Feature

โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ : ตำนานผู้พิสูจน์ว่า "ความงามที่แท้จริงไม่เรียกร้องความสนใจ" | Main Stand

"ความงามที่แท้จริงไม่เรียกร้องความสนใจ" ประโยคดังกล่าวเติมเต็มความสมบูรณ์ของภาพยนตร์เรื่อง The Secret Life of Walter Mitty เป็นอย่างยิ่ง 

 


มันคือประโยคที่เปรียบเทียบกับสิงโตภูเขาที่ไม่ค่อยปรากฏตัวให้มนุษย์เห็นบ่อยนัก แต่ทุกครั้งที่มันปรากฏตัว มันก็จะแสดงให้เห็นถึงความสง่างามโดยที่มันไม่ต้องพยายามใด ๆ ทั้งสิ้น ... และเรื่องนี้มันคล้าย ๆ กับที่ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ เป็น

ในวาระที่หนึ่งในสุดยอดนักเทนนิสระดับตำนานประกาศแขวนแร็กเก็ต Main Stand ขอย้อนพาไปชมความไร้เทียมทานของตำนานผู้นี้ว่า เพราะอะไรเขาจึงเป็น GOAT หรือ Greatest of All Time แห่งวงการเทนนิส ติดตามได้ที่นี่ 

 

Less Is More "น้อยแต่มาก เรียบแต่โก้" 

ทุกคนต่างรู้ดีว่าการแข่งขันกีฬาจะสนุกเร้าใจขึ้นมาได้ นักกีฬาที่เป็นผู้แข่งขันนั้นมีผลเป็นอย่างมาก ยกตัวอย่างกันง่าย ๆ ให้เห็นภาพ ในวงการฟุตบอลไม่มีใครกล้าปฏิเสธสวยงามแบบละสายตาไม่ได้ของ โรนัลดินโญ่ ซูเปอร์สตาร์ชาวบราซิล 

โรนัลดินโญ่ไม่ใช่แค่เก่ง แต่เขายังทำในสิ่งที่คนดูฟุตบอลไม่ค่อยได้เห็นจากตลอดอาชีพของเขา การแสดงทักษะต่าง ๆ ที่ปกติแล้วคนอื่นทำได้แค่ในสนามซ้อม แต่โรนัลดินโญ่ก็เอามาปรับใช้ในการแข่งขันจริงได้อย่างลงตัว การสับขาหลอกแบบไปทั้งเอว การคลึงบอลเหมือนกับมีแม่เหล็กล็อกติดเท้า หรือแม้กระทั่งสีหน้าของเขาที่เล่นไปยิ้มไปที่มีเสน่ห์แบบละสายตาไม่ได้ 

อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านั้นอาจจะไม่จำเป็นเลยด้วยซ้ำ คุณไม่จำเป็นต้องทำให้แฟน ๆ ต้องซูดปากทุก 10 วินาที เหมือนกับ ราฟาเอล นาดาล ที่มีจุดเด่นเรื่องความดุดัน ความรวดเร็ว วิ่งไล่กวดทุกจังหวะ ที่เห็นได้ชัดมาก ๆ แม้แต่คนที่ไม่เคยดูเทนนิสมาก่อนเมื่อได้ดูการแข่งขันสักครั้งก็จะสามารถเข้าใจสไตล์ของนาดาลได้ทันทีว่าเป็นนักเทนนิสที่มีพลังงานสูงและฉลาดมาก ๆ 

ขณะที่เฟเดอเรอร์นั้นแตกต่าง แม้สไตล์ของเขานั้นจะอธิบายให้คนที่ไม่เคยดูเทนนิสเข้าใจยากสักหน่อย แต่เขาก็มีวิธีที่สามารถชนะใจและเข้าไปอยู่ในความทรงจำของพวกเขาได้ นั่นคือเขาทำทุกอย่างให้ง่ายและมีประสิทธิภาพแบบที่ไม่สามารถมีใครทำซ้ำ ... คุณสมบัตินี้แหละคือสิ่งที่ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ เป็น 

ช่วงที่เฟเดอเรอร์สร้างชื่อเสียงนั้นถือเป็นช่วงสืบทอดรอยต่อระหว่างนักเทนนิสคู่ปรับแห่งยุค 90s อย่าง พีท แซมพราส และ อังเดร อากัสซี่ พอดิบพอดี 

