Feature

เต๋า-สมชาย เข็มกลัด : จากเด็กว่ายน้ำไม่เป็นสู่การพิชิตไตรกีฬาในวัย 48 ปี | Main Stand

ภายใต้สปอร์ตไลท์ “เต๋า” สมชาย เข็มกลัด คือดารา นักร้อง นักแสดง ระดับท็อปของประเทศ แต่ในอีกมุมหนึ่งเขายังเป็นสปอร์ตแมนตัวยง

 


ในวัย 48 ปี เต๋าก้าวสู่การวิ่งมาราธอนเต็มตัว ผ่านสังเวียนระดับโลกมาแล้วถึง 7 รายการ ก่อนจะท้าทายตัวเองครั้งยิ่งใหญ่ด้วยการตัดสินใจลงแข่งไตรกีฬา IRONMAN 70.3 ครั้งแรกในชีวิต ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาจะว่ายน้ำไม่เป็นและเพิ่งเริ่มฝึกจริงจังได้ไม่ถึงปีเลยก็ตาม

วันนี้เต๋าเตรียมลงแข่งไตรกีฬารายการที่ 2 ของตัวเองและเป็นรายการแรกในเมืองไทยในรายการ ลากูน่า ภูเก็ต  … Main Stand จึงอยากพาผู้อ่านไปพบเรื่องราวของเขาในบทบาทการเป็นสปอร์ตแมนที่หลายคนอาจไม่เคยได้สัมผัส

 

จากนักบอลสู่มาราธอน 

หลายคนคงจะเคยทราบกันแล้วว่าก่อนจะผันตัวเข้าสู่วงการนักร้องนักแสดง “เต๋า” สมชาย เข็มกลัด ในอดีตนั้นเคยเป็นนักฟุตบอลระดับเยาวชนของโรงเรียนเทพศิรินทร์ และเขาก็ขึ้นชื่อว่าเป็นดาวรุ่งที่มีพรสวรรค์คนหนึ่ง

ในฐานะกองหลังตัวสำคัญ เขาช่วยทีมลูกแม่รำเพยประสบความสำเร็จมากมาย ทั้ง แชมป์ฟุตบอลกรุงเทพมหานคร รุ่นอายุ 14 ปี, แชมป์กรมพลศึกษา รุ่น 16 ปี ก, รองแชมป์โค้กคัพ และอีกมากมายจนถึงการได้ลงเล่นในศึกจตุรมิตรสามัคคี พร้อมยังเคยติดทีมกรุงเทพมหานคร ในกีฬาเยาวชนแห่งชาติ และติดทีมชาตินักเรียนไทย ชุดชิงแชมป์เอเชีย ที่ประเทศฮ่องกง ด้วยเช่นกัน

แม้เส้นทางชีวิตจะแปรผันให้เจ้าตัวโยกย้ายไปสู่วงการบันเทิงจนกลายเป็นนักร้องนักแสดงที่โด่งดัง แต่เต๋ายังคงเล่นฟุตบอล กีฬาที่เขาที่รักกับเพื่อนดารานักแสดงอยู่เป็นประจำ ... แต่เนื่องจากการใช้ร่างกายที่หักโหมและอาการบาดเจ็บเอ็นไขว้หน้าฉีกขาดเรื้อรังที่สะสมมาตั้งแต่สมัยเล่นฟุตบอลเมื่อครั้งวัยรุ่น ทำให้เขาต้องเผชิญกับอาการเจ็บครั้งใหญ่จนแทบจะเดินไม่ได้

ในวัย 40 ปี หัวเข่าของเต๋าใช้งานไปแล้วเหมือนคนอายุ 70 ปี โดยเขาต้องเผชิญปัญหาโรคข้อเข่าเสื่อม และแทบจะไม่เหลือหมอนรองกระดูก 

