Feature

คาโอรุ มิโตมะ : วันเดอร์คิดผู้รับบทอาวุธสังหารของทีมชาติญี่ปุ่นในฟุตบอลโลก 2022 | Main Stand

ญี่ปุ่น เป็นอีกชาติลูกหนังจากทวีปเอเชียที่มีนักเตะเดินทางไปโชว์ฝีเท้าในลีกลูกหนังขวัญใจมหาชนแห่งเกาะอังกฤษ นั่นก็คือ พรีเมียร์ลีก อย่างต่อเนื่อง 

 

พวกเขาได้ส่ง คาโอรุ มิโตมะ แนวรุกตัวริมเส้นฝั่งซ้ายของ ไบรท์ตัน เข้าร่วมประชันฝีเท้าเป็นรายล่าสุด และเป็นอีกหนึ่งนักเตะที่ถูกเอ่ยถึงในช่วงหลังที่โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นจากการโชว์ความพลิ้วตามสไตล์ถนัด จึงสามารถแจ้งเกิดจากการประเดิมยิงประตูแรกในเกมลีกสูงสุดเมืองผู้ดีได้แล้วในนัดที่บุกไปเฉือนชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน 3-2 เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 

แถมยังได้เตรียมตัวไปวาดลวดลายในศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ ระหว่างวันที่ 20 พฤศจิกายนถึง 18 ธันวาคมนี้อีกต่างหาก เพราะเขามีรายชื่อติดโผเป็น 1 ใน 26 นักเตะของทัพลูกหนัง "ซามูไร" เรียบร้อยแล้ว แม้จะเจอศึกหนักในรอบแบ่งกลุ่มอยู่ไม่น้อย เพราะอยู่ในกลุ่ม อี ร่วมสายเดียวกับ เยอรมนี, สเปน รวมถึง คอสตาริกา ด้วยเช่นกัน   

ว่ากันว่าเขาจะเป็นไพ่ตายของ ซามูไรบลูส์ ชุดฟุตบอลโลกครั้งนี้ … และก่อนที่ทัวร์นาเมนต์จะเริ่ม Main Stand ขอพาคุณไปรู้จักกับ “วันเดอร์คิด” เบอร์ 1 ของประเทศญี่ปุ่นพร้อมกัน

 

จุดเริ่มต้นกับ "คาวาซากิ ฟรอนตาเล"

เพราะว่าเขาเกิดที่จังหวัดคานางะวะ เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมปี 1997 และเติบโตในเมืองคาวาซากิ ซึ่งเป็นที่ตั้งของของ คาวาซากิ ฟรอนตาเล ทีมลูกหนังระดับหัวแถวของญี่ปุ่น ซึ่งเคยผงาดคว้าแชมป์เจลีกมาแล้วถึง 4 สมัยในปี 2017, 2018, 2020 และ 2021

มิโตมะได้เริ่มต้นเล่นฟุตบอลกับทีมในบ้านเกิดจากการเป็นนักเตะฝึกหัดรุ่นอายุไม่เกิน 10 ปี โดยสวมบทบาทเป็นตัวริมเส้นฝั่งซ้ายแต่สามารถโยกไปเล่นเป็นปีกขวาได้เช่นกัน หลังจากนั้นเขาได้เติบโตเข้าสู่วัยรุ่นแล้วโชว์ฝีเท้าไปเข้าตาของ ยาฮิโระ คาซามะ โค้ชทีมเยาวชนของ คาวาซากิ ฟรอนตาเล ในรุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี ซึ่งคาซามะเป็นอดีตมิดฟิลด์ทีมชาติญี่ปุ่นรุ่นบุกเบิกที่ไปค้าแข้งต่างแดนจากการที่เคยย้ายไปค้าแข้งในเยอรมนีกับ ไอน์ทรัคต์ บราวน์ชไวก์ เมื่อช่วงทศวรรษที่ 1980s มาก่อน 

การเล่นในยู-18 ที่โดดเด่นทำให้มิโตมะได้รับเลือกให้เข้าสู่ทีมฟุตบอลของ มหาวิทยาลัยสึคูบะ ในปี 2016 ซึ่งเป็นอีกทีมในเครือข่ายที่พร้อมปลุกปั้นนักเตะเพื่อส่งต่อให้กับ คาวาซากิ ฟรอนตาเล ในระดับอาชีพต่อไป และเขาได้รับทุนนักกีฬาให้ศึกษาในระดับปริญญาตรีจนจบจากคณะพละศึกษาอีกด้วย 

