เมื่อพูดถึง คาริม เบนเซม่า ภาพจำของนักเตะรายนี้เมื่อหลายปีก่อนคงหนีไม่พ้น บทบาท "กองหน้าตัวจ่าย" ที่ทำประตูได้เพียงน้อยนิด แต่มีส่วนสำคัญในการปลุกปั้น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ให้กลายเป็นซูเปอร์สตาร์หมายเลขหนึ่งของ เรอัล มาดริด และโลกฟุตบอล
แต่เมื่อฤดูกาล 2021-22 ดาวยิงชาวฝรั่งเศสรายนี้ไม่เพียงจะพิสูจน์ว่าเขาสามารถรับบทบาทพระเอกคนใหม่ของทัพราชันชุดขาว แต่ยังก้าวข้ามเงาของอดีตเพื่อนร่วมทีม จนกลายเป็นตำนานที่แฟนบอลหลงรักมากกว่า และยังมีโอกาสคว้าบัลลงดอร์อีกด้วย
Main Stand ย้อนเล่าเรื่องราวของเบนเซม่าในถิ่น ซานติอาโก เบอร์นาเบว ทั้งการพัฒนาทัศนคติสู่บทบาทยอดนักเตะระดับโลก, การถูกมองข้ามโดยแฟนบอลทั่วโลก และความสัมพันธ์ของเขากับ CR7 บุคคลที่เป็นทั้งเพื่อน, พี่ชาย และคู่แข่งคนสำคัญของเบนเซม่า
อดีตกองหน้าที่มองไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง
ย้อนกลับไปยังขวบปีแรกของ คาริม เบนเซม่า กับ เรอัล มาดริด ดาวยิงชาวฝรั่งเศสต้องแบกรับความกดดันมหาศาล หลังทีมดังแห่งกรุงมาดริดทุ่มเงิน 35 ล้านยูโร เพื่อคว้าตัวเขามาจาก โอลิมปิก ลียง ในปี 2009 โดยการย้ายทีมครั้งนี้ถูกวิจารณ์อย่างมากในเรื่องของค่าตัวที่แพงเกินจริง
เนื่องจากเบนเซม่ามีอายุเพียง 21 ปี แถมยังไม่มีประสบการณ์มากนัก แต่กลับมีค่าตัวแพงกว่า รุด ฟาน นิสเตอรอย หรือ กอนซาโล่ อิกวาอิน กองหน้าอีกสองคนของทีมไปไกลโข
เมื่อผลงานฤดูกาลแรกของเบนเซม่ากับมาดริดปรากฎ เสียงวิจารณ์ถึงค่าตัวที่แพงเกินจริงของเขายิ่งโด่งดังมากขึ้นไปอีก หลังเจ้าตัวยิงได้เพียง 9 ประตู จาก 33 นัดในทุกรายการ แถมยังลงเล่นเป็นตัวจริงในลีกเพียง 14 เกม นำมาสู่การพูดคุยกันภายในสโมสรว่า พวกเขาซื้อเบนเซม่าเข้ามาสู่ทีมก่อนเวลาอันควรหรือไม่ ?
เพราะดูจากศักยภาพของเขาในเวลานั้น เบนเซม่าไม่ได้มีฝีเท้าใกล้เคียงจะเล่นให้ทัพราชันชุดขาว และอาจจะต้องรอจนกว่าเจ้าตัวอายุราว 24-25 ปี เบนเซม่าจึงจะพร้อมเป็นกำลังหลักของเรอัล มาดริด เหมือนกับที่ทีมคาดหวังไว้ ซึ่งมันค่อนข้างชัดเจนว่าทีมดังแห่งซานติอาโก้ เบอร์นาเบว ไม่ได้มีเวลามากพอที่จะรอคอยการเติบโตของนักเตะคนใดก็ตามที่ไม่ดีพอสำหรับทีม
สถานการณ์ของเบนเซม่านอกทัพราชันชุดขาวก็ไม่สู้ดีนัก เมื่อเขาถูกตัดออกจากทีมชาติฝรั่งเศสชุดลุยศึกฟุตบอลโลก 2010 และเริ่มมีปัญหากับ เรย์มงด์ โดเมเน็ค กุนซือของทัพตราไก่ในเวลานั้น โดยโดเมเน็คได้วิพากย์วิจารณ์เบนเซม่าเอาไว้ว่า เขาเป็นนักเตะที่มีความสามารถไม่ต่างจาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซูเปอร์สตาร์ชาวโปรตุเกสและเพื่อนร่วมทีมของเบนเซม่า ที่ย้ายมาร่วมทีมในปี 2009 เช่นกัน แต่ทัศนคติและความกระหายของทั้งคู่กับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
