ย้อนไปเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2021 สาวก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กู่ร้องด้วยความดีใจเมื่อ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กลับสู่บ้านหลังเก่าที่แจ้งเกิดให้เขากลายเป็นซูเปอร์สตาร์ พร้อมกับถูกคาดหวังว่าจะเป็นคนที่กลับมาทำให้ ปีศาจแดง คืนชีพกลับมาคว้าแชมป์ ทวงคืนความยิ่งใหญ่อีกครั้ง
แต่แล้ววันที่ 13 พฤศจิกายน 2022 โรนัลโด้ กลับทำให้สาวก "เรด เดวิลส์" ต้องผิดหวังเมื่อเขาเปิดใจให้สัมภาษณ์โจมตีสโมสรแห่งนี้ ทั้งในแง่การบริหารงานที่ไร้ซึ่งการพัฒนา รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับ เอริก เทน ฮาก กุนซือที่ไม่ลงรอยกัน ประกอบกับพฤติกรรมแง่ลบที่เขาแสดงออกกับทีมมาตลอดในฤดูกาลนี้ และปัญหาฟอร์มตก ย่อมทำให้ CR7 ถูกวิจารณ์อย่างรุนแรง จนโดนมองว่า "เสียคนตอนแก่"
จากราชาลูกหนังที่คนทั่วโลกยอมรับ โรนัลโด้ แปรเปลี่ยนตนเองมาเป็นตัวถ่วงของ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้อย่างไร? ติดตามได้ที่ Main Stand
กลับมาอย่างราชา
เชื่อว่าแฟนบอลแมนฯ ยูไนเต็ด หรือแม้กระทั่งแฟนบอลทีมอื่น ๆ ยังจำได้ดีในวันที่ปีศาจแดงคว้าตัว คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในวัย 36 ปีมาจาก ยูเวนตุส ด้วยค่าตัว 20 ล้านยูโร เมื่อปี 2021 ว่า ณ ตอนนั้นเกิดกระแสฟีเวอร์มากแค่ไหน
ไม่ใช่แค่ความตื่นเต้นเท่านั้น แต่ยังมีการวิเคราะห์สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมากมายเกี่ยวกับตัวเขาว่าการกลับมาสู่ทีมหนที่ 2 รอบนี้ เขาจะสามารถเป็นโรนัลโด้คนเดิมได้หรือไม่ ? ร่างกายของเขาจะรับมือต่อเกมที่หนักและเร็วของพรีเมียร์ลีกได้หรือไม่ ... ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยมีใครสงสัยในตัวของเขาเลยคือเรื่องในทัศนคติ ความมุ่งมั่น และวินัยของเจ้าของบัลลงดอร์ 5 สมัย เพราะนั่นคือสิ่งที่เขายืนยันตัวตนของเขาในฐานะนักเตะอาชีพมาตลอด
ในช่วงที่โรนัลโด้ย้ายมา เขาแสดงให้เห็นถึงฟอร์มในสนามที่ไม่มีตก เรียกได้ว่ามีโรนัลโด้มีสกอร์ก็คงไม่ผิดนัก นอกจากนี้ทั้งกุนซือในเวลานั้นอย่าง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา และเพื่อนนักเตะอย่าง บรูโน่ แฟร์นันดส์, มาร์คัส แรชฟอร์ด และ คนอื่น ๆ ก็พูดตรงกันว่าโรนัลโด้นั้นเข้ามาเปลี่ยนทัศนคติของทีม ๆ นี้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะทางโซลชานั้นเปรียบโรนัลโด้เป็นเหมือน ไมเคิล จอร์แดน ตำนานนักบาส NBA ของทีมชิคาโก บูลส์ เลยด้วยซ้ำไป
