Feature

The battle of Bramall Lane : เกมเดือดที่หวดกันจนต้องยกเลิกเพราะเหลือนักเตะแค่ 6 คน | Main Stand

ฟุตบอลอังกฤษขึ้นชื่อเรื่องการสกัดบอลที่หนักหน่วง เป็นการเข้าปะทะแบบเน้น ๆ ทั้งคนทั้งบอลอยู่แล้ว ทว่าบนหน้าประวัติศาสตร์ตลอด 30 ปี หลังต่อให้เตะกันหนักขนาดไหน อุณหภูมิเกมเดือดสักเท่าไร ก็มีเพียงเกมเดียวเท่านั้นที่ "ไม่สามารถเล่นต่อจนจบ 90 นาทีได้" 


 

แมตช์ดังกล่าวชื่อว่า The battle of Bramall Lane ... และนี่คือเรื่องราวของแมตช์เดย์อันร้อนแรงและดุเดือดที่สุดเท่าที่วงการฟุตบอลอังกฤษเคยมี 

ติดตามได้ที่ Main Stand 

 

ได้ดิ … แบบนี้เดี๋ยวเจอกัน

บรามอล เลน คือสนามเหย้าของทีมเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ทีมขาประจำระดับลีกรองที่หลายคนน่าจะคุ้นเคยกันดี และสนามแห่งนี้คือสังเวียนที่เริ่มต้นตำนานแมตช์การแข่งขันที่ดุเดือดที่สุดในฟุตบอลอังกฤษ 

แน่นอนว่า เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด มีส่วนเกี่ยวข้องแน่ แต่คู่กรณีของพวกเขาในแมตช์ The battle of Bramall Lane กลับไม่ใช่ เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ คู่ปรับร่วมเมืองของพวกเขา แต่เป็นทีมที่ไม่เคยมีความเเค้นกันมาแต่ในอดีตหรือชาติปางก่อน นั่นคือ เวสต์บรอมวิช อัลเบียน สโมสรจากแถบมิดแลนด์ ที่ไม่ได้อยู่บ้านใกลเรือนเคียงกับพวกเขาแต่อย่างใด ... และเรื่องนี้มีที่มาจากนักเตะ 2 คน ที่เป็นเหมือนน้ำผึ้งหยดเดียวของเกมสำคัญเกมนี้ 

ย้อนกลับไปในปี 2000 ณ การแข่งขันรายการ เดอะ เเชมเปี้ยนชิพ ระหว่าง เวสต์บรอมวิช ต้องลงเล่นเจอกับทีม นอตติงแฮม ฟอเรสต์ ในเกมนั้นเกิดเหตุการณ์ที่ถูกกล่าวถึงยิ่งกว่าผลการแข่งขัน นั่นคือการเข้าปะทะกันอย่างหนักหน่วงกลางอากาศของ จอร์จ ซานโตส นักเตะของ เวสต์บรอมฯ และ แอนดี้ จอห์นสัน จากฝั่งฟอเรสต์ 

จังหวะปะทะดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อบอลกระดอนลอยอยู่กลางอากาศ ซานโตส กำลังจะเข้าถึงลูกนั้นก่อน แต่ จอห์นสัน ที่เข้ามาถึงช้ากว่าเพียงเสี้ยววินาทีก็มาด้วยความแรงเต็มพิกัด ทำให้เกิดการชนกันอย่างจัง และ ซานโตส ก็ไมได้เกร็งรอไว้ในจังหวะนั้น

แม้ภาพจังหวะปะทะดังกล่าวไม่สามารถหาดูได้เเล้ว แต่คนที่จดจำเรื่องนี้อย่างขึ้นใจคือ ซานโตส นักเตะสายเลือดฝรั่งเศส-เคปเวิร์ด คือคนที่ได้รับบาดเจ็บหนักจากการเข้าปะทะครั้งนั้น และเขาไม่มีวันลืม 

"ผมเจ็บสาหัสเลย การผ่าตัดเกิดขึ้นทันทีเมื่อผมถูกหามออกจากสนาม จริง ๆ มันควรจะใช้เวลาผ่าตัดไม่เกิน 2 ชั่วโมง แต่ให้ตายเถอะ วันนั้นผมต้องนอนอยู่ในห้องผ่าตัดนานถึง 6 ชั่วโมง ศัลยแพทย์บอกผมว่าผมอาจจะสูญเสียการมองเห็นไปก็ได้ แต่ที่แน่ ๆ อาการของผมคือจมูกหัก โหนกแก้มแตก เบ้าตาทั้งสองข้างแตก หนักขนาดนี้จึงเป็นเหตุผลที่ผมจะจำมันไปตลอดชีวิต" จอร์จ ซานโตส กล่าว 

