Feature

โจเซฟ สคูลลิ่ง : บาดแผลหลังการคว้าเหรียญทองโอลิมปิก จนนำไปสู่การเสพกัญชา | Main Stand

ย้อนกลับไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2016 ชื่อของ โจเซฟ สคูลลิ่ง นักว่ายน้ำชาวสิงคโปร์ดังเป็นพลุแตกระดับเขย่าวงการกีฬาทั่วโลก หลังจากที่เขาคว้าเหรียญทองว่ายท่าผีเสื้อ ระยะ 100 เมตรในโอลิมปิกที่ ริโอ เดอ จาเนโร ได้สำเร็จ

 

ชัยชนะครั้งนั้นไม่ธรรมดา เพราะเขาได้โค่น "GOAT" ของวงการผู้มีสถิติชนะเกือบ 100% อย่าง ไมเคิล เฟลป์ส ได้สำเร็จ จนหลายคนต่างพาลคิดว่าเขาจะเป็นตำนานเจ้าสระคนต่อไป

อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่วันนั้น สคูลลิ่ง ไม่เคยเข้าใกล้ความสำเร็จแบบที่ ริโอ อีกเลย หนำซ้ำเขายังเสียหลักในชีวิตและอาชีพอย่างรุนแรง มันหนักจนถึงขั้นเขาถูกจับคดียาเสพติดในประเทศสิงคโปร์มาแล้ว

นี่คือเรื่องราวจากวันแรกของเด็กอัจริยะเจ้าสระ สู่วันที่แม้แต่คนสิงคโปร์ที่เคยชื่นชมยังพร้อมใจกันกระแนะกระแหนแดกดัน โจเซฟ สคูลลิ่ง ฮีโร่ผู้สร้างประวัติศาสตร์ของพวกเขา

ติดตามเรื่องราวทั้งหมดที่ Main Stand

 

อัจฉริยะผู้โค่น "ไมเคิล เฟลป์ส" 

แม้แต่คนไม่ติดตามการแข่งขันว่ายน้ำหรือแม้กระทั่งคนที่ไม่ดูกีฬาก็เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักชื่อของ ไมเคิล เฟลป์ส นักว่ายน้ำชาวอเมริกันผู้ทำสถิติต่าง ๆ มากมาย และได้รับการยกย่องว่าเป็น "GOAT" หรือเจ้าแห่งสระผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาล 

เฟลป์ส กวาดเหรียญทองโอลิมปิกไปทั้งหมด 23 เหรียญ และถ้ารวมทุกเหรียญ (ทอง, เงิน, ทองแดง) นั้นก็มากถึง 28 เหรียญ ย้อนเวลากลับไปสัก 8 ปีก่อนในช่วงที่เขายังร่างกายดีและอยู่ในวัยที่เรียกว่าจุดพีกของนักกีฬา คงไม่มีใครนึกว่าจะมีนักว่ายน้ำคนไหนที่จะโค่น เฟลป์ส ลงได้ ... 

จนกระทั่งเรื่องที่ใครไม่เคยคาดคิดก็มาเกิดขึ้นจริง ๆ ในโอลิมปิกปี 2016 ที่นครริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล เขาต้องพบกับความพ่ายแพ้ให้กับนักว่ายน้ำดาวรุ่งจากประเทศที่ไม่ได้เก่งกาจเรื่องกีฬาอย่างสิงคโปร์ เด็กหนุ่มคนนั้นชื่อเสียงกระหึ่มภายในข้ามคืน และชื่อของเขาคือ โจเซฟ สคูลลิ่ง 

ความเก่งกาจของ สคูลลิ่ง นั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เขาคือสายเลือดของนักกีฬาโอลิมปิก เพราะ ลอยด์ วาลเบิร์ก ปู่ (ตามศักดิ์จริงๆ คือ พี่ชายของปู่) ของเขาคือนักกีฬาคนแรกของประเทศสิงคโปร์ที่ได้ไปแข่งขันในกีฬาโอลิมปิกเมื่อปี 1948 กับการแข่งขันกรีฑา ซึ่งตั้งแต่ลืมตาดูโลกในปี 1995 สคูลลิ่ง ก็ถูกฝึกให้ว่ายน้ำตั้งแต่จำความได้ และยังได้เหรียญรางวัลในการแข่งขันตั้งแต่อายุ 4 ขวบ ก่อนถูกบ่มเพาะความสุดยอดยิ่งกว่านั้นอีกหลายเท่า 