"คริสเตียโน่ช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ เราทุกคนมีบทบาทและความรับผิดชอบของตัวเอง และคริสเตียโน่เป็นผู้นำในกลุ่ม เขาทำประตูได้มากมาย หากจะมีใครจะรับโอกาสที่ตกมาอยู่ตรงหน้าและเป็นโอกาสที่ยากมันก็คือเขา มันน่าเหลือเชื่อมาก ๆ"
"ผมแน่ใจว่าชิคาโก บูลส์ ก็ไม่แคร์กับการมี ไมเคิล จอร์แดน เช่นกัน บางครั้งทีมต่างก็มีผู้เล่นที่พวกเขามี และนั่นคือสาเหตุที่พวกเขาอยู่ที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือชิคาโก บูลส์ และคุณก็คงคิดถึงช่วงเวลาเหล่านั้น"
คำพูดดังกล่าวออกจากปากของโซลชา และมันแสดงให้เห็นชัดว่าโรนัลโด้มีอิทธิพลในห้องแต่งตัวมากแค่ไหน แม้เขาจะเพิ่งย้ายเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ แต่ทุกอย่างที่โรนัลโด้มี ทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒิ ทำให้ทุกคนต่างเลิกสงสัยในตัวเขาทันที
มีการรายงานข่าวออกมาเป็นระยะ ๆ ว่าโรนัลโด้ยังคงพัฒนาตัวเองและทุ่มเต็มที่ในสนามซ้อม เขาพยายามทำตัวเป็นตัวอย่างของนักเตะรุ่นน้องในทีมด้วยการกินอาหารที่ดีมีประโยชน์ และให้คำเตือนจากประสบการณ์ที่เขาเคยผ่านมา
โรนัลโด้เป็นเช่นนั้น เขายิงไปทั้งหมด 21 ประตูเป็นดาวซัลโวของทีม เป็นนักเตะที่มีฟอร์มการเล่นสม่ำเสมอที่สุดในทีมตลอดซีซั่น เขาแทบจะแบกเกมรุกของทีมไว้คนเดียว ... ทว่าในช่วงปลายฤดูกาลเริ่มปรากฏข่าวด้านลบเกี่ยวกับความเป็นมืออาชีพของโรนัลโด้ ซึ่งข่าวดังกล่าวมักจะเกี่ยวข้องกับสถานะของเขาที่ว่ากันว่า "ใหญ่คับสโมสร"
ปัญหาที่เริ่มจากร่างกายและสังขาร
โรนัลโด้เล่นดีสุด ๆ ในช่วงที่โซลชายังกุมบังเหียนอยู่ ทุกคนรู้ว่าคาแร็กเตอร์ของโซลชาเป็นรูปแบบของพี่ใหญ่ใจดี ไม่ต่อว่านักเตะผ่านหน้าสื่อ พยายามปกป้องนักเตะของเขามาโดยตลอด และโรนัลโด้ก็ได้รับสิทธิ์นั้นเสมอมา
ความทุ่มเทของโรนัลโด้ทำให้เขาเป็นนักเตะที่อยากจะลงเล่นทุกเกม โดยเฉพาะเกมสำคัญนั้นไม่มีเกมไหนที่เขาพลาดเลยหากไม่เจ็บ ป่วย หรือมีเหตุสุดวิสัย เรียกได้ว่าโรนัลโด้เป็นตัวยืนสำหรับโซลชาเสมอ
ข่าวคราวลบ ๆ เริ่มเกิดขึ้นในตอนที่ฟอร์มของแมนฯ ยูไนเต็ด ยุคโซลชาตกลงไป มีหลายคนโยงไปว่าวิธีการเล่น และอิทธิพลในห้องแต่งตัวของโรนัลโด้เป็นส่วนหนึ่งของปัญหา แต่เรื่องนี้ก็ยังไม่ได้แดงออกมาเด่นชัดอะไร เพราะความสัมพันธ์ของโซลชากับโรนัลโด้นั้นถือว่าซี้กันเข้าขั้น จากการที่โรนัลโด้ทันเล่นร่วมกับโซลชาสมัยเป็นนักเตะ กระทั่งปัญหาทั้งหมดมาชัดเอาในยุคของ ราล์ฟ รังนิก ที่เข้ามารับหน้าที่กุนซือชั่วคราว หลังผลงานของทีมปีศาจแดงย่ำแย่จนสโมสรต้องปลดโซลชาออกไปช่วงปลายปี 2021
