จากเกมคาราบาวคัพ รอบชิงชนะเลิศ ที่ลิเวอร์พูล เอาชนะจุดโทษ เชลซี 11-10 คว้าแชมป์ไปครอง ซึ่งในเกมดังกล่าวนั้น เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า พลาดจุดโทษ หลังจากที่ถูกโทมัส ทูเคิ่ล กุนซือของเชลซี เปลี่ยนลงไปในช่วงเซฟจุดโทษ โดยแท็กติกนี้เคยได้ผลในยูฟ่า ซูเปอร์คัพ ที่เกป้า ช่วยทีมเซฟจุดโทษจนเอาชนะบียาร์เรอัล และคว้าแชมป์ไปครอง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แกร์ จอร์เดต์ นักจิตวิทยาฟุตบอลได้วิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นในการดวลจุดโทษครั้งนี้ไว้ 7 ประการดังนี้
1.การเปลี่ยนเกปาลงมา เป็นสิ่งที่เข้าใจได้
สิ่งที่ทูเคิ่ลตัดสินใจเช่นนี้ เพราะสถิติในการดวลจุดโทษ และที่เขาเซฟได้นั้น ดีกว่าที่เอดูอาร์ เมนดี้ ทำได้
2.เชลซีทำได้ดี
จากการวิจัยพบว่าหากต้องการยิงจุดโทษยืดเยื้อจนไปถึงผู้เล่นคนที่ 6 เป็นต้นไป จะมีนักฟุตบอลที่ยิงเข้าในช่วงเวลาหลังจากนี้เพียง 60 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเชลซีก็ยังยิงเข้าต่อเนื่องในช่วงเวลาหลังจากนั้น
3.การเฉลิมฉลองเป็นสิ่งสำคัญ
จะพบว่าผู้เล่นลิเวอร์พูลฉลองประตูอย่างออกรสออกชาติหลังยิงประตูได้ เมื่อเทียบกับเชลซีที่แทบไม่มีอาการใดๆเลย การฉลองประตูจะช่วยเพิ่มพลังงานด้านบวกได้มาก
4.การเคลื่อนที่ที่ถูกต้อง
การยิงจุดโทษที่ยืดเยื้อนั้น ผู้รักษาประตูทั้งสองฝั่งต้องทำสิ่งที่ง่ายที่สุด คือการพุ่งให้ถูกทางเท่านั้น ซึ่งพบว่านายทวารทั้ง 2 ทีม มีการพุ่งถูกทาง 3 ครั้ง และมี 8 ครั้งที่อาจจะพุ่งเร็วไปหน่อย
5.สิ่งที่ยากเกินคาดเดา
ในเชิงจิตวิทยา เคลเลเฮอร์ นั้นแทบไม่ได้ทำอะไรมากในจังหวะการยิง ขณะที่เกปานั้นมีลีลาการทำประตูที่อาจจะช้าและอาจจะพุ่งสมาธิอยู่กับการเซฟเยอะไปหน่อย
6.เกปายิงเร็วที่สุดในบรรดานักเตะทุกคน
การตัดสินใจของเกปาในการยิงลูกโทษถือว่าเร็วที่สุดในบรรดาผู้เล่นทุกคน เพราะเขาใช้เวลาเพียง 0.4 วินาที หลังผู้ตัดสินให้สัญญาณ ขณะที่เวลาเฉลี่ยของผู้เล่นทั้ง 22 คน อยู่ที่ 2.6 วินาที ซึ่งความเร็วนั้นเชื่อมโยงกับเป้าหมายที่เร่งที่จะเอาชนะ แต่อาจเพิ่มโอกาสในการพลาด
7.เกปา ยังได้รับการซัพพอร์ต
การยิงจุดโทษ คือ การทำงานเป็นทีม แม้เกปาจะพลาด แต่เรายังเห็นสัญญาณที่ดีที่ผู้เล่นเชลซี ยังพร้อมสนับสนุนเขาอยู่
ที่มา :
https://www.thesun.co.uk/.../chelsea-liverpool-carabao.../