ณ เวลานั้น ซานโตส ไม่ได้อายุน้อย ๆ แล้ว เขาอยู่ในวัย 30 ปี เรียกได้ว่าเป็นตอนท้าย ๆ ของอาชีพนักฟุตบอลแล้ว การได้มาเล่นกับเวสต์บรอมฯ ซึ่งถือเป็นทีมใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขา เขาอาจจะไปไกลกว่านี้ก็ได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเขาสามารถเลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกสูงสุด แต่ทุกอย่างก็จบลงด้วยการเข้าปะทะครั้งนั้น และสาเหตุที่ ซานโตส จำไม่ลืมก็คือเขาไม่เคยได้รับการขอโทษจาก แอนดี้ จอห์นสัน คู่กรณีของเขาเลย 

ตัดภาพกับมาที่ จอห์นสัน เขาให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ภายหลังว่า "ผมจำไม่ได้ เขาได้รับบาดเจ็บหนักและดูเหมือนว่าเขาคงคิดว่าผมตั้งใจจะทำให้มันเป็นแบบนั้น ... ซึ่งนั่นไม่มีทางเป็นไปได้ คณะกรรมการวินัยของ FA ตรวจสอบผม และพวกเขาก็ได้คำตอบเช่นกัน พวกเขาคิดว่าผมกระทำลงไปโดยไม่เจตนา" 

การสัมภาษณ์แบบนั้นทำให้ ซานโตส จี๊ดใจแบบสุด ๆ และโอกาสถามใส่ก็มาถึง มันเป็นเกมนัดที่ 2 ที่ทั้งคู่ต้องเจอกันในฟุตบอลลีก โดยเกมนี้ เวสต์บรอม จะต้องมาเยือน ฟอเรสต์ บ้าง และ แน่นอนว่าซานโตสยังคงเจ็บหนักและยังไม่หายดีแต่เขาก็เดินทางมากับทีมด้วย ... และมันทำให้เขาได้เจอกับ แอนดี้ จอห์นสัน ที่รอจะจับมือเขาเพื่อขอยุติความบาดหมาง 

"ผมลงจากรถปั๊ป แอนดี้ จอห์นสัน ก็ดักรอผมอยู่ที่หน้าประตู ... เพื่อนร่วมทีมของเขามาบอกผมว่าเขาอยากจะขอจับมือกับผม แต่ผมคิดในใจ นี่มึงเอางี้จริงดิ ? ... ช้าไปหน่อยมั้ง 5 เดือนแบบนี้มันช้าเกินไป" ซานโตส กล่าวกับ The Athletic

ทั้งสองคนได้แต่มองหน้ากัน หากเป็นภาษานักเลงก็คงจะออกแนวประโยคสนทนาแบบ "ได้ดิ ... ไว้เดี๋ยวเราเจอกันในสนาม"  ... ความแค้นเล็ก ๆ ก่อตัวขึ้น ก่อนที่ 2 ปีถัดมาชะตาจะนำทั้งคู่มาพบกันอีกครั้งที่ บรามอล เลน 

 

The battle of Bramall Lane

ในเดือนมีนาคม ปี 2002 ที่ บรามอล เลน เกมระหว่าง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด และ เวสต์บรอมวิช มีความสำคัญระดับหนึ่งโดยเฉพาะกับทีมเยือนอย่าง เวสต์บรอมฯ ที่ ณ เวลานั้นอยู่อันดับ 3 ของตาราง มีลุ้นเลื่อนชั้นแบบไม่ต้องเพลย์ออฟ 

แต่ประเด็นคือเกมนี้คือการกลับมาพบกันอีกครั้งของอดีตคู่แค้นเมื่อ 2 ปีก่อนอย่าง จอร์จ ซานโตส และ แอนดี้ จอห์นสัน แต่รอบนี้เป็นการเปลี่ยนฝั่งกัน 

หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น จอร์จ ซานโตส เจ็บหนักจนแทบไม่ได้เล่นกับ เวสต์บรอมฯ เลยจนหมดสัญญา สุดท้ายก็ย้ายมาอยู่กับ เชฟฯ ยูไนเต็ด แบบไม่มีค่าตัว ขณะที่ จอห์นสัน นั้นได้ดิบได้ดีเป็น คัลต์ ฮีโร่ ของฝั่ง ฟอเรสต์ ก่อนที่ในปี 2001 จะถูก เวสต์บรอมฯ ซื้อสัญญาที่กำลังจะหมดลงรวมเป็นมูลค่าราว 2 แสนปอนด์  

แน่นอนว่าฝั่ง จอห์นสัน นั้นก็ลืม ๆ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีก่อนไปบ้างแล้ว กลับกันกับฝั่ง จอร์จ ซานโตส ที่ยังคงหายใจเข้าหายใจออกเป็นความเเค้น และยังคงเฝ้ารอที่จะได้เจอกับ จอห์นสัน ในสนามเหมือนที่เคยท้าทายกันเมื่อครั้งอดีต 

และบังเอิญว่าในเกมที่ บรามอล เลน วันนั้น ก็เหมือนเป็นการสาดน้ำมันเข้ากองไฟ เพราะบรรยากาศเกมดุเดือดเกินกว่าที่ใครหลายคนคิด แม้ว่า ซานโตส จะไม่ได้ออกสตาร์ทเป็น 11 ตัวจริงก็ตาม 

เบื้องหลังอาจจะมาจาก แกรี่ เม็กสัน กุนซือของฝั่งเวสต์บรอมฯ ที่เป็นแฟนบอลเดนตายของเชฟฯ เวนส์เดย์ คู่ปรับตลอดกาลของเจ้าบ้าน เชฟฯ ยูไนเต็ด ที่ทีมของเขากำลังจะไปเจอ และ เม็กสัก เองก็เคยได้รับข้อเสนอจาก เชฟฯ ยูไนเต็ด ให้ไปคุมทีมมาก่อน แต่เขาปฎิเสธด้วยเหตุผลว่า "ผมเป็นแฟนเชฟฯ เวนส์" เห็นได้ชัดว่าตัวของเขานอกจากจะอยากให้ทีมชนะเพื่อโควตาเลื่อนชั้นแล้ว เขายังอยากฝากรอยแค้นในฐานะแฟนบอล เวนส์เดย์ ให้กับแฟนบอลเจ้าบ้านอีกด้วย 

เริ่มเกมไปได้แค่ 9 นาที ไซมอน เทรย์ซี่ย์ โกลของ เชฟฯ ยูไนเต็ด ก็มาพลาดโดนใบเเดง ทำให้ทีมเหลือ 10 คน ตั้งแต่ต้นเกม หลังจากนั้น เวสต์บรอมฯ ก็เล่นสบาย ๆ สก็อต โดบี้ กองหน้าดีกรีทีมชาติสกอตแลนด์ก็จัดการยิงเปิดหัวในเกมนี้ ก่อนจะปิดกล่องตั้งนาทีที่ 63 ด้วยประตูของ ดีเร็ก แม็คอินเนสส์ กองกลางกัปตันทีมที่ยิงไกลให้ทีมหนีห่างไปเป็น 2-0 

เกมไม่ควรจะมีอะไรต้องค้างคาด้วยสกอร์ขนาดนี้ แต่แล้ว นีล วอร์น็อก เฮดโค้ชของทีมก็ส่งตัวเปิดงานอย่าง จอร์จ ซานโตส ลงสนาม หลังจากที่โดนยิงประตูที่ 3 โดยผู้บรรยายการถ่ายทอดสดก็รีบพูดย้อนความจำขึ้นมาทันทีว่า

"จอร์จ ซานโตส ลงมาเเล้ว เขาเคยมีประวัติกับ แอนดี้ จอห์นสัน นักเตะของ เวสต์บรอมฯ จากอุบัติเหตุหนักเมื่อครั้งที่พวกเขาเคยเจอกันในเกม เวสต์บรอมฯ กับ ฟอเรสต์ นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองคนเจอกันในสนามหลังจากวันนั้น" เมื่อเสียงคนพากย์สิ้นสุดลงกล้องก็แพลนมาที่ ซานโตส โดยเจ้าตัวเหลือบตาไปมองที่ จอห์นสัน และแลบลิ้นเลียริมฝีปาก 1 ครั้ง ... ราวกับเป็นสัญญาณเตือนบางอย่าง

