"ผมชอบดูทีมที่ลงสนามไปสร้างความบันเทิง แน่นอนว่าเราต้องการประสบความสำเร็จ และเราจะไม่เป็นเช่นนั้นหากเราทำสิ่งยาก ๆ แต่เราจะไม่ออกไปเพื่อพยายามชนะแค่ 1-0"
แอนจ์ ปอสเตโคกลู ตอบกลับหลังโดนกระแสพูดถึงการเล่นที่เสี่ยงเกินไป จนทำให้ความสม่ำเสมอแทบไม่มี สัปดาห์นี้ชนะสวย ๆ สัปดาห์ต่อมากลับแพ้ยับ มีให้เห็นเป็นประจำ
หลักการของเขาเป็นแบบไหน ทำไมเขาถึงไม่ยอมคิดจะเปลี่ยนแปลงมัน ... ที่สำคัญ มันจะไปถึงแชมป์ได้หรือไม่ด้วยแนวคิดนี้ ?
ติดตามที่ Main Stand
DNA คือสิ่งที่เปลี่ยนไม่ได้
ก่อนที่จะมารับงานกับ ท็อตแน่ม สเปอร์ เมื่อปี 2023 แอนจ์ ปอสเตโคกลู มีสถิติการยืนยันที่ชัดเจนว่าเป็นโค้ชสายบุก ทำทีมแบบ "ไม่ชนะก็แพ้ไปเลย" มาโดยตลอด โดยนับตั้งแต่เริ่มงานโค้ชในปี 1996 จนถึงปี 2023 ไล่เรียงมาตั้งแต่การคุมทีมใน ออสเตรเลีย, กรีซ, ญี่ปุ่น หรือ สกอตแลนด์ เขาพาทีมลงแข่งขันและจบลงด้วยผลเสมอเพียง 130 เกมจากการคุมทีมทั้งหมดกว่า 790 เกม ... ถ้าคิดเป็นสัดส่วนจะอยู่แค่ราว ๆ 14%
ว่าง่าย ๆ ก็คือ ฟุตบอลของแอนจ์ เป็นฟุตบอลที่ตรงไปตรงมา อยากเอาชนะ และทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ชัยชนะมันมาครอง แม้มันจะต้องเดิมพันด้วยความเสี่ยงที่จะพ่ายแพ้มากกว่าการเล่นอย่างปลอดภัยไว้ก่อน ก็ถือเป็นสิ่งที่เขาพร้อมจะยอมรับมัน
แอนจ์ เป็นคนที่เชื่อมั่นในแนวทางของตัวเองเป็นอย่างมาก ไม่ว่าเขาจะไปทำงานที่ไหน หรือไปคุมทีมที่มีวัฒนธรรมการเล่นที่แตกต่างจากตัวเขา เขาก็เลือกที่จะเปลี่ยนแปลงทีมให้เป็นไปในแบบที่เขาต้องการมากที่สุด
และถ้าจะให้อธิบายให้เห็นภาพชัดเจน ก็คือตอนที่เขาคุมทีม โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส ใน เจลีก ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นลีกที่เน้นฟุตบอลแน่นอน เข้าทำแบบมีระบบระเบียบ เจาะตามช่อง ไม่ชัวร์ไม่เดินหน้า ทว่าเมื่อ แอนจ์ เข้ามาคุมทีม เขาก็เปลี่ยนแปลงวิธีการเล่นของทีมกลายเป็นทีมที่กล้าได้กล้าเสีย เล็งเป้าไปที่ผลลัพธ์ มากกว่าวิธีการ ซึ่งก็อย่างที่เรารู้กัน เขาสร้างชื่อจากงานนั้น ด้วยการคว้าแชมป์ เจลีก มาครองได้สำเร็จเมื่อปี 2019
ชิเงกิ ซูกิยาม่า นักเขียนที่คร่ำหวอดในวงการฟุตบอลญี่ปุ่น จาก Japan Times วิเคราะห์ทีมของ แอนจ์ ณ เวลานั้นว่า
“วิธีการหลักของ แอนจ์ คือ การเพรสซิ่งแบบหนักหน่วง เล่นเกมบุกแบบเต็มตัว เข้มข้น ครองบอลกดดันในแดนคู่แข่งเหมือนกับแนวคิดทั่วไป แต่สิ่งที่ทำให้ทีมของเขาแตกต่าง คือ ลดจังหวะการเล่นที่ผิดพลาด เล่นให้ฉลาดแน่นอนมากขึ้น เสี่ยงดันกองหลังขึ้นมาตัดบอลสูงขึ้น เพื่อหยุดยั้งจังหวะโต้กลับของคู่แข่ง”