"เขาจำเป็นต้องยืนหยัดด้วยขาของตัวเอง แต่ตอนนี้เขากลับมีความสุข เพราะเขารับเงินก้อนโต แถมชีวิตเขายังสุขสบายดี เขาให้เอเยนต์จัดการเรื่องทุกอย่างในชีวิตเขาไปเสียหมด" โดเมเน็ค วิจารณ์เบนเซม่า นำมาสู่การตัดสินใจตัดกองหน้ารายนี้จากทีมชุดฟุตบอลโลก 2010
"คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คือคนหนึ่งที่เข้าใจจริง ๆ ว่า เขาจะนำพรสวรรค์ที่มีอยู่ในตัวออกมาใช้ได้อย่างไร แต่สำหรับคาริม ? เขาไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด โรนัลโด้มีศักดิ์ศรีในตัวเองมากกว่าเขาเยอะ หากคาริมลงเล่นโดยมีแรงผลักดันเพียงแค่ 10 เปอร์เซนต์ที่โรนัลโด้มี เขาสามารถคว้ารางวัลบัลลงดอร์ได้สบาย"
เพื่อน, คู่แข่ง และพี่ชายที่ชื่อโรนัลโด้
ขณะที่ทุกสายตาจับจ้องไปยังการแข่งขันกันระหว่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ ลิโอเนล เมสซี่ ... แท้จริงแล้ว คาริม เบนเซม่า อาจเป็นนักเตะคนหนึ่งที่ต้องแข่งขันกับโรนัลโด้มากที่สุด
เพราะถึงแม้ทั้งสองจะร่วมสังกัดเดียวกัน แต่เบนเซม่าต้องรับความกดดันมากมายที่ตัวเขาไม่ได้ก่อ เพียงเพราะเขาดันเปิดตัวเป็นนักเตะใหม่ของราชันชุดขาววันเดียวกันกับโรนัลโด้, มีค่าตัวแพงค้ำคอเหมือนโรนัลโด้ และต้องพยายามปรับตัวเป็นส่วนหนึ่งของทีมให้ได้ทันทีเหมือนโรนัลโด้
ตราบใดที่นักเตะทั้งสองรายยังคงเป็นเพื่อนร่วมกันในเรอัล มาดริด ถือเป็นเรื่องยากที่เบนเซม่าจะมีผลงานโดดเด่นมากกว่าโรนัลโด้ แฟนบอลทั่วโลกต่างเข้าใจเรื่องนี้ เพราะมันแทบเป็นไปไม่ได้ที่พรสวรรค์อันน่าเหลือเชื่อบวกกับการฝึกซ้อมอย่างหนักและความเป็นมืออาชีพอย่างถึงที่สุดของโรนัลโด้ จะเปิดโอกาสให้นักเตะคนไหนก็ตามก้าวขึ้นมาแซงหน้าเขา แม้แต่เบนเซม่าที่สนิทสนมกับเขาเหมือนดั่งพี่น้อง
แต่ความสนิทสนมราวกับเป็นคนในครอบครัวนี้เองที่ช่วยพัฒนาเบนเซม่าให้ก้าวสู่อีกขั้นในฐานะนักฟุตบอลอาชีพ จากที่เคยเป็นนักเตะสุขสบายไปกับชื่อเสียงและเงินทองที่ได้รับแบบง่าย ๆ เบนเซม่าเริ่มสังเกตเห็นว่าโรนัลโด้ที่ยิงประตูราว 50 ลูกต่อฤดูกาล ยังคงเป็นคนแรกที่เดินทางมาถึงฝึกซ้อมและกลับบ้านเป็นคนสุดท้ายเสมอ แถมยังพยายามทำงานอย่างหนักเพื่อพัฒนาตัวเองตลอดเวลา
เบนเซม่าจึงเริ่มมีความทะเยอทะยานในตัวพร้อมกับอยากพิสูจน์ให้โลกเห็นว่าเขาคือนักเตะที่ยอดเยี่ยมมากแค่ไหน แต่ปัญหาติดอยู่ตรงที่ว่าถึงเขาจะพัฒนาตัวเองมากแค่ไหน ไม่มีทางที่เบนเซม่าจะยิงประตูได้มากกว่าหรือช่วงชิงสปอตไลท์ไปจากโรนัลโด้ได้
เขาจึงตัดสินใจเลือกทำในสิ่งที่นักเตะหลายคนปฏิเสธคือ ยอมตกอยู่ใต้ร่มเงาของยอดดาวยิงชาวโปรตุเกสอย่างเต็มใจ เพื่อจะได้ใช้เวลานั้นพัฒนาตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