"หากมีสโมสรไหนต้องการให้ผมทำงาน ผมจะมีคำถามที่ต้องถามพวกเขาเสมอ นั่นคือ 'ผมสามารถเป็นคนที่มีอิทธิพลต่อพัฒนาการโดยรวมของทีมอย่างเบ็ดเสร็จหรือไม่' เพราะถ้าผมไม่ได้รับสิทธิ์นั้น รับรองว่าคุณจะได้เห็นผลลัพธ์แค่ครึ่งเดียวที่ผมทำได้เท่านั้น" รังนิก อธิบายถึงวิธีการทำงานของเขา และยืนยันว่าทีมต้องมาก่อนเสมอ
"สิ่งที่ผมต้องการคือสิ่งที่สำคัญต่อพัฒนาการของทีม ผมไม่ใช่คนหัวแข็ง แต่ผมเชื่อว่าคนเราทำงานด้วยกันได้ด้วยการให้ความเชื่อถือและให้เกียรติกัน ถ้าเราตกลงและเจอกันตรงกลางได้ คุณก็มีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จมากขึ้นแน่นอน"
หลังจากรังนิกเข้ามา ความต้องการของเขาคือการทำให้นักเตะพยายามเล่นด้วยวิธีที่เขาคิดค้นขึ้นมานั่นคือ "เกเกนเพรสซิ่ง" ซึ่งต้องใช้พลังงานในการเล่นเยอะมาก และต้องยอมรับว่าวิธีการเล่นแบบนี้สำหรับนักเตะอย่างโรนัลโด้ที่อยู่ในช่วงปลายของอาชีพค้าแข้งก็อาจจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากต่อการปรับตัว โรนัลโด้จึงจะไม่ได้เล่นทุกเกมแบบที่เขาต้องการ และรังนิกก็พยายามแสดงให้เห็นถึงสิ่งนี้
ช่วงเวลาเดียวกันก็มีข่าวเกี่ยวกับอนาคตของโรนัลโด้ว่าเมื่อแมนฯ ยูไนเต็ด เริ่มเสียหลักและมีโอกาสหลุดจากท็อป 4 เขาก็เริ่มที่จะมองหาลู่ทางการย้ายออก เรื่องนี้จะจริงหรือไม่ไม่มีใครรู้นอกจากคนวงใน ทว่าสิ่งที่โรนัลโด้และรังนิกทำสามารถสะท้อนอะไรบางอย่างได้
ในเกมที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และแพ้ 1-4 เมื่อเดือนมีนาคม 2022 รังนิกไม่ได้ส่งโรนัลโด้ลงสนามเนื่องจากปัญหาอาการบาดเจ็บ ทว่าจากนั้นก็มีบางเกมที่เขาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย แม้บางเกมมีเหตุผลที่เข้าใจได้ เช่นในเกมบุกพ่าย ลิเวอร์พูล 0-4 เมื่อเดือนเมษายน ซึ่งวันนั้นโรนัลโด้ได้รับอนุญาตให้ไม่ต้องลงสนามหลังเพิ่งเสียลูกแฝดไป 1 จาก 2 คนไม่กี่วันก่อนหน้า แต่บางเกมก็ยังคงน่าสงสัย เช่นเกมปิดฤดูกาล 2021-22 ที่แพ้ คริสตัล พาเลซ บางแหล่งข่าวบอกว่าเขากลับบ้านที่โปรตุเกสในช่วงที่ทีมต้องการตัวเขา ขณะที่การกระทำของรังนิกก็บอกว่าเรื่องนี้ "อาจจะ" เกิดขึ้นจริง และโรนัลโด้เริ่มไม่มีความสุขกับทีมที่เขาอยู่ ณ ตอนนั้น
"ผมไม่ได้ถามเขาว่าเขามีความสุขกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือไม่ แต่เขาคือนักเตะของเราที่ต้องจะได้ลงสนามในเกมต่อจากนี้ (กับ วูล์ฟส์)" รังนิก กล่าว