โคลิน สคูลลิ่ง พ่อของเขาเล่าว่าแม้จะเริ่มต้นจากการชี้นำของพ่อให้ โจเซฟ เป็นคนเริ่มว่ายน้ำ แต่ลูกของเขาก็เหมือนกับปลาที่พอปล่อยลงน้ำแล้วก็ไม่ยอมขึ้นบกอีกเลย ... สคูลลิ่ง ซ้อมแทบทุกวันตั้งแต่ 5-6 ขวบ นั่นคือความมหัศจรรย์ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของเขาโดยแท้จริง

"ตอนที่เขาอายุสัก 6 ขวบ โจ จะปลุกผมตอนตีสี่ครึ่งของทุกวันและบอกว่า 'พ่อพาผมไปว่ายน้ำหน่อย' เขาจริงจังตั้งแต่วันแรก และผมเคยพูดกับเขาว่าลูกแค่ทำตามสิ่งที่ใจตัวเองต้องการก็พอ ที่เหลือพ่อจะเป็นคนคอยจัดการผลักดันให้เอง โจเซฟตั้งใจแน่วแน่ ตั้งแต่อายุยังน้อยเขาก็เป็นแบบนั้นมาตลอด ดังนั้นเราจึงไม่มีข้อสงสัยอะไรเลยในการที่จะทุ่มทุกอย่างที่มีให้กับลูกชายของเรา” พ่อของเขาเล่ากับ Yahoo 

อย่างไรก็ตามพ่อของ สคูลลิ่ง เป็นคนที่เอาจริงเอาจังและตั้งใจจะให้ลูกชายกลายเป็นนักกีฬาอาชีพ เขาทำในสิ่งที่คนเป็นพ่อทำใจได้ยากที่สุดเรื่องหนึ่ง นั่นคือการปล่อยลูกจากอ้อมอกตั้งแต่ยังเด็ก เพราะเนื่องจากเขาเห็นแววแล้วว่า สคูลลิ่ง เป็นเด็กที่มีพรสวรรค์สูง แต่เริ่มมีปัญหาเรื่องพฤติกรรมที่ติดสบายและไร้ความทะเยอทะยาน เนื่องจากการเดินสายแข่งในประเทศสิงคโปร์คือของง่าย ๆ และไม่ท้าทายอีกต่อไป 

สคูลลิ่ง โดนจับแก้ปัญหาเรื่องนี้ทันทีเมื่อพ่อของเขาส่งให้ไปเรียนเรื่องว่ายน้ำโดยตรงกับโค้ชว่ายน้ำระดับโลกที่เคยเป็นอดีตเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกอย่าง เซร์คิโอ โลเปซ ที่เปิดโรงเรียนสอนที่รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ตั้งแต่อายุ 13 ปีเท่านั้น 

"ผมไปอเมริกาครั้งแรกตอนอายุ 13 ปี มันทำใจได้ยากสักหน่อย เพราะตอนที่ผมยังเด็กผมค่อนข้างเป็นเด็กนิสัยไม่ค่อยจะดีนัก ผมไม่ค่อยทะเยอทะยานและไม่มีความอยากที่จะพัฒนาตัวเอง แต่พอไปถึงที่อเมริกาเท่านั้นแหละหลายสิ่งก็เปลี่ยนไป ความตื่นเต้นที่ได้เห็นโลกกว้างเปลี่ยนผมไปเป็นอย่างมากเลยทีเดียว" สคูลลิ่ง ย้อนความ 

การไปอเมริกาเป็นจุดเปลี่ยนของ สคูลลิ่ง อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะหลังจากฝึกที่นั่นได้ไม่นานเขาก็เหนือชั้นเกินกว่าที่จะแข่งขันในระดับอาเซียน เพราะในปี 2011 เขาก็สามารถคว้าเหรียญทองซีเกมส์ ได้ตั้งแต่อายุยังไม่ครบ 16 ปีเลยด้วยซ้ำ 

