
ฟิล โฟเด้น กลายเป็นผู้สร้างรอยยิ้มให้แฟนบอล แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในค่ำคืนสุดพิเศษที่ เอติฮัด สเตเดียม พร้อมส่งสัญญาณถึงทั้งแฟน "เรือใบสีฟ้า" และทีมชาติอังกฤษว่า เขากำลังกลับมาในฟอร์มของซูเปอร์สตาร์ตัวจริงอีกครั้ง
หลังฤดูกาล 2024-25 จบลงอย่างน่าผิดหวัง ทั้งตัวโฟเด้นและสโมสรต่างเจอกับช่วงเวลายากลำบาก ซิตี้พลาดแชมป์รายการใหญ่เป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี ขณะที่เจ้าตัวต้องรับมือทั้งอาการบาดเจ็บและปัญหานอกสนาม แต่ปีนี้ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไป เขากลับมาด้วยผลงานที่โดดเด่น ยิงไป 4 ประตูและจ่ายอีก 3 จาก 13 นัด จนกลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่โค้ช โทมัส ทูเคิล ต้องจับตาสำหรับทีมชาติอังกฤษในศึกคัดบอลโลกเดือนพฤศจิกายนนี้
เกมที่โฟเด้นระเบิดฟอร์มในแชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยการพาทีมถล่ม โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 4-1 เมื่อคืนวันพุธที่ 5 พฤศจิกายน 2025 ที่ผ่านมา ยิ่งตอกย้ำว่าฟอร์มของเขากำลังพุ่งสุดขีด จนถึงขั้นเบียดความสนใจจาก เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ได้ชั่วขณะ โดยโฟเด้นเองได้เผยกับ TNT Sports ว่า
"ผมดีใจมาก ผมแค่ต้องเล่นฟุตบอลด้วยรอยยิ้ม ซึ่งตอนนี้ผมก็ทำอยู่ ปีที่แล้วมันยากมาก ไม่ใช่แค่กับผม แต่กับทุกคน แต่ปีนี้เรามีความรู้สึกใหม่ ความสามัคคีที่มากขึ้น คุณสัมผัสได้จริง ๆ"
เขายอมรับว่าดอร์ทมุนด์เป็นทีมที่สร้างปัญหาให้ไม่น้อย แต่ซิตี้ก็ยึดตามแผนและใช้ความเฉียบคมในเกมรุกจนผ่านได้
"เรามีนักเตะพรสวรรค์มากมายที่สร้างความแตกต่างได้"
แม้ผลงานการถล่มประตูของฮาลันด์จะยังเป็นข่าวใหญ่ แต่โฟเด้นก็มีบทบาทสำคัญในแนวรุกชุดนี้ หลังไม่ได้ติดทีมชาติอังกฤษในฟีฟ่าเดย์สองรอบหลังสุด การกลับมารอบนี้จึงมีความหมายไม่น้อย โดยต้องแย่งตำแหน่งหมายเลข 10 กับ จู๊ด เบลลิงแฮม และ มอร์แกน โรเจอร์ส ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มองว่าโฟเด้นเล่นได้อย่างเป็นธรรมชาติที่สุด
การย้ายออกของ เควิน เดอ บรอยน์ เมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2025 ทำให้เขาได้โอกาสขึ้นมารับบทบาทสำคัญ และเมื่อเพื่อนร่วมทีมบางรายบาดเจ็บ เขาก็ยึดพื้นที่ตัวจริงไว้ได้อย่างมั่นคง ลงเล่นไปแล้ว 12 นัดจาก 13 เกมหลังสุดในทุกรายการ และเมื่อมีการถูกตั้งคำถามว่าโฟเด้นควรกลับไปติดทีมชาติอีกหรือไม่ กวาร์ดิโอล่ากล่าวว่า
"โธมัสเป็นคนฉลาดและรู้ดีว่าทีมต้องการอะไร เขารู้จักฟิลดี ไม่มีใครในประเทศนี้ไม่รู้ถึงคุณภาพของเขา แต่ทีมชาติอังกฤษมีนักเตะเก่ง ๆ เยอะมาก นั่นคือเหตุผลที่ฟิลต้องผลักดันตัวเองให้ดียิ่งขึ้น เพื่อพิสูจน์ว่าเขาคู่ควรกับทีม"