"โรนัลโด้คนที่ยิงประตูทั้งหมดและได้รับความสนใจเสียเป็นส่วนใหญ่ นั่นคือสิ่งสำคัญที่เป็นแรงกระตุ้นให้เบนเซม่าพัฒนาตัวเอง แต่เขาจำเป็นต้องอยู่ภายใต้ร่มเงาของโรนัลโด้ เป็นเวลานานถึง 9 ปีที่เขาต้องอดทน เมื่อผู้คนเอาแต่พูดถึงเพียงโรนัลโด้" รามอน กัลเดร่อน อดีตประธานสโมสรเรอัล มาดริด ให้ความเห็นถึงสถานการณ์ของเบนเซม่ากับโรนัลโด้
ตลอดระยะเวลาที่นักเตะทั้งสองรายทำงานร่วมกันในทัพราชันชุดขาว เบนเซม่ากลายเป็นคู่หูที่โรนัลโด้ให้ความเชื่อใจมากที่สุด สถิติแอสซิสต์ 49 ลูกยืนยันชัดเจนว่านักเตะที่จ่ายบอลให้กับดาวยิงชาวโปรตุเกสทำประตูมากที่สุดคือเบนเซม่า
ยิ่งกว่านั้นเบนเซม่ายังไม่เคยเห็นแก่ตัวและเลือกจะกดสถิติยิงประตูของตัวเองให้เหลือไม่ถึง 30 ลูกในแต่ละฤดูกาล เพื่อเปิดทางให้โรนัลโด้ยิงกระจุยไม่ต่ำกว่า 50 ลูกในแต่ละปี
ช่วงเวลา 9 ปีที่ทั้งสองทำงานร่วมกันกลายเป็นส่วนสำคัญที่เปลี่ยนเบนเซม่าจากกองหน้าที่เคยขาดความทะเยอทะยาน สู่นักเตะที่อยากจะประสบความสำเร็จและโลดแล่นอยู่กับทีมฟุตบอลระดับสูงให้ได้นานที่สุด
แต่ด้วยผลงานการทำประตูที่ไม่น่าประทับใจ และด้วยระบบที่ต้องเล่นเพื่อปั้นกองหน้ารายอื่นเป็นส่วนใหญ่ เบนเซม่าจึงถูกมองเป็น "กองหน้าตัวจ่าย" ทำให้หลายคนมองข้ามความสามารถของเขาจนลืมไปแล้วว่า นี่คือกองหน้าที่คว้าบัลลงดอร์ได้สบายหากก้าวถึงศักยภาพของตัวเองได้จริง
ผู้นำคนใหม่ของเรอัล มาดริด
เมื่อโรนัลโด้โบกมือลาเรอัล มาดริด เพื่อย้ายไปอยู่กับ ยูเวนตุส ในปี 2018 แฟนราชันชุดขาวหลายคนจึงแสดความกังวลว่า เบนเซม่า จะสามารถก้าวเข้ามาสานต่อบทบาทผู้นำแนวรุกของทีมต่อจากดาวยิงชาวโปรตุเกสได้หรือไม่ ? เพราะผลงานที่แสดงให้เห็นบนพื้นหญ้า ดูเหมือนว่าเบนเซม่าจะเก่งเพียงครึ่งเดียวของ CR7 ตามจำนวนประตูที่ทั้งสองฝากไว้บนสนามฟุตบอล
แต่ถ้าคุณหันไปถามความเห็นของบรรดาบุคลากรในวงการฟุตบอลที่มีความใกล้ชิดกับเบนเซม่า บุคคลเหล่านี้ไม่สงสัยเลยว่ากองหน้าชาวฝรั่งเศสจะก้าวขึ้นมาแทนช่องว่างที่หายไปของโรนัลโด้ในเรอัล มาดริด ได้อย่างไร เพราะความสามารถของเบนเซม่าในปี 2018 แทบจะเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดในโลกแล้วด้วยซ้ำ เพียงแต่เขาไม่เคยแสดงมันออกมาให้โลกเห็นเท่านั้นเอง
"ในช่วงหกเดือนแรก (ที่ย้ายมาเรอัล มาดริด) ผมมองเขาในระดับเดียวกับสุดยอดนักเตะรายอื่น เช่น กาก้า เพราะไม่มีใครแย่งบอลจากเขาได้เลย การควบคุมลูกและบาลานซ์ของเบนเซม่าคือสิ่งที่ไม่สามารถสอนกันได้" เจอร์ซีย์ ดูเด็ค อดีตเพื่อนร่วมทีมของเบนเซม่า กล่าว