“แอนจ์ ประสบความสำเร็จในการถ่ายทอดการเล่นฟุตบอลเกมรุกให้กับ โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส ตามแบบฉบับที่เขาต้องการ แม้ว่ามันจะถูกมองออกจากคู่แข่งได้ง่าย ๆ แต่ทีมของเขาก็หาทางทลายแนวรับคู่แข่งได้ตลอด”
“ไม่มีทีมไหนเลยใน เจลีก จะเน้นการโจมตีจากริมเส้น ใช้ประโยชน์จากปีกทั้งสองฝั่ง ใช้พื้นที่สนามด้านกว้างให้เป็นประโยชน์แบบที่ แอนจ์ วางการเล่นให้ทีมของเขา”
สิ่งที่ ซูกิยาม่า บอกมา ก็ไม่น่าใช่สิ่งที่ตีความยากอะไร หากใครที่ได้ดู สเปอร์ส ในยุค แอนจ์ ก็จะเห็นภาพออกมาตามแนวทางนั้นเลย ดันแนวรับขึ้นสูง กดดันคู่แข่งตั้งแต่หน้าปากประตู และเล่นแบบไม่กลัวแพ้ ... อย่างไรก็ตาม ปัญหาคือ ระดับของพรีเมียร์ลีก คือสิ่งที่เขาอาจจะลืมเข้าใจว่า การไปข้างหน้าตามแนวทางของตัวเองแบบสุดโต่ง เป็นสิ่งที่อาจจะไม่ถูกต้องนัก และมีโค้ชหลายคนที่เจอบทเรียนนี้มาแล้ว
ไม่สม่ำเสมอ = ไม่มีทางได้ลุ้นแชมป์ ?
มาตรฐานของฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ถูกยกขึ้นอีกระดับเมื่อถึงยุคสมัยแห่งการห้ำหั่นกันระหว่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และ เยอร์เก้น คล็อปป์ อย่างไม่ต้องสงสัย อย่างไรก็ตามกว่าที่จะมาถึงจุดที่ทั้งคู่ทำแต้มกันทะลุ 90 คะแนนจนเป็นเรื่องธรรมดา พวกเขาก็เปลี่ยนแปลงตัวเองไม่น้อยเช่นกัน
เป๊ป ที่เคยเป็นเทพเจ้าแห่งฟุตบอล Tiki-Taka อันเลื่องชื่อ ยังต้องยอมลดจังหวะการครอบครองบอลให้น้อยลง ทำเกมให้เร็วขึ้น เนื่องจากซีซั่นแรกของเขากับ แมนฯ ซิตี้ เมื่อฤดูกาล 2016-17 ถือว่าล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง และนับเป็นปีที่เขาจบฤดูกาลด้วยผลงนแย่ที่สุดในอาชีพกุนซือ ด้วยการจบอันดับที่ 3 ของตาราง และมีถึง 14 เกมที่พวกเขาชนะคู่แข่งในลีกไม่ได้ (แพ้ 5 เสมอ 9)
ขณะที่ คล็อปป์ กับฟุตบอลเฮฟวี่เมทัล ที่ร้อนแรงรุดเร็วเต็มสตรีม ก็ยังต้องลดความหนักหน่วงลงบ้างในบางช่วง เพราะเจอปัญหานักเตะบาดเจ็บจากการซ้อมที่เข้มข้น และการวิ่งลืมตายในเกมการแข่งขันจริง จนทำให้ทีมทำแต้มตกหล่นในเวลาที่นักเตะตัวหลักได้รับบาดเจ็บ
แม้แต่ยอดฝีมืออย่าง เป๊ป และ คล็อปป์ ยังต้องยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเป้าหมายที่ตั้งไว้ ตัดกลับมาที่ แอนจ์ แนวทางของเขายังคงเหมือนเดิม และเขาก็เป็นคนที่พูดเองว่า นับตั้งแต่เขาเริ่มคุมทีมในปี 1996 ฟุตบอลของเขาคือฟุตบอลในลักษณะนี้ ที่ทุกคนเห็นอยู่ในทุกวันนี้ ... การชนะด้วยวิธีการที่สะท้อนถึง DNA ของตัวเอง คือสิ่งที่เขาต้องการ มากกว่าการต้องพยายามทำทีมฟุตบอลเพื่อชนะโดยไม่สนวิธีการ แม้ว่าบางครั้งจะต้องตั้งรับ 11 คนในเวลาที่สมควร