แต่สำหรับ สคูลลิ่ง ซีเกมส์ ก็แค่น้ำจิ้ม ... หลังจากนั้นเขาได้เข้าร่วมกับทีมว่ายน้ำของมหาวิทยาลัยเท็กซัส ที่นำโดย เอ็ดดี้ รีส โค้ชว่ายน้ำระดับตำนานของอเมริกาผู้เคยพานักกีฬาคว้าแชมป์ระดับประเทศถึง 15 สมัย และเป็นเจ้าของรางวัลโค้ชว่ายน้ำระดับมหาวิทยาลัยยอดเยี่ยมอีกด้วย 

ที่นั่นแหละที่ทำให้สคูลลิ่งเหมือนกับเสือติดปีก เขาก้าวกระโดดอย่างมากภายใต้การโค้ชชิ่งของ รีส ซึ่งคุณคงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าหลังจากฝึกกับ รีส ในฐานะลูกศิษย์เบอร์ 1 ถึง 2 ปี สคูลลิ่ง ก็สร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญทองว่ายผีเสื้อ 100 เมตร ในโอลิมปิกปี 2016 เหนือ ไมเคิล เฟลป์ส และทำให้เขากลายเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ชาติสิงคโปร์ที่คว้าเหรียญทองในมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ 

เหรียญทองเหรียญนั้นไม่ได้แค่เปลี่ยนชีวิตเขา แต่เปลี่ยนมุมมองคนสิงคโปร์ที่ไม่ค่อยได้ใส่ใจเรื่องกีฬามากมายนัก ให้เกิดปรากฏการณ์ "สคูลลิ่ง ฟีเวอร์" ผู้ปกครองทั้งหลายส่งลูกหลานเรียนว่ายน้ำกันทั้งนั้น ... และความดังนี้เองที่ทำให้เขาเริ่มไม่เหมือนเดิม 

 

เหรียญทองเปลี่ยนชีวิต 

ชีวิตของ สคูลลิ่ง เปลี่ยนตั้งแต่ลงเครื่องบินเหยียบแผ่นดินสิงคโปร์ ประเทศที่ทุกคนทำงานหนักและไม่ได้สนใจกีฬามากนัก เปลี่ยนไปแล้ว มีแฟน ๆ หลายพันคนมารับ สคูลลิ่ง ที่สนามบิน ก่อนจะขึ้นรถแห่ฉลองเหรียญทองนั้นสมราคาฮีโร่ 

สคูลลิ่ง ได้เงินรางวัลมากมายทั้งจากภาครัฐและเอกชนรวมเป็นเงินกว่า 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว ๆ 200 ล้านบาท ยิ่งกว่าเงินทองคือสิทธิพิเศษมากมาย อย่างที่รู้กันผู้ชายสิงคโปร์ทุกคนต้องเป็นทหารและไม่มีสิทธิ์ผ่อนผัน แต่เหรียญทองนั้นทำให้ สคูลลิ่ง เป็นแค่ไม่กี่คนในประเทศที่ได้รับสิทธิ์ผ่อนผันจนถึงหลังจบโอลิมปิก โตเกียว 2020 เพื่อให้เขาได้มีเวลาไปต่อยอดความสำเร็จระดับโลกต่อไป 

ความร่ำรวยและชื่อเสียงทำให้ สคูลลิ่ง เปลี่ยนไป ว่ากันว่าเขาสูญเสียสิ่งที่เรียกว่า "แพชชั่น" ลงอย่างสมบูรณ์แบบหลังจากเหรียญทองที่ ริโอ สิ่งที่ยืนยันได้คือเขาไม่ได้ดูแลตัวเองมากนัก โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกินที่ปล่อยตัวเองให้น้ำหนักเพิ่มจาก 73 กิโลกรัมเป็น 80 กิโลกรัม ซึ่งมีผลแน่นอนกับกีฬาที่ต้องใช้สรีระเป็นหลักอย่างการว่ายน้ำ 