ในสายตาของกวาร์ดิโอล่า ภาพที่โฟเด้นยิงสองประตูสุดสวยใส่ดอร์ทมุนด์คือเครื่องยืนยันว่าเขากลับมามีสภาพจิตใจที่แข็งแกร่งอีกครั้ง หลังผ่านปีที่ยากลำบากมาได้อย่างเต็มภาคภูมิ
ก่อนหน้านี้ในฤดูกาล 2023-24 เขายิงไปถึง 27 ประตูในทุกรายการ รวมถึง 19 ลูกในพรีเมียร์ลีก ช่วยให้ซิตี้คว้าแชมป์ลีก 4 สมัยติดต่อกัน พร้อมคว้ารางวัลนักเตะแห่งปีของสมาคมนักข่าวฟุตบอล และติดทีมยอดเยี่ยมของ PFA หรือสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอีกด้วย
สำหรับทีมชาติ โฟเด้นมีส่วนสำคัญพาอังกฤษเข้าชิงยูโร 2024 ก่อนพ่ายสเปน 1-2 และหากเขาหลุดโผในรอบนี้อีก อาจกลายเป็นประเด็นใหญ่เกี่ยวกับการใช้งานนักเตะในช่วงทัวร์นาเมนต์สำคัญ โดย ไมเคิล บราวน์ อดีตกองกลางแมนฯ ซิตี้ แสดงความคิดเห็นผ่าน BBC Radio 5 Live ว่า
"เราต้องมองไปที่โฟเด้นในทีมชาติอังกฤษ เขาโตขึ้นมาก เป็นคนที่มีความมุ่งมั่นและรับแรงกดดันได้ดี ตอนนี้เขาอยู่ในระดับที่พร้อมจะผลักดันตัวเองและผู้จัดการทีม เขาคือคนที่อยากมีบอลอยู่กับเท้าเสมอ และตอนนี้เขาก็เจอตำแหน่งที่เหมาะกับเขาแล้ว ผมคิดว่าเขาควรได้ติดทีมชาติแน่นอน"
ฤดูกาลนี้แม้โฟเด้นจะเริ่มต้นช้าจากอาการบาดเจ็บข้อเท้า แต่เขาก็กลับมาได้เร็ว ยิงประตูในเกมดาร์บี้เมืองแมนเชสเตอร์ที่ถล่ม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-0 และยังทำแอสซิสต์งาม ๆ ให้ฮาลันด์ในเกมแชมเปี้ยนส์ลีกกับนาโปลี ก่อนจะมาระเบิดฟอร์มอีกครั้งในเกมถล่มดอร์ทมุนด์
ผลงานล่าสุดของเขายิงไปแล้ว 11 ประตูจากนอกกรอบเขตโทษตั้งแต่ต้นฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งมากกว่านักเตะพรีเมียร์ลีกคนอื่นในช่วงเวลาเดียวกัน
กวาร์ดิโอล่ากล่าวถึงลูกทีมคนสำคัญว่า "ผมว่าตอนนี้เขาอยู่ในจุดที่ดีที่สุดแล้ว เขาไม่ต้องเข้าใกล้กว่านี้อีก เราเคยเห็นสิ่งนี้จากฟิลหลายครั้ง เขาทุ่มเทเต็มที่และมีคุณภาพในพื้นที่สุดท้าย ผมดีใจที่มีนักเตะหลายคนทำประตูได้ ไม่ใช่แค่เออร์ลิ่ง"
ด้าน ลีออน ออสมัน อดีตมิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษ วิเคราะห์ผ่าน MOTD: UEFA Champions League ว่า ดอร์ทมุนด์เปิดพื้นที่หน้าแนวรับให้ซิตี้มากเกินไป และโฟเด้นคือคนที่ได้ประโยชน์ที่สุด
"เขาหาพื้นที่ได้ดีมาก เหมือนตอนยิงประตูแรก และยังเข้าทำได้อีกหลายครั้งโดยไม่มีใครเข้าบีบ นั่นคือสิ่งที่ทำให้ซิตี้อันตราย"
ในค่ำคืนนั้น ฟิล โฟเด้น ไม่เพียงสร้างความสุขให้แฟนบอลในสนามเท่านั้น แต่ยังส่งสัญญาณให้โลกฟุตบอลรู้ว่า ดาวรุ่งจากอะคาเดมีแมนฯ ซิตี้ คนนี้ กำลังกลับมาเปล่งประกายอีกครั้ง พร้อมยืนยันว่าเขายังคู่ควรกับคำว่า "ซูเปอร์สตาร์" อย่างแท้จริง
เรื่อง : ชินภัทร มุทะสัง นักศึกษาฝึกงาน
ที่มา:
https://www.bbc.com/sport/football/articles/ce864jlj181o