ช่วงท้ายซีซั่น โรนัลโด้ และแมนฯ ยูไนเต็ด ฟอร์มหลุดแบบน่าใจหาย ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แต่ที่แน่ ๆ ภาษากายของเขาเริ่มบอกว่าสโมสรแห่งนี้ไม่เหมาะกับความทะเยอทะยานของเขาอีกต่อไปแล้ว ขณะที่ข่าวอีกฝั่งก็บอกว่าโรนัลโด้เองก็เป็นปัญหาที่ทำให้นักเตะของทีมปีศาจแดงรวมกันไม่ติด นอกจากนี้ยังมีผลต่อแทคติกที่เขาเป็นนักเตะที่ไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป ด้วยร่างกาย พละกำลังที่ถดถอย และอายุที่เริ่มมากขึ้น
ยิ่ง แมนฯ ยูไนเต็ด จบฤดูกาลด้วยอันดับ 6 ของพรีเมียร์ลีก ทำให้ทีมหลุดจากการไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก จุดนี้แหละกลายเป็นจุดแตกหักสำคัญจริง ๆ เพราะโรนัลโด้แสดงอาการออกมาว่าเขาไม่อยากจะอยู่กับทีมอีกต่อไปแล้ว
รับมือกับสิ่งที่ไม่เคยเจอ
ก่อนจบฤดูกาล 2021-22 ไม่กี่เกม มีการแต่งตั้ง เอริค เทน ฮาก ให้เข้ามาเป็นกุนซือคนใหม่ในฤดูกาลถัดไป ณ เวลานั้นเกือบจะมีจุดเปลี่ยนกับโรนัลโด้ เพราะเจ้าตัวได้ออกมาแสดงท่าทียินดีและพร้อมไปต่อกับทีมแม้จะไม่ได้ไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกก็ตาม
ทว่าหลังจากนั้นไม่นานก็มีรายงานว่า เทน ฮาก ได้เริ่มงานก่อนกำหนด และมีการคุยกับโรนัลโด้เรียบร้อยแล้ว สื่ออิตาลีอย่าง la Repubblica บอกว่าโรนัลโด้รู้ตัวแล้วว่าหลายสิ่งในสโมสรกำลังจะเปลี่ยนแปลงไปภายใต้การคุมทีมของ เทน ฮาก ซึ่งเนื้อหาใจความคือ โรนัลโด้ไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจ็กต์ ดังนั้นเขาจึงอยากจะย้ายทีมทันที
แม้ เทน ฮาก จะออกมาปฏิเสธว่าเขายังต้องการให้โรนัลโด้เป็นส่วนหนึ่งของทีม แต่ข่าวจากฝั่งโรนัลโด้ล้วนเป็นไปในแง่ลบเกือบทั้งสิ้น โรนัลโด้อยากย้ายทีมเพื่อไปเล่นฟุตบอลยุโรปถ้วยใหญ่ ยอมลดค่าเหนื่อย 30% และไม่เกี่ยงที่จะย้ายไปเล่นให้กับทีมในพรีเมียร์ลีกทีมอื่น ๆ ทั้งหมดนี้คือเนื้อหาที่ปรากฏบนสื่อ
จากนั้นโรนัลโด้ก็ได้ยืนยันเรื่องนี้ด้วยพฤติกรรมที่เขาไม่เคยทำมาก่อน นั่นคือการกระทำแบบไม่เป็นมืออาชีพ โรนัลโด้รับมือกับความผิดหวังได้ไม่ดีนัก เขาอยากย้ายแต่แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่อยากปล่อย และปัญหาใหม่ก็เริ่มขึ้น