แอนจ์ รู้ และเขาก็ทราบดี เขาโดนวิจารณ์เรื่องนี้มาตลอด แกรี่ เนวิลล์ กูรูลูกหนังของ Sky Sports หลุดประโยคที่บอกว่า "ถ้าคุณไม่มีความสม่ำเสมอ คุณไม่มีวันสามารถหวังถึงการเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกได้" ... อย่างไรก็ตาม แอนจ์ มองว่ามันก็เป็นแค่คำวิจารณ์
"ผมชอบทั้งเกม พวกคุณไม่บันเทิงกันหรือไง ? ผมรู้ว่าในสตูดิโออาจจะพูดเรื่องที่ผมไร้แทคติก ... ผมชอบวิธีการเล่นของเราในคืนนี้จริง ๆ แน่นอนว่ามีช่วงเวลาที่ผิดพลาด และมันเคยเกิดขึ้นในฤดูกาลนี้มาก่อน ไม่ได้ช่วยเรื่องความสม่ำเสมอ แต่เรื่องสภาพจิตใจของนักเตะ ผมชอบมันมากเลย”
“ผมรักฟุตบอล และชอบดูทีมที่ลงสนามไปสร้างความบันเทิง แน่นอนว่าเราต้องการประสบความสำเร็จ และเราจะไม่เป็นเช่นนั้นหากเราทำสิ่งยาก ๆ เหมือนที่เราทำในคืนนี้ แต่เราจะไม่ออกไปเพื่อพยายามชนะ 1-0 เรากำลังพยายามทำให้ทุกคนสนุก ผมไม่เห็นว่านั่นเป็นสิ่งที่เลวร้ายยังไง ความผิดพลาดเป็นส่วนหนึ่งของฟุตบอล คุณกำลังเรียกร้องความสมบูรณ์แบบในตัวมนุษย์ นั่นไม่มีอยู่จริง บางครั้งมันก็ล้นเหมือนที่ผมทำและคุณก็ทำ” ... นี่คือสิ่งที่ แอนจ์ กล่าวหลังเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4-3 ในเกม คาราบาวคัพ หรือ ลีกคัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย ฤดูกาล 2024-25
ชัดเจนว่ายังไงเสียเขาก็จะไม่เปลี่ยนแนวทางง่าย ๆ แต่สิ่งที่ แกรี่ เนวิลล์ พูดก็ดูจะเป็นจริง หากเราดูตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา การพลาดเสมอเพียงเกมเดียวก็อาจจะทำให้หมดลุ้นแชมป์ได้ ... แล้วแบบนี้ สเปอร์ส ของ แอนจ์ ที่พร้อมแพ้และชนะในเวลาเดียวกัน จะไปถึงเป้าหมายระดับที่เรียกว่า "มีถ้วยแชมป์" ตามที่บอร์ดบริหารและแฟนบอลต้องการได้อย่างไร ?
เขารอได้ แล้วคนอื่นล่ะ ?
สเปอร์ส มักถูกล้อเลียนในฐานะ Bottle Team หรือ "ทีมไร้แชมป์" พวกเขาไม่เคยคว้าแชมป์ใด ๆ เลยมาตั้งแต่ปี 2008 จนกระทั่งปัจจุบัน แฟนบอลของพวกเขาและบอร์ดบริหารล้วนต้องการลบคำสบประมาทนี้ และหวังว่า แอนจ์ จะพาทีมคว้าแชมป์รายการได้ให้ได้สักรายการ
แอนจ์ บอกว่า ไม่เร็วก็ช้าเขาจะสามารถแก้ไขเรื่องของความไม่สม่ำเสมอได้ และการลบความผิดพลาดที่มีให้น้อยลงมากที่สุด เหนือสิ่งอื่นใดสิ่งสำคัญก็คือ เขาอยากให้นักเตะมีภาวะทางอารมณ์ (Mentality) แบบผู้ชนะ ซึ่งถ้าวันใด นักเตะในทีมของเขาสามารถมีครบทั้ง 3 ข้อ วันนั้นทุกคนจะได้เห็น สเปอร์ส ในเวอร์ชั่นที่สมบูรณ์แบบที่สุด
คำถามคือ เขาจะต้องใช้เวลานานแค่ไหน ? ... เพราะ ณ ตอนนี้ ภาพของ สเปอร์ส ในยุคของเขา เป็นทีมที่แพ้กับชนะสลับกันในทุกสัปดาห์ จนแทบเดาไม่ถูกว่าสรุปแล้วทีมของเขาเป็นทีมที่ดีหรือทีมที่แย่กันแน่ ?