แม้แต่เจ้าตัวเองก็ยังยอมรับว่าเขาเกิดอาการหลงระเริงกับความสำเร็จ และไม่ว่าจะทำให้อะไรหยิบจับสิ่งไหนก็ได้รับคำยกย่องและเป็นชื่อเสียงเงินทองไปเสียหมด ... มีมนุษย์ไม่กี่คนหรอกที่จะต้านสิ่งเหล่านี้ได้ หากคุณไม่ใช่คนที่เกิดมามีความกระหายอยากระดับเดียวกับตำนานนักกีฬาอย่าง ไมเคิล จอร์แดน, โคบี้ ไบรอันท์ รวมถึง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 

สคูลลิ่ง ยังไม่รู้ตัวมากนักในตอนแรกเพราะเขายังกวาดแชมป์ในระดับภูมิภาค จนกระทั่งเวลาค่อย ๆ ผ่านไปเหมือนสายน้ำที่ไม่เคยหวนกลับ สคูลลิ่ง มีผลงานตกลงเรื่อย ๆ ในแง่ของตัวเลขสถิติที่ถดถอย ร่างกายก็เริ่มแย่ลงอย่างชัดเจน หนำซ้ำหลังเรียนจบมหาวิทยาลัยเท็กซัส และมาใช้ชีวิตกินอยู่ในสิงคโปร์ มันทำให้เขาขาดความเข้มข้นในการซ้อม และสิ่งที่สะท้อนกลับมาคือนับวันยิ่งมีคนตั้งข้อสังเกตกับฮีโร่ของชาติคนนี้ว่า "เขาหมดสภาพแล้วหรือเปล่า ?"

ยิ่งนานวันเสียงวิจารณ์ก็มากขึ้น ขนาดคนนอกยังรู้แล้วมีหรือตัวเขาเองจะไม่รู้ ? สคูลลิ่ง ใช้เวลาหลังปี 2019 ที่ฟอร์มของเขาตกมาก ๆ กลับไปอยู่สหรัฐอเมริกาและร่วมซ้อมกับทีมว่ายน้ำมหาวิทยาลัยอีกครั้ง แต่หนนี้เวลานั้นได้ล่วงเลยไปแล้ว และช่วงเวลาหลายปีที่เขาล้มเหลวทั้งในแง่ของประสิทธิภาพการแข่งขันและวินัยนอกสนามมันกัดกินเขาจน สคูลลิ่ง ไม่ได้เป็น "ราชาท่าผีเสื้อ" ของโลกใบนี้อีกต่อไป 


อันที่จริงด้วยเงินทองและชื่อเสียงที่มี สคูลลิ่ง จะเลิกว่ายน้ำและใช้เวลาที่เหลือของชีวิตกับสิ่งที่ตัวเองยังพอทำได้ก็ได้ แต่อย่าลืมว่า สคูลลิ่ง เป็นคนที่เคยมีกองไฟแห่งความทะเยอทะยานอยู่ในตัว วันนี้กองไฟกองนั้นได้มอดลงเป็นเถ้าถ่าน เหลือเพียงประกายไฟเล็กน้อยที่เอาไปจุดอะไรก็ไม่ติด ... และนั่นทำให้คนที่เคยเกลียดความพ่ายแพ้อย่างเขารู้สึกผิดหวังในตัวเองอย่างเลี่ยงไม่ได้ 

 

ซูเปอร์ฮีโร่ตกอับ

สิ่งที่ตอกย้ำว่า สคูลลิ่ง ไม่ใช่คนเดิมอีกแล้วแม้จะพยายามฝึกหนักเท่าไหร่ก็ตามคือโอลิมปิกที่โตเกียว ซึ่งถูกเลื่อนมาจัดแข่งช่วงกลางปี 2021 เพราะแม้กระทั่งท่าที่เขาถนัดที่สุดอย่างท่าผีเสื้อ สคูลลิ่ง ก็ไม่สามารถผ่านได้แม้กระทั่งรอบคัดเลือก 