วันที่ เทน ฮาก เรียกตัวนักเตะของทีมกลับมารวมตัวเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับช่วงพรีซีซั่น โรนัลโด้เป็นนักเตะเพียงคนเดียวที่ไม่มารายงานตัวโดยให้เหตุผลว่า "มีปัญหาเรื่องครอบครัว" จนแล้วจนรอดสโมสรก็ลงเล่นเกมพรีซีซั่นไปแล้วหลายเกม รวมถึงมาทัวร์ประเทศไทยและออสเตรเลียแบบที่ไม่มีนักเตะเจ้าของเสื้อหมายเลข 7 ลงสนาม จนมาถึงการเล่นเกมกระชับมิตรนัดสุดท้ายก่อนเปิดฤดูกาล 2022-23 เขาก็ยังแสดงพฤติกรรมด้านลบในเกมกับ ราโย บาเยกาโน ด้วยการหนีกลับบ้านก่อนเกมจบ หลังจากที่เขาโดนเปลี่ยนตัวออกช่วงพักครึ่ง
โรนัลโด้แทบไม่ได้ซ้อมร่วมกับทีมเลยจนกระทั่งฤดูกาลเริ่ม และนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมหลายคนจึงมองเขาเปลี่ยนไป และบอกว่าบางทีการไม่มีเขาอยู่กับทีมน่าจะดีกว่า ครั้นพอฝึกซ้อมกับทีมได้และกลับมาลงสนาม โรนัลโด้ก็ต้องรับกรรมของการไม่ได้ซ้อมร่วมกับทีมด้วยการตกเป็นตัวสำรองถาวร ซึ่งเป็นสถานะที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน
เทน ฮาก พยายามบอกกับสื่อมาตลอดว่าโรนัลโด้ยังสำคัญต่อทีม แต่ความจริงที่ปรากฏคือโรนัลโด้มีส่วนร่วมกับทีมน้อยมาก และแทบไม่ได้เล่นเกมเต็ม 90 นาทีเลย ไม่นั่งเป็นตัวสำรองก็โดนเปลี่ยนตัวออกระหว่างเกม ซึ่งภาษากายของเขาแสดงถึงความไม่พอใจอยู่บ่อยครั้ง ยิ่ง เทน ฮาก บอกว่าโรนัลโด้สำคัญกับทีมเท่าไหร่ แต่ในความจริงกลับตรงกันข้าม ซึ่งเรื่องนี้เกิดบ่อยและมันเป็นเหมือนการทำให้โรนัลโด้เริ่มเผยด้านมืดของเขาออกมาเรื่อย ๆ
โรนัลโด้กำลังประสบปัญหา "จมไม่ลง" เขาไม่เคยเป็นตัวสำรองและถูกละเลยความสำคัญมาก่อน ครั้นพอได้ลงสนามฟอร์มการเล่นของเขาก็ตกลงไปด้วย จนกระทั่งตอนนี้ผ่านมาแล้ว 2 เดือนกว่า ๆ ของฤดูกาลใหม่ โรนัลโด้ยังยิงประตูได้แค่ 2 ลูกเท่านั้น ล่าสุดในเกมกับ สเปอร์ส เขาไม่ได้โอกาสลงเล่นแม้แต่นาทีเดียว ในขณะที่ทีมเป็นฝ่ายนำ 2-0 ก่อนจะจบเกม ทุกอย่างกำลังเป็นไปด้วยดี บรรยากาศในโอลด์ แทรฟฟอร์ด ก็สุดยอดอย่างที่ไม่เคยเป็นมานาน แต่โรนัลโด้ก็ช็อตฟีลด้วยการเดินออกจากสนามก่อนเกมจะจบ ด้วยท่าทางที่แสดงถึงความผิดหวังและไม่พอใจ
เทน ฮาก พูดหลังเกมทันทีว่า "เขาอยู่ตรงนั้น ผมเห็นเขาแล้ว แต่ผมยังไม่ได้คุยกับเขาหลังจากนั้น ผมจะจัดการเรื่องนี้ในวันพรุ่งนี้"
แม้ เทน ฮาก จะยังไม่ได้ตัดสินใจและจัดการกับการกระทำของโรนัลโด้ครั้งนี้ แต่สำหรับแฟนบอลทั้งโลกนั้นได้ตัดสินใจไปแล้วว่าโรนัลโด้กำลังประสบปัญหาการตกจากที่สูงและไม่สามารถรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ พฤติกรรมด้านลบของเขาเผยขึ้นมาทีละนิด ๆ และสิ่งเหล่านี้ก็บั่นทอนความยิ่งใหญ่ตลอดอาชีพที่เขาสร้างขึ้นมาอย่างแท้จริง