การบาดเจ็บดังกล่าวทำให้เต๋าแทบจะต้องเลิกเล่นฟุตบอล แล้วใช้เวลาในการทำกายภาพทุกสัปดาห์เป็นเวลาเกือบ 6 เดือน ซึ่งช่วงนี้เองที่เขาเริ่มวิ่งจ๊อกกิ้งเพื่อออกกำลังกายแทนการเล่นฟุตบอล จนได้เข้าไปอยู่ในกลุ่ม Debsirin running club ที่เป็นกลุ่มผู้สนใจการวิ่งของศิษย์เก่าโรงเรียนเทพศิรินทร์ พร้อมเริ่มซึมซับกับบรรยากาศของการวิ่งมากขึ้น

เต๋าเล่าว่าในอดีตที่ผ่านมาเขาวิ่งเป็นประจำอยู่แล้ว โดยเฉพาะการเป็นนักบอลที่ต้องวิ่งทั้งวัน แต่เป็นการวิ่งที่เน้นใช้สปีดต้นที่แตกต่างออกไป อีกทั้งยังเคยลงแข่งวิ่งในรายการระยะสั้นต่าง ๆ มาหลายครั้งแล้ว เพียงแค่สมัยก่อนยังไม่มีโซเชียลมีเดียผู้คนจึงไม่รู้มุมนี้เท่าไหร่นัก ก่อนจะเริ่มฝึกเพื่อพัฒนาการวิ่งอย่างจริงจัง พร้อมขยับระยะมากขึ้นเรื่อย ๆ ไล่ตั้งแต่ วิ่งในสวนสาธารณะ 5 กิโลเมตร ขยับไปเป็น 10 กิโลเมตร จนถึงฮาล์ฟมาราธอน 21 กิโลเมตร 

กระทั่งเดือนธันวาคม ปี 2017 เต๋าได้เข้าร่วมวิ่งในโครงการ “ก้าวคนละก้าว” กับ ตูน บอดี้สแลม แล้วสามารถวิ่งจบระยะมาราธอนอย่างไม่เป็นทางการ โดยวิ่ง 4 เซต  (เซตละ 10 กิโลเมตรกว่า ๆ แล้วพัก 20 นาที) รวมเป็นระยะทาง 43 กิโลเมตร ประสบการณ์นั้นจึงจุดประกายให้เจ้าตัวตั้งเป้าสู่การวิ่งมาราธอนแรกในชีวิต

เมื่อไฟกำลังลุกโชน เจ้าตัวจึงไม่รอช้าตัดสินใจสมัครวิ่งมาราธอนครั้งแรกของเขา พร้อมวางเป้าหมายไปที่รายการ “โอซากา มาราธอน” ที่ประเทศญี่ปุ่น ในเดือนพฤศจิกายน 2018 โดยใช้เวลาซ้อมอยู่ 10 เดือนเต็ม ด้วยการลงวิ่งฮาล์ฟมาราธอนทุกเดือน และปิดท้ายด้วยการวิ่ง long run กับตัวเองระยะ 30 กิโลเมตร จำนวน 2 รอบให้ได้ใน 4 ชั่วโมง 

จนในที่สุดเต๋าก็พิชิตความฝันมาราธอนแรกของตัวเองได้สำเร็จด้วยเวลา 6 ชั่วโมง 14 นาที 32 วินาที 

หลังพิชิตมาราธอนแรกในชีวิตที่โอซากาสำเร็จ ... 2 สัปดาห์ถัดมาเต๋าก็ลงแข่งมาราธอนที่ 2 ต่อทันทีที่ สิงคโปร์ มาราธอน ก่อนจะตามด้วย เกียวโต มาราธอน, ลากูน่า ภูเก็ต มาราธอน, มอสโก มาราธอน และ นิวยอร์ก มาราธอน รวม 6 รายการ ใน 1 ปี! 

ความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นทำให้เจ้าตัวฝันไกลมากขึ้น ด้วยการเตรียมลงแข่งวิ่งมาราธอนที่ขั้วโลกเหนือ ภายใต้อุณหภูมิติดลบถึง -40 องศา ในรายการ  FWD North Pole Marathon 2020 ที่ประเทศนอร์เวย์ เพื่อระดมเงิน 1 ล้านบาทช่วยผู้ป่วยโรคมะเร็ง ทว่าความตั้งใจนั้นกลับไม่สามารถเกิดขึ้นได้

 

ฝึกว่ายน้ำเพื่อไตรกีฬา 

โปรเจ็กต์วิ่งมาราธอนขั้วโลกเหนืออันหนาวที่สุดในโลกต้องถูกพับเก็บลงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และมันยังกระทบไปถึงการจัดงานวิ่งทุกงานในประเทศไทยด้วยเช่นกัน  

เมื่องานวิ่งถูกงดจัด เต๋าจึงหันไปขี่จักรยานเพื่อออกกำลังกายแทน โดยก่อนจะมีมาตรการล็อกดาวน์นั้น เขายังเคยได้ไปสัมผัสประสบการณ์การแข่งไตรกีฬาครั้งแรก ในรายการ Ironman 70.3 ที่บางแสน มาแล้วในประเภททีม

การแข่ง IRONMAN 70.3 คือ 1 ในระยะการแข่งไตรกีฬา แบ่งเป็น ว่ายน้ำ 1.9 กิโลเมตร ปั่นจักรยาน 90 กิโลเมตร และวิ่ง 21 กิโลเมตร ซึ่งครั้งแรกที่บางแสน เต๋าลงแข่งประเภททีม 3 คน โดยตัวเองรับหน้าที่เป็นผู้วิ่งเข้าเส้นชัย ก่อนจะตั้งเป้าว่าในอนาคตจะต้องลงแข่งในประเภทเดี่ยวและพิชิตการแข่งขันทั้ง 3 ประเภทด้วยตัวคนเดียวให้ได้ แต่ติดปัญหาอยู่เพียงเรื่องเดียวก็คือเจ้าตัวนั้น ว่ายน้ำไม่เป็น

“ผมลอยตัวได้ แต่ว่ายน้ำไม่เป็น แค่ 10 เมตรก็จมแล้ว” เต๋า เผย

ในช่วงที่ล็อกดาวน์ทั้งสวนสาธารณะและสนามลู่ปั่นจักรยานต่าง ๆ ต้องงดให้บริการจนหมด ขณะนั้นเองเต๋าได้รับคำชวนจากรุ่นน้องที่เป็นโค้ชกีฬาพายเรืออาสามาช่วยสอนว่ายน้ำให้ เพื่อให้เจ้าตัวได้ลงแข่งไตรกีฬาอย่างที่ฝัน เต๋าจึงเริ่มเรียนว่ายน้ำอย่างจริงจังในวัย 47 ปี

ครั้งแรกที่หัดว่ายน้ำ รุ่นน้องคนสนิทได้ให้เขาลงไปว่ายในบึงตะโก้ทันที ซึ่งบึงแห่งนี้นับเป็นบึงขนาดใหญ่ใน จ.สมุทรปราการ โดยนอกจากจะมีความลึกแล้วยังเปิดให้ผู้คนทั่วไปมาเล่นกีฬาทางน้ำอย่าง เวคบอร์ด เคเบิลสกี และวินด์เซิร์ฟ จึงทำให้เกิดเป็นคลื่นคอยซัดผู้มาฝึกว่ายน้ำอย่างเลี่ยงไม่ได้

เต๋าเริ่มฝึกด้วยการว่ายไป-กลับ ระยะทางรวม 750 เมตร ซึ่งเท่ากับระยะสปรินต์อันเป็นระยะเริ่มต้นของไตรกีฬาพอดี โดยผูกทุ่นว่ายน้ำ หรือ Swimming Buoy เอาไว้กับตัวและมีรุ่นน้องว่ายตามคอยดูแลความปลอดภัยอยู่ด้านหลัง 

“ผมก็ลงไป เขาให้ไปก็ไป ท่าอะไรก็ไม่รู้ ฟรีสไตล์งง ๆ ท่ากบ ท่าหมา เอาหมดเลย ไปถึงเสร็จปุ๊ปเกาะทุ่นแล้วกลับมาจนได้ ...​ กินน้ำบึงตะโก้แทบตาย” 