เฟเดอเรอร์นั้นถูกเรียกว่าเด็กอัจฉริยะที่เทิร์นโปรตั้งแต่อายุ 17 ปี ซึ่งในช่วงที่เทิร์นโปรขึ้นมานั้นก็ถีบตัวเองขึ้นติดอันดับท็อป 100 ของโลกได้อย่างรวดเร็ว ด้วยสไตล์การเล่นที่ไม่เหมือนกับนักเทนนิสวัยรุ่นคนอื่น ๆ เพราะลายเซ็นของการหวดเทนนิสฉบับเฟเดอเรอร์คือความสง่างาม แน่นอน และมีช็อตฆ่าคู่ต่อสู้ที่เฉียบขาด ยกตัวอย่างเช่นท่าไม้ตายของเขาที่มีชื่อว่า "SABR" 

SABR อักษรภาษาอังกฤษ 4 ตัวนี้ย่อมาจาก S: Sneak, A: Attack, B: By, R: Roger ... ถ้าแปลเป็นภาษาไทยให้เข้าใจโดยง่ายก็น่าจะประมาณว่า "ย่องโจมตีโดยโรเจอร์ (เฟเดอเรอร์)" คนที่ไม่ดูเทนนิสไม่มีทางรู้เลยว่าท่านี้มันพิเศษอย่างไร เพราะในความจริงแล้วมันไม่ใช้การกระโดดหวดสุดแรงเกิดหรือตีลูกให้โค้งอ้อมเน็ตเหมือนกับมังงะเทนนิสชื่อดังอย่าง The Prince of Tennis 

ลักษณะของท่าไม้ตาย SABR คือการใช้ท่าแบ็กแฮนด์ง่าย ๆ ตีลูกฮาล์ฟวอลเลย์โดยใช้การง้างสโตรกแขนที่สั้นมาก ... "แค่นี้เลย" แต่ท่า SABR ก็กลายเป็นท่าที่เฟเดอเรอร์ใช้พิฆาตคู่แข่งมาหลายต่อหลายคน แม้แต่นาดาลที่เคยโดนตีลูก SABR ใส่ในรายการออสเตรเลียน โอเพ่น ปี 2017 ยังออกมาพูดถึงการฮาล์ฟวอลเลย์ง่าย ๆ นั้นว่า "โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ทำสิ่งที่ไม่น่าเชื่อ"

ความสุดยอดของเฟเดอเรอร์คือการทำสิ่งง่าย ๆ ให้กลายอาวุธที่ทรงประสิทธิภาพ การเสิร์ฟ, แบ็กแฮนด์, โฟร์แฮนด์, ฮาล์ฟวอลเลย์ และทุกท่าในโลกของเทนนิส เฟเดอเรอร์ใช้มันและทำให้เขากลายเป็นชายผู้หยิบแกรนด์สแลมได้ 20 รายการคนแรกของโลก (ก่อน ราฟาเอล นาดาล และ โนวัค โยโควิช จะทำลายสถิติในภายหลัง) โดยทั้ง 20 แกรนด์สแลมของเขาประกอบด้วย ออสเตรเลียน โอเพ่น 6 สมัย, เฟรนช์ โอเพ่น 1 สมัย, วิมเบิลดัน 8 สมัย และ ยูเอส โอเพ่น 5 สมัย ... ทั้งหมดนี้คือความสวยงามของเจ้าของฉายา "Swiss Bliss" ผู้อยู่บนจุดสูงสุดของวงการได้ถึงอายุ 41 ปี 

"ทุกแมตช์ของเฟเดอเรอร์เปรียบเสมือนส่วนผสมระหว่างภาพยนตร์แอ็กชั่นฮอลลีวูดและหนังโรแมนติกคอมเมดี้ของ ฮิวจ์ แกรนท์ ... สนุกเร้าใจมากแต่ก็สวยงามมากเช่นกัน จนคุณอยากเห็นการเคลื่อนไหวของเขาแบบไม่รู้จักอิ่ม เหมือนกับที่หนังสือพิมพ์อังกฤษฉบับหนึ่งเคยเรียกวิธีการเล่นของเฟเดอเรอร์ว่า 'บทกวีในการเคลื่อนไหว'" เว็บไซต์ tennis-heaven.com อธิบายความสุดยอดของเฟเดอเรอร์ได้อย่างจบความ

 

ต้นแบบของคนที่อยากเป็นหมายเลข 1 

ความสวยงามและแน่นอนที่กล่าวมาในข้างต้นไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงเวลาเพียงชั่วข้ามคืน โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ นั้นถือเป็นต้นแบบความสำเร็จของแทบทุกสาขาอาชีพได้เลยด้วยซ้ำ 

อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น เขาเทิร์นโปรตั้งแต่อายุ 17 ปี และเริ่มครองความยิ่งใหญ่บนคอร์ทได้ตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา ช่วงเวลานั้นถือเป็นช่วงเวลาประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของอาชีพของเฟเดอเรอร์ เพราะเขาใช้เวลาถึง 5 ปีหลังจากนั้นจึงจะได้พบกับการพ่ายแพ้ครั้งแรก 

ย้อนกลับไปตอนนั้น เฟเดอเรอร์เริ่มต้องสู้กับคลื่นลูกใหม่ที่ตามหลังเขามาอย่าง ราฟาเอล นาดาล ที่ถือเป็นช่วงเวลาที่เขาโดนท้าทายที่สุด จนกระทั่งในปี 2011 (อายุ 31 ปี) ถือเป็นปีแรกที่เขาจบซีซั่นโดยไม่สามารถคว้าแกรนด์สแลมได้เลยแม้แต่รายการเดียว ตอนนั้นผู้คนเริ่มมีคำถามแล้วว่าเฟเดอเรอร์มาถึงขาลงแล้วหรือยัง

สิ่งที่เฟเดอเรอร์ตอบกลับไม่ใช่คำพูดแต่คือการพัฒนาเกมของตัวขึ้นมาอีกระดับ เขาเปลี่ยนโค้ชส่วนตัว จนกระทั่งเขาปรับสไตล์ให้เขากับอายุที่เพิ่มขึ้นได้สำเร็จ จากที่ใครบอกว่าเขาหมดสภาพตอนอายุ 31 กลับกลายเป็นว่าเขายังเล่นได้อีก 10 ปี พร้อมกวาดแชมป์อีกมากมาย 

"ผมพยายามค้นหาวิธีการใหม่ ๆ เพื่อความตื่นเต้นในการเล่นเทนนิสของตัวเอง รวมถึงกับแฟน ๆ ด้วยเสมอ" เฟเดอเรอร์ กล่าวถึงเส้นทางการพัฒนาของตัวเขาเอง 

อเล็กซ์ นูลลิอาห์ นักเขียนเกี่ยวกับเรื่องเทนนิสจาก perfect-tennis.com อธิบายความสุดยอดของเฟเดอเรอร์ในฐานะ "นักพัฒนาการเล่น" ว่า 

"เฟเดอเรอร์นี่แหละคือตัวอย่างของนักเทนนิสที่มีจิตวิญญาณนักสู้ เขามีความตั้งใจที่จะเป็นผู้ชนะอย่างแท้จริง เขาอาจจะไม่ได้แสดงให้เห็นชัด ๆ ผ่านภาษากายเหมือนกับที่นาดาลทำ แต่ถ้าคุณดูเทนนิสมามากพอคุณจะรู้เลยว่าเฟเดอเรอร์แทบไม่ยอมแพ้ ไม่เคยโยนเกมทิ้ง เขาใส่สุดตัวเท่าที่เขามีในทุก ๆ เกม ... แม้ในวันที่เขาเริ่มโรยราและเริ่มแพ้คนอื่นบ้าง คุณก็ไม่มีทางเห็นเขาวิ่งหนีจากความพ่ายแพ้นั้นแน่นอน"

"ในปี 2015 เขาเอาท่าที่เรียกว่า SABR ออกมาใช้และมันเหมาะมากกับช่วงวัย 30 กลาง ๆ แบบนั้น วิธีนี้มันทำให้เขาเข้ามาชิดกับเน็ตได้อย่างรวดเร็ว แรงเขาอาจจะไม่มากเหมือนตอนหนุ่ม ๆ แต่ความไวของมือและสายตาของเขานั้นน่าทึ่งเสมอ" อเล็กซ์ นูลลิอาห์ กล่าว 

การยืนระยะตั้งแต่อายุ 17 ปีจนถึง 41 ปีนั้นเป็นเส้นทางที่ยาวนานมาก ตลอดช่วงเวลานั้นวงการเทนนิสมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย เทรนด์และวิธีการเล่นต่าง ๆ หมุนเวียนเปลี่ยนกันเข้ามาเป็นที่นิยมในแต่ละช่วง และเฟเดอเรอร์ก็เรียนรู้จากทุกสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว ... คู่แข่งของเขาเป็นใคร ตัวของเขาพร้อมแค่ไหน ใช้วิธีใดจึงจะเหมาะกับสภาพร่างกายและความถนัดของตัวเอง ทุกอย่างเกี่ยวข้องกันหมด จากนั้นก็ถึงคราวลงมือทำ ... เฟเดอเรอร์จึงอยู่บนจุดสูงสุดนั้นได้ด้วยการปรับตัว แม้ในวัยที่เขาอายุ 41 ปี ความสง่างามบนคอร์ทของเขาก็ไม่ได้สูญเสียไปเลยแม้แต่น้อย 