บทสัมภาษณ์อันร้อนแรงต่อ "ปีศาจแดง"
และในที่สุด 1 สัปดาห์ก่อนที่ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ จะเปิดฉาก เพียร์ส มอร์แกน ผู้ประกาศชื่อดังชาวอังกฤษ ได้เปิดเผยบทสัมภาษณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ระหว่างเขากับ โรนัลโด้ ออกสื่อ ซึ่งมันได้กลายเป็นบทสัมภาษณ์ที่ร้อนแรงอย่างยิ่งเมื่อ โรนัลโด้ ออกมาโจมตีต้นสังกัดปัจจุบันในเรื่องต่าง ๆ แบบไม่มีเม้ม ซึ่งเมื่อ มอร์แกน ยิงคำถามว่าเขาถูกบีบบังคับให้ย้ายออกจากทีมหรือไม่ โรนัลโด้ ตอบว่าจริง
"ผู้คนควรฟังความจริง ผมขอตอบว่าใช่ ไม่ใช่แค่โค้ช แต่อีกสองสามคนในสโมสรด้วย ผมรู้สึกถูกหักหลัง บางคนไม่อยากให้ผมอยู่ที่นี่ ไม่ใช่แค่ปีนี้ มันตั้งแต่ปีที่แล้วด้วย"
"ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นตั้งแต่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จากไปผมก็ไม่เห็นพัฒนาการของสโมสรเลย ความคืบหน้าเป็นศูนย์ เช่น การที่สโมสรอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไล่ โซลชาร์ ออกไป แล้วนำ ราล์ฟ รังนิก ผู้อำนวยการกีฬาเข้ามาแทน ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่แม้แต่โค้ช มันไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้ผมเท่านั้น แต่ยังทำให้คนทั้งโลกประหลาดใจด้วย"
"อุปกรณ์หลายสิ่งก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง อ่างจากุซซี่ สระว่ายน้ำ ยิม แม้แต่เทคโนโลยีบางจุด ห้องครัว เชฟ และผู้คนที่น่ารัก มันเหมือนถูกหยุดเวลาไว้ ตอนผมย้ายกลับมาผมคิดว่าจะได้เห็นสิ่งต่าง ๆ เทคโนโลยี โครงสร้างพื้นฐานใหม่ ๆ น่าเสียดายที่เราเห็นหลายสิ่งหลายอย่างเหมือนที่ผมเคยเห็นเมื่ออายุ 23 ปี"
“ผมคิดว่าแฟนบอลควรรู้ความจริง ผมต้องการสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับสโมสร นี่คือเหตุผลที่ผมกลับมาที่ ยูไนเต็ด แต่สโมสรกลับมีบางสิ่งภายในที่ไม่ช่วยให้เราไปถึงระดับสูงสุดเหมือนกับ แมนฯ ซิตี้, ลิเวอร์พูล และ อาร์เซนอล เราควรจะอยู่ในตำแหน่งท็อป 3 และโชคร้ายที่ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในจุดนั้น"
และที่น่าทึ่งกว่านั้นคือ โรนัลโด้ ยังพูดถึงการทำงานร่วมกับ เอริก เทน ฮาก กุนซือคนปัจจุบันในทางที่ไม่ดีนัก "ผมไม่เคารพเขาเพราะเขาไม่ให้เกียรติผม ถ้าคุณทำเช่นนั้น ผมก็ไม่มีวันเคารพคนอย่างคุณ"