อย่างไรก็ตามมิโตมะตัดสินใจปฏิเสธที่จะเซ็นสัญญาอาชีพกับฟรอนตาเล โดยจะขอเล่นในระดับทีมเยาวชนพร้อมกับเรียนมหาวิทยาลัยไปก่อน เพราะเขาเชื่อว่านั่นคือสิ่งที่ถูกต้องมากกว่า

“ผมอยากไปเรียนมหาวิทยาลัยสึคุบะ เพื่อฝึกฝนตัวเองอีกครั้งใน 4 ปีนี้ในมหาวิทยาลัยฟุตบอล” มิโตมะ ให้เหตุผล 

“เมื่อกลายเป็นนักเตะอาชีพ คุณจะถูกคาดหวังจากแพชชั่นในแต่ละเกมที่อยู่ตรงหน้า แต่ผมอยากมองตัวเองกับฟุตบอลด้วยเป้าหมายระยะยาว ผมคิดว่ามุมมองระยะยาวเป็นข้อได้เปรียบสำหรับผม และมันสร้างผลกระทบอย่างมากต่อชีวิตผม”

“บอกตามตรงตอนนั้นผมไม่มีความมั่นใจที่จะเป็นมืออาชีพ เมื่อมองไปที่ (โคจิ) มิโยชิ และ (โค) อิทาคุระ ที่แก่กว่าผมหนึ่งปี จากมุมมองทั่วไปผมขาดความมั่นใจที่จะเล่นในทีมชุดใหญ่ในตอนนั้น เมื่อคิดถึงอนาคตผมคิดว่าผมควรไปเรียนต่อที่สึคุบะน่าจะดีกว่า” มิโตมะ ย้อนความหลัง

เขาวางแผนเพื่ออนาคตมาโดยตลอด และต่อให้ถึงแม้จะเล่นในระดับมหาวิทยาลัยแต่ความเก่งกาจของเขาก็ไม่ได้ตกลงไปเลยแม้แต่น้อย เรื่องนี้ ทัตสึรุ มูโคจิมะ หัวหน้าฝ่ายเทคนิคของฟรอนตาเล ที่ติดตามมิโตมะมาตลอดช่วงที่เล่นในระดับมหาวิทยาลัยเล่าว่า

“ผมได้ดูเขาเล่นมาตลอด และผมจินตนาการว่าเขาจะเป็นอย่างไรเมื่อได้กลับมาฟรอนตาเล หลังจากไปเรียนมหาวิทยาลัยวิสัยทัศน์ของเขากว้างขึ้นมาก ร่างกายและความเร็วก็เช่นกัน และด้วยความเร็วเช่นนั้นความสามารถของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน”

มิโตมะเล่นให้ ทีมมหาวิทยาลัยญี่ปุ่น ชุดคว้าเหรียญทองในฐานะแชมป์ฟุตบอลจากการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยโลกถึง 2 สมัยติดต่อกัน ในปี 2017 ที่ไต้หวัน และในปี 2019 ที่เมืองเนเปิล ประเทศอิตาลี แม้จะมีรายชื่อติดทีมชาติญี่ปุ่นรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีชุดไปฟาดแข้งในศึกฟุตบอลเอเชียนเกมส์ ที่ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อปี 2018 ด้วย แต่น่าเสียดายที่พวกเขาทำได้ดีที่สุดเพียงแค่เหรียญเงินในฐานะรองแชมป์ เพราะว่านัดชิงชนะเลิศไปพลาดท่าแพ้ "โสมขาว" เกาหลีใต้ ซึ่งนำทัพโดย ซน ฮึง มิน ดาวเตะ "ไก่เดือยทอง" ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ในช่วงต่อเวลาพิเศษด้วยสกอร์ 1-2 นั่นเอง   

อย่างไรก็ตามมิโตมะได้เซ็นสัญญานักฟุตบอลอาชีพกับ คาวาซากิ ฟรอนตาเล ในปี 2018 แต่ว่าได้แจ้งเกิดแบบเต็มตัวหลังจากที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลงในช่วงปี 2020 และประเดิมสนามนัดแรกในศึกเจลีกได้อย่างสวยงาม เพราะเขาถูกเปลี่ยนตัวลงไปเล่นในช่วงครึ่งหลังพร้อมกับทำได้หนึ่งแอสซิสต์ในนัดที่บุกไปถล่ม โยโกฮามา มารินอส ด้วยสกอร์ 5-1