แอนจ์ เปิดเผยว่า สิ่งที่เขาได้สร้างไปแล้วในตอนนี้ คือเรื่องของสภาพจิตใจของนักเตะในทีม ที่เขาพยายามเปลี่ยนแปลงทุกคนในทีมให้สู้เพื่อชัยชนะในทุก ๆ เกมได้แล้ว ทุกคนอยากเอาชนะด้วยวิธีการที่ทุ่มกันสุดตัว ใส่กันหมดแม็กด้วยวิธีการแบบบู๊ล้างผลาญ เหมือนที่เขาพยายามทำมาตลอดนับตั้งแต่การคุมทีมครั้งแรกในลีกดิวิชั่น 2 ออสเตรเลียเมื่อปี 1996
ในเมื่อ แอนจ์ จะไม่เปลี่ยน สเปอร์ส ก็คงเป็นทีมที่เหมือนกับขึ้นรถไฟเหาะตีลังกาในทุก ๆ สัปดาห์ไปอีกพักใหญ่ เพราะสิ่งที่ปรากฏในสนาม ก็ยังเห็นว่าพวกเขายังมีความผิดพลาดมากมายให้ต้องแก้ไข
ดังนั้น เมื่อไม่ยอมเปลี่ยนแปลง สิ่งเดียวที่ สเปอร์ส ในยุค แอนจ์ จะดีขึ้นได้ ก็ต้องเป็นเรื่องของประสบการณ์เท่านั้น พวกเขาทำผิดพลาดมากมาย และ แอนจ์ บอกว่าความผิดพลาดเป็นสิ่งที่ดี ... เพราะยิ่งผิดพลาดเยอะเท่าไร ก็ยิ่งได้เรียนรู้มากขึ้นเท่านั้น แต่ก็อย่างที่บอก ทุกคนควรมีเวลาให้เรียนรู้ แต่มันจะนานเกินไปกว่าคนที่รอดูผลลัพธ์รอไหวหรือเปล่า
สิ่งที่ แอนจ์ พยายามพูดก่อนเริ่มซีซั่น 2024-25 ก็คือ ปีที่แล้วคือการเรียนรู้ ปีนี้คือการพัฒนา พร้อมยังบอกว่าเขาเป็นโค้ชที่ไม่เคยคุมทีมเกิน 2 ปีโดยที่ไม่เคยได้ถ้วยแชมป์เลยแม้แต่ครั้งเดียวตลอดอาชีพของเขา
ด้วยความสม่ำเสมอที่แทบไม่ปรากฏ การจะเป็นแชมป์ลีกของ สเปอร์ส คงเป็นสิ่งที่ต้องยอมรับว่ายากยิ่ง แต่อย่างน้อย ณ ตอนนี้ พวกเขาเข้าถึงรอบ 4 ทีมสุดท้ายใน คาราบาวคัพ แล้ว ... อีก 2 ก้าว เขามีโอกาสจะทำลายอาถรรพ์ที่อยู่กับทีมมานานเกือบ 20 ปี นอกจากนี้ ยังเหลือถ้วยอย่าง ยูโรป้า ลีก และ เอฟเอ คัพ ที่ทีมที่เล่นแบบ "ไม่สม่ำเสมอ" แต่เก่งแบบ "นัดต่อนัด" อย่าง สเปอร์ส ก็มีโอกาสที่เปิดกว้าง
ถ้าเรียนรู้จริง สเปอร์ส ของ แอนจ์ ต้องขยับเข้าใกล้คำว่าแชมป์รายการใดรายการหนึ่งให้ได้มากกว่านี้ และถ้าเขาอยากให้คำวิจารณ์ลดน้อยลง ทางที่ดี ถ้วยรางวัลสักถ้วย อาจช่วยลดความกดดันที่เริ่มมีต่อเขาในเวลานี้ได้ไม่มากก็น้อย
แหล่งอ้างอิง
https://www.goal.com/en/lists/are-you-not-entertained-ange-postecoglou-pundit-meltdown-tactics-tottenham-man-utd/blt3acf55185ad9f64a#cs5f5984558a6cdc1f
https://www.bbc.com/sport/football/articles/c245rj08gv0o
https://www.skysports.com/football/news/11661/13258364/tottenhams-ange-postecoglou-unworried-by-mentality-of-players-despite-inconsistent-premier-league-start
https://www.independent.co.uk/sport/football/ange-postecoglou-bournemouth-manchester-city-manchester-united-aston-villa-b2660507.html
https://www.skysports.com/football/news/11095/13243510/tottenham-why-have-ange-postecoglous-side-struggled-to-find-consistency-this-season