หลังจากฉากดังกล่าวผ่านไปไม่กี่วินาทีนาทีเพื่อนร่วมทีม เวสต์บรอมฯ ก็ยัดบอลเข้าเเดนกลางให้ แอนดี้ จอห์นสัน แบบ 50-50 และบังเอิญว่าคนประกบเขาคือ จอร์จ ซานโตส ... ไม่ต้องเดาว่าอะไรจะเกิดขึ้น ซานโตส วิ่งด้วยความเร็วที่สุดในชีวิตของเขาและเปิดปุ่มเข้าบอลจังหวะดังกล่าวเต็ม ๆ  

แอนดี้ จอห์นสัน ตัวลอยกุมที่หน้าแข้งของตัวเอง แฟนบอลที่บรามอล เลน ตะโกนอย่างสะใจจากจังหวะนั้น ก่อนที่หลังจากนั้นอีกอึดใจเดียวผู้ตัดสิน เอ็ดดี้ โวลสเทนโฮล์ จะเข้ามาแจกใบแดงให้กับ ซานโตส ทันที 

"ยังไงก็ต้องเป็นใบเเดง นี่คือการเข้าปะทะที่โง่ที่สุดและตัดสินใจง่ายที่สุดในอาชีพของผมเลย" กรรมการในวันนั้นกล่าวอย่างสบาย ๆ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นกลับไม่สบาย ... เมื่อนักเตะทั้งสองทีมเริ่มตะลุมบอนกันแบบไม่รู้ใครเป็นใคร 

"นักเตะทั้งสองฝั่งกรูกันเข้ามาที่ผม จากนั้น แพทริค ซัฟโฟ นักเตะของฝั่ง เชฟฯ ยูไนเต็ด ก็วิ่งเข้ามาก่อนใครเพื่อนด้วยท่าทางโกรธควันออกหู โดยมี แม็คอินเนสส์ กัปตันของ เวสต์บรอมฯ ช่วยกันให้ผม แต่พระเจ้าช่วย ซัฟโฟ เปลี่ยนเป้าไปตบใส่หัวของ แม็คอินเนสส์ แทน" กรรมการในวันนั้นบรรยายต่อ

"เป็นอีกครั้งที่ตัดสินง่าย ๆ ผมจัดการควักใบเเดงให้กับ ซัฟโฟ ขณะที่หันไปอีกฝั่งกองหลังของ เวสต์บรอมฯ อย่าง ดาร์เรน มัวร์ ก็พุ่งมาเตรียมเอาเรื่องกับ ซัฟโฟ โดยมีอีกหลายคนพยายามห้ามเข้าไว้"  

เกมเดือดทันทีหลังจากนั้น ยิ่งเมื่อ โดบี้ ยิงประตูปิดกล่อง 3-0 เกมก็เริ่มไม่เป็นเกมเเล้ว มีการตอดเล็กตอดน้อย และนักเตะทั้งสองฝั่งพุ่งเข้าฮึดฮัดกันตลอด กลายเป็นเกมที่เตะไปหยุดไป นักเตะหลายคนเดินกะเผลกเพราะการเข้าปะทะที่ถึงลูกถึงคน  

จากนั้นในนาทีที่ 77 ของเกม ไมเคิล บราวน์ นักเตะของ เชฟฯ ยูไนเต็ด ก็เดินกระเผลกออกจากสนามและไม่สามารถเล่นต่อได้ ต่อด้วยนาทีที่ 82 โรเบิร์ต อุลลาธอร์น ของ เชฟฯ ยูไนเต็ด ต้องมาเจ็บเพิ่มด้วยอาการกล้ามเนื้อกระตุก 

ประตูโดนใบเเดง 1, นักเตะโดนใบเเดง 2, นักเตะเจ็บเล่นต่อไปไม่ไหวอีก 2 นั่นหมายความว่าในนาทีที่ 82 เชฟฯ ยูไนเต็ด เหลือนักเตะเพียง 6 คนในสนามเท่านั้น และตามกฎของฟุตบอลอังกฤษหากนักเตะทีมใดก็ตามเหลือ 6 คนจะไม่สามารถเเข่งขันต่อไปได้และต้องยุติเกมการแข่งขันทันที พร้อมทั้งปรับแพ้ฝั่งที่นักเตะไม่พอด้วยสกอร์ 3-0  