มิโตมะจบฤดูกาล 2020 ด้วยผลงานสุดเฉียบตามความสำเร็จของทีมจากการช่วยให้ทีมเข้าป้าย "ดับเบิลแชมป์" ในฐานะแชมป์เจลีก และแชมป์เอ็มเพอเรอร์คัพ หรือแชมป์เอฟเอ คัพ ของญี่ปุ่นได้ทั้ง 2 รายการ ส่วนผลงานส่วนตัวเขายิงประตูได้ทั้งหมด 18 ลูกจากการลงสนาม 37 เกมในทุกรายการ โดยแบ่งออกเป็นผลงานการสอยตาข่ายในศึกเจลีกได้มากถึง 14 ลูก 

เขาจึงได้ถูกจารึกชื่อเป็นนักเตะหน้าใหม่ที่แจ้งเกิดในศึกเจลีกฤดูกาลแรกด้วยการยิงประตูได้ถึงเลข 2 หลักเป็นคนที่ 2 ต่อจาก โยชิโนริ มูโตะ กองหน้ารุ่นพี่ที่เคยสร้างชื่อเอาไว้เมื่อตอนแจ้งเกิดกับ เอฟซี โตเกียว เมื่อปี 2013 ด้วยจำนวน 13 ประตู และเมื่อเข้าสู่ฤดูกาล 2021 มิโตมะก็ได้ฝากผลงานยิงประตูไว้ได้ทั้งหมด 12 ลูกจากการลงสนาม 24 เกมในทุกรายการ และได้แชมป์เจแปนนิส ซูเปอร์ คัพ อีกหนึ่งรายการอีกด้วย          

 

ก้าวต่อไปสู่ยุโรปซบ "ไบรท์ตัน"

เนื่องจากทำผลงานให้กับ คาวาซากิ ฟรอนตาเล ได้อย่างโดดเด่น ทำให้มิโตมะได้เดินตามรอยเท้าของเหล่านักเตะรุ่นพี่ไปค้าแข้งในทวีปยุโรปด้วยเช่นกัน โดย ไบรท์ตัน ทีมไซส์เล็กในศึกพรีเมียร์ลีกได้คว้าตัวเขามาเสริมทัพในปี 2021 แม้จะไม่มีการเปิดเผยเรื่องค่าตัวอย่างเป็นทางการ แต่ Transfermarkt เว็บไซต์ประเมินมูลค่านักเตะได้รายงานว่ามิโตมะน่าจะมีค่าตัวอยู่ที่ราว ๆ 3 ล้านยูโร แต่ว่าติดปัญหาในเรื่องของการขอ "เวิร์กเพอร์มิต" หรือใบอนุญาตทำงานบนเกาะอังกฤษ 

เพราะตอนนั้นเขายังไม่เคยผ่านการรับใช้ทีมชาติญี่ปุ่นชุดใหญ่มาก่อนเลยจึงไม่เข้ากฎเกณฑ์ตามการขอเอกสารต่าง ๆ ทำให้ไบรท์ตันต้องปล่อยตัวเขาย้ายไปซบ ยูนิยง แซงต์ กิลลุส ทีมลูกหนังในเบลเยียม ด้วยสัญญายืมตัวไปใช้งานเป็นเวลาหนึ่งปี ซึ่งกิลลุสเป็นทีมในเครือข่ายของไบรท์ตันอยู่แล้วเพราะมีเจ้าของเป็นคนเดียวกัน นั่นคือ โทนี่ บลูม มหาเศรษฐีชาวอังกฤษ ที่ได้ดิบได้ดีจากการวงการเสี่ยงโชคในฐานะนักเล่นโป๊กเกอร์ระดับมืออาชีพนั่นเอง

ย้อนหลังกลับไปเมื่อช่วงฤดูกาล 2021/2022 ยูนิยง แซงต์ กิลลุส เป็นทีมน้องใหม่ที่ได้เลื่อนชั้นกลับคืนสู่ลีกสูงสุดของเบลเยียม หรือที่เรียกกันว่า เบลเจียน โปร ลีก เป็นครั้งแรกในรอบ 49 ปี และได้สร้างผลงานสุดแจ่มจากการก้าวเท้าขึ้นไปเป็นทีมลุ้นแชมป์ได้ทันที แต่น่าเสียดายที่ต้องจบลงด้วยตำแหน่งรองแชมป์เพราะว่าไปแพ้ คลับบรูจจ์ ในรอบเพลย์ออฟนั่นเอง โดยมิโตมะสามารถโชว์ฟอร์มจากการค้าแข้งบนดินแดนยุโรปเป็นครั้งแรกในชีวิตได้อย่างน่าประทับใจ 

พร้อมกับสร้างชื่อจากการซัด "แฮตทริก" เหมาคนเดียว 3 ประตูในเกมนัดที่เปิดบ้านชนะ เซเรียง 4-2 เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2021 

