กลายเป็นประเด็นเดือดในการแข่งขัน F1 ฤดูกาล 2025 เมื่อ แลนโด นอร์ริส กับ ออสการ์ ปิอัสตรี สองนักซิ่งจากทีม McLaren ถูกดิสควอลิฟาย หรือปรับแพ้ หลังจบการแข่งขัน จาก "แผ่นไม้ใต้พื้นรถ"
แผ่นไม้ใต้พื้นรถ ถือเป็นอีกหนึ่งชิ้นส่วนที่ใช้ตรวจสอบด้านความปลอดภัย ซึ่งสามารถเสียดสีกับพื้นจนเกิดความสึกหรอได้ โดยที่แผ่นไม้จะมีแผ่นไทเทเนียมยึดไว้ ซึ่งไทเทเนียมนี้เองที่ทำให้เกิดประกายไฟเวลาเสียดสีพื้นแทรค
หากการตรวจสอบหลังแข่งพบว่าแผ่นไม้มีความหนาต่ำกว่าที่กำหนด อาจมีความเป็นไปได้ว่า ทีมแข่งเซตติ้งรถคันดังกล่าวต่ำเกินไป ซึ่งอาจทำให้ตัวรถและนักแข่งเกิดปัญหาได้หากมีอุบัติเหตุ
ก่อนเริ่มการแข่งขัน แผ่นไม้ใต้พื้นรถจะมีความหนาที่ 10 มิลลิเมตร และหลังแข่งจบ ต้องวัดความหนาได้ 9 มิลลิเมตร หรือมากกว่าเท่านั้น หากวัดได้น้อยกว่า โทษคือดิสควอลิฟายสถานเดียว
ในระยะหลัง นักแข่งหลายคนถูกดิสควอลิฟายจากแผ่นไม้ใต้พื้นรถ อาทิ เซอร์ ลูอิส แฮมิลตัน ที่โดนคนเดียว 2 รอบกับต่างทีม ครั้งแรกโดนในรายการ ยูไนเต็ด สเตทส์ กรังด์ปรีซ์ ปี 2023 สมัยอยู่กับทีม Mercedes ซึ่งครั้งนั้น ชาร์ลส์ เลอแคลร์ จากทีม Ferrari ก็โดนด้วย ก่อน เซอร์ ลูอิส จะมาโดนอีกครั้งกับทีมม้าลำพอง ในรายการ ไชนีส กรังด์ปรีซ์ ปี 2025
นอกจากนี้ นิโก้ ฮูลเคนแบร์ก จากทีม Sauber ก็โดนดิสควอลิฟายในรายการ บาห์เรน กรังด์ปรีซ์ ปี 2025 ก่อนที่ แลนโด นอร์ริส กับ ออสการ์ ปิอัสตรี จะเป็นเหยื่อรายล่าสุดใน ลาสเวกัส กรังด์ปรีซ์ ซึ่งอาจทำให้ศึกชิงแชมป์โลกประเภทนักขับมาถึงจุดเปลี่ยน
เรื่องที่เกิดขึ้น คืออีกเหตุผลที่ตอกย้ำว่า "F1 คือกีฬาประเภททีม" เพราะแม้นักแข่งจะเป็นตัวละครหลักในการทำผลงาน แต่รถที่ประกอบด้วยเซตติ้งที่ผ่านความเห็นชอบจากทีมช่างและนักแข่ง ก็อาจทำให้ผลงานที่นักแข่งทำไว้สูญเปล่าได้เช่นกัน หากเกิดผิดกฎขึ้นมา