หลังผ่านด่านแรกไปได้ เต๋าเปลี่ยนไปฝึกต่อที่สระว่ายน้ำ แล้วสลับไปฝึกต่อที่บึงท้ายเกาะ จังหวัดปทุมธานี และกลับไปฝึกในสระต่อ สลับกันไปที่ละ 4 สัปดาห์ รวมแล้วเกือบ 3 เดือน จึงเริ่มลงฝึกในทะเลครั้งแรก พร้อมปักหมุดไปที่ อ่าวดงตาล จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับฝึกไตรกีฬาโดยเฉพาะ

เมื่อฝึกจนเชี่ยวชาญ เต๋าจึงตัดสินใจลงแข่งไตรกีฬาครั้งแรกในชีวิต ในรายการ IRONMAN 70.3 ที่เมืองดานัง ประเทศเวียดนาม ในเดือนพฤษภาคม 2022 หรือหลังจากที่ฝึกว่ายน้ำครั้งแรก 10 เดือน ซึ่งถือเป็นการข้ามขั้น เพราะระยะนี้นับเป็นระยะที่โหดอันดับ 2 จาก 4 ระยะของไตรกีฬา เป็นรองเพียง IRONMAN (ว่ายน้ำ 3.86 กิโลเมตร ขี่จักรยาน 180.25 กิโลเมตร วิ่ง 42.2 กิโลเมตร) โดยเหนือกว่าระยะ Olympic Distance (1.5 / 40 / 10) และ Sprint Distance (0.75 / 20 / 5)



ทันทีที่ออกสตาร์ทว่ายน้ำไปได้ประมาณ 1 กิโลเมตร เต๋าต้องเผชิญพายุฝนที่โหมซัดเข้ามาจนทำให้เกิดคลื่นในทะเลรุนแรงเป็นอุปสรรค แต่ถึงแม้ว่าเพิ่งฝึกว่ายน้ำมาได้เพียง 10 เดือน เต๋าก็กัดฟันสู้จนผ่านไปได้ โดยผ่านด่านว่ายน้ำระยะ 1.9 กิโลเมตรด้วยเวลา 64 นาที 

ก่อนที่ด่านต่อมาจะเจอทั้งฝนและลมกระหน่ำตลอดเส้นทางการปั่นจักรยานและวิ่ง ... แม้จะเจออุปสรรคมากมายแต่สุดท้ายเต๋าก็ทำสำเร็จ เขาเข้าเส้นชัยได้ด้วยเวลา 8 ชั่วโมง 3 นาที ผ่านการคัตออฟ 8 ชั่วโมง 30 นาที อย่างเต็มภาคภูมิ


“เป็นเวลาที่ดีและตื่นเต้นที่สุดอีกครั้งในชีวิต แบบว่าสุด ๆ จริง ๆ ที่เส้น Finish Line IRONMAN 70.3 เวียดนาม ดานัง สมชายตะโกนสุดเสียง แบบเฮสุด ๆ "ทำได้แล้วโว้ย" ตะโกนให้โลกรู้ กรูทำได้ กรูทำได้! รีบหยิบธงชาติไทยที่สมชายติดตัวไว้ สำหรับตอนเข้าเส้นชัยในทุก ๆ มาราธอน แล้ววันนี้ธงชาติไทยผืนนี้ที่รักมาก ๆ ที่อยู่กับเรามา 7 มาราธอน +1 IRONMAN 70.3 นับว่าเป็นเวลาที่ไม่ต้องอธิบาย ดูจากหน้าสมชายก็คงจะเข้าใจนะครับ มันแบบว่าสุด ๆ จริง ๆ Yes! Yes! Yes! ดีใจฉิบหาย” เต๋าระเบิดความสะใจผ่านอินสตาแกรม

 