“การยิงแฮตทริกของเขากระหึ่มมาถึงอังกฤษ เราได้รับรู้สิ่งที่เขาทำ มันยอดเยี่ยมมาก ยอดเยี่ยมสำหรับเขาและสำหรับกิลลุสด้วย" 

"สำหรับผม เขาจะเป็นผู้เล่นที่น่าตื่นเต้นของเราแน่นอน” แกรห์ม พอตเตอร์ อดีตกุนซือของไบรท์ตัน ที่ปัจจุบันคุม ทีมเชลซี ว่าไว้เช่นนั้น 

ฟอร์มที่ยอดเยี่ยมขนาดนั้นทำให้มิโตมะได้โอกาสรับใช้บ้านเกิดเป็นครั้งแรกด้วยเช่นกัน เพราะเขาถูกเรียกตัวติดโผทัพลูกหนัง "ซามูไร" ชุดใหญ่เพื่อฟาดแข้งในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 3 และได้ลงประเดิมสนามนัดแรกในนัดที่บุกไปเฉือนชนะ โอมาน 1-0 เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายนปีก่อน ทั้งนี้มิโตมะได้ฝากผลงานยิงไปทั้งหมด 9 ประตูจากการลงสนาม 29 เกมในทุกรายการให้กับ ยูนิยง แซงต์ กิลลุส ในช่วงตลอดระยะของสัญญายืมตัวเป็นเวลาหนึ่งฤดูกาล 

 

พร้อมพิสูจน์ตัวเองในพรีเมียร์ลีกและฟุตบอลโลก 

หลังจากที่โชว์ฟอร์มให้กับ ยูนิยง แซงต์ กิลลุส ได้น่าประทับใจ ทำให้ ไบรท์ตัน ต้องดึงตัวกลับมาใช้งานในฤดูกาล 2022/2023 และได้ประเดิมสนามในศึกพรีเมียร์ลีกเป็นนัดแรกเมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา 

หลังจากที่ถูกเปลี่ยนตัวลงเล่นในช่วงครึ่งหลังนัดที่เปิดบ้านเสมอ นิวคาสเซิล 0-0 ก่อนจะได้ประเดิมสนามเป็นตัวจริงนัดแรกในศึกพรีเมียร์ลีกนัดที่เปิดบ้านไล่ต้อน เชลซี 4-1 เมื่อวันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา และจัดการทำหนึ่งแอสซิสต์ได้ด้วย หลังจากนั้นก็ประเดิมยิงประตูแรกให้กับไบรท์ตันในศึกพรีเมียร์ลีกจากการเกมที่บุกไปเฉือนชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน 3-2 ก่อนจะต่อยอดไปสู่ประตูที่ 2 จากการยิงได้หนึ่งลูกในศึกคาราบาวคัพ รอบ 3 นัดที่บุกไปชนะ อาร์เซนอล 3-1 ทำให้ชื่อเสียงของมิโตมะได้รับการกล่าวถึงมากขึ้นเรื่อย ๆ ในฐานะนักเตะจากดินแดนปลาดิบคนที่ 11 ที่ได้ย้ายมาโชว์ฝีเท้าในลีกสูงสุดของอังกฤษ 

นับตั้งแต่ จูนิชิ อินาโมโตะ ได้จารึกชื่อเป็นนักเตะญี่ปุ่นคนแรกที่ได้ย้ายมาค้าแข้งในศึกพรีเมียร์ลีกกับอาร์เซนอล เมื่อปี 2002 ที่เป็นการกรุยทางให้พ่อค้าแข้งจากเลือดซามูไรได้ย้ายตามมาเฉิดฉายในศึกพรีเมียร์ลีกอย่างต่อเนื่อง 

จากฟอร์มของมิโตมะในระยะหลังทำให้สื่อและกุนซือของไบรท์ตันกล่าวชื่นชมและยืนยันว่าเขาจะเป็นอนาคตที่สดใดของทีม และยังมีอีกหลายสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในของเด็กหนุ่มคนนี้ 

ขณะนี้ตัวของมิโตมะได้กลายเป็นขวัญใจแฟนท้องถิ่น โดยวันที่เขารีดฟอร์มสุดยอดกับวูล์ฟส์ สื่อท้องถิ่นยังลงข่าวว่า “มิโตมะได้ร่ายมนต์ออกมาให้ทุกคนเห็นแล้ว เขาคือผู้เล่นที่ดีที่สุดของเราในวันนี้” 