จากความเดือดตลอดทั้งเกมทำให้แมตช์ The battle of Bramall Lane คือเเมตช์แรกในประวัติศาสตร์ที่ไม่สามารถแข่งขันให้จบภายใน 90 นาทีได้ ... แต่เรื่องยังไม่จบแค่นั้น เพราะเกม ๆ นี้แหละที่ทำให้เกิดคู่แค้นคู่อาฆาตกันอีกหลายคู่ในภายหลังเลยทีเดียว

 

แมตช์เดียวเกลียดกันจนวันนี้ 

การถูกยกเลิกแมตช์เพราะนักเตะไม่พอไม่เคยเกิดขึ้น และมันเป็นเรื่องน่าอับอายสำหรับเจ้าบ้าน เชฟฯ ยูไนเต็ด เพราะมีแนวคิดเกิดขึ้นหลายอย่างว่าพวกเขาตั้งใจจะทำให้เกมเป็นแบบนี้ ให้เดือดเลือดสาดเพราะทีมไม่ได้ผลการแข่งขันที่ต้องการ หรือไม่ก็ให้นักเตะแกล้งเจ็บเพื่อให้จบการแข่งขัน เพื่อประท้วงขอแข่งใหม่ หรือใด ๆ ก็ตาม 

หลังเกมจบลงทาง FA มีการเรียกทั้งสองฝั่งมาคุยกัน โดย จอห์น นาเกิล โฆษกของ FA ได้มีการพูดถึงเรื่องของประเด็นดังกล่าวและมีความเห็นว่าอาจจะตัดสินให้ผลการแข่งขันเป็นแบบเดิม หรือไม่ก็อาจจะให้เกมนี้เเข่งขันกันอีกครั้ง ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เกิดคู่กรณีแรกที่เกลียดกันจนวันนี้นั่นคือ แกรี่ เม็กสัน และ นีล วอร์น็อก กุนซือของทั้งสองฝั่ง

"จะไม่มีการเล่นเกมนี้อีกครั้งใด ๆ ทั้งสิ้น ถ้าทีมของผมถูกบังคับให้แข่งขันอีกครั้งที่บรามอล เลน ผมจะให้พวกเขาเขี่ยลูกแล้วเดินออกจากสนามไปเลย ผมเป็นมืออาชีพมาตั้งแต่อายุ 16 ปี ตอนนี้ผมอายุ 42 ปีแล้ว ผมไม่เคยเห็นอะไรที่น่าอัปยศและน่าอับอายเท่ากับเกมนี้มาก่อน อะไรก็ไม่น่าทุเรศเท่ากับการกระทำของพวกเขาและการเสนอแนวคิดแบบนี้อีกเเล้ว" เม็กสัน กล่าว และยังมีการพาดพิงถึงฝั่ง เชฟฯ ยูไนเต็ด ด้วยว่าพยายามแกล้งเจ็บเพื่อทำให้เกมนี้เป็นประเด็นเพื่อหาโอกาสแข่งอีกครั้งหนึ่ง

ขณะที่ วอร์น็อก ก็ตอบกลับแบบประชดว่า "เออ ผมเองแหละ ช่วงพักครึ่งผมปาเก้าอี้พับใส่ให้นักเตะเจ็บเองมั้ง คิดมาได้"  

หลังจากนั้นทาง FA ก็ได้ข้อสรุปว่า "เชฟฯ ยูไนเต็ด ถูกปรับ 10,000 ปอนด์โดยเอฟเอ ซานโตส ถูกแบนหกนัด (สี่บวกสองสำหรับการกระทำรุนแรง) ซัฟโฟ จ่ายค่าปรับ 3,000 ปอนด์และได้รับการแบนหกนัด และ คีธ เคอร์ลี่ย์ ถูกปรับเงิน 500 ปอนด์และได้รับการห้ามสองนัดในขณะที่ วอร์น็อก ถูกปรับ 300 ปอนด์สำหรับ "ความประพฤติที่ไม่เหมาะสมต่อผู้ตัดสินที่สี่" 