ชาเลนจ์ตัวเอง 

แม้จะพิชิต IRONMAN 70.3 ได้สำเร็จ แต่เต๋ายังคงมีความกระหายที่จะลงแข่งขันไตรกีฬาอย่างต่อเนื่อง พร้อมวางคิวลงแข่งรายการต่อไปทันทีในศึก “ลากูน่า ภูเก็ต ไตรกีฬา” ที่ตนเองเฝ้าฝันอยากลงแข่งมาตลอดแต่ต้องคลาดไปเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 

รายการนี้ถือเป็นสนามไตรกีฬาที่จัดต่อเนื่องยาวนานสุดในอาเซียน โดยปีนี้เป็นครั้งที่ 28 จะจัดขึ้นวันที่ 20 พฤศจิกายน 2022 มีนักกีฬาระดับท็อปจากทั่วโลกเข้าร่วมชิงชัยนับพันคน อาทิ  ไมเคิล เรเลิร์ท แชมป์ 3 สมัยจากเยอรมนี, อิงเก พราเซทโย สาวจากอินโดนีเซีย แชมป์เก่าดีกรีเหรียญเงินซีเกมส์, จเร เจียรนัย แชมป์นักกีฬาไทย 10 สมัยซ้อน โดยจะแข่งว่ายน้ำ 1.8 กิโลเมตร ปั่นจักรยาน 50 กิโลเมตร และวิ่ง 12 กิโลเมตร 

เต๋าเองก็ไม่พลาดเช่นกัน เพราะนี่จะเป็นไตรกีฬาในเมืองไทยครั้งแรกของเจ้าตัว

ภายใต้แสงสปอร์ตไลท์ ภาพลักษณ์ของเต๋าอาจจะถูกมองว่าเป็นแบดบอยของวงการ แต่ในอีกมุมหนึ่งการที่เขาสามารถพิชิตทั้งไตรกีฬาและมาราธอนมาได้ย่อมสะท้อนให้เห็นถึงอะไรหลายอย่างที่อยู่เบื้องหลัง

เบื้องหลังความสำเร็จเหล่านี้ล้วนเต็มไปด้วยการฝึกฝนและความพยายามอย่างหนัก และที่สำคัญที่สุดก็คือความมีวินัยกับการชนะใจตัวเอง เพราะต้องอย่าลืมว่า สมชาย เข็มกลัด เป็นทั้งดารา นักร้อง นักแสดง มีงานอีเวนต์และคอนเสิร์ตไม่ขาดสาย แถมยังมีส่วนที่เป็นคุณพ่อลูก 2 ที่ต้องเป็นแฟมิลีแมนให้กับครอบครัว เรียกได้ว่าแทบจะคิวรัดตัว แต่เจ้าตัวก็ยังหาเวลามาออกกำลังกายและฝึกฝนจนก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองไปได้

“ส่วนตัวผมก็อายุจะ 50 ปีแล้ว พยายามทำสิ่งที่ยังทำไหวและท้าทายตัวเอง ผมจะชาเลนจ์ตัวเองด้วยสิ่งที่ทำกับตัวเอง เวลาเราทำอะไรสักอย่างเนี่ยผมไม่ได้ทำเพื่อจะบอกทุกคนว่าผมทำได้ แต่ผมกำลังจะบอกกับลูกผมว่า เวลาที่คนเรามีความมุ่งมั่นและตั้งใจเนี่ย ทุกอย่างมันเกิดขึ้นได้ ปาฏิหาริย์มันจะเกิดขึ้นกับคุณได้มันอยู่ที่คุณเองที่จะต้องฝึกซ้อม ถ้าคุณตั้งใจและฝึกซ้อม ผมเชื่อว่าคุณทำได้ทุกอย่างในโลกนี้ ไม่มีอะไรที่คุณทำไม่ได้” สมชายจดปลายเท้า ทิ้งท้าย

 

แหล่งอ้างอิง : 

www.youtube.com/watch?v=5IEO9Ue_aaw
www.youtube.com/watch?v=T06c0xNjX5k

Author

ชมณัฐ รัตตะสุข

Chommanat

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