ขณะที่ โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ กุนซือของไบรท์ตันก็ยังอดชื่นชมฟอร์มของปีกชาวญี่ปุ่นไม่ได้ โดยกล่าวว่า "มิโตมะจะเป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่แน่ จากใจจริงผมคิดว่าเขามีศักยภาพสูงมาก และเขายังไม่ได้แสดงศักยภาพทั้งหมดของเขาออกมาในตอนนี้หรอกนะ เขายังมีพลังแฝงที่สามารถพัฒนาได้อีกมากมาย ขอย้ำอีกครั้ง เขาสามารถเป็นผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ได้"

นอกจากนี้ในบางส่วน เด แซร์บี้ ยังพูดถึงมิโตมะว่าความพิเศษของเขาจะทำให้เขากลายเป็นนักเตะประเภทไอคอนของประเทศ เหมือนที่ ซน ฮึง มิน กองหน้าของสเปอร์สทำได้สำเร็จในการเป็นไอคอนฟุตบอลคนใหม่ของประเทศเกาหลีใต้ หลังหมดยุค พัค จี ซอง 

เพราะว่ามิโตมะมีจุดเด่นในเรื่องของความเร็วตามแบบฉบับของผู้เล่นในตำแหน่งปีกริมเส้น ทำให้เขาสามารถเอาตัวรอดจากการลงเล่นในศึกพรีเมียร์ลีกซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในลีกลูกหนังสุดหินได้อย่างสบาย ๆ และเขายังได้ไปเสริมกระดูกจากการเล่นในลีกเบลเยียมมาแล้วเมื่อช่วงฤดูกาลก่อน และมิโตมะก็สามารถเรียนรู้สไตล์การเล่นฟุตบอลแบบยุโรปได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเสียเวลาปรับตัวมากมาย แถมเขายังมีจุดเด่นในเรื่องของการจบสกอร์ที่เฉียบคมอีกต่างหาก 

นอกจากนี้การย้ายมาค้าแข้งกับไบรท์ตันก็ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบสำหรับการพัฒนาฝีเท้าของเขาอีกด้วย เพราะแม้จะเป็นทีมไซส์เล็กในศึกพรีเมียร์ลีกแต่เป็นทีมที่พร้อมให้โอกาสลงสนามเป็นตัวจริง ซึ่งดีกว่าการอยู่กับทีมใหญ่ ๆ แล้วต้องนั่งเป็นตัวสำรอง และไบรท์ตันก็ได้ชื่อว่าเป็นทีมจอมปั้นนักเตะเพื่อขายทำกำไรอยู่แล้วด้วย และเมื่อถึงเวลาทีมก็พร้อมเปิดทางให้ดาวเตะวัย 25 ปีได้ย้ายไปโชว์ฝีเท้ากับทีมใหญ่ๆ ได้ทุกเมื่อหากได้รับข้อเสนอที่ยากจะปฏิเสธ และมันทำให้มิโตมะมีโอกาสไปได้ไกลกว่าพวกนักเตะรุ่นพี่เลือดซามูไรที่เคยย้ายมาโชว์ฝีเท้าในศึกพรีเมียร์ลีกมาก่อนได้

ส่วนเรื่องของฟุตบอลโลก นี่คือโอกาสสำคัญที่มิโตมะจะแสดงให้เห็นว่าเขาสามารถรับมือกับเกมระดับสูงได้มากแค่ไหน โดยเฉพาะเมื่อญี่ปุ่นอยู่ในกรุ๊ปออฟเดธดังที่กล่าวไปข้างต้น 

อย่างไรก็ตามการเจอเป้าหมายยาก ๆ ก็อาจจะเป็นเรื่องที่เหมาะกับคนที่มีความทะเยอทะยานและชอบท้าทายตัวเองแบบเขา … ไม่แน่ว่า คาโอรุ มิโตมะ อาจจะกลายเป็นนักเตะที่แฟนบอลทั่วโลกรู้จักหลังจากฟุตบอลโลก 2022 จบลงก็เป็นได้ 

 

แหล่งอ้างอิง          

https://theathletic.com/3670982/2022/11/02/intensity-and-quality-in-england-improving-brightons-mitoma-hes-one-to-watch-at-world-cup/ 
https://www.japantimes.co.jp/sports/2022/10/30/soccer/mitoma-brighton-return/ 
https://theathletic.com/2861763/2021/10/06/kaoru-mitoma-i-was-only-interested-in-brighton-when-teams-from-europe-came-in-for-me/     
https://en.wikipedia.org/wiki/Kaoru_Mitoma
https://www.transfermarkt.com/kaoru-mitoma/profil/spieler/504849

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

ภราดร ภราดร

อยากจะทำให้ดี ไม่ใช่แค่อยากจะทำให้เป็น