เกมนี้ไม่ต้องเตะใหม่ก็จริง แต่การหวดกันไฟแลบก็ทำให้มีอีกหลายคู่กรณีเกิดขึ้น ทั้ง จอร์จ ซานโตส ที่ดักรอเอาเรื่องกับ แอนดี้ จอห์นสัน ในอุโมงค์นักเตะ และมีการชุลมุนกันเกิดขึ้นจนตำรวจต้องมาห้ามกันยกใหญ่

นอกจากนี้ จอร์จ ซานโตส และ แพทริค ซัฟโฟ 2 ตัวก่อเรื่องในวันนั้นถูกเรียกเข้าไปอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นกับทางสโมสร ไม่ว่าพวกเขาจะคุยอะไรกันแต่ที่สุดเเล้วทั้งคู่ก็จบกันแบบไม่สวยเพราะ ซานโตส และ ซัฟโฟ คิดว่าสโมสรกำลังทำให้พวกเขากลายเป็นแพะรับบาป และจากนั้นทั้งคู่ก็ยืนกรานจะไม่ลงเล่นให้กับสโมสรอีกเลย

"ผม และ แพทริค ซัฟโฟ ไม่ได้ลงเล่นให้เชฟฯ ยูไนเต็ด อีกเลยหลังจากนั้น เรากลายเป็นแพะรับบาป เมื่อเกมถูกยกเลิกพวกเขาคิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่และคิดว่าต้องมีคนที่รับผิดชอบ มีบอร์ดบริหารโทรมาให้ผมเข้าไปรายงานตัว และพวกเขาบอกผมว่า 'จากนั้นผมจะไม่ให้คุณลงเล่นอีก' ... ส่วนเรื่องผมกับ แอนดี้ จอห์นสัน เราไม่ได้เจอกันอีกเลยซึ่งเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว ผมกับเขาเราอย่าเจอกันน่าจะดีกว่า" ซานโตส กล่าว ก่อนที่เขาจะทิ้งท้ายถึงจังหวะเริ่มต้นที่ทำให้เกม ๆ นั้นเป็นประวัติศาสตร์ว่า

"ผมก็แค่ไปแย่งบอลมา ผมทำไปตามหน้าที่ มันเป็นการเล่นที่สมบูรณ์แบบ เข้าปะทะแบบ 50-50 ผมไม่ได้ตั้งใจเตะเขาหรอกนะ ก็แค่ป้องกันตัวเอง ถ้าได้ใบเหลืองผมจะคิดว่ามันยุติธรรมดี"

"แต่ผมไม่เสียใจหรอกนะที่เข้าปะทะแบบนั้น สิ่งเดียวที่เสียใจคือการปะทะของผมทำให้เพื่อนร่วมทีมผิดหวัง เหนือสิ่งอื่นใด แพทริค ซัฟโฟ คือคนเดียวที่เคียงบ่าเคียงไหล่ผมในวันนั้น เขาคอยซัดกับพวกนักเตะเวสต์บรอมฯ ที่กำลังจะรุมผม เขาอยู่ตรงนั้นเพื่อปกป้องผมโดยแท้จริง" 


จนถึงวันนี้เรื่องราวก็ผ่านมากว่า 20 ปีแล้ว และการเข้าปะทะของ จอร์จ ซานโตส ยังคงถูกกล่าวถึงในฐานะจังหวะจุดชนวนความเดือด รวมถึงการเข้าปะทะที่น่าเกลียดที่สุดจังหวะหนึ่งของประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ

แน่นอนว่าจากเหตุการณ์ครั้งนั้นทั้ง เวสต์บรอมฯ และ เชฟฯ ยูไนเต็ด ก็ได้เพิ่ม “คู่แค้น” มาอีก 1 ทีมในโพยของกันและกัน … พวกเขากลายเป็นอริกัน อย่างน้อย ๆ ก็ในมุมมองของแฟนบอลจนถึงทุกวันนี้ 

 

แหล่งอ้างอิง

https://thefootballfaithful.com/remembering-the-battle-of-bramall-lane/
https://en.wikipedia.org/wiki/Battle_of_Bramall_Lane
https://theathletic.com/3183390/2022/03/16/the-battle-of-bramall-lane-inside-the-match-abandoned-after-three-red-cards-and-two-injuries/
https://thesetpieces.com/latest-posts/battle-bramall-lane/
https://www.planetfootball.com/nostalgia/battle-of-bramall-lane-sheffield-united-west-brom-eddie-wolstenholme/

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