"ถ้ามีใครสักคนบอกว่าผมเป็นนักเทนนิสที่ดีกว่าโรเจอร์ ผมสามารถบอกได้เลยว่าคน ๆ นั้นไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับเทนนิสเลยแม้แต่นิดเดียว" คำพูดนี้มาจากปากของ ราฟาเอล นาดาล ชายผู้ต่อสู้กับเฟเดอเรอร์มาตลอดอาชีพของเขา 

 

ในและนอกสนาม

แทบนึกไม่ออกเลยว่า โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ มีข่าวเสีย ๆ หาย ๆ ทั้งในและนอกสังเวียนครั้งสุดท้ายตอนไหน... 

ในวงการกีฬามีคำหนึ่งคือคำว่า Gamesmanship หรือที่แปลเป็นไทยว่า การใช้วิธีการที่น่าสงสัยเพื่อให้ได้มาซึ่งความได้เปรียบในเกมหรือกีฬา มันคล้าย ๆ กับการการใช้ช่องโหว่ของกฎให้ถึงขีดจำกัดพอดีเป๊ะ โดยไม่ต้องถูกจับหรือถูกมองว่าทำผิดกติตา ซึ่งปลายทางคือการอาศัยช่องโหว่เพื่อบรรลุเป้าหมายที่ต้องการ ... เทียบง่าย ๆ ถ้าเป็นฟุตบอลก็เหมือนกับการแกล้งเจ็บที่นอนให้ทีมแพทย์ปฐมพยาบาลนาน ๆ เพื่อถ่วงเวลาในช่วงเวลาที่ทีมของเรานำอยู่ ... ทว่าเรื่องแบบนี้เฟเดอเรอร์แทบไม่มีประวัติเสื่อมเสียเลย เต็มที่ที่เราเคยเห็นผ่านตากันก็น่าจะมีแค่การฟาดแร็กเก็ตลงพื้นเพราะหงุดหงิดกับฟอร์มการเล่นของตัวเองเท่านั้น 

เฟเดอเรอร์ไม่เคยมีกิริยาที่ Toxic เช่น การข่มขู่ คุยโว และทับถมนักเทนนิสคู่แข่งเลย มันน่าเหลือเชื่อที่เขาเก็บอารมณ์เหล่านี้ที่เป็นปกติของนักกีฬาแทบทุกคนได้ตลอดอาชีพของเขา 

โดยเจ้าตัวเคยพูดถึงเรื่องนี้หลังมีคนชมเรื่องมารยาทในการแข่งขันของเขาว่า "ผมเป็นคนคิดบวกเสมอ และการเป็นคนคิดบวกช่วยผมได้มากจริง ๆ แม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดก็ตาม" 

"ผมรู้อยู่เสมอว่าภาพลักษณ์ที่ผมสร้างขึ้นมาอย่างอดทนตลอดอาชีพของผมสามารถถูกทำลายลงได้ภายในไม่กี่นาที แน่นอนว่ามันทำให้ผมกลัวอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ต้องยอมรับเพราะนั่นคือสิ่งที่คนอย่างผมต้องเจอ" 

เราไม่รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงนั้นเขาเป็นคนอย่างไร จะบอกว่าเขาสร้างภาพก็ได้ แต่สำหรับ โรเจอร์  เฟเดอเรอร์ ที่คนทั้งโลกเห็นผ่านหน้าจอโทรทัศน์หรือในการแข่งขันต่างทำให้เราเข้าใจได้ทันทีว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษตัวจริง  

