F1 รายการ ยูเอส กรังด์ปรีซ์ ที่ เซอร์กิต ออฟ ดิ อเมริกา เมืองออสติน รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ไม่จบหลังธงตราหมากรุกโบกสะบัด เพราะการตรวจสภาพรถหลังแข่ง ทำให้ผลการแข่งขันเปลี่ยนแปลง
หลังฝ่ายควบคุมการแข่งขันตรวจสภาพรถแข่งทั้ง 20 คันจาก 10 ทีม พวกเขาได้ตัดสิทธิ์ เซอร์ ลูอิส แฮมิลตัน แชมป์โลก 7 สมัยชาวอังกฤษจากทีม Mercedes และ ชาร์ลส์ เลอแคลร์ นักซิ่งชาวโมนาโกจากทีม Ferrari ออกจากการแข่งขัน สาเหตุเพราะฝ่ายควบคุมการแข่งขันตรวจพบว่า แผ่นไม้ใต้พื้นรถแข่งของทั้งสองคนมีความสูงต่ำกว่าที่กำหนด
แผ่นไม้ใต้พื้นรถแข่ง ถือเป็นอีกหนึ่งชิ้นส่วนที่ใช้ตรวจสอบด้านความปลอดภัย โดยหากการตรวจสอบหลังแข่งพบว่ามีความสูงต่ำกว่าที่กำหนด อาจมีความเป็นไปได้ว่า ทีมแข่งเซตติ้งรถคันดังกล่าวต่ำเกินไป อย่างไรก็ตาม เซอร์กิต ออฟ ดิ อเมริกา เป็นสนามที่พื้นแทร็กมีความกระดอนมาก แม้ทีมแข่งปรับเซตติ้งตามกฎแล้ว แต่การขับของนักแข่งแต่ละคน อาจทำให้พื้นรถครูดพื้นแทร็กหรือขอบเคิร์บ จนไม้สึกและมีความสูงต่ำกว่าเกณฑ์ได้เช่นกัน
การตัดสิทธิ์ดังกล่าว ทำให้แฮมิลตันถูกยึดอันดับ 2 และเลอแคลร์ถูกยึดอันดับ 6 ในการแข่งขันจริง ส่งผลให้ แลนโด นอร์ริส นักแข่งชาวอังกฤษจากทีม McLaren ขึ้นโพเดียมอันดับ 2, คาร์ลอส ไซนส์ นักซิ่งชาวสเปนจากทีม Ferrari จบอันดับ 3, เซอร์จิโอ เปเรซ นักแข่งชาวเม็กซิโกจากทีม Red Bull เข้าอันดับ 4 และที่เหลือขยับขึ้น 2 อันดับ
นั่นหมายความว่า อเล็กซ์ อัลบอน นักแข่งชาวไทยของทีม Williams ขึ้นจากอันดับ 11 มาจบอันดับ 9 เก็บเพิ่มอีก 2 คะแนน และ โลแกน ซาร์เจนท์ ทีมเมตชาวอเมริกัน ขึ้นจากอันดับ 12 มาจบอันดับ 10 เก็บแต้มแรกในการแข่งขัน F1 ได้สำเร็จในสนามบ้านเกิด และทำให้ แดเนี่ยล ริคคาร์โด้ นักซิ่งชาวออสเตรเลีย เป็นคนเดียวที่ลงแข่งในขณะนี้และยังไม่มีคะแนนในฤดูกาล 2023
ส่วนผู้ชนะการแข่งขัน ยังเป็น มักซ์ เวอร์สแตพเพ่น แชมป์โลก 3 สมัยชาวดัตช์จากทีม Red Bull ตามเดิม
ที่มา :
https://www.formula1.com/.../article.breaking-hamilton...