สคูลลิ่ง เปลี่ยนสภาพจากฮีโร่กลายเป็นตัวตลกทันที หลาย ๆ คนแซวเขาเรื่องเกณฑ์ทหาร เรื่องน้ำหนักตัว เรื่องงานสังคมและงานพรีเซนเตอร์ต่าง ๆ และถ้าโดนขนาดนั้นทุกวี่ทุกวัน ไม่ว่าคุณจะทำเป็นไม่สนแค่ไหน สุดท้ายคุณก็ต้องยอมรับว่าจริง ๆ มันได้ทำร้ายคุณอย่างมาก เพียงแค่คุณจะยอมรับและจัดการกับความขุ่นเคืองในจิตใจนี้อย่างไร 

แม้จะพยายามสุดความสามารถแต่ความสำเร็จกลายเป็นเรื่องที่เขาไม่สามารถเข้าใกล้ได้อีกแล้ว สคูลลิ่ง เริ่มกลับมาเป็นคนที่ไร้วินัยในการใช้ชีวิตอีกครั้ง  

อันที่จริงการมีความสุขกับการใช้ชีวิตนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ใช่ความผิดอะไร สคูลลิ่ง ก็แค่กลับไปเป็นคนธรรมดาที่กินเต็มที่ ใช้ชีวิตแบบที่ตัวเองอยากทำ อย่างมากที่สุดก็แค่เลิกว่ายน้ำแล้วไปเอาดีทางด้านอื่น ๆ แทน 

ทว่านั่นไม่ใช่บททดสอบเดียวที่เขาต้องรับมือ ความล้มเหลวในอาชีพเป็นเพียง "บอสเล็ก" ในชีวิตเขาเท่านั้น เพราะความโศกเศร้าที่แท้จริงได้ตามมาในช่วงปลายปี 2021 เมื่อ โคลิน สคูลลิ่ง พ่อของเขาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตับในวัย 73 ปี 

อย่างที่ได้กล่าวเอาไว้ข้างต้น พ่อของ สคูลลิ่ง เป็นคนที่มีอิทธิพลกับอาชีพและการใช้ชีวิตของเขาเป็นอย่างมาก แม้การเกิดแก่เจ็บตายจะเป็นสัจธรรมของชีวิต และเราต่างพร่ำบอกกันว่าจงยอมรับและอยู่กับมันให้ได้ ทว่าของแบบนี้ไม่เจอกับตัวเอง ไม่มีทางเข้าใจ

สคูลลิ่ง เสียศูนย์อย่างหนักยิ่งกว่าเรื่องไหน ๆ ในชีวิต ครั้งนี้แค่การกินสิ่งที่อยากกิน เที่ยวที่ที่อยากเที่ยว และทำในสิ่งที่อยากทำไม่เพียงพอที่จะเยียวยาความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นได้อีกแล้ว ยิ่งมีเรื่องของแรงกดดันในฐานะนักกีฬาบวกเพิ่มเข้าไปอีก เขาจึงเริ่มใช้กัญชาเป็นทางออก ซึ่งที่ประเทศสิงคโปร์ กัญชาถือเป็นยาเสพติดและผิดกฎหมายเต็มประตู เหนือสิ่งอื่นใดยังมีบทลงโทษที่รุนแรงเป็นอย่างมาก

กฎหมายของสิงคโปร์นั้นหากมีการตรวจพบว่ามีการใช้ยาเสพติด ไม่ว่าจะเจอจากการตรวจจากปัสสาวะหรือสิ่งใด ๆ ที่พิสูจน์ได้ก็ตาม ผู้ที่ถูกตรวจพบจะต้องโดนปรับ 14,300 ดอลลาร์สหรัฐ และต้องระวางโทษจำคุกสูงสุดถึง 10 ปี แถมถ้าหากไม่ใช่แค่เสพ แต่เป็นการค้า โทษจะหนักขึ้นไปอีกถึงขั้นประหารชีวิตเลยทีเดียว เรื่องนี้จริงจังถึงขนาดที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องเห็นป้ายเตือนตั้งแต่ถึงสนามบินชางงีหรือพรมแดนประเทศ