แม้เขาจะบอกว่าเขากลัวที่จะต้องสูญเสียภาพลักษณ์ความยิ่งใหญ่ที่สร้างมา แต่ความจริงคือเฟเดอเรอร์สู้เพื่อปกป้องมันอย่างเต็มที่มาโดยตลอด เขากล้าหาญมากถึงขั้นที่ว่าแม้ในวันที่ร่างกายบาดเจ็บบ่อย ๆ จนเริ่มแพ้มากขึ้น เริ่มคว้าแชมป์น้อยลง เขาก็ยังไม่ประกาศรีไทร์ โดยเขาอธิบายว่า "ชีวิตนี้ไม่จำเป็นต้องทำอะไรเหมือนเดิมทุกวัน ชีวิตมันต้องมีความยืดหยุ่นบ้าง คุณไม่จำเป็นต้องอาบน้ำเวลาเดิมทุกวัน ไม่จำเป็นต้องกินข้าวร้านเดิมทุกวัน ผมเป็นคนที่ยืดหยุ่นกับชีวิตเสมอ ผมไม่สนว่าผมจะต้องซ้อมตอน 9 โมงเข้าหรือ 4 ทุ่ม"

"สิ่งที่ผมคิดว่าผมทำได้ดีมาตลอดในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาคือผมสามารถรับมือกับความเจ็บปวด ความพ่ายแพ้ และการพบเจอกับปัญหา ผมสามารถผ่านเหตุการณ์เหล่านี้มาได้ทุกสภาวะ"

"เมื่อคุณทำบางสิ่งได้ดีที่สุดในชีวิต คุณไม่มีทางอยากจะยอมแพ้อย่างแน่นอน และสำหรับผมสิ่งนั้นมันคือเทนนิสนั่นเอง" เฟเดอเรอร์ กล่าว 

นอกจากเรื่องของในสนามแล้ว นอกสนามเฟเดอเรอร์ก็เป็นต้นแบบที่ดีด้วยเช่นกัน เขาจัดการกับสื่อ แฟน ๆ และวางตัวกับผู้เล่นด้วยกันได้ดีมาเสมอ โดยที่เขาไม่รู้สึกเบื่อที่ต้องเจอกับเรื่องแบบนี้ทุกวัน นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผู้เล่นอย่างเฟเดอเรอร์จึงไม่มีคู่แข่งที่เป็นคู่อาฆาต ทุกคนรักเขารวมไปถึงแฟน ๆ ด้วย คุณจินตนาการไม่ออกหรอกว่าจะมีใครเกลียดคนอย่างเฟเดอเรอร์ได้ลง 

"ผมไม่เคยรังเกียจแฟน ๆ ที่เขามาหาผมอย่างเป็นมิตรและให้เกียรติ นั่นเป็นส่วนหนึ่งของความสนุกในการเป็นนักเทนนิสแถวหน้าของโลกด้วยซ้ำในุมมมองของผม ผมรักแฟน ๆ ยกเว้นแต่จะมีใครมาถ่ายรูปโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเฉพาะเมื่อมีรูปลูก ๆ ของผมอยู่ในภาพ นั่นเป็นเรื่องที่ทำให้ผมไม่สบายใจนัก" 

เฟเดอเรอร์เป็นมิตรกับแทบทุกคน เขาสนใจวัฒนธรรม สนุกกับการเดินทางไปทั่วโลก เรียนรู้ในประเทศต่าง ๆ ที่เขาไปแข่งขัน ให้ความสำคัญกับแฟน ๆ ที่ตั้งหน้าตั้งตารอเจอเขา และในขณะเดียวกันเขาก็เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี เขาใช้เวลากับงานการกุศลและกองทุนสำหรับเด็ก ๆ ในแอฟริกาใต้ เขาพยายามมอบบางสิ่งกลับคืนสู่สังคม 

คุณจะคาดหวังอะไรจากเขาได้อีก และทั้งหมดนี้คือความสง่างามของ เฟดเอ็กซ์ ชายผู้เป็น GOAT แห่งวงการเทนนิสตลอดกาลคนนี้ 

 

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

SABR : ท่าไม้ตายรุกทุกองศาของ เฟเดอเรอร์ ที่ทั้งสง่างามและร้ายกาจในเวลาเดียวกัน

ศึกที่ไม่มีคนอยากชนะ : เรื่องราวศัตรูที่รักระหว่าง เฟเดอเรอร์ และ นาดาล

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.brainyquote.com/authors/roger-federer-quotes
https://www.perfect-tennis.com/is-roger-federer-out-of-the-goat-race/
https://www.tennis-heaven.com/why-roger-federer-is-the-goat/
https://blog.playo.co/5-reasons-roger-federer-goat/
https://www.tennisworldusa.org/tennis/news/Roger_Federer/118191/guillermo-perez-roger-federer-is-the-goat-/

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Graphic

ภราดร ภราดร

อยากจะทำให้ดี ไม่ใช่แค่อยากจะทำให้เป็น