แน่นอนว่าปัญหาระหว่างเขากับ เทน ฮาก มีเพียงสองคนเท่านั้นที่รู้ว่าความจริงเป็นอย่างไร หลายคนอาจมองว่า โรนัลโด้ ไม่พอใจที่ เทน ฮาก ไม่ส่งเขาลงเป็นตัวจริงในช่วงหลัง แต่ถึงอย่างนั้น สาวก "เรด เดวิลส์" ก็มองว่าการโจมตีสโมสรที่ตัวเองกำลังเล่นให้อยู่นั้น ไร้ซึ่งความเป็นมืออาชีพสิ้นดี ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจหากจะมีกระแสแง่ลบเกิดขึ้นกับตัวเขา เมื่อบทสัมภาษณ์นี้ถูกเผยแพร่ออกมา
ส่วนฝั่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกแถลงการณ์รับทราบเรื่องบทสัมภาษณ์ของ โรนัลโด้ เรียบร้อยแล้ว และจะมีการหาทางออกเรื่องนี้หลังจบฟุตบอลโลก 2022
ซึ่งหลายคนเชื่อว่าคงไม่ได้เห็น โรนัลโด้ กลับมาสวมเสื้อหมายเลข 7 รับใช้ "ปีศาจแดง" อีกต่อไป
เรื่องนี้ไม่สามารถโทษใครได้จริง ๆ นอกจากตัวของเขาเอง โรนัลโด้วางตัวเหนือสโมสรนับตั้งแต่ช่วงก่อนเริ่มฤดูกาลจนถึงตอนนี้ ... หากเขายังวางตัวเป็นมืออาชีพ ก้มหน้าก้มตาทำตามสิ่งที่โค้ชสั่ง โฟกัสกับเรื่องในสนาม สิ่งเหล่านี้อาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะถูกใช้งานมากขึ้นในยุคของ เทน ฮาก ก็เป็นได้ หรืออย่างน้อยที่สุดแฟนแมนฯ ยูไนเต็ด ก็พร้อมจะรักเขาอย่างไร้เงื่อนไข และจะยกย่องเขาในฐานะราชาต่อไปแม้ว่าเขาจะอายุมากขึ้นและมาตรฐานตกลงไปก็ตาม
ทว่าเมื่อ โรนัลโด้ เลือกเส้นทางที่เขาไม่เคยเลือกและไม่ควรเลือก ก็ไม่แปลกที่เขาจะเปลี่ยนสถานะจากราชาสู่ตัวถ่วงของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ณ เวลานี้
แหล่งอ้างอิง
https://www.theguardian.com/football/blog/2022/mar/12/ronaldo-continues-to-be-a-problem-and-a-magnificent-solution-for-united
https://www.manchestereveningnews.co.uk/sport/football/football-news/manchester-united-cristiano-ronaldo-leave-24604364
https://www.sportbible.com/football/cristiano-ronaldo-man-united-transfer-news-20220801
https://ukdaily.news/nightmarish-start-the-ronaldo-case-but-whats-wrong-with-manchester-united-26076.html
https://talksport.com/football/1163650/cristiano-ronaldo-problems-man-utd-news-erik-ten-hag/
https://www.football365.com/news/mailbox-cristiano-ronaldo-man-utd-arsenal-man-city-fishlock
https://www.sportingnews.com/us/soccer/news/why-cristiano-ronaldo-man-united-out-vs-city-injury-derby/idnxvqpf6t0axunrla3gexis
https://www.bbc.com/pidgin/articles/ckr7210emylo
https://www.manutd.com/en/news/detail/manchester-united-official-statement-on-cristiano-ronaldo-interview?