี่คือระบบการเล่นที่จะสมการรอคอยของพวกเขา อย่างไรก็ตามสิ่งที่ต้องระวังคือนับตั้งแต่ฟุตบอลโลกปี 2006 เป็นต้นมาบราซิลมักจะแพ้ทางฟุตบอลยุโรปที่เป็นฟุตบอลระบบและมีระเบียบวินัยเสมอ โดยฟุตบอลโลก 4 ครั้งหลังสุด บราซิลตกรอบด้วยทีมจากยุโรป 100%
ปี 2006 พวกเขาแพ้ ฝรั่งเศส ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย, ปี 2010 พวกเขาแพ้ เนเธอร์แลนด์ ในรอบ 8 ทีมเช่นกัน, ปี 2014 พวกเขาโดน เยอรมัน กระซวกไป 1-7 ในรอบรองชนะเลิศ ก่อนแพ้ เนเธอร์แลนด์ อีกครั้งจบอันดับ 4 และปี 2018 ก็กับ เบลเยียม ... นี่คือสิ่งที่ติเต้และเกมรุกของเขาต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเมื่อเลือกซื้อเกมรุกพวกเขาจะสามารถก้าวข้ามกำแพงของทีมแถวหน้าจากยุโรปได้
4 ปีที่ใช้เวลาซ่อม สร้าง และเสริมของ บราซิล จะคุ้มค่าหรือไม่ อีกไม่นานเราจะได้รู้กันแน่นอน
แหล่งอ้างอิง
https://www.theguardian.com/football/blog/2018/jul/07/brazil-world-cup-elimination-tite
https://www.reuters.com/lifestyle/sports/neymar-aiming-glory-redemption-with-brazil-qatar-2022-11-05/
https://www.skysports.com/football/news/12027/12431168/neymar-brazil-forward-believes-2022-world-cup-will-be-the-last-of-his-career
https://www.hindustantimes.com/football/2018-fifa-world-cup-disgruntled-brazil-fans-break-into-training-boo-team/story-GMp8FwblsCyMGHjXd3jVtK.html
https://www.hindustantimes.com/football/brazil-fans-downbeat-ahead-of-2018-fifa-world-cup-65-have-little-interest/story-pDPeoftrGjOFa23ByXgdLK.html
https://totalfootballanalysis.com/article/fifa-world-cup-2022-tactical-preview-brazil-tactical-analysis-tactics
https://www.marca.com/en/world-cup/2018/07/07/5b40a98aca4741ea7e8b45b8.html
https://indianexpress.com/article/sports/football/brazil-coach-tite-will-stick-to-attack-at-fifa-world-cup-2022-8195262/
https://www.marca.com/en/world-cup/2022/09/22/632c2153ca47416e1d8b4570.html