กระทรวงกลาโหมของสิงคโปร์เผยถึงเรื่องดังกล่าวว่า สคูลลิ่ง นั้นถูกตรวจพบว่าใช้กัญชาในระหว่างการแข่งขันซีเกมส์ที่เวียดนาม และยังมีการใช้กัญชาติดต่อกันมาเรื่อย ๆ ในช่วงที่เขาเข้าเป็นทหารอีกด้วย บทลงโทษเบื้องต้นสำหรับ สคูลลิ่ง คือการต้องถูกตามผลตรวจปัสสาวะไปอีก 6 เดือนหลังจากนี้ และเขาจะต้องถูกเข้าคุกทหารเป็นเวลาอย่างน้อย 9 เดือนหากมีการตรวจพบผลเป็นบวกเพียงแค่ครั้งเดียว

กระแสวิจารณ์ทางแง่ลบเกิดขึ้นมหาศาลยิ่งกว่าตอนที่เขาฟอร์มตกจากการเป็นเจ้าสระเสียอีก บ้างก็กระแนะกระแหนว่ารัฐบาลอุตส่าห์ผ่อนผันให้สามารถออกจากค่ายทหารได้เพื่อไปฝึกซ้อม ไปคว้าเหรียญรางวัลให้ประเทศ แต่กลับใช้สิทธิ์นั้นไปเสพยาเสพติด (ตามคำจำกัดความของกฎหมาย) บ้างก็เปรียบเขาเหมือนกับเด็กใจแตกที่นับตั้งแต่ได้รับการยกย่องก็สนใจแต่สิ่งที่ตัวเองจะได้รับ มากกว่าสนใจในสิ่งที่ตัวเองลงมือทำ 

สคูลลิ่ง ได้แต่ขอโทษกับสิ่งที่เขาทำลงไป โดยเขาออกมาขอโทษผ่านสื่อว่า "ผมขอโทษกับทุกสิ่งที่ผิดพลาดที่ผมได้ทำลงไป ผมยอมรับว่าผมยอมแพ้ให้กับความอ่อนแอและช่วงเวลาที่ยากลำบากที่เกิดขึ้น ผมกลายเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี และไม่มีอะไรที่เอ่ยมากกว่าคำขอโทษอีกแล้ว"

"ผมผิดและผมของรับผิดชอบกับสิ่งที่ผมทำ ผมจะชดใช้ทุกอย่างในสิ่งที่ผมได้ทำพลาดพลั้งไป และผมสัญญาว่าต่อจากนี้ผมจะไม่ทำให้คุณต้องผิดหวังอีก" สคูลลิ่ง กล่าว

ที่สุดแล้วโทษของ สคูลลิ่ง อาจจะไม่ได้ร้ายแรงไปมากกว่าการบำบัดและเฝ้าระวังจากผลตรวจปัสสาวะ แต่สิ่งที่หนึ่งที่เขารับรู้ได้คือช่วงชีวิตที่ดีที่สุดของเขาได้ผ่านไปอย่างน่าเสียดาย ... ไม่มีอีกแล้วอัจฉริยะผู้พิชิตตำนานอย่าง ไมเคิล เฟลป์ส เหลือเพียงแต่ โจเซฟ สคูลลิ่ง ในวัย 28 ปี ที่ต้องยอมรับความจริงของชีวิต และยืนหยัดต่อไปเพื่อทำในสิ่งที่ทำให้เขากลับมามีค่าและมีความภาคภูมิใจอีกครั้ง ... อย่างน้อย ๆ ก็กับตัวเขาเอง 

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.bbc.com/news/world-asia-62734018
https://www.straitstimes.com/singapore/swimming-i-am-sorry-says-joseph-schooling-after-admitting-to-taking-cannabis
https://www.channelnewsasia.com/singapore/joseph-schooling-timeline-events-2016-olympics-drug-cannabis-2911491
https://www.todayonline.com/sports/science-propelled-schooling-victory-rio
https://uk.news.yahoo.com/parents-olympian-joseph-schooling-221752248.html
https://en.wikipedia.org/wiki/Joseph_Schooling

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

ภราดร ภราดร

อยากจะทำให้ดี ไม่ใช่แค่อยากจะทำให้เป็น