อาชีพนักข่าวและช่างภาพสงคราม เป็นอีกหนึ่งการปฏิบัติหน้าที่บนความเสี่ยง พวกเขาต้องกระโจนเข้าไปในสมรภูมิรบ เพื่อให้ได้ภาพถ่ายและเนื้อหาข่าวสารออกมารายงานให้ชาวโลกได้รับรู้ เช่นเดียวกับเรื่องราวของ 3 นักข่าวสงครามจากสถานีโทรทัศน์ในอาร์เจนติน่า ที่ได้รอยสักกับรูปถ่ายของ ลิโอเนล เมสซี่ และ ดิเอโก้ มาราโดน่า ช่วยรอดพ้นจากการถูกต้องสงสัยว่าเป็นสายลับ
Daily Mail สื่อจากอังกฤษ ได้รายงานเรื่องราวของ 3 นักข่าวของสถานีโทรทัศน์ Telefe Noticias ในประเทศอาร์เจนติน่า ประกอบไปด้วย แดเนียล มาตามาลา, ฆวน ซามูดิโอ และ กิลเยโม่ ปานิซซา ที่เข้าไปทำข่าวสงครามยูเครน-รัสเซีย ในเมืองลวีฟ ประเทศยูเครน โดยทั้ง 3 ถูกตำรวจยูเครน ควบคุมตัวในด่านตรวจ เนื่องจากถูกสงสัยว่าเป็นสายลับที่รัสเซียส่งมา
โดย มาตามาลา ที่เป็นชาวชิลีหนึ่งเดียวใน 3 คนนั้น ได้เผยในอินสตาแกรมของเขาว่า
"วันนี้ (8 มีนาคมที่ผ่านมา) ตำรวจยูเครนยึด เอกสารทั้งหมด กล้อง โทรศัพท์ และพาเราไปที่สถานีตำรวจ การสอบสวนครั้งแรกนั้นตึงเครียด พวกเขาอยู่ในภาวะสงครามและสงสัยว่าพวกเราอาจเป็นสายลับหรือผู้ก่อวินาศกรรมจากอีกฝ่าย"
"จนกระทั่งตำรวจคนหนึ่งเห็นหนังสือเดินทางเพื่อนร่วมงานชาวอาร์เจนตินาของผมอีก 2 คน พวกตำรวจสื่อสารกันด้วยภาษายูเครน แต่ผมฟังออกแค่สองคำคือ เมสซี่ และ มาราโดน่า"
"ก่อนที่ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป ฆวน ซามูดิโอ ตากล้องที่ยอดเยี่ยมของเราได้โชว์ให้พวกตำรวจเห็นว่าเขามีรอยสักของ ดิเอโก้ มาราโดน่า ที่น่อง"
ปานิซซา หนึ่งในทีมนักข่าวได้เผยอีกว่า เขารอดตัวเพราะตำรวจพบรูปที่เขาเคยถ่ายคู่กับ เมสซี่ ในโทรศัพท์มือถือ
"โทรศัพท์ของผมถูกส่งคืนเมื่อผมแสดงภาพที่ผมถ่ายกับ เมสซี่ ให้เจ้าหน้าที่เห็น มันสำคัญมากที่ เมสซี่ ช่วยเราออกจากสถานีตำรวจในยูเครน ขอบคุณสำหรับภาพนี้ที่ช่วยยืนยันว่าเราเป็นคนอาร์เจนติน่า"
ปานิซซา กล่าวเสริมอีกว่า รูปถ่ายระหว่างเขากับ เมสซี่ นั้น ถ่ายในการแข่งขัน Copa America 2007 หรือเมื่อ 14 ปีที่แล้ว ตอนแรกเขาต้องการถ่ายรูปกับ โรแบร์โต้ อาลาย่า แต่ เมสซี่ ที่ตอนนั้นเป็นดาวรุ่งวัย 20 ปี อยู่ใกล้กว่าเลยขอถ่ายด้วยแทน
ทั้งนี้ นักข่าวของ Telefe Noticias ได้รายงานขณะที่ทำข่าวอยู่ในเมืองลวีฟ ก่อนที่จะเข้าด่านตรวจว่า
"เราคือครอบครัว เราเป็นพี่น้องกัน สงครามทำให้เราอยู่ในสถานที่ที่ท้าทายอย่างถาวร เรามาเพื่อค้นพบว่าเหตุใดธรรมชาติของมนุษย์จึงมุ่งมั่นที่จะสร้างความพินาศ แต่ก็ยังมีความสัมพันธ์ที่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในการดำรงชีวิต เราเห็นความช่วยเหลือ การแสดงความรักจากอาสาสมัคร และเราคิดว่าใช่ เราต้องมีความหวัง"
ที่มา :
https://www.dailymail.co.uk/.../Journalists-Ukraine...