"ผลงานของเขาในตอนนี้ไม่ได้ทำให้ผมประหลาดใจ เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเล่นเคียงข้างโรนัลโด้ซึ่งยิงประตูมากขนาดนั้น แต่เบนเซม่าก็แอสซิสต์ให้โรนัลโด้ได้มากมาย เพราะฉะนั้นเมื่อโรนัลโด้จากไป นั่นคือเวลาที่เบนเซม่าจะได้เป็นผู้นำคนใหม่ของเรอัล มาดริด"
ตลอดระยะเวลา 4 ฤดูกาลที่ทัพราชันชุดขาวเดินหน้าโดยปราศจากคริสเตียโน่ โรนัลโด้ เบนเซม่าได้ยิงประตูให้กับต้นสังกัดตลอดช่วงปี 2018-2022 ทั้งหมด 131 ตกเฉลี่ยแล้วเกือบ 34 ประตูต่อฤดูกาล แสดงให้เห็นว่าเขาคือกองหน้าตัวเป้าที่พึ่งพาได้ไม่แพ้ขวัญใจคนเก่าอย่างโรนัลโด้ หรือดาวยิงรายอื่นที่ผู้คนให้การชื่นชมมาตลอด เช่น โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้
ผลงานของเบนเซม่าเดินมาถึงจุดพีคในฤดูกาล 2021-22 ที่ผ่านมา หลังเจ้าตัวระเบิด 44 ประตูให้กับต้นสังกัด และพาเรอัล มาดริด คว้าแชมป์ลาลีกากับยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก มาครอบครองได้สำเร็จ โดยผลงานบนเวทียุโรปถือเป็นไฮไลต์ของดาวยิงรายนี้
เพราะเบนเซม่ายิงไปถึง 15 ประตูในฤดูกาลที่ผ่านมา และเมื่อมองไปยังสถิติยิงประตูโดยรวมบนเวทีแชมเปียนส์ลีก เบนเซม่าซัดไปแล้ว 86 ประตู เป็นรองเพียงเมสซี่และโรนัลโด้เท่านั้น
นี่คงเป็นหลักฐานที่ยืนหยัดได้อย่างชัดเจนแล้วว่า เบนเซม่า คือกองหน้าที่ยอดเยี่ยมไม่เป็นสองรองใคร และสามารถทดแทนการขาดหายไปของโรนัลโด้ในเรอัล มาดริด ได้อย่างเต็มภาคภูมิ การเข้ามาเป็นตัวเต็งคว้ารางวัลบัลลงดอร์จึงอาจเป็นการยกย่องที่น้อยไปด้วยซ้ำ
เพราะไม่ว่าเขาจะได้รับรางวัลดังกล่าวหรือไม่ เบนเซม่าได้กลายเป็นตำนานของทัพราชันชุดขาว และจะถูกจดจำในระดับที่ไม่เพียงใกล้เคียงโรนัลโด้ แต่ยังระดับเดียวกับ ราอูล กอนซาเลซ ตำนานตลอดกาลของเรอัล มาดริด
"เขายอดเยี่ยมมากในช่วงสามฤดูกาลหลังสุด คุณมีผู้เล่นอย่างราอูล นักเตะที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของสโมสร แต่ตอนนี้แฟนเริ่มมองเบนเซม่าในระดับเดียวกับเขาแล้ว"
"มันมีช่วงเวลาที่เขาไม่ได้รับคำชื่นชมมากในแบบที่ควรจะเป็น พวกเราทุกคนรู้ดีว่าเขาคือนักเตะที่มหัศจรรย์มากแค่ไหน แต่ตอนนั้นเขาไม่เคยได้รับเครดิตในสิ่งที่เขาสมควรได้เลย พูดตามตรงคือเขาถูกมองข้ามโดยใครหลายคน"
"แต่ตอนนี้เขาจะถูกจดจำด้วยฐานะหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร สิ่งที่เขาทำตลอดหลายปีที่ผ่านมามันน่ามหัศจรรย์ เมื่อเขาพาทีมคว้าแชมป์เปียนส์ลีกได้ด้วยตัวเอง นี่คือวินาทีที่เขาฝังรากมรดกของเขากับเรอัล มาดริด ด้วยตัวเอง" ราม่อน กัลเดร่อน กล่าวถึง เบนเซม่า ในฐานะผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งเท่าที่เรอัล มาดริด เคยมีมา
แหล่งอ้างอิง
https://theathletic.com/3238859/2022/05/26/karim-benzema-real-madrid-champions-league/